บราซิล ประเทศที่เคยเติบโตสูง แต่ตอนนี้คนอยากย้ายออก /โดย ลงทุนแมน
หลายทศวรรษที่ผ่านมา บราซิล เคยได้รับการจับตามองว่า จะกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงประเทศหนึ่งของโลก เพราะเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างโดดเด่น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปีมานี้ ความหวังนั้นค่อย ๆ ริบหรี่ลงไปเรื่อย ๆ
เศรษฐกิจของบราซิลกลับเติบโตช้าลง จำนวนคนตกงานพุ่งสูงขึ้น
เรื่องนี้ทำให้ชาวบราซิลจำนวนมาก เริ่มสิ้นหวังและตัดสินใจอพยพออกนอกประเทศ จนเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “สมองไหล”
เรื่องนี้เป็นอย่างไร ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
รู้ไหมว่า ในช่วงระหว่างปี 2000-2011 บราซิลมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ เร็วที่สุดประเทศหนึ่งในโลก โดยมีอัตราการเติบโตของ GDP เฉลี่ยต่อปีในช่วงเวลาดังกล่าว มากกว่า 5% ต่อปี
ข้อมูลจาก World Bank ระบุว่า ในปี 2012 GDP ของบราซิลสูงถึง 86.2 ล้านล้านบาท ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า GDP ของสหราชอาณาจักร
และเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของโลก ณ เวลานั้น
รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนบราซิล เพิ่มขึ้นจากราว 123,600 บาท ในปี 2000 มาอยู่ที่ราว 426,700 บาท ในปี 2011
จุดเริ่มต้นของทศวรรษแห่งการเติบโตของบราซิลนั้นเกิดมา ตั้งแต่ในช่วงทศวรรษที่ 1990 บราซิลหันมาใช้นโยบายเปิดเศรษฐกิจ รับการค้า การลงทุนจากต่างประเทศ
ขณะที่ในปี 1995 บราซิลได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO)
ทั้ง 2 ปัจจัย ทำให้มีการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศของบราซิลนั้นเพิ่มสูงขึ้น มูลค่าการค้าของประเทศที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการจ้างงานและการลงทุนต่าง ๆ ภายในประเทศเกิดขึ้นตามไปด้วย
การเปิดประเทศยังช่วยให้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตในประเทศ
นอกจากนั้นแล้ว รัฐบาลบราซิลในตอนนั้น
ยังได้แสดงเจตจำนงในการชำระหนี้ที่กู้จากต่างประเทศ
ทำให้ภาระหนี้สินที่บราซิลกู้ยืมจากต่างประเทศ จากเดิมที่ประมาณ 59% ต่อ GDP ในปี 2003 ลดลงจนเหลือ 12% ต่อ GDP ในปี 2009
ภาระหนี้สินที่กู้จากต่างประเทศที่ลดลงจนเหลือสัดส่วนต่ำ ช่วยสร้างความเชื่อถือให้กับนักลงทุนมากยิ่งขึ้น และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของบราซิลให้โดดเด่นมากในเวลานั้น
จนบราซิลเคยถูกจับตามองว่า เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงทางด้านเศรษฐกิจ
บราซิล ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีชื่อว่า “BRIC” ซึ่งประกอบไปด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน ก่อนที่จะเพิ่มประเทศแอฟริกาใต้เข้ามาอีกในปี 2010 และใช้ชื่อว่า “BRICS” ในปัจจุบัน
แต่ใครจะรู้ว่า นับจากนั้นเศรษฐกิจของบราซิลก็เริ่มประสบปัญหา
GDP ของบราซิล ในปี 2020 ลดลงมาเหลือ 47.6 ล้านล้านบาท จากที่เคยสูงกว่า 86 ล้านล้านบาท ในช่วงพีกคือปี 2011
ถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้อดีตประเทศดาวรุ่งอย่างบราซิล กลับต้องเข้าสู่ยุคแห่งความตกต่ำทางเศรษฐกิจ ปัจจัยก็มีอยู่หลายอย่าง เช่น
- ประสิทธิภาพในการผลิตที่ต่ำ สวนทางกับค่าจ้างแรงงานที่พุ่งสูงขึ้น
ข้อมูลจาก World Bank ระบุว่า ในช่วงปี 2003-2014 ค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 68% ในขณะที่อัตราการผลิตต่อคนงานเพิ่มขึ้นเพียง 21%
พูดง่าย ๆ คือ ต้นทุนค่าแรงของธุรกิจเพิ่มขึ้น แต่ประสิทธิภาพและผลผลิตนั้นเพิ่มขึ้นน้อยกว่ามาก ซึ่งการขาดผลิตภาพในการผลิตส่วนสำคัญเกิดมาจากการลงทุนในนวัตกรรมของประเทศที่ต่ำ
- ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
โดยเฉพาะท่าเรือ ถนน หนทาง ทำให้เกิดปัญหาในการขนส่งสินค้าภายในประเทศ ข้อมูลของ World Bank ระบุว่า ความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานของบราซิลนั้น ถูกจัดอันดับอยู่ที่ 56 จาก 160 ประเทศทั่วโลก
ขณะที่ข้อมูลจาก International Trade Administration ของสหรัฐอเมริการะบุว่า การขนส่งสินค้าส่วนใหญ่ภายในบราซิลนั้นใช้รถบรรทุก ซึ่งเมื่อโครงสร้างพื้นฐานอย่างถนนหนทางไม่ค่อยมีความพร้อม ก็ทำให้เกิดต้นทุนค่าขนส่งที่สูง
- ปัญหาคอร์รัปชันในบราซิล ถือว่ารุนแรงไม่แพ้หลายประเทศในแถบอเมริกาใต้
ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (Corruption Perceptions Index) ของประเทศนั้นได้คะแนนน้อยลงเรื่อย ๆ (ยิ่งน้อยลงคือยิ่งภาพลักษณ์ไม่ดีในเรื่องคอร์รัปชัน)
ปี 2012 บราซิลได้ 43 คะแนน และลดลงเหลือเพียง 38 คะแนนในปี 2020
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาการคอร์รัปชันในบราซิลไม่เพียงแต่ยังคงอยู่ แต่กลับเลวร้ายลงเรื่อย ๆ
ปัญหาคอร์รัปชัน มีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายระดับ ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำสูงสุดของประเทศอย่างประธานาธิบดี อย่างเช่น ในปี 2015 อดีตประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ที่ถูกกล่าวหาว่ารับสินบนจากบริษัทรับเหมาก่อสร้าง
โดยเป็นการรับสินบนเพื่อแลกกับ การอนุมัติให้บริษัทรับเหมาก่อสร้าง เข้าไปรับงานก่อสร้างจากบริษัทน้ำมันแห่งชาติที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่อย่างปิโตรบาส รัฐวิสาหกิจน้ำมันรายใหญ่ของประเทศ
ปัญหาคอร์รัปชันที่อื้อฉาวของนักการเมือง นักธุรกิจ สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบราซิลจำนวนมาก
เรื่องนี้ถึงขนาดทำให้ครั้งหนึ่งชาวบราซิลใน 3 รัฐทางใต้ ที่ไม่พอใจการบริหารและเรื่องคอร์รัปชันของรัฐบาล ร่วมลงคะแนนประชามติเพื่อแสดงความต้องการแยกประเทศ ภายใต้แคมเปน “The South is My Country”
การประท้วง การก่อจลาจล และความไม่สงบเรียบร้อยทางการเมือง เกิดขึ้นบ่อยครั้งในบราซิล
ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้บราซิลที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว กลับสะดุด จนเหมือนกลายเป็นคนป่วยแห่งทวีปอเมริกาใต้ไปแล้วในตอนนี้
ความเปราะบางทางเศรษฐกิจแบบนี้ ยิ่งมาเจอผลจากการระบาดของโควิด 19 ก็ยิ่งทำให้จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย
ปี 2014 จำนวนผู้ว่างงานในบราซิลเท่ากับ 6.0 ล้านคน
ปี 2021 จำนวนผู้ว่างงานในบราซิลเท่ากับ 14.7 ล้านคน
จำนวนผู้ว่างงานสูง เศรษฐกิจที่ตกต่ำ
ทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนมากรู้สึกว่า ตนเองต้องการแสวงหาชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ข้อมูลจาก Migration Policy Institute (MPI) ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา มีชาวบราซิลอพยพออกนอกประเทศเฉลี่ยปีละกว่า 100,000 คน และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย และปัญหาความขัดแย้งมากมายในประเทศที่ดูไร้ทางออก
ประเด็นคือ ผู้ที่อพยพออกไป ได้รวมแรงงานที่มีความรู้ ความสามารถ โดยเฉพาะกลุ่มนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Brain Drain” หรือสมองไหล
ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ประเทศหนึ่งกำลังสูญเสียคนเก่งไปจากประเทศ เนื่องจากคนเหล่านั้นต้องการออกไปทำงานและอาศัยในประเทศที่ทำให้พวกเขามีรายได้สูงกว่า สภาพการทำงานที่ดีกว่า
ดังนั้น อนาคตของบราซิลหลังจากนี้ จึงเกิดเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ของคนในประเทศตามมาว่า แล้วประเทศจะพัฒนาและก้าวหน้าจากวันนี้ไปได้อย่างไร ?
คนเก่ง ๆ ที่หมดหวังกับประเทศและอพยพออกไป
ทำให้บราซิลกำลังมีบุคลากรแรงงานที่มีความรู้ ความสามารถ ยิ่งทำให้มีการสร้างสรรค์ความรู้ นวัตกรรมใหม่ ๆ ในการพัฒนาประเทศ ลดน้อยลงเรื่อย ๆ
รู้ไหมว่า วันนี้ สัดส่วนนักวิจัยต่อประชากร 1 ล้านคนของบราซิล มีอยู่เพียง 700 คนเท่านั้น
ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจอื่น
- จีน 1,071 คน
- รัสเซีย 3,191 คน
- สหราชอาณาจักร 4,269 คน
- สหรัฐอเมริกา 4,663 คน
ตอนนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่า ปัญหาสมองไหลที่บราซิลกำลังเจออยู่นั้น จะรุนแรงมากกว่านี้ในอนาคตหรือไม่
และรัฐบาลจะหาทางหยุดปัญหานี้ พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมที่ฝังลึกอยู่ในประเทศได้อย่างไร
แต่เรื่องนี้ ก็ถือเป็นกรณีศึกษา ที่หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยควรต้องจับตามอง
ว่าประเทศที่เคยรุ่งเรือง เปี่ยมไปด้วยความหวัง
ทุกอย่างก็พังทลายลงได้ หากการบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ และเต็มไปด้วยปัญหาคอร์รัปชัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://data.worldbank.org/country/BR
-https://en.wikipedia.org/wiki/BRIC
-https://ditp.go.th/contents_attach/81555/81555.pdf
-https://en.wikipedia.org/wiki/Brazil
-https://www.migrationpolicy.org/article/migration-brazil-making-multicultural-society
-https://en.wikipedia.org/wiki/Brazilian_diaspora
-https://www.worldbank.org/en/country/brazil/publication/brazil-how-resume-growth-keep-social-progress
-https://www.trade.gov/knowledge-product/brazil-infrastructure
-https://tradingeconomics.com/brazil/unemployed-persons
-https://www.if.org.uk/2020/07/06/politics-covid-brain-drain-in-brazil/
-https://www.transparency.org/en/cpi/2020/table/bra
-https://www.bbc.com/thai/international-41544397
-http://chartsbin.com/view/1124
同時也有8部Youtube影片,追蹤數超過14萬的網紅モクシロク,也在其Youtube影片中提到,◆異臭が…散歩中にバラバラ死体発見 https://youtu.be/rqzs1vPz7Xs ◆ネット上に投稿された恐怖映像・未確認生物 https://youtu.be/p0Uuy08XW7w ◆夫を解体…皮を剥ぎ料理した女 https://youtu.be/_Ndr6NZPjt8 ◆動画内...
brain wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
สรุปเส้นทาง โจ ไบเดน ฉบับสมบูรณ์ /โดย ลงทุนแมน
“โจ ไบเดน” ชื่อนี้ คงเป็นชื่อที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลกในเวลานี้
ชายวัยใกล้ครบ 78 ปีคนนี้ คือคนที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา
และกำลังจะเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและการเมืองโลกในอีกอย่างน้อย 4 ปีข้างหน้า
เส้นทางของ ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา ที่นามว่า โจ ไบเดน เป็นอย่างไร?
ลงทุนแมนจะมาสรุปให้ฟัง
╔═══════════╗
แค่เปิด Radars Point ก่อนช้อปออนไลน์ เพื่อเป็นเจ้าของแผนลงทุนหุ้นได้เลย
ดาวน์โหลดที่นี่ : https://radarspoint.page.link/longtunman
╚═══════════╝
โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดน จูเนียร์ (Joseph Robinette Biden Jr.) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “โจ ไบเดน” เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1942 ณ เมือง Scranton รัฐเพนซิลเวเนีย รัฐหนึ่งทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา
ไบเดน เป็นลูกชายคนโตสุดในครอบครัว ซึ่งเขามีน้องชายอีก 2 คน และน้องสาวอีก 1 คน
เมื่ออายุได้ 10 ขวบ ครอบครัวของ ไบเดน ย้ายจากเพนซิลเวเนีย ไปอยู่ที่รัฐเดลาแวร์
เขาเติบโตขึ้นที่เดลาแวร์ และได้ศึกษาระดับปริญญาตรีคณะศิลปศาสตร์ สาขาประวัติศาสตร์และรัฐศาสตร์ จาก University of Delaware ในปี 1965
ปี 1966 ขณะอายุ 24 ปี โจ ไบเดน แต่งงานกับ Neilia Hunter ก่อนจะมีลูกด้วยกัน 3 คน
ไบเดน ตัดสินใจศึกษาปริญญาตรีอีกใบในด้านกฎหมาย และสำเร็จการศึกษาจาก Syracuse University College of Law ในรัฐนิวยอร์ก ในปี 1968
เรื่องที่น่าสนใจก็คือ โจ ไบเดน เริ่มก้าวขาเข้าสู่งานด้านการเมือง ด้วยการชักชวนจากสมาชิกพรรค “รีพับลิกัน”
เมื่อเรียนจบด้านกฎหมาย โจ ไบเดน เข้าทำงานในสำนักงานกฎหมายวิลมิงตัน ซึ่งเป็นสำนักงานกฎหมายที่มีเจ้าของเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน
โจ ไบเดน แสดงความสามารถเรื่องกฎหมายได้เข้าตา จนนักการเมืองฝั่งรีพับลิกันชักชวนให้เขาเข้ามาทำงานด้านการเมือง
แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัวคือ เขาไม่ชอบนโยบายของ Richard Nixon ผู้นำพรรครีพับลิกันในตอนนั้น เขาจึงตัดสินใจทำงานการเมืองด้วยสังกัด “พรรคอิสระ” คือไม่สังกัดพรรคใดๆ เลย
ต่อมาในปี 1969 โจ ไบเดน ได้เข้าทำงานกับสำนักงานกฎหมายที่นำโดยสมาชิกพรรคเดโมแครต เขาทำผลงานได้เข้าตาอีกครั้ง และตัดสินใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต
ซึ่งคราวนี้ เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาเขต นิว คาสเซิล เคาน์ตี้ ในรัฐเดลาแวร์ หลังจากเข้าร่วมพรรคเดโมแครตได้เพียงไม่ถึงหนึ่งปี
หลังจากสั่งสมประสบการณ์ด้านการเมืองได้ 4 ปี จุดเปลี่ยนสำคัญของ โจ ไบเดน ก็มาถึง
ช่วงปลายปี 1972 ขณะที่อายุ 29 ใกล้ 30 ปี
โจ ไบเดน ได้รับการเลือกให้เป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐเดลาแวร์
ซึ่งทำให้เขาเป็นหนึ่งในวุฒิสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา
แต่ชัยชนะและความสำเร็จอันน่ายินดีของเขาในตอนนั้น กลับตามมาด้วยโศกนาฏกรรมของครอบครัวอย่างที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว..
ช่วง ธันวาคม ปีเดียวกันนั้นเอง เพียงไม่ถึงเดือนหลังจากชัยชนะที่ได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิกรัฐเดลาแวร์
ภรรยาและลูกๆ ของโจ ไบเดน ประสบอุบัติเหตุรถชนอย่างรุนแรง
เหตุการณ์นี้ ทำให้ภรรยาและลูกสาวคนสุดท้องของเขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และขณะนำส่งโรงพยาบาลในวันนั้น
ขณะที่ลูกชายทั้งสอง บาดเจ็บสาหัสจนต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน
เรื่องนี้ทำให้ โจ ไบเดน ต้องปฏิญาณตนเพื่อเข้ารับตำแหน่งวุฒิสมาชิก ที่ข้างเตียงของลูกๆ ในโรงพยาบาล
และเดินทางไปมาระหว่างทำเนียบขาวในรัฐวอชิงตัน ดี.ซี. และโรงพยาบาลในเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ ที่อยู่ห่างกันกว่า 190 กิโลเมตร เกือบทุกวัน เพื่อทำงานและกลับมาเจอหน้าลูกๆ
จนเมื่อลูกๆ โตขึ้นและเข้าโรงเรียน
ในปี 1975 โจ ไบเดน ก็ได้พบรักกับคุณครูสอนภาษาอังกฤษ
และได้ตกลงแต่งงานกันในอีกสองปีถัดมา
ภรรยาคนที่สองของเขาที่ว่านี้ ชื่อว่า จิลล์ ไบเดน
และเธอคนนี้เอง ที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็น “สตรีหมายเลข 1” คนใหม่ของสหรัฐอเมริกา
จากจุดเริ่มต้นการเป็นวุฒิสมาชิกรัฐเดลาแวร์ในปี 1973 ของโจ ไบเดน
รู้หรือไม่ว่า เขาได้รับการเลือกให้เป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐแห่งนี้ ติดต่อกันถึง 6 สมัย คือช่วงปี 1973-2009 ซึ่งรวมแล้วเป็นเวลาถึง 36 ปี เลยทีเดียว
โดยหน้าที่ ที่โดดเด่นของเขา ขณะดำรงตำแหน่งนี้ เช่น
- เป็นประธานและสมาชิก ในคณะกรรมการตุลาการวุฒิสภา (The Senate Judiciary Committee)
ซึ่งมีบทบาทในการดูแลการทำงานของกระทรวงยุติธรรมในสหรัฐฯ, เสนอชื่อตุลาการ และคอยตรวจสอบทบทวนกฎหมายที่รอการดำเนินการอนุมัติ
- เป็นประธานและสมาชิก ในคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภา (The Senate Foreign Relations Committee)
โดย โจ ไบเดน เป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทความสำคัญ ในการเดินทางไปเยือน และสร้างความสัมพันธ์กับนานาประเทศ
ไบเดน ยังเคยรับหน้าที่เป็นประธานร่วม (co-chairman) ขององค์การ NATO
ที่ทำหน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยในเรื่องสงครามและการก่อการร้าย โดยเฉพาะในยุโรปและตะวันออกกลาง
ด้วยประสบการณ์ด้านการเมืองอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 1973 จนถึงปี 2009 ทำให้ผลงานและชื่อเสียงของ โจ ไบเดน ไปชนะใจของอดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐอเมริกา จากพรรคเดโมแครต
โจ ไบเดน จึงได้รับเลือกจาก โอบามา ให้เป็น “รองประธานาธิบดี” ในทั้งสองสมัยที่ โอบามา ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในปี 2009-2017
หลังสิ้นสุดการทำหน้าที่ 8 ปี ในฐานะรองประธานาธิบดีที่ทำเนียบขาว
โจ ไบเดน ได้กลับมาที่รัฐเดลาแวร์อีกครั้ง
พร้อมก่อตั้งหลายมูลนิธิเพื่อผู้ขาดแคลนโอกาสและประสบความทุกข์ยากในสหรัฐฯ
เช่น กองทุนเพื่อการต่อสู้โรคมะเร็ง เนื่องจากในปี 2015 ลูกชายคนโต “Beau Biden” วัย 46 ปี ก็เพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในสมอง
ในเดือนเมษายน ปี 2019 โจ ไบเดน เลือกที่จะสร้างความท้าทายครั้งใหม่ให้ตัวเองอีกครั้ง
ด้วยการประกาศลงสมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา
แล้วทุกอย่างก็เดินทางมาจนถึงวันนี้
เขากำลังจะก้าวเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ในวัยกำลังจะครบ 78 ปี ในฐานะตัวแทนจากพรรคเดโมแครต หลังจากมีการเผยผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ (Projected Winner)
โดย โจ ไบเดน มีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง หรือ Electoral College มากกว่า 270 เสียง เอาชนะ ดอนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ไปได้
ทำให้ โจ ไบเดน จะสร้างสถิติใหม่ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีอายุมากที่สุดขณะได้รับเลือก (ซึ่งเจ้าของสถิติเดิมก็คือ ดอนัลด์ ทรัมป์ ที่มีอายุ 70 ปี ขณะเข้ารับตำแหน่ง)
และหลังจากนี้ ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า
โจ ไบเดน จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เศรษฐกิจและการเมืองโลกไปในทิศทางไหน ในฐานะที่สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศมหาอำนาจเบอร์หนึ่งในเรื่องขนาดเศรษฐกิจในโลกใบนี้
ซึ่งเราคงได้เห็นทิศทางการดำเนินนโยบาย ที่แตกต่างออกไปจากสี่ปีที่ผ่านมาไม่น้อย
เพราะ โจ ไบเดน ได้นำเสนอนโยบายต่างๆ ในช่วงหาเสียง ที่ค่อนข้างสวนทางกับทางฝั่ง ดอนัลด์ ทรัมป์
โดยนโยบายที่น่าสนใจของ โจ ไบเดน ก็อย่างเช่น
- ผลักดันโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ซึ่งจะใช้งบประมาณโครงการกว่า 21 ล้านล้านบาท ซึ่งครอบคลุมทั้งเรื่องโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน, การสื่อสารด้วย 5G, รถยนต์ไฟฟ้า และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
- เพิ่มภาษีนิติบุคคล จาก 21% เป็น 28% ขึ้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อัตราสูงสุดเป็น 39.6% จากเดิมอยู่ที่ 37% และเตรียมเก็บภาษี Capital Gain ในอัตราเดียวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เฉพาะผู้ที่มีรายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี
จะเห็นว่า โจ ไบเดน มีความเห็นสวนทางกับ ดอนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องจัดเก็บภาษี
โดย โจ ไบเดน มองว่าสหรัฐฯ ควรเก็บภาษีได้มากขึ้น เพื่อนำเงินภาษีที่ได้ไปกระจายการพัฒนาประเทศให้ครอบคลุมคนอเมริกันมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องสาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐาน และบริการสาธารณะต่างๆ
ส่วน ดอนัลด์ ทรัมป์ มองต่างกัน คือเน้นเก็บภาษีนิติบุคลลในอัตราต่ำ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเติบโตและแข่งขันอย่างเต็มที่ในภาคธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโต การจ้างงาน และความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ
นอกจากนี้ โจ ไบเดน ยังให้ความสำคัญกับพลังงานหมุนเวียน อีกทั้งจะนำสหรัฐฯ กลับสู่ข้อตกลงปารีส และผลักดันให้สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ยุติการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2050
แตกต่างกับนโยบายของ ดอนัลด์ ทรัมป์ ที่จะยังคงใช้ประโยชน์จากพลังงานน้ำมันและถ่านหิน
นโยบายอื่นๆ ที่น่าสนใจ ก็เช่น เปลี่ยนจากการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน มาเป็นพันธมิตรกับนานาประเทศ เพื่อกดดันจีนแทน และนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้แรงงานในสหรัฐฯ ขึ้นอีกเท่าตัว
ส่วนความท้าทายที่รออยู่ของ โจ ไบเดน ก็คงมีอยู่ไม่น้อย
ทั้งเรื่องวิกฤติโรคระบาด ที่ส่งผลกระทบทั้งด้านสาธารณสุข และเศรษฐกิจภายในประเทศ
และความท้าทายในด้านเศรษฐกิจรวมถึงการค้าโลก ที่ตอนนี้ จีน กำลังตีตื้นสหรัฐอเมริกาขึ้นมาใกล้ทุกที ทั้งด้านเศรษฐกิจ และเทคโนโลยี
ก็น่าสนใจว่า
บทบาทของสหรัฐอเมริกาในเวทีโลก
จะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่
ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา ที่ชื่อว่า “โจ ไบเดน”..
╔═══════════╗
แค่เปิด Radars Point ก่อนช้อป เพื่อเป็นเจ้าของแผนลงทุนหุ้นเหล่านี้ได้เลย! ทั้ง Apple, Starbucks, Facebook, Google, Amazon, Netflix ฯลฯ อีกมากมาย ได้ทั้งช้อปและได้ลงทุนด้วย
.
📌 ปักหมุดเทศกาลช้อปออนไลน์ 11.11 นี้ไว้ อย่าลืมเปลี่ยนทุกการช้อปให้เป็นการลงทุนผ่าน Radars Point ลงทุนง่ายๆ ด้วยการช้อปปิ้งออนไลน์
.
พิเศษ! สำหรับผู้อ่านลงทุนแมน เพียงกรอกโค้ดลับ LTM8 รับฟรี 8 Point นำไปเริ่มต้นลงทุนได้ฟรีทันที!
.
ดาวน์โหลดที่นี่ : https://radarspoint.page.link/longtunman
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://blog.radarspoint.com/radars-point/
╚═══════════╝
References
-https://joebiden.com/joes-story/
-https://www.whitehouse.gov/about-the-white-house/the-legislative-branch/#:~:text=Since%20then%2C%20they%20have%20been,of%20the%20state%20they%20represent.
-https://en.wikipedia.org/wiki/Joe_Biden
-https://www.thansettakij.com/content/world/455586?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=debate_usa63
-https://ana-neurosurgery.com/biden-brain-cancer/
-https://thestandard.co/compare-trump-biden-policy/
brain wiki 在 People Persona Facebook 的最讚貼文
The 10th man rule
ชายคนที่ 10 ผู้มาทลายกับดักของความคุ้นเคย
.
ใครที่เคยดู World War Z คงจะจำได้กับฉาก Highlight
ฉากนี้เป็นฉากสนทนาระหว่าง Gerry (Brad Pitt)
และ Agent Jurgen Warmbrunn (Ludi Boeken)
ที่ถามว่าอิสราเอลรู้ได้อย่างไรว่า zombie มีจริงและสร้างกำแพง
และคำถามสำคัญทำไมถึงเชื่อกับเรื่องแบบนี้ (ผมเองผมก็ไม่เชื่อว่าโลกนี้จะมี zombie อย่างน้อยก็ในขณะที่พิมพ์อยู่ตอนนี้)
.
สิ่งที่สำคัญคือหลังจากนี้ครับ
Agent Jurgen
แกอธิบายเหตุการณ์สำคัญที่ชาวยิวและอิสราเอลถูกสังหาร 3 เหตุการณ์ใหญ่ที่คาดไม่ถึง
ในปี 1930
ชาวยิวไม่เคยใครคิดว่าจะถูกล้างบางโดยพวกนาซี
ในปี 1972
ไม่มีใครคิดว่านักกีฬาโอลิมปิค
จะถูกสังหารใน Munich Olympic
ในปี 1973
ไม่มีใครคิดว่า อียิปต์ ที่เป็นผู้นำชาติอาหรับทำสงครามกับ อิสราเอล จะกล้าบุกแนวป้องกันที่ประดุจหินผา "บาเลฟไลน์" และไล่ต้อนทหารและกองกำลังระดับพระกาฬของอิสราเอลจนแตกกระเจิง (ช่วง 3-4 วันแรก)
.
จากเหตุการณ์ข้างต้น หน่วยข่าวกรองของอิสราเอล
จึงต้องหาแนวทางใหม่
โดยเรียกแนวทางปฏิบัตินี้ว่า "กฎของบุรุษคนที่ 10"
โดยคนที่ 10 นี้จะถูกแต่งตั้งจากคณะกรรมการ
โดยทำหน้าที่เป็นผู้คัดค้าน ฉันทามติของที่ประชุม
หรือการตัดสินใจต่างๆที่มีผู้คล้อยตามมากๆ
และนั่นทำให้ อิสราเอล เตรียมพร้อมและสร้างกำแพงป้องกัน zombie ตามที่ได้เห็นในหนังครับ
.
เรื่องเล่าในหนัง มีในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลครับ
วิธีการของ "กฎของบุรุษคนที่ 10"
จึงถูกนำมาใช้เพื่อ...
.
- ลดการเกิดความเคยชิน การไม่ยอมเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ (Status quo bias)
.
- ลดการเกิดคนส่วนน้อยคล้อยตามคนส่วนมาก (Bandwagon effect)
.
และเพิ่มประโยชน์ในด้าน การวิเคราะห์ความเสี่ยง สร้างนวัตกรรม เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมประชากร
.
โดยวิธีการคือมอบหมายหน้าที่ให้ บุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ทำหน้าที่ในการแกล้งไม่เห็นด้วยกับมติในที่ประชุม เพื่อให้ทุกคนได้ฉุกคิดและมองเรื่องราวในประเด็นที่แตกต่างไป
.
จากเรื่องราวที่กล่าวมา ผมคิดว่าเราสามารถนำ The 10th man rule มาใช้ประโยชน์ในงานประจำของเราได้
หลายประการ เช่น
1. หากทีมคุณกำลังเผชิญกับปัญหาการไม่กล้าถกเถียงกันและการเผชิญหน้าในการประชุม
ก็คงถึงเวลาแล้วที่ทีมคุณควรมีกิจกรรม Trust building, team building, brain writing
หรือ การหา Facilitator จากภายนอกมาช่วยเสนอหัวข้อไอเดียใหม่ๆ และต้องผนวกกับบรรยากาศที่ขัดแย้งแบบสร้างสรรค์
.
2. หากทีมหรือหน่วยงานคุณสามารถเปิดรับการโต้แย้งได้
การนำ Survey, feedback ไอเดียประหลาดๆ จากบุคคลอื่น
เพื่อนำมาถกเถียงกัน ก็อาจทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในงานหรือสินค้าของคุณ
.
3. ถ้าทีมคุณเป็นผู้นำองค์กร และการประชุมราบรื่น เสมอๆ บางทีคุณอาจจะต้องเริ่มหาเครื่องมือใหม่
มาเพื่อค้นหาว่าฉันทามตินั้นมีอะไรที่เป็นจุดอ่อน
ยกตัวอย่างเช่น กำหนดให้คนในที่ประชุมแสดงว่าคิดเห็นว่า อะไรที่จะทำให้แนวทาง/สินค้า นี้จะล้มเหลว
.
พักผ่อนมาหลายวัน เลยนำสาระมาฝากกันครับ
ใครคิดอย่างไรมาแลกเปลี่ยนกันครับ
จากที่เขียนมาทั้งหมด
มาจากประสบการณ์และความคิดของพนักงานเงินเดือน
พ่อลูกหนึ่ง ภรรยาหนึ่ง 🤣 เท่านั้นครับ
#pskirin
ref:
https://www.youtube.com/watch?v=AcNK7M2eCI4
https://en.wikipedia.org/wiki/Yom_Kippur_War
https://www.strive.com/post/the-10th-man-rule
brain wiki 在 モクシロク Youtube 的精選貼文
◆異臭が…散歩中にバラバラ死体発見
https://youtu.be/rqzs1vPz7Xs
◆ネット上に投稿された恐怖映像・未確認生物
https://youtu.be/p0Uuy08XW7w
◆夫を解体…皮を剥ぎ料理した女
https://youtu.be/_Ndr6NZPjt8
◆動画内容
あと20年以内に不老不死を70-80%の確率で達成できるかもしれない。
映画『マトリックス』『レディプレイヤー1』『トランセンデンス』のような世界が、すぐそこにあるー。
そう語るのは、東京大学の脳科学者 渡辺正峰准教授。
人間の意識を機械にアップロードする事で、永遠の命を手にすることが出来るかもしれない。では、そもそも我々人類の"意識"とは何なのか?死後人間の意識が存続する可能性を唱える量子脳理論や、人間の脳と機械をつなぐbrain machine interface等、近年の脳科学研究を紹介しつつ、専門的に深堀りした動画をお送りします。
また、毎年日本では2万人近い人々が自ら命を断ちます。
現状の医療技術では、肉体の老化を止めることは不可能であり、今この肉体で生きる事が出来る時間は、皆限られています。
残された時間をどう有意義に生きるか?動画の最後に、メッセージをお送りします。
◆渡辺正峰先生のtwitter
https://twitter.com/watanabemasata
◆『モクシロク』とは!?
当チャンネルは、恐怖体験や都市伝説、社会問題などを扱う社会派チャンネルです。人と違った壮絶な経験をした人や、今活躍中の人に取材し、映画監督の天野友二朗、MVディレクターの間宮光駿により、学校や会社では教えてくれない「明日を生きるヒント」をお届けします。
「あなたの人生の主役は、あなた自身です」
#不老不死 #都市伝説 #怖い話
◆天野友二朗のTwitter
https://twitter.com/TYFILMS1
◆間宮光駿のTwitter
https://twitter.com/koshun_M78
◆取材依頼・お仕事の依頼 問い合わせ
tomojiro914amano@yahoo.co.jp
◆クレジット
監督/企画/構成 天野友二朗
脚本/ナレーション 天野友二朗
YouTubeチャンネルプロデューサー 間宮光駿
撮影 天野友二朗 若月
編集 天野友二朗
チャンネルデザイン/デザイナー 間宮光駿
BGM作曲・音響効果 天野友二朗
協力 若月
※本動画で使用されるBGMは、全てオリジナルの楽曲、または著作権の切れたクラシック音楽を独自に収録したものです。
※source (引用)
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Caf%C3%A9_wall.svg
https://www.flickr.com/photos/stanzim/48030388358
https://www.rokkou-co.jp/wp/cvandcd/
https://www.kodomonokagaku.com/read/hatena/5195/
https://www.cocolor.biz/colorlesson/%EF%BC%93%E7%A8%AE%E3%81%AE%E9%8C%90%E4%BD%93%E3%81%AE%E6%B3%A2%E9%95%B7%E5%88%A5%E6%84%9F%E5%BA%A6/
https://karapaia.com/archives/52040473.html
https://www.youtube.com/watch?v=nsjDnYxJ0bo&t=20s
https://www.youtube.com/watch?v=oO0zy30n_jQ
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:SSRI_HOW_THEY_WORK.jpg
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Components_of_neuron.jpg
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Blausen_0657_MultipolarNeuron.png
https://pixabay.com/ja/illustrations/%E5%9B%B3%E9%9D%A2-%E7%A5%9E%E7%B5%8C%E7%B4%B0%E8%83%9E-%E3%83%8B%E3%83%A5%E3%83%BC%E3%83%AD%E3%83%B3-732830/
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Microtubule_structure.png
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Anonyme_-_Portrait_de_Ren%C3%A9_Descartes_(1596-1650),_philosophe_et_savant_-_P150_-_Mus%C3%A9e_Carnavalet.jpg
https://www.flickr.com/photos/zeissmicro/15273960571
https://www.flickr.com/photos/zeissmicro/15090531868
https://www.researchgate.net/figure/Nissl-stained-coronal-sections-through-the-brains-of-two-anthropoid-primates-showing-the_fig5_261709702
https://note.com/sukegorisuke/n/ndfc3f25ed993
https://www.wikiwand.com/ja/%E8%84%B3%E6%A9%9F%E8%83%BD%E5%B1%80%E5%9C%A8%E8%AB%96
http://www.jsnp.jp/cerebral/k6.htm
https://kotobank.jp/word/%E5%A4%A7%E8%84%B3-91861
https://pixabay.com/ja/photos/%E6%9C%AC%E3%83%97%E3%83%AD%E3%82%BB%E3%83%83%E3%82%B5%E3%83%BC-%E5%8D%8A%E5%B0%8E%E4%BD%93-3345604/
https://medley.life/diseases/54b52ae2517cef641a0041ad/details/knowledge/symptoms/
https://indiepr.es/blog/neuralink/
https://www.itmedia.co.jp/news/articles/2008/30/news019.html
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Roger_Penrose_9681.JPG
https://www.youtube.com/watch?v=YpUVot-4GPM
https://www.youtube.com/watch?v=sZrQlFBzpdM
https://www.youtube.com/watch?v=SbnZpfFaMzM

brain wiki 在 モクシロク Youtube 的最讚貼文
※今悩みがある方は最後までご覧下さい。
◆動画内容
あなたは、死後の世界を信じますか?
今回は、死後の世界の存在を裏付ける、海外の臨死体験の事例を紹介し、実際に国内で臨死体験をした人に取材をしました。18歳の時に人生に絶望し、バイクでトラックに激突。自ら命を断った末、死後の世界から生還した東京都在住の56歳男性。また、東京大学 准教授でもある脳科学者の渡辺正峰先生にも取材し、専門家の見解も交え考察しました。
寿命があるならば、後悔の無い人生を生きるにはどうしたら良いのだろうか?
#臨死体験 #死後の世界 #都市伝説 #怖い話
◆『モクシロク』とは?
当チャンネルは、恐怖体験や都市伝説、社会問題などを扱う社会派チャンネルです。極力当事者や専門家の生の声を直接取材することにこだわった動画をお届けします。
映画監督の天野友二朗、MVディレクターの間宮光駿により、明日を生きるヒントになる動画をお届けします。
「あなたの人生の主役は、あなた自身です」
◆臨死体験者 森さんのtwitter
https://twitter.com/MoriHiroyasu
◆脳科学者 渡辺正峰先生のtwitter
https://twitter.com/watanabemasata
◆天野友二朗のTwitter
https://twitter.com/TYFILMS1
◆間宮光駿のTwitter
https://twitter.com/koshun_M78
◆取材依頼・お仕事の依頼
問い合わせ tomojiro914amano@yahoo.co.jp
※本動画で使用されるBGMは、全てオリジナルの楽曲、または著作権の切れたクラシック音楽を独自に収録したものです。
◆クレジット
監督/企画/構成 天野友二朗
脚本/ナレーション 天野友二朗
YoutTubeチャンネルプロデューサー 間宮光駿
撮影 天野友二朗 若月
編集 天野友二朗
チャンネルデザイン/デザイナー 間宮光駿
BGM作曲 天野友二朗
弦楽演奏 新日本BGMフィルハーモニー管弦楽団
※引用
https://www.youtube.com/watch?v=97byjpz-TMk&t=120s
https://www.near-death.com/science/evidence/people-have-ndes-while-brain-dead.html
https://www.youtube.com/watch?v=Q9aQ-Dmmsno
https://ja.wikipedia.org/wiki/%E8%87%A8%E6%AD%BB%E4%BD%93%E9%A8%93

brain wiki 在 コジコジのオタク文化 情報局 Youtube 的最讚貼文
シャープの電子辞書『SHARP Brain PW-GC610』をWindows CEに魔改造する方法・手順を紹介します。今回はceOpenerを使いWindows CE化を行い、不朽の名作DOOM(FreeDOOM)をプレイ出来ます!!
ハードオフで中古で2,000円(税別)で購入しました。
参考サイト:https://brain.fandom.com/ja/wiki/Brain_Wiki
【もくじ】
00:00 シャープの電子辞書
03:32 通電・動作確認
04:19 Windows CE化
08:06 Windows CE起動
11:09 Em Editor
11:42 MP3プレイヤー
12:11 DOOMプレイ
13:10 まとめ
