#Opinion by Jack Kwan | "Supreme leader Xi Jinping’s “dual circulation” strategy may come to the timely rescue of Xinjiang cotton. The ground-breaking strategy is meant to offset the impacts of deglobalization and anti-China protectionism by placing more emphasis on domestic production, distribution and consumption (internal circulation) while opening China’s door more widely to engage foreign investments (external circulation). According to Xi, external circulation would support internal circulation although hardly anyone knows the mechanism by which the two circulations intertwine to generate economic benefits, if any. Nevertheless, it is perfect timing for Xi to put his “dual circulation” strategy into action to resolve the Xinjiang cotton crisis."
Read more: https://bit.ly/39AJ0eu
____________
📱Download the app:
http://onelink.to/appledailyapp
📰 Latest news:
http://appledaily.com/engnews/
🐤 Follow us on Twitter:
https://twitter.com/appledaily_hk
💪🏻 Subscribe and show your support:
https://bit.ly/2ZYKpHP
#AppleDailyENG
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過19萬的網紅คุยการเงินกับที,也在其Youtube影片中提到,ไม่ใช่แค่การ deglobalization แต่รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร? เราได้รู้ภาพใหญ่ว่าโลกจะแบ่งเป็น 2 ขั้ว global supply chains เปลี่ย...
deglobalization 在 Facebook 的精選貼文
信報 英眼狙擊
3D概念大勢所趨 猛攻不忘平衡組合
今年股市升勢對比2009年金融海嘯後的大反攻有過之而無不及。全球大印鈔兼大派銀紙之外,市場熱情追捧「3D」概念,數碼化(Digitalization)、去碳排放(Decarbonization)及去全球化(Deglobalization),都被視為有排玩的長期趨勢,科網股、新能源股和本土品牌,全部都長升長有。3D泡沫正在加速膨脹,於是買入任何未能歸類於這3個概念的公司,就會嚴重蝕章。尤其新一代投資者在股市中扮演的角色愈來愈重要,他們更加急功近利,極重視機會成本,與其趁低吸納價值股死守,倒不如追入動力澎湃的當炒股鬥癲。大把成功例子證明高處未算高,長期利率壓抑之下,公司10年之後才交到功課也沒有問題。即使近期在預期經濟復甦之下,傳統股份稍有起色,但也要沾上3D元素才比較突出,例如高盛及摩根大通在金融科技發展較好,又或者銅股被視為電動車供應商等,否則就會曇花一現,欠缺續航力。
從互動媒體回應可見,筆者已被部分人標籤為廢老,太過保守贏得少。雖然年輕人經驗少,可能最近幾個月才入市,未曾受過跌市的考驗,以為年年投資都應該贏幾成。不過他們也未嘗沒有道理,難得出現一個3D泡沫,未見絲毫逆轉徵兆,當然要好好把握,所以最近個幾月筆者也變得積極進取。
始終汲取過2000年的經驗,組合上盡量比較平衡,一路贏錢的話,就一路逐漸加大防守股的比重,重點是避開價值陷阱,在傳統股份中趨吉避凶。譬如聽完政府顧問的訪問,本地銀行以至地產股都應該在年底前找機會撤退。香港政府執行能力實在太低,何況還欠缺3D元素。無疑以資產淨值折讓及股息率計是便宜,夠耐性假以時日,很可能有一成以上的反彈空間,但以目前只爭朝夕的文化,鎖死資金是大罪,擔心重光日子會很遙遠。持貨的話,恐怕睇住其他人贏到嘔,結果心理不平衡把持不住會沽出換馬,與其擾攘一番又未必贏,倒不如一早尋找其他目標。
基金持有高盛
豐盛金融資產管理董事
#英眼狙擊 #英sir #黃國英 #信報
deglobalization 在 KIM Property Live Facebook 的精選貼文
วัฏจักรรอบใหญ่ของสหรัฐ ตอนที่ 1 : 1929 - 1945
ในบทที่ 5 ตอนที่ 1 ของซีรีย์ THE CHANGING WORLD ORDER เขียนโดยเรย์ ดาลิโอ ที่เป็นภาคต่อของบทที่แล้วที่เล่าถึงประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลก 500 ปี ซึ่งหยุดไว้ที่ช่วงปลายยุคจักรวรรดิของสหราชอาณาจักร มาถึงบทนี้ที่ชื่อตอนว่า The Big Cycles of the United States and the Dollar Part 1 จะกล่าวถึงช่วง 1929 – 1945 ที่อยู่ในหน้าสำคัญของประวัติศาสตร์โลก เพราะมี 2 หายนะครั้งใหญ่เกิดขึ้นคือ
1. The Great Depression ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (1929-1933)
2. World War II สงครามโลกครั้งที่ 2 (1939-1945)
เรย์ได้เกริ่นก่อนว่าเขาไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ แต่เขาเป็นนักลงทุน เพราะฉะนั้นงานวิจัยของเขาไม่ได้ทำเพื่อเสาะแสวงหารายละเอียดต่าง ๆ แต่มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตอย่างมีเหตุมีผล เพื่อให้รู้ว่าปัจจุบันคุณยืนอยู่จุดไหนและจะเตรียมการรับมือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างไร
สิ่งที่เรย์ต้องการสื่อในบทนี้คือ
1. การเมืองกับเศรษฐกิจเป็นเรื่องเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและสงครามโลกที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการสั่งสมของปัจจัยต่าง ๆ ในอดีต
2. เรย์มองว่าสถานการณ์โลกที่เศรษฐกิจตกต่ำและมีความตึงเครียดทางการเมืองของหลายประเทศ (รวมถึงไทย) ในปัจจุบัน มีความคล้ายคลึงกันกับยุคนั้น ทำให้เรย์เขียนบทนี้ขึ้นเพื่อเอาไว้เปรียบเทียบกับความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐที่เกิดขึ้นในบทต่อไป
สาเหตุของ The Great Depression นั้นต้องย้อนไปช่วงหลังจบสงครามโลกครั้งที่ 1 คือประมาณปี 1920 ที่ประเทศใหญ่ ๆ มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างร้อนแรงผ่านกลไกของระบบทุนนิยมและธนาคารหรือเรียกง่าย ๆ ว่ากู้หนี้ นั่นทำให้วัฏจักรหนี้สินทำงานทันที แล้วฟองสบู่ก็แตกในปี 1929
ในตอนนั้นนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าวิธีการแก้วิกฤตที่ดีที่สุดคือการ “อยู่เฉย ๆ” ไม่ต้องทำอะไร รัฐไม่ต้องอัดฉีด ธนาคารกลางไม่ต้องพิมพ์เงิน ให้กลไกเสรีมันทำงานของมันเอง แต่ปัญหาคือกลไกเหล่านั้นมันทำงานช้าปีแล้วปีเล่าก็ไม่ฟื้นสักที จึงทำให้วิกฤตครั้งนั้นเกิดความขาดแคลน แร้นแค้น ยากลำบาก และมีผู้คนอดตายเป็นจำนวนมาก รวมถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วโลก เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในประเทศและระหว่างประเทศ มีการประท้วง ปฏิวัติ หรือเปลี่ยนแปลงขั้วของผู้นำกันทั่วทุกมุมโลก โดยหลายคนอาจจะโฟกัสแค่ประเทศใหญ่ ๆ อย่างอังกฤษ อเมริกา เยอรมัน ญี่ปุ่น โซเวียต และจีนเท่านั้น แต่ไม่เลย สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นกันทุกประเทศ แม้แต่ไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะถ้าคุณบวกลบคูณหารดูดี ๆ ก็จะพบว่าการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 นั้นตรงกับปี 1932 ที่อยู่ในช่วงเวลานี้นี่เอง
ผู้นำคนใหม่ของแต่ละประเทศมีแนวโน้มที่จะมีแนวคิดสั่งการจากบนลงล่าง (เผด็จการ) มากขึ้นกว่าคนก่อน อยู่ที่ว่าจะเป็นเผด็จการแบบฝั่งขวา (ฟาสซิสต์) หรือเผด็จการแบบฝั่งซ้าย (คอมมิวนิสต์) เพื่อที่จะสามารถ
1. ควบคุมสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศ
2. มีอำนาจในการแทรกแซงกลไกตลาด
3. ก่อสงครามเพื่อยึดทรัพยากรจากประเทศอื่นได้
แฟรงคลิน ดี รูสเวลท์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ประกาศลดค่าเงินดอลลาร์ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด จึงทำให้เศรษฐกิจอเมริกาฟื้นกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่พึ่งรับตำแหน่งนายกของเยอรมันในปี 1933 ก็ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนัก ทั้งการสร้างทางด่วนออโต้บาห์น การผลิตรถยนต์ Volkswagen การสร้างเขื่อน และการพัฒนาอาวุธ ที่ขัดกับทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ในยุคนั้นว่ารัฐไม่ควรแทรกแซงกลไกตลาด แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็ทำให้เศรษฐกิจของเยอรมันเติบโตอย่างมากและอัตราการว่างงานก็ลดจาก 25% เหลือ 0%!!! ใน 5 ปีเท่านั้น
แต่นอกจากการใช้นโยบายการเงินและการคลังแล้ว ยังมีอีกวิธีที่แก้ปัญหาความอดอยากได้รวดเร็วกว่านั้น คือ “บุกยึดทรัพยากรของประเทศอื่น” คือกว่าจะผลิตกว่าจะขาย มันช้าไม่ทันกาล ประชาชนอดตายก่อนพอดี ปล้นเอาเลยง่ายกว่า
นั่นทำให้หลาย ๆ ประเทศทุ่มงบประมาณไปกับการพัฒนาอาวุธเพื่อใช้ก่อสงคราม เช่น ญี่ปุ่นที่ใช้จังหวะนี้ที่ยุโรปกำลังอ่อนแอในการรุกรานประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย
สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงก่อกำเนิดขึ้น ซึ่งเรย์ได้อธิบายว่าในเกือบทุกสงครามจะใช้เทคนิคด้านเศรษฐกิจคือ
1. ปิดกั้นการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์
2. ปิดกั้นการเข้าถึงเงินทุน
3. ปิดกั้นทางการค้า
มันก็คือคำว่า "Deglobalization" ดี ๆ นี่เอง ทำให้แต่ละประเทศต้องพึ่งพาตัวเองและประเทศพันธมิตรในสงคราม เพราะฉะนั้นถ้าไม่แข็งแกร่งจริง ๆ คุณจะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
หากมองในมุมของการเมืองจะเห็นการต่อสู้กันระหว่างอุดมการณ์ชาตินิยมสองขั้ว แต่ถ้ามองในมุมเศรษฐกิจมันคือการแย่งชิงแหล่งทรัพยากรระหว่าง 2 กลุ่มอำนาจที่มีความสามารถในการรบพอ ๆ กัน
แต่ประเทศสหรัฐค่อนข้างได้เปรียบด้านเศรษฐกิจ เพราะมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เสรีกว่าประเทศอื่น (เป็นประเทศเดียวที่ตลาดหุ้นไม่ปิดระหว่างสงคราม)
สุดท้ายสงครามจึงจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรและเป็นจุดเริ่มต้นของการเรืองอำนาจของสหรัฐอเมริกา เพราะในขณะที่ทุกประเทศเจ็บหนักจากสงคราม แต่สหรัฐได้รับประโยชน์จากสงครามครั้งนั้นอย่างมาก เนื่องจากมีรายได้มหาศาลจากการค้าอาวุธและการเน้นก่อสงครามนอกประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายในประเทศน้อยมาก
กลับมาที่สถานการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน ที่เศรษฐกิจโลกกำลังย่ำแย่และมีความขัดแย้งเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก โดยเรย์บอกว่าถ้าลองไล่ไทม์ไลน์ของเรื่องราวต่าง ๆ แล้วมันมีหลายจุดที่คล้ายกัน ซึ่งเขาจะมาเจาะรายละเอียดกันในตอนถัดไป รอติดตามกันนะครับ
.
แอดปุง
deglobalization 在 คุยการเงินกับที Youtube 的最讚貼文
ไม่ใช่แค่การ deglobalization แต่รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร?
เราได้รู้ภาพใหญ่ว่าโลกจะแบ่งเป็น 2 ขั้ว global supply chains เปลี่ยน แต่จะเปลี่ยนอย่างไร ใครได้ประโยชน์ การพัฒนา การร่วมมีทางการค้า และเทคโนโลยีจะไปยังทิศทางใด เงินจะไหลไปที่ไหน สิ่งนี้คือสิ่งที่เราต้องจับตา
LINK
line @ T MONEY คุยกับผมทางนี้นะครับ
https://lin.ee/pE0OEWs
fb: คุยการเงินกับที
https://www.facebook.com/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E
0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0
%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5-189662501941804/?modal=admin_todo_tour
podcast: คุยการเงินกับที
https://soundcloud.com/sorathorn-wattanamalachai
fb: กลุ่ม learn&earn ครับ
https://www.facebook.com/groups/319013512295700/

deglobalization 在 堅離地球 · 沈旭暉 Youtube 的最佳貼文
【感謝香港電台授權】《頭條新聞》訪問:疫情對未來經濟轉型有何影響?世衛譚德塞的政策有效嗎?疫情過後,會出現deglobalization嗎?
Simon 沈旭暉 堅離地 Social Media ▶
Facebook: https://www.facebook.com/shensimon
Instagram: https://www.instagram.com/simon.diplomacy
Twitter: https://twitter.com/simonshen_glos
Blog: https://simonshen.blog/
其他合作及查詢可以電郵至simonshen@glos.world。
