มาเล่าประสบการณ์ไปลองสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าตัวใหม่ Ninebot F20A ที่ศูนย์ Monowheel มาแบบวิดีโอด้วยตัวเองครับ ว่าจะได้เจออะไรบ้าง และทำอย่างไรที่ไปแล้วจะได้ลองรถคันที่อยากลองเลยโดยไม่ต้องรอ...
โดยจะแบ่งหัวข้อต่าง ๆ อย่างละเอียดเลยครับ...
0:30 - แนะนำศูนย์บริการที่นัดมาลองสกู๊ตเตอร์
1:59 - แนะนำ Ninebot-Segway รุ่น F20A
2:32 - ยางแบบใหม่ใหญ่ขึ้น เกาะถนนขึ้น
3:12 - ระบบเบรคใหม่ Dual Brake System
3:39 - กระดิ่งที่ติดมาให้ในตัวเลย
3:58 - หน้าจอควบคุมที่ชัดและใหญ่ครบกว่าเดิม
4:26 - ไฟหน้าแบบใหม่
4:53 - แถบสะท้อนแสงรอบคัน
5:26 - บังโคลนล้อหลังที่แข็งแรงครอบเกือบทั้งล้อ
6:01 - ประกันที่เพิ่มขึ้น 2 เท่า มีอะไรบ้าง
6:28 - การพับที่ทำได้ง่ายและการยกด้วยมือเดียว
6:55 - ระยะทางสูงสุด และความเร็วสูงสุดที่ทำได้
7:03 - จุดชาร์จแบตเตอรี่บนตัวรถ
7:54 - ฐานยืนเหยียบที่กว้างกว่าเดิม 30%
8:30 - อธิบายเรื่องการออกตัวบนทางสั้น ๆ
9:52 - ทดลองขี่เองในสนามฝึกซ้อม
10:40 - เตรียมพร้อมก่อนไปฝึกขี่บนถนน
10:57 - ลองขี่บนถนนจริง และฝึกขึ้นฟุตบาท
15:01 - ทดลองขึ้นเนินหลังเต่า
16:29 - รวมถึงราคา Ninebot-Segway F20A
18:30 - สรุปส่งท้าย
สำหรับคนที่อยากไปลองก็ไปลองได้ทุกวัน อันนี้ผมเอาประสบการณ์ที่ไปเจอด้วยตัวเองมาเล่าครับผม...
แต่ส่วนตัวหลังจากลองแล้ว ยังรอ F40 อยู่นะครับ... 😜
มาทดลองขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ออกใหม่ Ninebot by Segway รุ่น F20A รุ่นเริ่มต้นที่ยกหน้าตาเครื่องใหม่ ขนาดใช้ Ninebot Max เกือบทุกวันยังต้องขอไปลองสักที...
เมื่องานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาที่ได้ไปเห็นรถตัวอย่างรุ่นนึงของบูธ Monowheel ตอนนี้ก็เปิดตัวและวางขายทั่วโลกแล้ว อย่างรุ่น F20A ที่ นอกจากการออกแบบ สีดำตัดสีส้มที่ดูสวยแล้ว โครงสร้างที่ดูแข็งแรงแต่เพรียวบางยังดูน่าใช้งานอีก ก็เลย inbox ไปนัดกับทางเพจ Monowheel เพื่อทดลองขับขี่ครับ...
สาเหตุที่ต้องนัดล่วงหน้าก่อน เพราะปกติศูนย์บริการจะมีลูกค้า Walk-in หรือนัดไปซื้อสกู๊ตเตอร์ที่นั่นค่อนข้างมาก และเวลาช่วยเหลือจะต้องใช้พนักงานดูแลหลายคน บางทีทำให้ถ้าไปแบบไม่นัดอาจจะต้องรอให้พนักงานจัดคนมาช่วยดูแล ซึ่งต้องรอเตรียมรถเพื่อให้ทดลองอีกที จากประสบการณ์ที่ทั้งเคยไปแบบนัด และ เดินเข้าไปเลยแล้ว แนะนำให้นัดล่วงหน้าดีกว่าครับ ไปถึงปุ๊บได้ลองเลย...
สำหรับหัวข้อเนื้อหาต่าง ๆ สามารถกดเข้าไปดูได้ตามแต่ละช่วงเวลาเลยครับ...
0:00 - intro
0:30 - แนะนำศูนย์บริการที่นัดมาลองสกู๊ตเตอร์
1:59 - แนะนำ Ninebot-Segway F20A
2:32 - ยางแบบใหม่ใหญ่ขึ้น เกาะถนนขึ้น
3:12 - ระบบเบรคใหม่ Dual Brake System
3:39 - กระดิ่งที่ติดมาให้ในตัวเลย
3:58 - หน้าจอควบคุมที่ชัดและใหญ่ครบกว่าเดิม
4:26 - ไฟหน้าแบบใหม่
4:53 - แถบสะท้อนแสงรอบคัน
5:26 - บังโคลนล้อหลังที่แข็งแรงครอบเกือบทั้งล้อ
6:01 - ประกันที่เพิ่มขึ้น 2 เท่า มีอะไรบ้าง
6:28 - การพับที่ทำได้ง่ายและการยกด้วยมือเดียว
6:55 - ระยะทางสูงสุด และความเร็วสูงสุดที่ทำได้
7:03 - จุดชาร์จแบตเตอรี่บนตัวรถ
7:54 - ฐานยืนเหยียบที่กว้างกว่าเดิม 30%
8:30 - อธิบายเรื่องการออกตัวบนทางสั้น ๆ
9:52 - ทดลองขี่เองในสนามฝึกซ้อม
10:40 - เตรียมพร้อมก่อนไปฝึกขี่บนถนน
10:57 - ลองขี่บนถนนจริง และฝึกขึ้นฟุตบาท
15:01 - ทดลองขึ้นเนินหลังเต่า
16:29 - รวมถึงราคา Ninebot-Segway F20A
18:30 - สรุปส่งท้าย
ตัวรถรุ่น F20A ของ Ninebot by Segway นั้น ก็คือรุ่นเริ่มต้นในซีรี่ F เพราะยังมีรุ่น F30 และ F40 ที่วิ่งได้ระยะทางเยอะกว่าตามมาอีกในอนาคต ตัวโครงรถและล้อรวมถึงระบบเบรคเปลี่ยนใหม่จากซีรี่ Ninebot E Series หมดเลย หลาย ๆ จุดได้ข้อดีจาก Ninebot Max มาด้วยในตัว...
ข้อดีของรุ่นนี้หลังจากได้ลองพบว่า มันแข็งแรงมาก ฐานยืนกว้าง ขึ้นไปยืนขี่ไม่มีโยกเยกเหมือน Ninebot ES4 (ES2 เพิ่มแบตเสริม) ที่ผมซื้อมาใช้เป็นคันแรกเลย แถมบาลานซ์ของเครื่องดี เพราะน้ำหนักไปอยู่ที่ฐานเครื่อง คอเล็กแข็งแรง พับแล้วยกมือเดียวได้สบาย น้ำหนักประมาณ 14.5 กิโลกรัม แต่มันยกง่ายเพราะรูปทรงที่ไม่เกะกะและศูนย์ถ่วงค่อนข้างดีเวลาถือมือเดียว...
ในเรื่องความเร็วและระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้งนั้น ทำระยะทางได้ 20 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการเดินทางที่เหมาะกับการใช้งานแล้วชาร์จต่อวัน เหมาะสำหรับเดินทางประเภทจากบ้านไปที่ทำงาน, ห้างใกล้ ๆ หรือใส่หลังรถไปเดินทางต่อจากที่จอดรถไปที่ทำงาน ความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอยู่ในระดับพื้นฐาน และมาตรฐานของการขับขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสากล...
ส่วนที่ชอบมาก ๆ ก็คือส่วนคอรถที่ประกอบเข้าล็อคแล้วไม่มีโยกเยกหรือสั่นแม้แต่น้อย, ส่วนล้อยางลมที่เกาะถนนเพราะดอกยางคล้าย Ninebot Max แต่เสริมวัสดุโพลิเมอร์ที่ซับแรงด้วยอีกที ทำให้การใช้งานแม้จะไม่มีโช้คเลยแต่ก็นิ่งกว่า Ninebot E series พอควร (เอาพูดตรง ๆ เหมือน Nintbot Max เวอร์ชั่นเล็กกว่าและความเร็วช้ากว่านั่นแหละครับ)...
หน้าจอแสดงผลนอกจากจะแสดงผลได้ครบแล้ว ยังมีความชัดและกว้างขึ้นตัวหนังสือใหญ่ขึ้น ทำให้เห็นสถานะต่าง ๆ ปุ่มพาวเวอร์ยังคงใช้เปิดปิดไฟหน้า เปลี่ยนความเร็วของรถได้เหมือนเดิม 3 ระดับ...
ระบบเบรค ที่ใส่เบรคคู่ เบรคไฟฟ้าล้อหน้าแบบเก่าที่รวมกับดิสก์เบรคล้อหลัง เมื่อบีบเบรคแล้วจะหยุดห้ามล้อทั้งคู่ ทำให้รถไม่เกิดอาการปัด และมีระยะเบรคที่สั้นลงกว่าเดิมปลอดภัย (เหมือนเอาเบรค Ninebot Max มาอัพเกรดอีกทีนึง)...
ส่วนการไปลองขับขี่นั้น ก็เหมือนเดิม คือจะมีพนักงานพาขับขี่รอบบริเวณโชว์รูมที่ มีทั้งโซนที่เป็นถนนลาดยางแบบเรียบ ๆ และถนนคอนกรีตที่ปลอดจากรถ รวมถึงทดลองขี่รอบ ๆ ระหว่างซอย จุฬา 30 และซอยจุฬา 26 เพื่อ ให้คุ้นเคยกับถนนด้วย...
ในเรื่องของการขับขี่หลังจากลองใช้งานแล้วรู้สึกประทับใจที่ขนาดรถเล็กลงกว่าเดิม และยกง่ายขึ้นมาก ๆ เหมือนได้ขี่ Ninebot Max mini เพียงแต่เรื่องของความเร็วและระยะทาง เมื่อใช้ Ninebot Max เดินทางไกล ๆ มาแล้วอาจจะยังรู้สึกว่าเดี๋ยวรอดูรุ่น F40 เข้าไทยและวางขายค่อยตัดสินใจมานัดทดลองอีกทีนึง...
อ้อ!!! ลืมบอกเรื่องประกันว่ารุ่น F20A นี้ประกันเป็น 2 เท่าของรุ่นปกติทุกอย่างเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็น โครงรถ, มอเตอร์, จอแสดงผล และล้อหลังประกัน 2 ปี ส่วนแบตเตอรี่ กับดิสก์เบรคประกัน 1 ปี ส่งซ่อมศูนย์ฟรีถ้าใช้ของศูนย์แท้ครับ...
Ninebot F20A ราคาคันละ 20,900 บาท (พร้อมของแถมอีกมากทั้งหมวก, สนับเข่าศอก ฯลฯ)...
ซื้อที่ศูนย์ : ไปศูนย์ Monowheel เลย แต่แนะนำโทรไปจองก่อนเพราะของหมดไปแล้วชุดนึงเพิ่งมาใหม่ล็อตใหญ่...
ส่วนคนที่อยู่ไกลอยากกดซื้อ F20A จากศูนย์แท้รับประกันเท่ากันกับศูนย์ก็กดจากตรงนี้ไปได้เลยครับ...
Lazada : https://bit.ly/3gNbV1p
Shopee : https://shp.ee/e5i8u8u (มีโค้ดส่วนลดให้กดในลิงค์อีกหน่อยนึง)
คนที่ชอบ Ninebot Max รุ่นใหญ่ แบบใช้ดีทีเดียวจบ แต่หนักหน่อยวิ่งไกลจากปิ่นเกล้าไปไบเทคก็ทำมาแล้ว หรือเอาขึ้นรถบัสรถตู้ไปวิ่งต่างจังหวัดก็แนะนำตัวนี้ตัวจบครับ 29,900 บาท...
Lazada : https://bit.ly/2TGk53X
Shopee : https://shp.ee/i75kzs2 (มีโค้ดลดหน้าร้าน 2 แบบ)...
*Disclosure: เนื้อหานี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่นัดไปทดลองที่ศูนย์ด้วยตัวเอง โดยได้รับการสนับสนุนการบริการให้ยืมรถสกู๊ตเตอร์ทดลองรอบศูนย์จากศูนย์ MONOWHEEL.bike สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า พร้อมศูนย์บริการในไทย
同時也有14部Youtube影片,追蹤數超過116萬的網紅DBigbike,也在其Youtube影片中提到,ผมจะพามาชมทุกรายละเอียดเกี่ยวกับ 2021 All New Honda PCX 160 ที่มีการพัฒนาต่อมาจาก Honda PCX 150 หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรค ABS, ดิสเบรคหน้า หลัง,...
「ระบบเบรค」的推薦目錄:
- 關於ระบบเบรค 在 Facebook 的最佳貼文
- 關於ระบบเบรค 在 Facebook 的最佳解答
- 關於ระบบเบรค 在 จอห์น ไรเดอร์ - John Rider Facebook 的最讚貼文
- 關於ระบบเบรค 在 DBigbike Youtube 的最佳貼文
- 關於ระบบเบรค 在 CarDebuts Youtube 的最佳解答
- 關於ระบบเบรค 在 CarDebuts Youtube 的最佳解答
- 關於ระบบเบรค 在 ระบบเบรครถยนต์แบบดิสเบรก | Car of Know - YouTube 的評價
- 關於ระบบเบรค 在 ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบเบรก - Facebook 的評價
- 關於ระบบเบรค 在 บริการระบบเบรก - FIT Auto 的評價
ระบบเบรค 在 Facebook 的最佳解答
ไปทดลองขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ออกใหม่ Ninebot by Segway : F20A รุ่นเริ่มต้นที่ยกหน้าตาเครื่องใหม่ ขนาดใช้ Ninebot Max เกือบทุกวันยังต้องขอไปลองสักที...
เมื่องานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาที่ได้ไปเห็นรถตัวอย่างรุ่นนึงของบูธ Monowheel ตอนนี้ก็เปิดตัวและวางขายทั่วโลกแล้ว อย่างรุ่น F20A ที่ นอกจากการออกแบบ สีดำตัดสีส้มที่ดูสวยแล้ว โครงสร้างที่ดูแข็งแรงแต่เพรียวบางยังดูน่าใช้งานอีก ก็เลย inbox ไปนัดกับทางเพจ Monowheel เพื่อทดลองขับขี่ครับ...
สาเหตุที่ต้องนัดล่วงหน้าก่อน เพราะปกติศูนย์บริการจะมีลูกค้า Walk-in หรือนัดไปซื้อสกู๊ตเตอร์ที่นั่นค่อนข้างมาก และเวลาช่วยเหลือจะต้องใช้พนักงานดูแลหลายคน บางทีทำให้ถ้าไปแบบไม่นัดอาจจะต้องรอให้พนักงานจัดคนมาช่วยดูแล ซึ่งต้องรอเตรียมรถเพื่อให้ทดลองอีกที จากประสบการณ์ที่ทั้งเคยไปแบบนัด และ เดินเข้าไปเลยแล้ว แนะนำให้นัดล่วงหน้าดีกว่าครับ ไปถึงปุ๊บได้ลองเลย...
ตัวรถรุ่น F20A ของ Ninebot by Segway นั้น ก็คือรุ่นเริ่มต้นในซีรี่ F เพราะยังมีรุ่น F30 และ F40 ที่วิ่งได้ระยะทางเยอะกว่าตามมาอีกในอนาคต ตัวโครงรถและล้อรวมถึงระบบเบรคเปลี่ยนใหม่จากซีรี่ Ninebot E Series หมดเลย หลาย ๆ จุดได้ข้อดีจาก Ninebot Max มาด้วยในตัว...
ข้อดีของรุ่นนี้หลังจากได้ลองพบว่า มันแข็งแรงมาก ฐานยืนกว้าง ขึ้นไปยืนขี่ไม่มีโยกเยกเหมือน Ninebot ES4 (ES2 เพิ่มแบตเสริม) ที่ผมซื้อมาใช้เป็นคันแรกเลย แถมบาลานซ์ของเครื่องดี เพราะน้ำหนักไปอยู่ที่ฐานเครื่อง คอเล็กแข็งแรง พับแล้วยกมือเดียวได้สบาย น้ำหนักประมาณ 14.5 กิโลกรัม แต่มันยกง่ายเพราะรูปทรงที่ไม่เกะกะและศูนย์ถ่วงค่อนข้างดีเวลาถือมือเดียว...
ในเรื่องความเร็วและระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้งนั้น ทำระยะทางได้ 20 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการเดินทางที่เหมาะกับการใช้งานแล้วชาร์จต่อวัน เหมาะสำหรับเดินทางประเภทจากบ้านไปที่ทำงาน, ห้างใกล้ ๆ หรือใส่หลังรถไปเดินทางต่อจากที่จอดรถไปที่ทำงาน ความเร็วสูงสุดที่ทำได้คือ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอยู่ในระดับพื้นฐาน และมาตรฐานของการขับขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสากล...
ส่วนที่ชอบมาก ๆ ก็คือส่วนคอรถที่ประกอบเข้าล็อคแล้วไม่มีโยกเยกหรือสั่นแม้แต่น้อย, ส่วนล้อยางลมที่เกาะถนนเพราะดอกยางคล้าย Ninebot Max แต่เสริมวัสดุโพลิเมอร์ที่ซับแรงด้วยอีกที ทำให้การใช้งานแม้จะไม่มีโช้คเลยแต่ก็นิ่งกว่า Ninebot E series พอควร (เอาพูดตรง ๆ เหมือน Nintbot Max เวอร์ชั่นเล็กกว่าและความเร็วช้ากว่านั่นแหละครับ)...
หน้าจอแสดงผลนอกจากจะแสดงผลได้ครบแล้ว ยังมีความชัดและกว้างขึ้นตัวหนังสือใหญ่ขึ้น ทำให้เห็นสถานะต่าง ๆ ปุ่มพาวเวอร์ยังคงใช้เปิดปิดไฟหน้า เปลี่ยนความเร็วของรถได้เหมือนเดิม 3 ระดับ...
ระบบเบรค ที่ใส่เบรคคู่ เบรคไฟฟ้าล้อหน้าแบบเก่าที่รวมกับดิสก์เบรคล้อหลัง เมื่อบีบเบรคแล้วจะหยุดห้ามล้อทั้งคู่ ทำให้รถไม่เกิดอาการปัด และมีระยะเบรคที่สั้นลงกว่าเดิมปลอดภัย (เหมือนเอาเบรค Ninebot Max มาอัพเกรดอีกทีนึง)...
ส่วนการไปลองขับขี่นั้น ก็เหมือนเดิม คือจะมีพนักงานพาขับขี่รอบบริเวณโชว์รูมที่ มีทั้งโซนที่เป็นถนนลาดยางแบบเรียบ ๆ และถนนคอนกรีตที่ปลอดจากรถ รวมถึงทดลองขี่รอบ ๆ ระหว่างซอย จุฬา 30 และซอยจุฬา 26 เพื่อ ให้คุ้นเคยกับถนนด้วย...
ในเรื่องของการขับขี่หลังจากลองใช้งานแล้วรู้สึกประทับใจที่ขนาดรถเล็กลงกว่าเดิม และยกง่ายขึ้นมาก ๆ เหมือนได้ขี่ Ninebot Max mini เพียงแต่เรื่องของความเร็วและระยะทาง เมื่อใช้ Ninebot Max เดินทางไกล ๆ มาแล้วอาจจะยังรู้สึกว่าเดี๋ยวรอดูรุ่น F40 เข้าไทยและวางขายค่อยตัดสินใจมานัดทดลองอีกทีนึง...
อ้อ!!! ลืมบอกเรื่องประกันว่ารุ่น F20A นี้ประกันเป็น 2 เท่าของรุ่นปกติทุกอย่างเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็น โครงรถ, มอเตอร์, จอแสดงผล และล้อหลังประกัน 2 ปี ส่วนแบตเตอรี่ กับดิสก์เบรคประกัน 1 ปี ส่งซ่อมศูนย์ฟรีถ้าใช้ของศูนย์แท้ครับ...
Ninebot F20A ราคาคันละ 20,900 บาท (พร้อมของแถมอีกมากทั้งหมวก, สนับเข่าศอก ฯลฯ)...
ซื้อที่ศูนย์ : ไปศูนย์ Monowheel เลย แต่แนะนำโทรไปจองก่อนเพราะของหมดไปแล้วชุดนึงเพิ่งมาใหม่ล็อตใหญ่...
ส่วนคนที่อยู่ไกลอยากกดซื้อ F20A จากศูนย์แท้รับประกันเท่ากันกับศูนย์ก็กดจากตรงนี้ไปได้เลยครับ...
Lazada : https://bit.ly/3gNbV1p
Shopee : https://shp.ee/e5i8u8u (มีโค้ดส่วนลดให้กดในลิงค์อีกหน่อยนึง)
คนที่ชอบ Ninebot Max รุ่นใหญ่ แบบใช้ดีทีเดียวจบ แต่หนักหน่อยวิ่งไกลจากปิ่นเกล้าไปไบเทคก็ทำมาแล้ว หรือเอาขึ้นรถบัสรถตู้ไปวิ่งต่างจังหวัดก็แนะนำตัวนี้ตัวจบครับ 29,900 บาท...
Lazada : https://bit.ly/2TGk53X
Shopee : https://shp.ee/i75kzs2 (มีโค้ดลดหน้าร้าน 2 แบบ)...
*Disclosure: เนื้อหานี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่นัดไปทดลองที่ศูนย์ด้วยตัวเอง โดยได้รับการสนับสนุนการบริการให้ยืมรถสกู๊ตเตอร์ทดลองรอบศูนย์จากศูนย์ MONOWHEEL.bike สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า พร้อมศูนย์บริการในไทย
ระบบเบรค 在 จอห์น ไรเดอร์ - John Rider Facebook 的最讚貼文
* ทริปทดสอบ Bajaj Dominar 400 กว่า 2,000 กิโลแบบขี่กันยาวๆ ตั้งแต่เช้ายันค่ำ ยาวหน่อย แต่มีเรื่องราวครบๆ สำหรับคนที่สนใจ *
ทริปนี้เป็นที่คน 5 คนได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ตลอดระยะเวลา 8 วัน 7 คืน โดย Bajaj Dominar 400 คนละคัน
โดยเส้นทางเริ่มต้นจาก จ.เชียงใหม่ ยิงตรงลงใต้ สิ้นสุดที่ จ.ภูเก็ต
ชาวคณะ มี
- แอนนี่ Bikerchick Prisana Panyasirinukul
- บอล พาเที่ยว Naresorn Nunthasuttiwaree
- แพร R1 Tawinun Phoemphun
และ
- เคน ฝรั่ง ตัวแทนจาก @วิถีไบค์เกอร์
ในการเดินทาง พวกเราต้องขี่รถตั้งแต่ 06.00 น. เพื่อถ่ายยังสถานที่ต่างๆ มากมาย โดยขี่จริงทุกขั้นตอน และขี่ตลอดเวลา เพราะจำเป็นต้องถ่ายเก็บรายละเอียดให้มากที่สุดเพื่อนำไปตัดต่อวีดีโอในโอกาสต่อไป
จากการใช้รถตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทริป ผมเป็นคนที่น่าจะใช้รถได้โหดที่สุด เพราะอยากทดสอบว่ารถราคาแสนต้นคันนี้ จะทนทานขนาดไหน และทำไมจึงขายดีที่ประเทศอินเดียรวมกันกว่า 4 ล้านคัน
เริ่มจาก
#ภายนอก
ไฟหน้า - สว่าง ทั้งไฟสูงไฟต่ำ หากเลือกใช้ฟังชั่นเปิดไฟที่ประกับด้านขวาเพื่อขี่ตอนกลางวัน ต้องบอกว่าไฟสว่างมากๆ
ไฟเลี้ยว - สว่างชัดเจน ตำแหน่งเห็นได้ชัด
ไฟท้าย - สว่าง โดยเฉพาะไฟเบรค สว่างมาก
หน้าจอ - จอหลัก สว่างชัดเจน มองเห็นวัดรอบทั้งกลางวันและกลางคืน จอรอง (บริเวณถังน้ำมัน มองไม่ค่อยเห็น ต้องอาศัยการก้มลงมอง ซึ่งจุดนี้ ไม่จำเป็นอย่าก้มมองเลย อันตราย แนะนำให้ก้มมองเวลาจอดเพื่อดูตำแหน่งเกียร์ว่างเท่านั้น (จริงๆ ไม่ต้องมองก็ได้ เพราะเกียร์รุ่นนี้เข้าง่าย ไม่แข็ง
ท่านั่ง - ขี่มาตลอดสองพันโล ไม่เมื่อย ยกเว้นบางทีอาจจะปวดก้นหน่อย เพราะเบาะฟองน้ำค่อนข้างแข็ง แต่สามารถขยับเปลี่ยนอิริยาบถได้
ตำแหน่งเกียร์ ตำแหน่งเบรค - เข้าง่าย ท่านั่งขี่เป็นมิตร ทั้งในเมืองและนอกเมือง
#เครื่องยนต์
เครื่อง 1 สูบ สามหัวเทียน โดยนำเอา Technology จาก KTM มาใช้ มีขนาด ความจุ 373 cc. ให้พลังเกินคาดจริงๆ เพราะสามารถทำความเร็วได้ถึง 173 กม./ ชม. (หน้าไมล์) โดยมีอัตราเร่งค่อนข้างต่อเนื่อง อาจเป็นผลจากการเรียงเกียร์ให้ใช้งานได้อย่างครอบคลุม ทั้งเกียร์ต่ำและเกียร์สูง
อัตราการบริโภคน้ำมัน (น้ำมันเต็มถัง 13 ลิตร)
ซัด 150-160 +- กินอยู่ที่ 17-18 โล/ลิตร 1 ถังวิ่งได้ เกือบ 200 โล
ขี่เรื่อยๆ 100-120 กินอยู่ที่ 26-28 โล/ลิตร 1 ถังวิ่งได้ 200 กว่าโล (ปลายๆ)
เครื่องยนต์ถือว่าดี มีอัตราเร่งที่ดี และสามารถขี่ใช้ความเร็วได้โดยที่ไม่เหนื่อย สามารถแช่ยาวๆ ได้โดยที่เครื่องไม่เหี่ยวและน้ำมันเครื่องไม่หาย
(แต่ความเร็วสูงสุด คนทั่วไปขี่ น่าจะอยู่ประมาณ 165-170)
ที่ชอบเลยคือ ระบบ Slipper Clutch ที่ทำงานได้จริง ตบเกียร์ลงแรงๆ ล้อไม่ล๊อค รวมถึงระบบครัท ที่ถือว่าจับดีมาก ดีดนิดเดียว ล้อลอยง่ายๆ
#ระบบช่วงล่าง - ขอชมเลยว่าช่วงล่างหน้าและหลังดีมาก ขี่ได้ทุกสภาพถนนจริงๆ โดยที่ไม่มีอาการเหนื่อย เพลียของคนขี่ให้เห็น จากเดิมที่เคยทดสอบ และบอกว่าหน้าค่อนข้างหนัก ในทริปนี้ บังเอิญว่ามีเหตุที่เราต้องทำการเซ็ทรถกันในบางส่วน ทำให้พบว่าจริงๆ แล้วชุดแผงคอของเจ้า Dominar ถูกขันมาให้แน่นจนเกินไป ทำให้ช่วงหน้าเวลาเลี้ยวฝืด จึงทำให้รู้สึกว่าหน้าหนัก แต่หลังจากที่มีการตั้งระดับใหม่ ปรากฏว่าขี่เป็นคนละคันเลยทีเดียว สามารถเทโค้งได้แบบเนียนๆ จนเรียกว่าใช้ยางที่ติดรถมาอย่างคุ้มค่าได้เลย
รวมถึงระบบโช๊คอัพทั้งหน้าหลังที่น่าแปลกใจมากว่ามันสามารถขี่ในทางดิน ทางลูกรังได้โดยที่ไม่มีอาการดีด หรือย้วยให้เห็น ทำให้การบังคับรถเป็นไปได้ง่าย สามารถปล่อยมือได้โดยที่ไม่มีอาการแกว่งทั้งช่วงความเร็วต่ำและความเร็วสูง โดยเฉพาะสาวๆ สองคนที่ไปทริปนี้ ก็สามารถขี่ได้อย่างสบายและปลอดภัย
#ระบบเบรค - เบรคหน้าถือว่าเอาอยู่ ไม่จำเป็นต้องอัพเกรด
ระบบ ABS ตอบสนองช้าไปนิด ต้องกระแทกจมๆ ถึงจะทำงาน ส่วนเบรคหลัง ก็ยังคงเหมือนที่เคยรีวิวไว้ คือไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยจากการทดสอบ พบว่าสิ่งที่ไม่ดี ไม่ใช่ปั๊มเบรค แต่เป็นผ้าเบรคที่ Fade ไวมากไปหน่อยเวลาที่มีการใช้งานหนัก แก้ไขได้โดยเปลี่ยนผ้าเบรคดีๆ ซักชุดก็น่าจะดีขึ้น (แต่ถ้าขี่แบบคนทั่วไป ผ้าเบรคเดิมๆ ก็เอาอยู่นะ)
สำหรับสิ่งที่คิดว่าเป็นข้อที่ควรตรวจสอบขอ Dominar 400 มีดังนี้
1. ต้องมีการตรวจสอบการไขตั้งชุดลูกปืนคอให้พอดี จะได้ขี่แล้วสบายกว่ารถที่ทดสอบ (หลังทดสอบเสร็จได้แจ้งกับทางผู้เกี่ยวข้อง และน่าจะมีการตรวจเช็คและปรับปรุงรถใหม่ทุกคัน)
2. เปลี่ยนผ้าเบรคหลัง (หากคุณเป็นคนใช้เบรคหนัก)
3. ไขน๊อตทุกตัวออก แล้วใส่กาวกันคลายประกอบกลับไปใหม่ เพราะทางโรงงานผู้ประกอบไม่ได้ใส่มา หรือใส่มาแต่น้อยมาก ทำให้น๊อตบางตัวอาจมีหลุดได้ (หากใช้รอบสูงตลอด)
4. ตรวจสอบเหล็กรัดที่ท่อ เพราะจากการขี่โดยใช้ความเร็ว ปรากฏว่าเหล็กรัด หลุดหลายครั้ง เนื่องจากพอร้อนแล้วเหล็กของท่อไอเสียมีการขยายตัวทำให้เหล็กรัดเลื่อนตำแหน่ง
นี่คือข้อที่ควรปรับปรุงสำหรับคนที่คิดจะซื้้อ Dominar 400 นอกนั้นถือว่าโอเคหมด จัดได้ว่าเป็นรถที่คุ้มค่าอีกรุ่นในตลาดรถต่างประเทศที่มีการนำเข้ามาขายในบ้านเรา ถ้าหากสนใจดูตัวจริง ลองไปดูที่บูธ Bajaj ที่งาน Motor Show เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมนี้
รถราคา 115,000 บาท กับสิ่งที่ได้ คือซื้อมาใช้ ไม่ซื้อตามกระแส ผมตอบได้เลยว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน
#ขอขอบคุณ
Bajaj Thailand
Digit3
Oneball Organizer
Nikkasit Motographer
ทีมงานเบื้องหลังทุกท่าน
Marshal Staff และผู้ร่วมเดินทางทุกคน
โอกาสหน้าคงได้มีโอกาสได้ขี่เจ้าอีกนะ Dominar 400
_______________________
#Dominar400
#DominarRoadmasters
#BajajThailand
ระบบเบรค 在 DBigbike Youtube 的最佳貼文
ผมจะพามาชมทุกรายละเอียดเกี่ยวกับ 2021 All New Honda PCX 160 ที่มีการพัฒนาต่อมาจาก Honda PCX 150 หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรค ABS, ดิสเบรคหน้า หลัง, เครื่องยนต์ เทคโนโลยี ESP+ , HSTC และ ฟังก์ชั่นต่างๆ
#Honda #AllNewPCX160 #Review
ระบบเบรค 在 CarDebuts Youtube 的最佳解答
เปิดตัว ราคา รีวิว The All-New BMW 4-Series Coupe 2020-2021 บีเอ็มดับเบิ้ลยู ซีรี่ส์4 คูเป้ โฉมใหม่ล่าสุด เจนเนอเรชั่นที่ 2 ราคา 3,969,000 บาท ในไทย
ในที่สุด BMW ก็ได้เปิดตัว The All-New 4-Series Coupe เจนเนอเรชั่นที่ 2 อย่างเป็นทางการ พร้อมปฏิวัติภาษาการออกแบบ ด้วยการใช้กระจังหน้ารูปไตคู่ขนาดใหญ่ ที่กินพื้นที่ ลงมาจนถึงกันชนหน้าส่วนล่าง ถือว่าเป็นความกล้า ที่เปลี่ยนมาใช้ดีไซน์ในลักษณะนี้ เพราะอาจจะถูกใจ หรือไม่ถูกใจ คนที่ได้พบเห็น แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือ ความมีเอกลักษณ์ ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมมาก และสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย จากระยะไกล
การใช้กระจังหน้าแบบใหม่ ทำให้กันชน ถูกออกแบบให้สอดรับกับเส้นขอบของกระจังหน้า ในขณะที่เบ้าไฟตัดหมอก ก็มีขนาดใหญ่ตามไปด้วยเพื่อความสมดุลย์ ไฟเดย์ไทม์ ยังใช้ลวดลายเดิมๆที่เราคุ้นตากันดี ในขณะที่เส้นคอนทัวร์บนฝากระโปรงหน้า ดูคล้ายกับรุ่น Z4 เจนเนอเรชั่นก่อน
ดีไซน์ของบั้นท้าย อาจจะไม่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น เพราะลวดลายภายในของไฟท้าย ดูคล้ายกับรถรุ่นใหม่ๆของบริษัท โดยเฉพาะรถสปอร์ตรุ่นพี่ อย่าง 8-Series แต่ดิฟฟิวเซอร์ท้าย ที่มาพร้อมปลายท่อไอเสียทั้งซ้ายและขวา ดูจะโดดเด่นมากเป็นพิเศษ จากขนาดที่ใหญ่ และกินพื้นที่มาถึงไฟทับทิม เพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยช่องอากาศทั้งสองข้าง ในขณะที่ด้านข้าง ดูสปอร์ตในแบบรถยนต์สไตล์คูเป้ ทั้งนี้ ดีไซน์ของกันชนหน้าและท้าย ลวดลายของล้ออัลลอย ระบบช่วงล่าง ระบบเบรค รวมถึงการตกแต่งในจุดต่างๆ ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่เลือกซื้อ
รุ่นย่อยสำคัญ ใน BMW 4-Series โฉมใหม่ ก็คือ รุ่น M440i xDrive ซึ่งเป็นรุ่น M Performance รุ่นแรกสำหรับ 4-Series โดยมาพร้อมขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 374 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด นอกจากนั้น ยังมีรุ่นมายด์ไฮบริด ที่มากับระบบ Starter Generator ขนาด 48 โวลต์ ที่จะช่วยเพิ่มพละกำลัง ขึ้นมาได้อีก 11 แรงม้า
ระบบเบรค 在 CarDebuts Youtube 的最佳解答
ทดสอบความปลอดภัยจากการชน All-New Isuzu D-MAX 2020 อีซูซุ ดีแมกซ์ รุ่น Crew Cap 4 ประตู โดย ASEAN NCAP
ASEAN NCAP หน่วยงานประเมินความปลอดภัยของรถยนต์ใหม่ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมี CarDebuts เป็นพันธมิตรในประเทศไทย ในการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการทดสอบความปลอดภัยของยานยนต์ ที่มีการจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียน ได้เผยแพร่ผลการทดสอบ All-New Isuzu D-MAX เจนเนอเรชั่นใหม่ รุ่นปี 2020 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
Isuzu เคยส่ง D-MAX เจนเนอเรชั่นก่อน เข้าทำการทดสอบในปี 2014 ซึ่งครั้งนั้น D-MAX ได้รับเรตติ้งระดับ 4 จาก 5 ดาว ในด้านความปลอดภัย สำหรับผู้โดยสารผู้ใหญ่ และผู้โดยสารเด็ก ซึ่งในการทดสอบ ครั้งใหม่นี้ Isuzu ได้ทำการปรับปรุง และพัฒนา D-MAX ให้ดีกว่าเดิมมาก ในหลายจุด
โดย Isuzu D-MAX รุ่นที่เข้ารับการทดสอบ ในครั้งล่าสุดนี้ เป็นรุ่น Crew Cab 4 ประตู ปี 2020 ที่ผลิตในเมืองไทย มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร มีน้ำหนัก 2060 กิโลกรัม ได้รับการติดตั้งถุงลมนิรภัย 2 จุด ระบบเบรค ABS และระบบเตือน การคาดเข็มขัดนิรภัย สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยเป็นรุ่นที่จะมีจำหน่ายในประเทศไทย กัมพูชา ลาว เมียนม่าร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ส่วนรุ่นย่อยอื่นๆ จะมีจำหน่ายในอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และบรูไนด้วย
ระบบเบรค 在 ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบเบรก - Facebook 的推薦與評價
ที่ผม(สัญญพงศ์ อำพันธ์ยุทธ์) สร้างขึ้นนี้ เน้นการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องระบบเบรก รวมถึงช่วงล่างของรถยนต์เป็นหลัก โดยผมรวบรวมปัญหา และคำตอบของวิธีการแก้ไข ... ... <看更多>
ระบบเบรค 在 บริการระบบเบรก - FIT Auto 的推薦與評價
บริการระบบเบรก. เริ่มตั้งแต่ดรัมเบรกไปจนถึงดิสก์เบรก คาลิปเปอร์เบรกไปจนถึงจานเบรก ช่างผู้ชำนาญการจาก FIT Auto เข้าใจ ... ... <看更多>
ระบบเบรค 在 ระบบเบรครถยนต์แบบดิสเบรก | Car of Know - YouTube 的推薦與評價
Car_of_Know # ระบบเบรค #เบรค #ดิสเบรค #เบรครถยนต์ หรือ ลิ้งค์ https://goo.gl/uLS66H Car of Know ช่องเรื่องเกี่ยวกับ รถยนต์ และ มอเตอร์ไซค์ รถ ... ... <看更多>