Steel Rain (2018) สามารถดูได้ใน Netflix
มาแนวแอ็คชั่น-ทริลเลอร์แต่สอดแทรกการเมืองเอาไว้เข้มข้นกว่าเรื่องอื่น ๆ เราอาจจะคิดไปเองนะแต่สังเกตมานานแล้วว่าหนังเกาหลีใต้ทุกเรื่องมีจุดยืนในการแสวงหาสันติภาพและมีความเห็นอกเห็นใจเกาหลีเหนือ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าสิ่งเหล่านี้คือจุดยืนของอุตสาหกรรมหนังบ้านเขาที่นำเสนอผ่านสื่อภาพยนตร์ของตัวเองออกมาอยู่เรื่อย ๆ เพราะในทางหนึ่งแล้ววงการหนังเกาหลีใต้ก็ถูกใช้เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมและปลุกกระแสความรักชาติมาตลอด นักแสดงดัง ๆ หลายคนก็รับบทเป็นคนเกาหลีเหนือโดยไม่ต้องห่วงว่าจะเสียภาพลักษณ์แต่อย่างใด บทบาทตัวละครเกาหลีเหนือเกือบทั้งหมดก็ล้วนมาในลักษณะของการชี้นำให้เห็นผลกระทบจากอำนาจเผด็จการและความยากไร้ของประชาชนในระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วตัวละครเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องแปรพักตร์แต่จะกลับไปต่อต้านความชั่วร้ายของอำนาจเก่า
.
หนังเล่าถึงการรัฐประหารในเกาหลีเหนือแต่ไม่สำเร็จ 100% เพราะ 'ออม ชุลวู' (จุง วูซุง) อดีตทหารองครักษ์แอบลักลอบช่วยเหลือผู้นำสูงสุดหลบหนีออกมารักษาตัวในเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตามผู้ยึดอำนาจฝ่ายเหนือก็ยังคงเดินหน้าประกาศใช้อาวุธนิวเคลียร์โดยที่ประธานาธิบดีฝ่ายใต้ต้องการชิงลงมือตอบโต้ก่อน ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่าย ยังมีคนที่หวังยุติเรื่องราวโดยหวังให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดนั่นก็คือ 'กวัก ชุลวู' (กวัก โดวอน) ตัวแทนจากรัฐบาลเกาหลีใต้
.
หนังเดือดตั้งแต่ที่บอกว่าการรัฐประหารเกือบทุกครั้งเกิดขึ้นโดยทหาร สิ่งดีของหนังคือการแสดงให้เห็นถึงปัญหาของการรวมชาติทั้งจากฝ่ายเหนือและใต้ ได้เห็นความหลากหลายของความคิดเห็นแต่สุดท้ายหนังก็ยังคงมีจุดยืนที่ต้องการนำเสนอเป็นของตัวเองนั่นก็คือการเจรจาหรืออย่างน้อยก็ขอรักษาสันติภาพแม้จะรวมชาติไม่สำเร็จ ในทางหนึ่งของประชาชนทั่วไปในฝั่งใต้ก็ยังคงมีความผูกพันกับญาติตัวเองที่อยู่ฝั่งเหนือ ขณะเดียวกันมันก็มีเหตุผลในเชิงเศรษฐศาสตร์เพื่อสนับสนุนการรวมชาติ ความสงบมันคงอยู่มาตลอดจนกระทั่งกลุ่มหัวรุนแรงขึ้นมามีอำนาจเพราะเชื่อมั่นว่าอาวุธนิวเคลียร์จะเป็นคำตอบสำหรับทุกปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ กลุ่มรัฐประหารมองว่าผู้นำคนเดิมมีนิวเคลียร์ไว้เพียงเพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยึดอำนาจเพื่อนำอาวุธร้ายแรงมาใช้งานสักทีแม้สหายอย่างจีนจะคัดค้านก็ตาม
Director: Woo-seok Yang (ผู้กำกับ The Attorney)
screenplay: Woo-seok Yang
Genre: action, thriller
7.5/10
attorney woo 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最佳解答
The Attorney (2013)
สารภาพว่าโปสเตอร์หนังไม่ดึงดูดเอาเสียเลย จากชื่อหนังชัดเจนว่าหนังทนายความแต่เจอโปสเตอร์แนวครอบครัวยิ้มแย้มแจ่มใสนี่ขายเราไม่ได้นะ พอได้ดูจริง ๆ ก็พบว่ามันไม่เชิงจะเป็นหนังว่าความด้วยเพราะเนื้อหาหลักเป็น character study ของชายคนหนึ่งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวสร้างเนื้อสร้างตัวในเกาหลีใต้จนประสบความสำเร็จในยุคเผด็จการทหาร ซึ่งผู้กำกับเองก็เหมือนจะใช้สื่อภาพยนตร์ทำหน้าที่เกลี้ยกล่อมให้ผู้ชมไม่นิ่งเฉยต่อการเอารัดเอาเปรียบโดยรัฐบาล ที่สำคัญคือหนังได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงด้วยเนี่ยสิ
.
'ซง วูซอก' (ซง คังโฮ) เป็นกรรมกรจบเพียงชั้นมัธยมที่ขวนขวายหาความรู้จนสอบผ่านได้เป็นผู้พิพากษาก่อนจะลาออกมาทำงานเป็นทนายความก่อนจะได้ดิบได้ดีในเส้นทางอาชีพนี้ แม้เขาจะเป็นทนายด้านภาษีแต่เมื่อได้ยินข่าวว่า 'จินวู' ลูกชายของร้านขายเนื้อตุ๋นถูกจับไปทรมานในคดีความมั่นคง เขาจึงไม่ลังเลที่จะอาสาว่าความคดีดังกล่าว
.
อย่างแรกที่ชอบคือการใช้สื่อภาพยนตร์ให้เป็นประโยชน์ หนังออกตัวชัดเจนว่าตั้งใจสนับสนุนการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เผด็จการทหารใช้อำนาจยัดเยียดข้อกล่าวหาให้นักศึกษาว่ามีแนวโน้มจะเป็นกบฏทางความคิด ซึ่งมันน่าสนใจว่าครั้งสุดท้ายที่มีการรัฐประหารในประเทศเขาก็ต้องย้อนไปตั้งปี 1993 แต่เขาก็ยังทำหนังแนว pro democracy ออกมา โดยตัวหนังเองก็มาในลักษณะบิ๊ว ๆ ดราม่าว่านักศึกษาถูกทรมานริดรอนเสรีภาพด้วยเหตุผลทางการเมือง
.
ทีนี้ความน่าสนใจอีกอย่างคือตัวละครซง วูซอกเป็นชนชั้นแรงงานที่ไต่เต้าสร้างฐานะตัวเองจนเป็นทนายความร่ำรวยมีชื่อเสียง ซึ่งในช่วงแรก ๆ ตัวละครนี้ก็เหมือนชนชั้นกลางทั่วไปที่ไม่ได้สนใจการต่อสู้ทางการเมืองของนักศึกษา ซ้ำยังมองว่าประท้วงไปก็ไร้วี่แววชนะ พูดง่าย ๆ ว่าเปล่าประโยชน์จะสู้กับรัฐบาล แต่พอเรื่องมันเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวแล้วเขาได้เห็นความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น เขาจึงตระหนักได้ว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะเขาไม่สามารถทนเห็นลูกหลานของตัวเองเติบโตขึ้นมาในสังคมที่อยู่ภายใต้ความกลัวอำนาจเผด็จการ ซึ่งมันก็เป็นการพัฒนาทัศนคติของตัวละครที่แนบเนียนอยู่เหมือนกัน
.
ฉากว่าความในศาลไม่ได้มาแนวเชือดเฉือนหักมุมอะไร แต่ถูกใช้เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความชั่วร้ายของการใช้อำนาจในทางมิชอบ ด้วยฉากการทรมานบังคับให้เขียนสารภาพผิด ซึ่งโยงไปถึงการเป็นตัวอย่างของการพยายามสร้างคดีความมั่นคงขึ้นมาเพื่อใช้เอาผิดคดี ๆ อื่นในอนาคต และคงไม่ผิดอะไรถ้าจะบอกว่านี่เป็นอีกหนึ่งหนังที่สร้างขึ้นเพื่อยกย่องความดีงามของมนุษย์ที่ยังคงมีหลงเหลืออยู่ท่ามกลางความโหดร้ายบนโลกใบนี้
Director: Woo-seok Yang
screenplay: Yoon Hyeon-ho, Woo-seok Yang
Genre: drama
7/10