รู้จัก ฝรั่งเศส ผ่าน 10 บริษัท ที่ใหญ่สุดในประเทศ /โดย ลงทุนแมน
เมื่อเอ่ยถึง ฝรั่งเศส สิ่งแรกที่คนทั่วโลกจะนึกถึงก็คือ “ความหรูหรา”
วงการศิลปะแทบทุกแขนงของยุโรปล้วนมุ่งหน้าสู่ฝรั่งเศส
และผู้คนที่นี่ก็คลั่งไคล้ศิลปะมาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม วรรณกรรม เครื่องแต่งกาย หรือแม้แต่อาหารการกิน
ในยุคก่อนที่วัฒนธรรมอเมริกันจะครองโลก ฝรั่งเศสคือผู้ส่งออกวัฒนธรรมที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด
และแน่นอนว่าวัฒนธรรม ก็ยังคงสร้างมูลค่าให้ฝรั่งเศสอย่างมหาศาลในปัจจุบัน..
10 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดของประเทศฝรั่งเศส เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรูถึง 6 บริษัท
ทั้งเครื่องแต่งกาย เครื่องดื่ม เครื่องประดับ และเครื่องสำอาง
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ นอกจากบริษัทแบรนด์หรูทั้งหลายแล้ว
ก็ยังมีบริษัทยา และบริษัทเทคโนโลยีอยู่ใน Top 10 ด้วย
เรื่องราว 10 บริษัท ที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ราชสำนักฝรั่งเศสคือจุดเริ่มต้นของความหรูหรา
ศตวรรษที่ 15 พระนางแคทเธอรีน เดอ เมดิชี เป็นผู้ริเริ่มอุตสาหกรรมน้ำหอมในฝรั่งเศส
ศตวรรษที่ 16 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ผู้ริเริ่มนำวิกมาสวมศีรษะ และใส่รองเท้าส้นสูง
และศตวรรษที่ 19 จักรพรรดินีเออเฌนี เป็นผู้ผลักดันให้เกิดโรงเรียนสอนการออกแบบ และผลักดันให้เกิดแบรนด์แฟชั่นชั้นนำมากมาย
ถึงแม้ราชสำนักฝรั่งเศสจะต้องประสบกับการปฏิวัติหลายต่อหลายครั้ง แต่ความหรูหราที่ได้ทิ้งไว้ก็ยังถูกนำมาสานต่อ และผ่านการพัฒนาอย่างเป็นระบบ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องแต่งกาย ที่มีการจัดตั้งสถาบันสอนออกแบบ ให้กำเนิดการเดินแฟชั่นโชว์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
ดึงดูดนักออกแบบเสื้อผ้าจากทั่วฝรั่งเศสและทั่วโลกให้เข้ามาแสดงฝีไม้ลายมือ จนทำให้กรุงปารีสกลายเป็นเมืองศูนย์กลางแฟชั่นระดับโลก
การวางแผนอย่างเป็นระบบระเบียบนี้เอง ส่งผลให้วิถีชีวิตแบบฝรั่งเศสกลายเป็น Story และนำมาสู่การสร้างแบรนด์ที่เป็นตำนานระดับโลก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หาก 10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส จะเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรูถึง 6 บริษัท
ซึ่งหลายบริษัทเกิดจากการควบรวมหลายแบรนด์เข้าไว้ด้วยกัน
หากเรียงตามลำดับอายุที่ก่อตั้ง จะได้เป็น..
- LVMH
ถึงแม้บริษัทนี้จะเกิดจากการควบรวมบริษัทในปี 1987 แต่ประวัติของแต่ละบริษัทที่อยู่ในเครือถูกย้อนไปไกลกว่านั้น
Moët & Chandon เป็นผู้ผลิตแชมเปญ ก่อตั้งในปี 1743
Hennessy ผู้ผลิตบรั่นดีคอนญัก ก่อตั้งในปี 1765
และ Louis Vuitton ผู้ผลิตกระเป๋าเดินทางแบบทรงเหลี่ยม ในปี 1854 เพื่อให้ชนชั้นสูงวางบนรถม้าได้อย่างสะดวกสบาย ก่อนจะกลายเป็นตำนานของกระเป๋าในเวลาต่อมา
ทั้ง 3 บริษัทได้ควบรวมกันในปี 1987 แต่หลังจากนั้น 2 ปีก็เกิดสงครามแย่งกิจการ จนท้ายที่สุดก็ได้ Bernard Arnault บุคคลภายนอก เข้ามามีอำนาจในการบริหาร LVMH นับตั้งแต่นั้นมา
Arnault ได้ขยายอาณาจักร LVMH ด้วยการเข้าครอบครองกิจการแบรนด์หรูชื่อดังอย่างต่อเนื่อง
ทั้งเครื่องแต่งกาย ไวน์ นาฬิกา จน LVMH ครอบครองแบรนด์หรู กว่า 75 แบรนด์
ปัจจุบัน LVMH กลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจแบรนด์หรูที่ใหญ่สุดในโลก และถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในฝรั่งเศสและยุโรป ด้วยมูลค่า 13.5 ล้านล้านบาท
- Hermès
กิจการนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1837 โดย Thierry Hermès
แรกเริ่มบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตอานม้าสำหรับชนชั้นสูง ต่อมาลูกชายก็ได้ขยายธุรกิจ และให้กำเนิดกระเป๋าเพื่อแบกสัมภาระไปกับการเดินทางบนหลังม้า จนกลายเป็นกระเป๋าที่มีรูปแบบเอกลักษณ์ และขยายไปสู่เครื่องแต่งกายต่าง ๆ
ปัจจุบัน Hermès เป็นแบรนด์หรูที่ไม่ได้ควบรวมกับแบรนด์อื่น ๆ
ซึ่งถึงแม้จะเป็นแบรนด์เดี่ยว แต่มูลค่าของ Hermès ก็สูงถึง 5.3 ล้านล้านบาท
- EssilorLuxottica
สมาคมช่างทำแว่นตาแห่งปารีส หรือ Société des Lunetiers (SL) หรือ Essel ได้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 1849 ให้เป็นศูนย์รวมของช่างฝีมือ เพื่อพัฒนากระบวนการทำแว่นตา ทั้งกรอบแว่นและเลนส์แว่นตา
ต่อมา Essel ได้ควบรวมกับบริษัททำเลนส์ Silor กลายเป็น Essilor
และก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการผลิตและจัดจำหน่ายเลนส์สายตา โดยเฉพาะกลุ่มเลนส์ตระกูล Varilux และล่าสุดได้ควบรวมกับบริษัท Luxottica บริษัทผลิตกรอบแว่นตาที่ใหญ่สุดในโลกของอิตาลี
ทำให้บริษัทนี้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเรื่องแว่นตาของโลก ที่ครอบคลุมตั้งแต่เลนส์ ไปจนถึงแว่นตา
และมีมูลค่าตลาด 2.6 ล้านล้านบาท
- Kering
เช่นเดียวกับ LVMH ถึงแม้ Kering จะก่อตั้งในปี 1963 แต่ประวัติของแต่ละบริษัทที่อยู่ในเครือถูกย้อนไปไกลกว่านั้น
บริษัทที่เก่าแก่ที่สุดในเครือ ก็คือ Boucheron แบรนด์เครื่องประดับสุดหรูของฝรั่งเศส ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1858 และเป็นที่โปรดปรานอย่างมากของชนชั้นสูงในยุคนั้น
Kering ยังเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับชั้นนำอีกมากมาย
ทั้ง Yves Saint Laurent ของฝรั่งเศส และของประเทศอื่น ๆ เช่น Gucci และ Bottega Veneta ของอิตาลี
ด้วยความที่มีแบรนด์หรูระดับโลกมากมาย มูลค่าบริษัทของ Kering จึงสูงถึง 3.7 ล้านล้านบาท
- L'Oréal
ก่อตั้งในปี 1909 โดยนักเคมีชาวฝรั่งเศส ชื่อ Eugène Schueller ได้คิดค้นน้ำยาย้อมสีผม แล้วได้รับเสียงตอบรับจากช่างทำผมในเมืองปารีสเป็นอย่างมาก
จนทำให้เขาตั้งเป็นบริษัท Société Française de Teintures Inoffensives pour Cheveux ขึ้นมา และต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น L'Oréal
แต่หลังจากที่ Eugène Schueller เสียชีวิต แล้ว François Dalle ได้เข้ามาบริหารงานแทน
Dalle ก็ได้ขยายตลาดด้วยการซื้อบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์อื่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อเจาะกลุ่มตลาดใหม่ และเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้า
หลังจากนั้น L'Oréal ก็ซื้อบริษัทอื่นเข้ามาเรื่อย ๆ ทั้งผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง เวชสำอาง เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ
จนในที่สุด L'Oréal ก็กลายเป็นบริษัทเครื่องสำอางที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าบริษัทกว่า 8.4 ล้านล้านบาท
- Dior
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง Christian Dior ดีไซเนอร์อิสระ ได้รับจ้างออกแบบหมวกให้กับแวดวงไฮโซ ที่ผ่านชีวิตล้มลุกคลุกคลานจนได้เปิดห้องเสื้อของตัวเองในปี 1946
เขาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการแฟชั่นของปารีส ด้วยคอลเลกชันแรก ที่มีชื่อว่า “New Look” เป็นชุดเข้ารูป และกระโปรงสุ่มบาน ก่อนจะขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่น้ำหอม “Miss Dior” อันโด่งดัง
หลังจากนั้นแบรนด์ Dior ก็ผ่านการล้มลุกคลุกคลาน จนท้ายที่สุดก็ได้มาอยู่ภายใต้การบริหารของ Bernard Arnault แห่ง LVMH ในปี 1984
Dior ก็เติบโตจนเป็นอาณาจักรแฟชั่นที่มียอดขายหลักล้านล้านบาท และมีมูลค่าตลาด 4.8 ล้านล้านบาท..
แต่ฝรั่งเศสไม่ได้มีแค่แบรนด์หรูเท่านั้น..
นอกจากทั้ง 6 บริษัทแบรนด์หรูที่กล่าวมาข้างต้น บริษัท Top 10 ของฝรั่งเศสยังประกอบไปด้วย
- อุตสาหกรรมไฟฟ้า 1 บริษัท
- ยารักษาโรค 1 บริษัท
- ก๊าซ 1 บริษัท
- และพลังงาน 1 บริษัท
และเช่นเดียวกับแบรนด์หรู หากเรียงลำดับอายุของการก่อตั้ง จะเริ่มต้นจาก..
- Schneider Electric
ในช่วงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ถึงแม้อุตสาหกรรมในฝรั่งเศสจะไม่ได้โดดเด่นเท่าอังกฤษหรือเยอรมนีในยุคเดียวกัน แต่องค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ของฝรั่งเศสก็ไม่น้อยหน้าใคร
นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Pierre-Émile Martin เป็นผู้พัฒนาเตากระทะ หรือ Open Hearth Furnace เพื่อใช้สำหรับหลอมเหล็กกล้าซึ่งต้องใช้อุณหภูมิสูงมาก
2 พี่น้องครอบครัว Schneider เดินทางจากเมืองบ้านเกิดที่อยู่ไม่ไกลจากชายแดนเยอรมนี มาลงทุนสร้างเตาหลอมเหล็กในเมือง Le Creusot ในปี 1836 จนกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าและเครื่องจักร
ไม่นานก็ได้ขยายเข้าสู่อุตสาหกรรมก่อสร้างและไฟฟ้า
ปัจจุบัน Schneider Electric คือผู้นำในอุตสาหกรรมไฟฟ้า ระบบอัตโนมัติ การควบคุมอาคาร และการบริหารจัดการพลังงานระดับโลก มีมูลค่าบริษัท 3.3 ล้านล้านบาท
- Sanofi
ปี 2020 ฝรั่งเศสส่งออกยารักษาโรค มากเป็นอันดับ 4 ของโลก คิดเป็นมูลค่ากว่า 9.3 แสนล้านบาท
หนึ่งในจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมยาในฝรั่งเศส มาจากห้องทดลองของนักวิทยาศาสตร์ ที่คนทั้งโลกจะต้องคุ้นเคยกับชื่อของเขา คือ Louis Pasteur ผู้ให้กำเนิดกระบวนการพาสเจอไรซ์ หรือการใช้ความร้อนฆ่าเชื้อโรค
Louis Pasteur เป็นผู้วิจัยและพัฒนาวัคซีนพิษสุนัขบ้า และผู้ก่อตั้ง Pasteur Institute สถาบันวิจัยด้านวัคซีนในปี 1887
จนในปี 1974 Pastuer Production ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นโรงงานผลิตวัคซีน และได้ถูกควบรวมเข้ากับบริษัทยาอีกหลายแห่ง จนท้ายที่สุดก็อยู่ภายใต้บริษัทยา Aventis
ต่อมาในปี 2004 Aventis ก็ได้ควบรวมกับบริษัท Sanofi และทำให้ Sanofi กลายเป็นบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ทั้งยารักษาโรคเรื้อรัง ยารักษาโรคมะเร็ง วัคซีน
รวมถึงวัคซีนโควิด 19 ที่กำลังทำการวิจัยอยู่ในระยะที่ 3 ด้วย
ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย Sanofi จึงมีมูลค่าตลาดมากถึง 4.3 ล้านล้านบาท
- Air Liquide
Georges Claude วิศวกรชาวฝรั่งเศส ได้พัฒนากระบวนการทำให้อากาศกลายเป็นของเหลว เพื่อแยกส่วนประกอบสำคัญในอากาศ คือก๊าซไนโตรเจน และก๊าซออกซิเจนออกจากกัน
กระบวนการนี้ทำให้ได้ก๊าซบริสุทธิ์ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ
ก๊าซไนโตรเจน ใช้สำหรับการถนอมอาหาร อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี
ในขณะที่ก๊าซออกซิเจน นอกจากจะใช้ทางการแพทย์แล้ว ยังสำคัญในอุตสาหกรรมเหล็กและกระจกอีกด้วย
ความสำเร็จนี้ทำให้ Georges Claude ได้ก่อตั้งบริษัท Air Liquide ในปี 1902
ปัจจุบัน Air Liquide ให้บริการแก๊สสำหรับอุตสาหกรรมและทางการแพทย์ เคมี และอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีมูลค่าบริษัทกว่า 2.8 ล้านล้านบาท
- TotalEnergies
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 กองทัพฝรั่งเศสประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมันอย่างหนัก จนต้องขอความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งในเวลานั้น อุตสาหกรรมน้ำมันในสหรัฐอเมริกาครองสัดส่วนกว่า 70% ของโลก
เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้มอบหมายให้ Ernest Mercier จัดตั้งบริษัทปิโตรเลียมแห่งฝรั่งเศส (CFP) ในปี 1924 เพื่อความมั่นคงทางพลังงานของฝรั่งเศสเอง
ในปัจจุบัน CFP ได้เปลี่ยนชื่อเป็น TotalEnergies เป็นบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส
เป็นผู้ผลิตน้ำมันเครื่อง และผลิตภัณฑ์หล่อลื่นทั้งกับยานยนต์และอุตสาหกรรม
มีมูลค่าบริษัทกว่า 3.9 ล้านล้านบาท
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ 10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศส
ทุกบริษัทล้วนมีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1.1 ล้านล้านบาท
ซึ่งเป็นมูลค่าที่ใหญ่กว่าบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในประเทศไทย อย่างบริษัท ปตท.
หลายคนอาจคิดว่า แบรนด์ฝรั่งเศส สร้างเพียงแค่ Story ก็เพียงพอแล้วที่จะสามารถส่งออกไปขายได้ทั่วโลก
แต่ทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ วิจัยและพัฒนาต่อยอดอย่างเป็นระบบ
และผ่านการบริหารกิจการ โดยเฉพาะการควบรวมแบรนด์ ที่ทำให้การบริหารมีประสิทธิภาพ และเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าได้มากขึ้น
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ประเทศฝรั่งเศสไม่ได้เชี่ยวชาญแต่แวดวงศิลปะเท่านั้น
เพราะการพัฒนาศิลปะจะเติบโตได้ ส่วนหนึ่งจะต้องเกิดจากการพัฒนาองค์ความรู้ในด้านอื่น ๆ ควบคู่กันไป โดยเฉพาะองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
จากการสังเกตบริษัทชั้นนำ 10 บริษัทของแต่ละประเทศ เราก็สามารถบอกได้คร่าว ๆ ว่าประเทศเหล่านั้นมีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมด้านไหน และให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมอะไรในอนาคต
สำหรับฝรั่งเศส คงบอกได้ว่า
ประเทศนี้สามารถนำโลกแห่งศิลปะ กับวิทยาศาสตร์ ซึ่งดูเหมือนอยู่คนละขั้วกัน
มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://companiesmarketcap.com/france/largest-companies-in-france-by-market-cap/
-https://www.essilor.co.th/about-essilor
-https://www.vogue.co.uk/article/christian-dior
-https://www.airliquide.com/shareholders/stock-share/focus-on/air-liquide-118-years-history-individual-shareholders
-https://www.se.com/th/en/about-us/company-profile/history/schneider-electric-history.jsp
-https://www.worldstopexports.com/drugs-medicine-exports-country/
-https://www.sanofi.com/en/about-us/through-time
-https://totalenergies.com/group/identity/history
同時也有20部Youtube影片,追蹤數超過6萬的網紅HorizonLive ฮอไรซันไลฟ์,也在其Youtube影片中提到,---อ่านก่อนรับชมคลิป--- ถ้าคุณดูคลิปแล้วรู้สึกไม่สบายใจ หงุดหงิดไม่มีความสุขกรุณาปิดคลิปไปทำอย่างอื่นครับ (อย่าคาดหวังอะไรกับการดูช่องนี้ โม้ม้าเย็ดไป...
「ชื่อ podcast」的推薦目錄:
- 關於ชื่อ podcast 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於ชื่อ podcast 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於ชื่อ podcast 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於ชื่อ podcast 在 HorizonLive ฮอไรซันไลฟ์ Youtube 的最佳貼文
- 關於ชื่อ podcast 在 HorizonLive ฮอไรซันไลฟ์ Youtube 的最讚貼文
- 關於ชื่อ podcast 在 HorizonLive ฮอไรซันไลฟ์ Youtube 的最佳貼文
- 關於ชื่อ podcast 在 Podcast Longplay - YouTube 的評價
- 關於ชื่อ podcast 在 Salmon Podcast interns รุ่น 1.5 ชื่อรุ่น “สลายโต๋เพราะโควิด” 的評價
- 關於ชื่อ podcast 在 เหล่า Creator กำลังใช้ Youtube เป็นอีกหนึ่งช่องทางทำ Podcast 的評價
- 關於ชื่อ podcast 在 รวิศ หาญอุตสาหะ: รู้หรือไม่ว่าคนไทยฟัง Podcast สูงมาก แต่ส่วนใหญ่ ... 的評價
- 關於ชื่อ podcast 在 หลังเกมอุ่นเครื่อง 2 นัด , เปิดตัวเสื้อใหม่! | Thunder Podcast 的評價
ชื่อ podcast 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2 /โดย ลงทุนแมน
“ซิลิคอนแวลลีย์ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นวิธีคิด”
คำกล่าวของ Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง LinkedIn แพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตซิลิคอนแวลลีย์
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในแง่สถานที่ ซิลิคอนแวลลีย์ คือ พื้นที่หุบเขาราว ๆ 1,500 ตารางกิโลเมตร บริเวณรอบอ่าวซานฟรานซิสโก ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
ซิลิคอนแวลลีย์ประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่ ที่ล้วนเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเหล่าบริษัทไอทีชั้นนำระดับโลก โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคำว่า “ซิลิคอนชิป” ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นหน่วยความจำของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ส่วนในแง่วิธีคิด มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดปลูกฝังการศึกษาด้านอิเล็กทรอนิกส์ให้งอกงาม ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนากระบวนการผลิตนักศึกษาให้เป็นนักธุรกิจ
จนนำมาสู่การก่อตั้งบริษัทไอทีระดับโลกแห่งแรกในซิลิคอนแวลลีย์ คือ Hewlett Packard (HP)
หลังจากนั้น หุบเขาแห่งนี้ก็เบ่งบานไปด้วยบริษัทไอที ดึงดูดนักประดิษฐ์และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีจากทั่วโลก ให้เข้ามาสานฝันให้กลายเป็นความจริง
และเมื่อมี “วิธีคิด” ช่วยส่องสว่าง นวัตกรรมทุกอย่างก็จะมีหนทางไป..
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2
ด้วยอาณาบริเวณกว้างใหญ่รอบอ่าวซานฟรานซิสโก ต้นน้ำแห่งนวัตกรรมของซิลิคอนแวลลีย์จึงไม่ได้มีแค่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเท่านั้น
แต่เหนือขึ้นมาราว 50 กิโลเมตร ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และสร้างนักประดิษฐ์ วิศวกร ไปจนถึงผู้ประกอบการชั้นยอดมากมาย มาประดับวงการไอที
หนึ่งในนั้นคือ Fred Moore ผู้ก่อตั้งสมาคมคอมพิวเตอร์โฮมบรูว์ สมาคมที่เป็นสถานที่นัดพบของผู้คลั่งไคล้ในโลกของเทคโนโลยี เป็นที่แลกเปลี่ยนทางความคิด
โดยความปรารถนาสูงสุดของผู้คนในสมาคมนี้ คือการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นมาเอง
ในช่วงปี 1975 ที่มีการก่อตั้งสมาคมแห่งนี้
ความสำเร็จของการประดิษฐ์ “ไมโครโพรเซสเซอร์” ที่ย่อส่วนแผงวงจรรวมจำนวนมากเข้ามาอยู่ด้วยกันในชิปขนาดเล็ก
ทำให้ขนาดของเครื่องคอมพิวเตอร์จากที่มีขนาดใหญ่โตเท่าห้อง มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ ราคาก็ถูกลงเรื่อย ๆ และด้วยหน่วยความจำที่มากขึ้น ความสามารถในการทำงานจึงสูงขึ้นและรวดเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ
Steve Wozniak นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้ชักชวนเพื่อนสมัยมัธยมที่ชื่อ Steve Jobs ให้มาเข้าร่วมสมาคมคอมพิวเตอร์แห่งนี้..
Steve Wozniak เป็นผู้คลั่งไคล้ในวิศวกรรมและมีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น เคยทำงานให้กับ Hewlett Packard
ส่วน Steve Jobs เป็นผู้มีหัวการค้า มีนิสัยกล้าคิดกล้าทำ เขาเคยทำงานให้กับบริษัทสร้างวิดีโอเกมชื่อ Atari และเคยทำงานในช่วงฤดูร้อนให้กับ Hewlett Packard ด้วยเช่นกัน
Wozniak ได้นำความรู้และประสบการณ์มาทดลองออกแบบคอมพิวเตอร์ด้วยแนวทางของตัวเอง โดยใช้ชิปเท่าที่จะหาได้ มาประกอบกับคีย์บอร์ด QWERTY และมีจอโทรทัศน์เป็นเครื่องแสดงผลในช่วงแรกเริ่ม
และเมื่อออกมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Jobs ก็เป็นผู้เสนอความคิดให้ลองนำสิ่งประดิษฐ์นี้ออกวางขายในเวลาต่อมา
ผลงานการประดิษฐ์ชิ้นนั้นของ Wozniak ถือเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลก เครื่องคอมพิวเตอร์นี้ถูกตั้งชื่อต่อมาว่า “Apple I”
สิ่งสำคัญไม่แพ้การสนับสนุนจากสถาบันการศึกษาก็คือ “เสรีภาพทางความคิด”
ซิลิคอนแวลลีย์ มีสมาคมมากมายที่เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนทางความคิด นำเสนอไอเดีย จึงกลายเป็นวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำ และเติบโตไปบนหนทางสร้างสรรค์ที่ตัวเองตั้งใจ
คอมพิวเตอร์ของ Wozniak ก็ถูกนำเสนอแก่สายตาสมาชิกในสมาคมโฮมบรูว์ในช่วงปลายปี 1975 ซึ่งหนึ่งในผู้เข้ามาร่วมชม คือ เจ้าของร้าน The Byte Shop ร้านขายของเบ็ดเตล็ดและอุปกรณ์ไอที
ที่เกิดความประทับใจกับคอมพิวเตอร์ชิ้นนี้มาก จึงได้สั่งซื้อคอมพิวเตอร์นี้ถึง 50 เครื่อง
แล้วก้าวแรกของบริษัท Apple ก็เริ่มต้นขึ้นในเมืองคูเปอร์ติโน ทางตอนใต้ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในอีก 1 ปีถัดมา..
ใครจะไปเชื่อว่า จากบริษัทเล็ก ๆ ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยี 2 คน
ในปี 1980 หลังการก่อตั้งเพียง 4 ปี บริษัทสามารถเติบโตจนเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นในฐานะบริษัทมหาชนได้สำเร็จ และได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ในตอนนี้..
เมื่อมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแล้ว อีกหนึ่งก้าวสำคัญของซิลิคอนแวลลีย์ ก็เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970s
นั่นก็คือ จุดเริ่มต้นของ “อินเทอร์เน็ต”
เมื่อบริษัทไอที ชื่อ Xerox ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยในเมืองพาโล อัลโต ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ชื่อว่า Xerox Palo Alto Research Center หรือ Xerox PARC
Xerox PARC ได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีเชื่อมต่อ จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ในยุคแรกที่มีชื่อว่า ระบบอีเทอร์เน็ต (Ethernet)
อีเทอร์เน็ต ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1973 โดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเครื่องพิมพ์ ผ่านเครือข่ายบริเวณระยะใกล้ หรือเครือข่าย LAN (Local Area Network)
ต่อมาในปี 1978 Vint Cerf ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ร่วมมือกับ Bob Kahn พัฒนาโพรโทคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
ซึ่งโพรโทคอลที่ว่านี้ คือชุดของขั้นตอนและกฎระเบียบ ทำให้ภายในชุดกฎระเบียบเดียวกัน ทั้ง 2 เครื่องจะสามารถเข้าใจระบบของกันและกัน และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้
โดยเฉพาะเลข Internet Protocol (IP) ที่เป็นการปูรากฐานให้กับโลกของอินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจะต้องมีเลขนี้ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ บนระบบเครือข่ายรู้จักกัน โดย IP จะระบุว่า เครือข่ายต่าง ๆ ควรเชื่อมโยงกันอย่างไร
เมื่อโลกอินเทอร์เน็ตถูกปูรากฐาน ต่อมาในยุค 1980s ก็เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น
Doug Engelbart นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ได้มาทำงานให้ PARC และได้พัฒนาระบบส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ หรือ Graphic User Interface (GUI)
จากคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ ที่ใช้งานยากและต้องใช้งานผ่านตัวอักษร
ระบบ GUI ได้เข้ามาช่วยเปลี่ยนการใช้งานให้ง่ายขึ้นผ่านทางสัญลักษณ์หรือภาพ เช่น ไอคอน หน้าต่างการใช้งาน เมนู ปุ่มเลือก รวมถึงการพัฒนา “ตัวชี้ตำแหน่ง X-Y” ซึ่งต่อมาก็คือ “เมาส์”
ทั้งระบบ GUI และเมาส์นี่เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Steve Jobs นำสิ่งเหล่านี้มาพัฒนาและเกิดเป็น “Macintosh” ในปี 1984 ซึ่งถือเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก ๆ ที่มีการออกแบบอย่างเข้าใจผู้ใช้งาน
ในเวลานี้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ครัวเรือนชาวอเมริกันที่ครอบครองคอมพิวเตอร์เพิ่มจากร้อยละ 5 ในช่วงต้นทศวรรษ 1980s
มาเป็นร้อยละ 20 ในปี 1989
โลกอินเทอร์เน็ตถูกเชื่อมโยงเข้ากับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเปิดทางให้เกิดการพัฒนา World Wide Web ในช่วงปี 1989 ซึ่งมีจุดเริ่มต้นเมื่อ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัย CERN ในสวิตเซอร์แลนด์ ต้องการส่งข้อมูลให้กับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
World Wide Web, WWW คือ ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต จากแหล่งข้อมูลหนึ่ง ไปยังแหล่งข้อมูลที่อยู่ห่างไกลทั่วโลก ให้มีความง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด
โดยผ่านซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า “เบราว์เซอร์”
แล้ว “สาธารณชน” ในยุค 1990s ก็เข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก!
สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตสัดส่วนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในปี 1996 มีชาวอเมริกันเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึงร้อยละ 16
ในขณะที่หลายประเทศในยุโรปตะวันตกยังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่ถึงร้อยละ 5
การเกิดขึ้นของ World Wide Web ทำให้ย่านซิลิคอนแวลลีย์เริ่มคึกคักไปด้วยบริษัทที่มีโมเดลทำรายได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ถูกมองว่าเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต ขึ้นมามากมาย
และสิ่งสำคัญที่สุด ที่มีมาตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทไอทีในยุค 1950s คือ ธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ Venture Capital ดึงดูดให้บริษัทสตาร์ตอัปมากมาย หลั่งไหลเข้ามาใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเหล่านี้
นักศึกษาปริญญาเอกสาขาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2 คน
คือ Larry Page และ Sergey Brin ได้ร่วมกันพัฒนาโปรแกรมสำหรับใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในรูปแบบของ Search Engine
โดยใช้การทำงานของ Robot ที่ชื่อว่า Spider ซึ่งเป็นตัวสำรวจข้อมูล เมื่อพบข้อมูลที่ต้องการก็จะส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทาง
ปี 1998 ทั้ง 2 คน ได้ตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Google” ในเมืองเมนโลพาร์ก และ IPO เข้าสู่ตลาดหุ้นในอีก 5 ปีถัดมา
แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับบริษัท Apple เพราะอีก 20 ปีต่อมา บริษัท Google ที่เปลี่ยนชื่อเป็น Alphabet ก็ได้กลายมาเป็น บริษัทที่มีมูลค่าเป็นอันดับ 5 ของโลก..
แม้ความรุ่งเรืองจากการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต จะพาซิลิคอนแวลลีย์เข้าสู่การเติบโตที่รวดเร็วเกินไปจนเกิดวิกฤติฟองสบู่ดอตคอมในช่วงก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 จนสร้างความเสียหายหลายบริษัทและนักลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนมาก
แต่อย่างไรก็ตาม วิกฤติครั้งนั้น ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการพัฒนาของเทคโนโลยี ณ หุบเขาแห่งนี้ได้
หลังจากวิกฤติไม่นาน ก็มีการพัฒนาระบบ IPv6 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน IP ช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น นอกเหนือจากเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งปูทางมาถึงการเกิดขึ้นของ “สมาร์ตโฟน” โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถในการใช้งานมัลติมีเดีย และเชื่อมต่อเข้ากับโลกอินเทอร์เน็ตอย่างไร้รอยต่อ ด้วยระบบ IPv6
หนึ่งในสมาร์ตโฟนที่โดดเด่นที่สุดก็คือ iPhone จากบริษัท Apple ที่เปิดตัวในปี 2007
เช่นเดียวกับ Google ที่ได้เข้าซื้อบริษัท Android และเปิดตัวโทรศัพท์แอนดรอยด์ในปี 2008
และทั้งสองก็แข่งขันกันพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเอง
เมื่อผู้คนเริ่มใช้สมาร์ตโฟนมากขึ้น นำมาสู่การเกิดขึ้นของ “Application” ซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อช่วยการทำงานต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน
โดยแอปพลิเคชัน จะมีส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface) หรือ UI เพื่อเป็นตัวกลางในการใช้งานให้ราบรื่น
และด้วยความที่ซิลิคอนแวลลีย์เต็มไปด้วย Venture Capital ที่คอยให้เงินทุนสนับสนุนไอเดียล้ำ ๆ
หุบเขาแห่งนี้ จึงยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดบริษัทใหม่มากมาย โดยเฉพาะบริษัทที่จะมาสร้างสรรค์เครือข่ายสังคมออนไลน์..
ปี 2003 LinkedIn เกิดแพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน
ก่อตั้งโดย Reid Garrett Hoffman วิศวกรที่เคยทำงานให้กับ Apple
ปี 2004 เกิด Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก
ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการคิดค้นวิธีการเชื่อมผู้คนในรูปแบบใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ของ Mark Zuckerberg พร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน
ปี 2006 หลังออกจากมหาวิทยาลัย Jack Dorsey พร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน
ได้ก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภท Microblog ที่แสดงข้อความสั้น ๆ ความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร
โดยคิดค้นชื่อที่มาจากคำว่า Tweet ซึ่งแปลว่าเสียงนกร้อง Logo ของบริษัทจึงเป็นรูปนก และบริษัทนี้มีชื่อว่า Twitter
ปี 2009 เกิด WhatsApp แอปพลิเคชันในการติดต่อสื่อสารด้วยข้อความ ก่อตั้งโดย Jan Koum โปรแกรมเมอร์ที่เห็นประโยชน์จากการเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟน
บริษัททั้งหมดล้วนมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในซิลิคอนแวลลีย์
หุบเขาแห่งเทคโนโลยีแห่งนี้ยังคงดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เข้าไปเติมเต็มความฝัน เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์ไอทีที่ไฮเทคขึ้นเรื่อย ๆ
และเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกของเครือข่ายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและเชื่อมต่อกันและกัน หรือเรียกว่า “Internet of Things” ที่จะเข้ามามีบทบาทในทุกย่างก้าวของชีวิต
ความสำเร็จของอุตสาหกรรมไอทีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจของโลก ล้วนมีที่มาจากหลายปัจจัย
ทั้งระบบการศึกษาที่เข้มแข็ง ที่สร้างองค์ความรู้และช่วยวางรากฐานสู่โลกธุรกิจ
วัฒนธรรมแห่งเสรีภาพ ที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
แหล่งเงินทุน ที่เข้าถึงง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ
และเครือข่ายผู้คิดค้นนวัตกรรมที่เติมเต็มความฝันต่อยอดกันไปไม่รู้จบ
หากถามว่า อิทธิพลทางเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาจะคงอยู่อีกนานแค่ไหน ?
เมื่อไรที่มนุษย์จะหยุดฝัน เมื่อนั้นอาจเป็นคำตอบ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-มิเชลล์ ควินน์, เมื่อซิลิคอนแวลลีย์เติบใหญ่ นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562
-https://www.parc.com/about-parc/parc-history/
-https://www.internetsociety.org/wp-content/uploads/2017/09/ISOC-History-of-the-Internet_1997.pdf
-https://searchnetworking.techtarget.com/definition/TCP-IP
-https://www.lifewire.com/transmission-control-protocol-and-internet-protocol-816255
-https://tradingeconomics.com/united-states/personal-computers-per-100-people-wb-data.html
-https://www.businessinsider.com.au/highest-valued-public-companies-apple-aramco-biggest-market-cap-2020-1
-https://www.forbes.com/profile/reid-hoffman/#5f276ca61849
-http://startitup.in.th/the-rags-to-rich-jan-koum-whatsapp-co-founder-startup-story/
-https://www.set.or.th/set/enterprise/html.do?name=vc
ชื่อ podcast 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
มหากาพย์ สงครามแย่งหุ้น หลุยส์ วิตตอง /โดย ลงทุนแมน
ตั้งแต่ลงทุนแมนเขียนเรื่องธุรกิจแบรนด์หรูมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สนุกที่สุดเรื่องหนึ่ง
รู้ไหมว่า เมื่อ 44 ปีที่แล้ว หลุยส์ วิตตอง ยังมีร้านแค่ 2 สาขา
แต่จากจุดนั้น มีบุคคลหนึ่งที่ทำให้บริษัทนี้ กลายเป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในฝรั่งเศสได้ใน 10 ปี
“Louis Vuitton” แบรนด์แฟชั่นหรู ที่มีอายุกว่า 167 ปี
แต่ก่อนหน้าที่แบรนด์จะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกนั้น
Louis Vuitton เป็นเพียงธุรกิจครอบครัว
ที่ดำเนินการผลิตกระเป๋าหนัง มายาวนานถึง 123 ปี
ก่อนที่ลูกเขยของทายาท รุ่นที่ 4 ที่ชื่อ Henry Racamier ได้เริ่มนำแบรนด์ Louis Vuitton สู่ตลาดโลก
ซึ่งลูกเขยคนนี้ ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการควบรวมกิจการกระเป๋าหนังครอบครัว
กับธุรกิจแบรนด์สุราหรูอย่าง “Moët Hennessy” จนเกิดขึ้นเป็นกลุ่มบริษัท
ที่ชื่อ LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton หรือ “LVMH” ในปี 1987
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ LVMH กลายเป็นบริษัทเจ้าของแบรนด์สินค้าหรูที่ใหญ่สุดในโลกมาจนถึงปัจจุบันและทำให้ CEO และผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง Bernard Arnault เป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
แล้วเคยสงสัยไหมว่าทำไมชื่อของทายาทอย่าง Henry Racamier กลับไม่ค่อยมีใครรู้จัก
แต่เรากลับคุ้นเคยกับชื่อของ Bernard Arnault มากกว่า ?
ถ้าพร้อมแล้วนั่งลง ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปในปี 1821..
เด็กชายชาวฝรั่งเศสที่ชื่อ Louis Vuitton เกิดมาในครอบครัวที่มีอาชีพทำฟาร์ม
จนเมื่อเขาอายุได้ 10 ปี แม่ของเขาเสียชีวิตและพ่อของเขาก็แต่งงานใหม่
แต่แม่เลี้ยงของ Vuitton กลับปฏิบัติต่อเขาแบบแม่เลี้ยงใจร้าย
เมื่ออายุได้ 13 ปี Vuitton จึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปที่กรุงปารีสโดยที่ไม่มีเงินติดตัว
โชคยังดีที่ช่างฝีมือทำหีบสำหรับการเดินทางของชนชั้นสูงรับ Vuitton ไปเป็นคนช่วยงาน
แต่เงินที่ได้ก็เพียงพอแค่ประทังชีวิตไปแต่ละวัน Vuitton จึงต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน
เมื่อเวลาผ่านไป ฝีมือการทำหีบเดินทางของ Vuitton ก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้น
จนเขาได้ถูกเลือกไปเป็นช่างทำหีบเดินทางส่วนตัวให้กับพระชายาของนโปเลียนที่ 3
จนกระทั่งในปี 1854 Vuitton ก็ได้เริ่มเปิดร้านเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า Louis Vuitton หรือ LV
ผลิตภัณฑ์แรกของ LV ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับหีบเดินทางแบบดั้งเดิมไปตลอดกาล
นั่นก็เพราะว่า LV ได้ปรับการออกแบบฝาหีบที่แต่เดิมเป็นทรงโค้งกลายมาเป็นหีบที่มีฝาแบน
ทำให้สามารถวางซ้อนกันได้ ขนส่งได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเลือกใช้ผ้าแคนวาสแทนหนัง
ทำให้มีน้ำหนักเบาลงและกันน้ำได้
แม้ว่ากิจการของ LV จะต้องสะดุดหลายครั้งเพราะสงครามจนต้องเริ่มตั้งต้นใหม่หลายรอบ
แต่ชื่อเสียงของ LV ก็เป็นที่รู้จักมากขึ้นและขยับขยายอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนสามารถส่งต่อกิจการจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการกระเป๋าหนังอีกมากมาย
แต่แม้ว่ากิจการจะดำเนินมาจนถึงทายาทรุ่นที่ 3
LV ก็ยังคงเป็นธุรกิจที่บริหารกันเองในครอบครัว
จนกระทั่งปี 1970 ทายาทรุ่นที่ 3 ของ LV ได้เสียชีวิตลง แต่เหล่าลูกชายที่เป็นทายาทรุ่นที่ 4 ตกลงกันไม่ลงตัวว่าจะบริหารงานกันอย่างไรและใช้กลยุทธ์ในทิศทางไหนเพื่อต่อยอดธุรกิจ
พวกเขาจึงนึกถึงสามีของน้องสาวที่ชื่อ “Henry Racamier”
Racamier ซึ่งในขณะนั้นอายุ 65 ปี กำลังจะเกษียณอายุจากการบริหารธุรกิจซื้อขายเหล็กของตัวเอง เหล่าทายาทรุ่นที่ 4 ของ LV จึงเสนอให้ Racamier มาเทกโอเวอร์ LV ไปในปี 1977
ในขณะนั้น LV มีเพียง 2 สาขาในปารีสและนีซ มีพนักงานอยู่ราว 100 คน และมีรายได้ต่อปีประมาณ 460 ล้านบาท
Racamier ที่มีประสบการณ์บริหารธุรกิจจนประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ก็ได้เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยการปฏิรูป LV จากกิจการครอบครัวให้กลายมาเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ขึ้น
ผลงานที่สำคัญก็คือ การเจาะตลาดในฝั่งเอเชียโดยเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่น
โดย Racamier มองว่าตลาดสินค้าหรูได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะช่วงนั้นผู้คนที่ร่ำรวยมีมากขึ้นทั่วโลก
ซึ่งในปี 1984 Racamier ก็สามารถนำกิจการ LV จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ
ในปี 1987 หรือผ่านไป 10 ปีหลังจากการเข้ามาบริหารของ Racamier LV สามารถขยายสาขาจนมี 135 แห่งทั่วโลก โดย 20 สาขาในนี้ตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และบริษัทมีรายได้ต่อปีสูงถึง 88,600 ล้านบาท
คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 192 เท่าในเวลา 10 ปี โดยเป็นรายได้ที่มาจากเอเชียกว่า 40%
ปีนั้นเอง LV ได้รับข้อเสนอควบรวมกิจการจาก Moët Hennessy หรือเรียกว่า MH
ที่เป็นบริษัทสุราหรูที่ขายแชมเปญและบรั่นดีชั้นนำของโลก
สาเหตุที่ MH ต้องการหาพาร์ตเนอร์มาควบรวมกิจการก็เพราะว่าหุ้นของ MH มีสัดส่วนคนในตระกูลผู้ก่อตั้งถืออยู่รวมกัน 22% มีวอลูมการซื้อขายเพิ่มขึ้นผิดปกติ ตระกูลเจ้าของ MH กลัวมีคนแอบมาเทกโอเวอร์กิจการ
“Alain Chevalier” ซึ่งเป็น CEO ของ MH ในขณะนั้น จึงเสนอให้ควบรวมกิจการขึ้น ซึ่งผลก็คือครอบครัวผู้ก่อตั้ง ทั้งฝั่ง LV และ MH จะสามารถถือหุ้นได้รวมกัน 51% และยังมีอำนาจควบคุมกิจการต่อไปด้วย
จุดนี้เอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกลุ่มบริษัท LVMH ที่ในตอนนั้นมีมูลค่าบริษัทราว 295,000 ล้านบาท และเป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในฝรั่งเศสในขณะนั้น
แต่การเริ่มต้นนี้กลับไม่ได้สวยงามแบบที่คิด
เพราะหลังจากควบรวมกิจการไปได้ไม่กี่สัปดาห์ Racamier และ Chevalier ก็เริ่มพบว่าทั้งคู่มีแนวทางการบริหารที่ไม่ค่อยตรงกันและเริ่มขัดแย้งกันเรื่องอำนาจในการบริหาร
ก่อนที่ในปีถัดมา วอลูมซื้อขายหุ้น LVMH ก็มากผิดปกติอีกครั้ง..
และด้วยเหตุผลเดิมที่ตระกูลเจ้าของ MH กลัวโดนแอบเทกโอเวอร์กิจการ
Chevalier เลยไปเจรจากับบริษัทเบียร์ชื่อดังอย่าง Guinness ให้เข้ามาถือหุ้นของ LVMH
โดยในตอนแรก Chevalier บอก Racamier ไว้ว่าจะให้ Guinness ถือหุ้น LVMH 3.5%
แต่สุดท้ายกลับตกลงให้หุ้น Guinness มากถึง 20%
พอ Racamier ฝั่งตระกูล Vuitton เห็นแล้วว่า LVMH กำลังจะถูกครอบครองโดยสินค้าจำพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เลยเริ่มหาพาร์ตเนอร์ที่เป็นเจ้าของกิจการแบรนด์แฟชั่นหรูเข้ามาเสริมทัพเพื่อหวังได้เสียงสนับสนุนในการบริหารงาน
ศึกแย่งชิงความเป็นใหญ่ใน LVMH จึงเริ่มต้นขึ้น
และพาร์ตเนอร์ที่ Racamier เล็งไว้ก็คือชายที่ชื่อว่า “Bernard Arnault”
Arnault เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวยอยู่แล้ว พอเรียนจบก็เริ่มทำงานในบริษัทก่อสร้างที่ปู่ของเขาเป็นเจ้าของ
จนกระทั่งปี 1984 บริษัทแม่ของแบรนด์แฟชั่นหรูอย่าง Christian Dior ที่ชื่อว่า Boussac ได้ยื่นล้มละลาย รัฐบาลฝรั่งเศสซึ่งเข้าไปควบคุมกิจการหลังล้มละลาย จึงประกาศหาผู้สนใจเข้ามาซื้อกิจการต่อ
Arnault ที่ในขณะนั้นอายุ 35 ปี เห็นเข้าก็สนใจ และเกิดความฝัน ในการสร้างบริษัทที่รวบรวมแบรนด์หรูทั่วประเทศเข้าไว้ด้วยกัน
Arnault ใช้เงินจากตระกูลตัวเอง 490 ล้านบาทและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอีก 1,480 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อกิจการ Boussac
หลังเข้าซื้อกิจการสำเร็จ Arnault ก็เดินหน้าปลดพนักงานออกกว่า 9,000 คน และขายบางธุรกิจในเครือที่ฉุดรายได้ออกจนได้เงินมาทั้งหมด 16,400 ล้านบาท
นั่นจึงทำให้ Racamier สนใจเป็นพาร์ตเนอร์กับ Arnault โดยยื่นข้อเสนอว่าจะให้ครอบครองหุ้น LVMH 25% ซึ่งเมื่อรวมกับส่วนที่ครอบครัว Vuitton ถือแล้ว จะเป็นสัดส่วนที่มากกว่าฝั่งของกลุ่ม MH และ Guinness
Arnault สนใจข้อเสนอนี้ จึงไปปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของเขา แต่ที่ปรึกษาคนนั้นได้เตือนว่าอย่าประกาศสงครามกับอีกฝั่งหนึ่ง เพราะอำนาจบริหารของ MH และความแข็งแกร่งทางการเงินของ Guinness นั้นเหนือกว่า
ซึ่ง Arnault ก็รับฟังคำเตือนนั้น
แต่แทนที่ Arnault จะไม่รับข้อเสนอ กลับกลายเป็นว่า Arnault ไปจัดตั้งบริษัทโฮลดิงร่วมกับ Guinness แทน ซึ่งได้เข้าไปซื้อหุ้น LVMH มา 24% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ฝั่งตระกูล LV จึงโกรธมากเมื่อรู้ว่าโดนหักหลัง
และทางตระกูลก็ได้ทำการไล่ซื้อหุ้นเพิ่มจนมีสัดส่วน 33%
ส่วนทาง Arnault พอรู้เรื่องนี้เข้า ก็แอบซื้อหุ้นเพิ่มด้วยตัวเอง
จนทำให้ฝั่ง Arnault และ Guinness มีหุ้นรวมกัน 37.5%
จนในที่สุด Arnault ได้กลายมาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของ LVMH
ซึ่งก็มีอำนาจในการจัดการโหวตแต่งตั้งให้พ่อของเขามาเป็นประธานบอร์ดของ LVMH
เรื่องดังกล่าวก็ได้ทำให้ Racamier ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก เพราะตำแหน่งนี้
แต่เดิมตกลงกันไว้ว่าจะให้คนจากตระกูล Vuitton รับตำแหน่ง เท่านั้น
เมื่อความขัดแย้งเริ่มบานปลาย Racamier และ Chevalier จึงเริ่มเจรจากัน
โดยทั้งคู่เห็นว่าควรแยก LV และ MH ออกจากกันไปเลย เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งยืดเยื้อไปมากกว่านี้
แต่ Arnault กลับคิดว่าข้อตกลงนี้เกิดขึ้น
เพราะทั้งคู่ต้องการยึดอำนาจบริหารจาก Arnault กลับไป
Arnault ที่ไม่ต้องการให้บริษัทแยกออกจากกัน จึงทุ่มเงินซื้อหุ้น LVMH จากในตลาดอีกครั้ง
จนทำให้ฝั่ง Arnault และ Guinness ถือหุ้นรวมกันกว่า 43.5%
ซึ่งเงินทั้งหมดที่ Arnault ทุ่มซื้อหุ้น LVMH ไปทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ากว่า 85,300 ล้านบาท
มาถึงตรงนี้ Chevalier ที่ไม่มีหุ้นอยู่ในมือมากพอ จึงเสียอำนาจการบริหารให้ Arnault ไปโดยปริยาย
และสุดท้ายก็ต้องออกจากบริษัทไป
นั่นจึงเหลือเพียงการต่อสู้ระหว่าง Arnault และ Racamier..
ฝั่ง Arnault ได้ยื่นคำขอไปที่ศาลเพื่อเปิดประชุมผู้ถือหุ้นด่วน โดยจะยกวาระเรื่องการออกกฎให้บริษัทย่อย LV มีเกณฑ์เกษียณอายุเมื่ออายุ 70 ปี ซึ่งถ้ามีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้ Racamier ที่ในตอนนั้นอายุ 70 กว่า พ้นจากบริษัททันที
ฝั่ง Racamier ที่ไหวตัวทันก็ยื่นฟ้องต่อศาลเช่นกัน โดยเรียกร้องให้หนึ่งในการเข้าซื้อหุ้น LVMH ของ Arnault เป็นโมฆะ ซึ่งถ้าชนะคดี จำนวนหุ้นที่ Arnault ถืออยู่จะลดลงเหลือใกล้เคียงกับจำนวนที่กลุ่ม LV ถืออยู่
สุดท้ายแล้วศาลก็ตัดสินให้การเข้าซื้อหุ้นของ Arnault ไม่มีความผิด
Arnault จึงยังครอบครองหุ้นส่วนใหญ่ของ LVMH ได้ตามเดิม
ซึ่งก็เหมือนเป็นการบีบบังคับไปในตัวให้ Racamier ต้องลาออกในปี 1989 หรือเพียง 2 ปีหลังจากที่ LVMH เริ่มต้นขึ้น
หลังจากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการที่ครอบครัวตัวเองสร้างขึ้นมาแล้ว Racamier ก็หันไปทำงานที่เขารัก ด้วยการจัดตั้งองค์กรที่สนับสนุนด้านดนตรีและศิลปะ จนกระทั่งเสียชีวิตลงในปี 2003
มาถึงตรงนี้ ถ้าใครอยากเข้าใจแบบสรุป ก็คือ
ปี 1821 เด็กชายชาวฝรั่งเศสที่ชื่อ Louis Vuitton เกิดขึ้น
ปี 1854 Vuitton ได้เริ่มเปิดร้านทำหีบเป็นของตัวเอง
ผ่านไป 123 ปี..
ปี 1977 ลูกเขยของตระกูล Vuitton ชื่อ Racamier เข้ามาเทกโอเวอร์ บริษัท Louis Vuitton
ตอนปี 1977 บริษัท Louis Vuitton มีเพียง 2 สาขา หลังจากนั้น Racamier ก็ขยายกิจการให้เติบโต
ผ่านไป 10 ปี
ปี 1987 บริษัท Louis Vuitton เป็นบริษัทใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส และควบรวมกิจการกับ Moët Hennessy เป็น LVMH
ผ่านไปเพียง 2 ปี..
ปี 1989 เกิดเรื่องสงครามแย่งกิจการตามที่กล่าวในเรื่องข้างต้น Bernard Arnault บุคคลนอกเป็นผู้ชนะสงคราม มีอำนาจในการบริหาร LVMH นับตั้งแต่นั้นมา
หลังจากนั้น Arnault ได้ขยายอาณาจักร LVMH ด้วยการเข้าครอบครองกิจการแบรนด์หรูชื่อดังอย่างต่อเนื่อง
จน LVMH ครอบครองแบรนด์หรู กว่า 75 แบรนด์
ปัจจุบัน LVMH กลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจแบรนด์หรูใหญ่สุดในโลก
และถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในยุโรป ด้วยมูลค่าบริษัทกว่า 12.6 ล้านล้านบาท
ซึ่งนั่นก็ได้ทำให้ Arnault มีทรัพย์สินกว่า 6 ล้านล้านบาท
ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่รวยสุดในโลกตอนนี้เลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.economist.com/obituary/2003/04/10/henry-racamier
-https://www.nytimes.com/2003/04/01/business/henry-racamier-dies-at-90-revitalized-louis-vuitton.html
-https://www.nytimes.com/1989/12/17/magazine/a-luxury-fight-to-the-finish.html
-https://www.latimes.com/archives/la-xpm-1990-04-26-fi-608-story.html
-https://www.thefashionlaw.com/lvmh-a-timeline-behind-the-building-of-a-conglomerate/
-https://www.forbes.com/profile/bernard-arnault/?sh=c96565b66fa4
ชื่อ podcast 在 HorizonLive ฮอไรซันไลฟ์ Youtube 的最佳貼文
---อ่านก่อนรับชมคลิป---
ถ้าคุณดูคลิปแล้วรู้สึกไม่สบายใจ หงุดหงิดไม่มีความสุขกรุณาปิดคลิปไปทำอย่างอื่นครับ
(อย่าคาดหวังอะไรกับการดูช่องนี้ โม้ม้าเย็ดไปวันๆเท่านั้นครับช่องนี้ เล่นเกมเป็นแค่ภาพประกอบ)
........................................................................................................................
--==โดเนทหรือบริจาคได้ที่==--
กสิกร : 008-3-87990-4
True Wallet : 084-4586922
โดเนทไม่มีแจ้งเตือนนะครับ เงินทั้งหมดจะนำไปซื้อเกมมาไลฟ์และใช้จ่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไลฟ์สตรีมเท่านั้น ไม่มีการเอาเงินไปจ่ายในแง่อโคจรหรือเรื่องส่วนตัว
------------------------------------------------------------------------------------------------------
เข้ามาพูดคุยตามประสาเกมเมอร์ได้ที่ : https://discord.gg/ZjCHDzK (Discord ประจำช่อง)
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ชื่อ จิน อายุ 30 อาชีพทำเกี่ยวกับนำเข้าสินค้า
คติประจำใจ : คอมเม้นอะไรคิดให้ดีๆก่อนเม้น
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
สเปคคอม : เปิดเกมเล่นได้พอใจแล้ว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
พื้นที่ขายของ
สนใจสินค้าของสะสมจากเกม ทั้งมือ 1 และมือ 2 ติดต่อเพจ J Collector
https://www.facebook.com/Jcollector
หรือสินค้านำเข้าสินค้าอื่นๆที่ไม่ใช่ฟิกเกอร์ก็ติดต่อได้ ทักมาที่เฟสส่วนตัวได้เลยครับ รับหาของและนำเข้าจากต่างประเทศสินค้าทุกประเภทยกเว้นสินค้าผิดกฏหมาย
.
สนใจติดต่อเจ้าช่องผ่านทางเฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/mrhorizonlive/ เจ้าเฟสชอบโม้ม้าเย็ดเหมือนในไลฟ์นั้นเหละ
ชื่อ podcast 在 HorizonLive ฮอไรซันไลฟ์ Youtube 的最讚貼文
---อ่านก่อนรับชมคลิป---
ถ้าคุณดูคลิปแล้วรู้สึกไม่สบายใจ หงุดหงิดไม่มีความสุขกรุณาปิดคลิปไปทำอย่างอื่นครับ
(อย่าคาดหวังอะไรกับการดูช่องนี้ โม้ม้าเย็ดไปวันๆเท่านั้นครับช่องนี้ เล่นเกมเป็นแค่ภาพประกอบ)
........................................................................................................................
--==โดเนทหรือบริจาคได้ที่==--
กสิกร : 008-3-87990-4
True Wallet : 084-4586922
โดเนทไม่มีแจ้งเตือนนะครับ เงินทั้งหมดจะนำไปซื้อเกมมาไลฟ์และใช้จ่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไลฟ์สตรีมเท่านั้น ไม่มีการเอาเงินไปจ่ายในแง่อโคจรหรือเรื่องส่วนตัว
------------------------------------------------------------------------------------------------------
เข้ามาพูดคุยตามประสาเกมเมอร์ได้ที่ : https://discord.gg/ZjCHDzK (Discord ประจำช่อง)
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ชื่อ จิน อายุ 30 อาชีพทำเกี่ยวกับนำเข้าสินค้า
คติประจำใจ : คอมเม้นอะไรคิดให้ดีๆก่อนเม้น
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
สเปคคอม : เปิดเกมเล่นได้พอใจแล้ว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
พื้นที่ขายของ
สนใจสินค้าของสะสมจากเกม ทั้งมือ 1 และมือ 2 ติดต่อเพจ J Collector
https://www.facebook.com/Jcollector
หรือสินค้านำเข้าสินค้าอื่นๆที่ไม่ใช่ฟิกเกอร์ก็ติดต่อได้ ทักมาที่เฟสส่วนตัวได้เลยครับ รับหาของและนำเข้าจากต่างประเทศสินค้าทุกประเภทยกเว้นสินค้าผิดกฏหมาย
.
สนใจติดต่อเจ้าช่องผ่านทางเฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/mrhorizonlive/ เจ้าเฟสชอบโม้ม้าเย็ดเหมือนในไลฟ์นั้นเหละ
ชื่อ podcast 在 HorizonLive ฮอไรซันไลฟ์ Youtube 的最佳貼文
---อ่านก่อนรับชมคลิป---
ถ้าคุณดูคลิปแล้วรู้สึกไม่สบายใจ หงุดหงิดไม่มีความสุขกรุณาปิดคลิปไปทำอย่างอื่นครับ
(อย่าคาดหวังอะไรกับการดูช่องนี้ โม้ม้าเย็ดไปวันๆเท่านั้นครับช่องนี้ เล่นเกมเป็นแค่ภาพประกอบ)
........................................................................................................................
--==โดเนทหรือบริจาคได้ที่==--
กสิกร : 008-3-87990-4
True Wallet : 084-4586922
โดเนทไม่มีแจ้งเตือนนะครับ เงินทั้งหมดจะนำไปซื้อเกมมาไลฟ์และใช้จ่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไลฟ์สตรีมเท่านั้น ไม่มีการเอาเงินไปจ่ายในแง่อโคจรหรือเรื่องส่วนตัว
------------------------------------------------------------------------------------------------------
เข้ามาพูดคุยตามประสาเกมเมอร์ได้ที่ : https://discord.gg/ZjCHDzK (Discord ประจำช่อง)
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ชื่อ จิน อายุ 30 อาชีพทำเกี่ยวกับนำเข้าสินค้า
คติประจำใจ : คอมเม้นอะไรคิดให้ดีๆก่อนเม้น
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
สเปคคอม : เปิดเกมเล่นได้พอใจแล้ว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
พื้นที่ขายของ
สนใจสินค้าของสะสมจากเกม ทั้งมือ 1 และมือ 2 ติดต่อเพจ J Collector
https://www.facebook.com/Jcollector
หรือสินค้านำเข้าสินค้าอื่นๆที่ไม่ใช่ฟิกเกอร์ก็ติดต่อได้ ทักมาที่เฟสส่วนตัวได้เลยครับ รับหาของและนำเข้าจากต่างประเทศสินค้าทุกประเภทยกเว้นสินค้าผิดกฏหมาย
.
สนใจติดต่อเจ้าช่องผ่านทางเฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/mrhorizonlive/ เจ้าเฟสชอบโม้ม้าเย็ดเหมือนในไลฟ์นั้นเหละ
ชื่อ podcast 在 Salmon Podcast interns รุ่น 1.5 ชื่อรุ่น “สลายโต๋เพราะโควิด” 的推薦與評價
Salmon Podcast, profile picture · Salmon Podcast. Salmon Podcast interns รุ่น 1.5 ชื่อรุ่น “สลายโต๋เพราะโควิด”. मोबाइल अपलोड · 28 अप्रै 2020 ... ... <看更多>
ชื่อ podcast 在 เหล่า Creator กำลังใช้ Youtube เป็นอีกหนึ่งช่องทางทำ Podcast 的推薦與評價
Youtuber ชื่อดังมากมายกำลังหันมาใช้ Youtube เป็นแพลตฟอร์มในการลงพอดแคสต์ (Podcast) ให้คนได้ฟังแทนนอกเหนือจากการลงผ่านแพลตฟอร์มเสียงทั่วไป. ... <看更多>
ชื่อ podcast 在 Podcast Longplay - YouTube 的推薦與評價
6 Podcasts รวมข้อคิดเรื่อง "นิสัย" ที่ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้น | Podcast Longplay 5M ... 7 พอดแคสต์ เข้าใจโลกและชีวิต ผ่านหนังสือชื่อดัง | Podcast Longplay MM. ... <看更多>