ต้นกำเนิด Coca-Cola มาจากการรักษา อาการเจ็บปวด /โดย ลงทุนแมน
ในปี ค.ศ. 1861 เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการและแรงงานในภาคการเกษตรของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งนำไปสู่สงครามกลางเมือง ที่ทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายนับล้านชีวิต
ช่วงเวลานั้น ได้มีนายพันของกองทหารม้านายหนึ่งชื่อว่า “John Stith Pemberton”
ได้รับบาดเจ็บจากการถูกดาบแทงขณะออกรบ และแม้ว่าเขาจะรอดชีวิตมาได้
อาการเจ็บปวดจากบาดแผลยังคงติดตัวเขาไปตลอดชีวิต
แต่รู้หรือไม่ว่าด้วยความเจ็บปวดนี้เอง ได้กลายมาเป็นต้นกำเนิดของเครื่องดื่มที่มีชื่อว่า Coca-Cola..
แล้วบาดแผลที่ถูกดาบแทงกลายมาเป็นแบรนด์เครื่องดื่มน้ำอัดลมระดับโลกได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากบาดแผลในสงคราม ทำให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหลายคนจำเป็นต้องใช้ “มอร์ฟีน”
ซึ่งนอกจากจะเป็นสารเสพติดแล้ว มันยังช่วยในการระงับความเจ็บปวด
แต่เมื่อมันขึ้นชื่อว่าสารเสพติดแล้ว การที่ใช้มอร์ฟีนในปริมาณที่มากเกินไปจึงทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบในระยะยาว
นายพัน Pemberton จึงต้องหันไปหาทางเลือกอื่นและด้วยตัวเขาเองที่ก่อนเข้าร่วมสงครามมีอาชีพเป็นเภสัชกรและนักเคมี เขาจึงเริ่มค้นหาตัวยาที่ช่วยระงับความเจ็บปวดและมีผลข้างเคียงน้อยกว่ามอร์ฟีน
ในปี ค.ศ. 1886 Pemberton ก็ได้ผลิตไวน์ ที่ถือได้ว่าเป็นต้นแบบดั้งเดิมของ Coca-Cola
ในชื่อ “French Wine Coca” ที่มีคุณสมบัติช่วยในการระงับความเจ็บปวด และรักษาอาการอื่น ๆ เช่น ท้องเสียและอาการปวดหัว
ด้วยวัตถุดิบหลักคือสารสกัดจากใบโคคาหรือก็คือพืชชนิดเดียวกันกับที่ใช้ผลิตโคเคน
ซึ่งในสมัยนั้นโคเคนยังไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
แต่เนื่องจากไวน์ดังกล่าวมีกลุ่มลูกค้าที่เฉพาะกลุ่มเกินไป ทำให้ Pemberton เกิดไอเดียที่จะต่อยอดไปยัง
เครื่องดื่มที่คนทั่วไปก็สามารถดื่มได้และทำเงินได้มากกว่า เขาจึงเลือกที่จะมองไปยังเครื่องดื่มยอดฮิตในขณะนั้นซึ่งก็คือน้ำหวานผสมโซดา หรือที่เรารู้จักกันในชื่อน้ำอัดลมในปัจจุบัน
เขาจึงเริ่มปรับปรุงสูตรด้วยการเพิ่มน้ำตาลเพื่อให้มีรสหวานและนำแอลกอฮอล์ออกจากตัวเครื่องดื่มเพื่อที่จะสามารถขายให้กับผู้บริโภคตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ จนได้รสชาติอย่างที่ต้องการโดยที่ยังมีส่วนผสมของใบโคคาเป็นส่วนประกอบอยู่
ส่วนชื่อนั้นถูกตั้งโดย Frank Robinson นักบัญชีที่คอยช่วยเหลือ Pemberton มาตลอด
โดยคำว่า Coca มาจากใบโคคา (Coca Leaf) และ Cola มาจากถั่วโคลา (Kola Nut)
ที่เป็นแหล่งที่มาของสารกาเฟอีนใน Coca-Cola
นอกจากนี้ Robinson ยังเป็นผู้ออกแบบโลโกของ Coca-Cola ที่ได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน อีกด้วย
แต่เมื่อออกจำหน่ายในปีแรก Coca-Cola กลับขายได้เพียง 1,000 แก้วเท่านั้น
และหลังจากนั้นไม่นาน Pemberton ก็ได้เสียชีวิตลง
ก่อนที่ Pemberton จะเสียชีวิต เขาก็ได้ขายสูตรน้ำหวาน Coca-Cola ต่อให้กับ Asa Candler เจ้าของธุรกิจร้านขายยา ซึ่งเรื่องดังกล่าว ก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์เครื่องดื่มที่ผู้คนทั่วโลกชื่นชอบ
ในปี ค.ศ.1891 Candler ได้ก่อตั้งบริษัท Coca-Cola ขึ้นอย่างเป็นทางการ
โดยสิ่งแรกที่เขาทำ คือการโปรโมตแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
ด้วยการใส่โลโก Coca-Cola ลงบนทุกสิ่งที่สามารถใส่เข้าไปได้..
ไม่ว่าจะเป็นปฏิทิน กระเป๋าสตางค์ ผนังกำแพง รถของพนักงานขาย และอีกหลากหลายสิ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าผู้คนต้องได้เห็นโลโกของ Coca-Cola
โดยโปรโมชันแรก ๆ ที่ Coca-Cola เลือกที่จะทำคือ “คูปองดื่มฟรี”
ต้องเข้าใจก่อนว่าในช่วงเวลานั้น เครื่องดื่มผสมโซดาจะถูกวางขายในร้านขายยา
โดยมีลักษณะคล้ายกับน้ำอัดลมโบราณในบ้านเรา ซึ่งอาจมีน้ำหวานมากกว่า 100 รสชาติให้เราได้เลือก
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีตัวเลือกมาก การที่ลูกค้าจะเลือก Coca-Cola จึงเป็นไปได้ยาก
สิ่งที่ Candler ทำก็คือการเขียนจดหมายถึงเจ้าของร้านขายเครื่องดื่มเพื่อขอรายชื่อลูกค้าขาประจำ 50 คน
โดยภายในจดหมายแต่ละฉบับจะมีคูปองที่มีโลโก Coca-Cola ให้กับลูกค้าประจำมาแลกเครื่องดื่มฟรีที่ร้าน
ซึ่งเรื่องนี้ก็สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้ลิ้มลองรสชาติและเกิดการบอกต่ออย่างรวดเร็ว
แต่แล้ว Coca-Cola ก็ต้องพบกับปัญหาใหญ่
เมื่อโคเคนถูกระบุว่าเป็นสารเสพติดและเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงจากผู้คนในเวลานั้น
และภาครัฐก็ยื่นคำขาดว่าห้ามมีโคเคนอยู่ในเครื่องดื่มเด็ดขาด
อีกประเด็นหนึ่งก็คือพวกเขาจำเป็นต้องรักษาสารสกัดจากโคคาไว้
เพื่อที่จะยังได้รับการปกป้องเครื่องหมายการค้าของบริษัท
นั่นทำให้พวกเขาต้องใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาสูตร Coca-Cola ที่ยังมีส่วนผสมจากใบโคคา
แต่ไม่มีสารออกฤทธิ์ชนิดเดียวกับโคเคนเหลืออยู่ในเครื่องดื่มและเป็นสูตรสำเร็จที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
จากนั้นในปี ค.ศ. 1899 Joseph Whitehead และ Benjamin Thomas
ก็ได้เข้ามาติดต่อขอซื้อสิทธิ์ในการขายเครื่องดื่ม Coca-Cola แบบบรรจุขวดจาก Candler
โดยที่ Candler ก็ได้ขายสิทธิ์ดังกล่าวในราคาเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น เนื่องจากธุรกิจบรรจุขวดในสมัยนั้น ยังถือว่ามีกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพต่ำและมีความยากในการบริหารจัดการ
เพราะฝาปิดขวดในอดีตยังใช้วัสดุประเภทลวดและจุกยาง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของเครื่องดื่มและยากต่อการทำความสะอาด นี่จึงเป็นที่มาของฝาจีบที่เข้ามาแก้ปัญหานี้ในเวลาต่อมา และในปี 1910 โรงงานบรรจุขวดของ Coca-Cola ก็ได้เกิดขึ้นไปทั่วสหรัฐอเมริกา
แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้หมดเพียงแค่นี้ เพราะด้วยการเติบโตแบบรวดเร็วของ Coca-Cola จึงทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่ลอกเลียนแบบแบรนด์ขึ้นมา
ทั้งชื่อที่ออกเสียงคล้ายกัน โลโก และขวดที่มีลักษณะเหมือนกัน
จนทำให้ผู้บริโภคแยกไม่ออกว่าแบบไหนคือ Coca-Cola ของแท้
เมื่อเป็นเช่นนี้ในปี ค.ศ. 1915 Coca-Cola จึงได้ออกแบบขวดรูปทรงใหม่ ที่มีส่วนโค้งเว้า
มีลายแนวตั้งข้างขวดเป็นเอกลักษณ์ โดยลักษณะขวดดังกล่าว
ก็ได้ตกทอดและยังสามารถพบเห็นได้ในปัจจุบัน
หลังจากนั้นสงครามโลกก็เกิดขึ้น และน้ำตาลซึ่งเป็นส่วนผสมหลักถูกจำกัดการซื้อขาย เพื่อนำไปเป็นเสบียงให้กับกองทัพ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ทำให้ปริมาณการผลิตของ Coca-Cola หายไปถึงครึ่งหนึ่ง
บริษัทจึงเจรจากับรัฐบาลให้สนับสนุน Coca-Cola แก่ทหารทุกนายในกองทัพในราคาขายปกติ ไม่ว่าจะมีต้นทุนส่วนเพิ่มใด ๆ ก็ตาม นั่นทำให้บริษัทได้รับข้อยกเว้นจากการจำกัดการใช้น้ำตาลและสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
และช่วงเวลานี้เองที่ Coca-Cola ได้กลายเป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่รู้จักไปทั่วโลก
ซึ่งเรื่องราวเกิดจากการที่ Dwight D. Eisenhower ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น
ได้สอบถามถึงความต้องการของทหารในกองทัพว่ามีอะไรที่จะช่วยให้พวกเขามีขวัญกำลังใจและคลายเครียดได้บ้าง คำตอบที่ Eisenhower ได้รับคือ
1. บุหรี่
2. ลูกอม
3. Coca-Cola
นั่นจึงทำให้ Coca-Cola ถูกร้องขอให้ไปตั้งโรงงานบรรจุขวดในต่างประเทศ
ทั้งในยุโรป อาเซียน และอีกหลาย ๆ พื้นที่ ที่กองทัพสหรัฐอเมริกาไปถึง และเมื่อสงครามจบลงโรงงานเหล่านั้นก็ยังคงดำเนินธุรกิจและกลายเป็นตัวแทนจำหน่ายของ Coca-Cola ในต่างแดนต่อไป..
ถึงแม้จะเป็นที่น่าเสียดาย ที่ Pemberton ผู้คิดค้นสูตรต้นตำรับของ Coca-Cola จะไม่มีโอกาสได้เห็นความยิ่งใหญ่ของสิ่งที่เขาได้สร้างขึ้นมากับมือ
แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าระหว่างทางตั้งแต่ Pemberton ไปจนถึง Joseph Whitehead และ Benjamin Thomas ผู้นำสิทธิ์ Coca-Cola ไปบรรจุขวด รวมไปถึงการเกิดขึ้นของสงครามโลกที่ทหารสหรัฐอเมริกานำเครื่องดื่มนี้ไปหลายประเทศทั่วโลก หากมีตรงไหนเพี้ยนไปจากสิ่งที่ได้เกิดขึ้น Coca-Cola ก็อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้และเป็นเพียงยาแก้ปวดชนิดน้ำยี่ห้อหนึ่งก็เป็นได้..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้หรือไม่ว่า Warren Buffett ยังคงกินขนมขบเคี้ยวและดื่ม Coca-Cola วันละประมาณ 5 กระป๋อง
เนื่องจากเขาเชื่อในสถิติที่ว่าเด็กอายุ 6 ขวบมีอัตราการเสียชีวิตน้อยที่สุด
เขาจึงกินในแบบที่เด็ก 6 ขวบ ชอบกิน และเขายังติดการกินอาหารรสเค็มอีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน Warren Buffett มีอายุ 90 ปีแล้ว
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.youtube.com/watch?v=DwCGY5SfLA4
-https://web.archive.org/web/20140325193447/http://ldsp01.columbusstate.edu:8080/xmlui/bitstream/handle/11075/598/TheCivilWarOrigi00GardCSU.pdf?sequence=3
-https://www.interexchange.org/articles/career-training-usa/2016/03/08/history-coca-cola/
-https://www.thestreet.com/lifestyle/food-drink/history-of-cola-cola
-https://www.blockdit.com/posts/5ec20e0e00dda1075b8665ab
-https://www.foxbusiness.com/features/inside-warren-buffett-junk-food-diet-which-includes-5-cans-of-coke-mcdonalds-and-dairy-queen
同時也有45部Youtube影片,追蹤數超過79萬的網紅shuaisoserious,也在其Youtube影片中提到,如果大家喜欢我的视频别忘了给我点个赞并订阅频道哦! 点击这里订阅:https://bit.ly/2XZ8lKo Myprotein购买链接:http://tidd.ly/4d7e6842 此链接下输入折扣码”shuai”全场最低62折优惠 其他国家小伙伴可以点此链接,输入折扣码如”shuaiU...
「diet articles」的推薦目錄:
- 關於diet articles 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於diet articles 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的精選貼文
- 關於diet articles 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳貼文
- 關於diet articles 在 shuaisoserious Youtube 的最佳貼文
- 關於diet articles 在 Ashlee xiu Youtube 的最佳貼文
- 關於diet articles 在 shuaisoserious Youtube 的最佳貼文
diet articles 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的精選貼文
(รีโพสต์ เรื่องที่ หมอทางเลือก ท่านหนึ่ง "ให้กินมังสวิรัติ แล้วจะไม่ติดเชื้อโควิด" ... ว่าไม่จริงนะครับ !! )
--------
"ไม่จริงครับ ! กินมังสวิรัติ ก็ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ได้"
คลิปนี้กลับมาแชร์กันใหม่อีกแล้ว เป็นภาพและเสียงของคุณหมอ แพทย์ทางเลือก-สายกินมังสวิรัติ ท่านหนึ่ง ที่อ้างทำนองว่า "การกินเจ กินมังสวิรัติ และกินผลไม้ จะทำให้ไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะคนที่กินมังสวิรัต เลือดจะเป็นด่าง เลยทำให้ไม่ติดเชื้อไวรัส หรือถ้าติดก็อาการไม่รุนแรง ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์นั้น เลือดจะเป็นกรด เลยติดไวรัสง่าย ตายง่าย"
ซึ่งบอกเลยว่า “ไม่เป็นความจริงนะครับ !!" ไม่มีงานวิจัยไหนที่ออกมาบอกว่าการกินมังสวิรัตจะทำให้ไม่ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด
ที่คุณหมอคนนั้นอ้างมา ไม่ได้ตรงกับแนวทางการแพทย์ทั่วไป เป็นความเชื่อส่วนตัวของเขาเท่านั้น ตามความที่เป็นคนกินมังสวิรัติ (ซึ่งก่อนนี้เคยมาให้ความรู้ผิดๆ เกี่ยวกับ "การดื่มนมวัว ก่อมะเร็ง" ไปหลายครั้งแล้ว ดูที่ผมแย้งไว้ที่ https://www.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/posts/687014941781562)
ที่สำคัญคือ การอ้างถึง "ค่าพีเอชของเลือด (หรือของร่างกาย)" ว่าคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีค่าเป็นกรด (ทำให้ติดเชื้อง่าย) คนที่กินมังสวิรัติจะเป็นด่าง (ทำให้ไม่ติดเชื้อ) ก็ไม่เป็นความจริงอีกด้วย !!
เพราะค่าพีเอชของเลือดของคนที่กินมังสวิรัติกับคนที่กินเนื้อนั้น ก็มีค่าเป็นด่างอ่อนๆ ประมาณ 7.35-7.45 พอๆ กันทุกคน ซึ่งค่าพีเอชของเลือดคนเรานั้นจะมีคงที่เกือบตลอดเวลา ด้วยการปรับสมดุลย์จากระดับการหายใจ เอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากร่างกาย ไม่ใช่ว่ากินเนื้อสัตว์แล้วจะมีเลือดเป็นกรด อย่างที่ให้ข้อมูลผิดๆ นั้นครับ
คำสรุปสั้นๆ ในเรื่องของอาหารกับโรคโควิด-19 คือ
"การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินผักผลไม้ให้มากเพียงพอ สมดุลย์กับการกินเนื้อสัตว์ เป็นการสร้างสุขภาพที่ดี และช่วยให้เราไม่เจ็บป่วยง่าย ทั้งจากโรคต่างๆ และโรคโควิด-19" ครับ
ทีนี้ ขอเพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับ ผลของการกินมังสวิรัติกับโรคโควิด ด้วยครับ
----------------------
1. เคยมีการแชร์ข้อความมั่วๆ ในสังคมออนไลน์อ้างว่า "องค์การอนามัยโลก บอกว่า ไม่เคยมีคนที่กินมังสวิรัติ ติดไวรัสโควิด เนื่องจากไวรัสต้องการไขมันจากเนื้อสัตว์ ในการที่มันจะอยู่ในร่างกายคนได้" !?
- ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง ที่บอกว่าคนกินมังสวิรัติจะปลอดภัยจากเชื้อโคโรน่าไวรัสที่ก่อโรคโควิด หรือที่บอกว่าเชือนี้ต้องการไขมันสัตว์เพื่ออยู่ในร่างกายคน
- องค์การอนามัยโลกก็ไม่เคยบอกให้หยุดบริโภคเนื้อสัตว์ แถมหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ก็แนะนำให้กินเนื้อสัตว์ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารพวกโปรตีน ในระหว่างช่วงที่มีโรคระบาด
- องค์การอนามัยโลก แนะนำให้ "กินอาหารหลากหลาย ที่สดใหม่และไม่ใช่อาหารแปรรูป เพื่อให้ได้วิตามิน เกลือแร่ เส้นใยอาหาร โปรตีน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ร่างกายของเราต้องการ รวมถึงดื่มน้ำสะอาดให้พอเพียงด้วย"
- สำหรับอาหารกลุ่มโปรตีน องค์การอนามัยโลกแนะนำให้กินได้ทั้งเนื้อ ปลา ไข่ และนม รวมถึงถั่ว โดยพวกเนื้อแดงนั้น สามารถกินได้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และพวกเนื้อสัตว์ปีก กินได้ 2-3 ครั้งแต่สัปดาห์
- ทางองค์การอนามัยโลก ยังให้ความเห็นถึงข้อความไวรัลดังกล่าวว่า ทางหน่วยงานไม่ได้เชียร์หรือว่ากล่าวสไตล์การบริโภคอาหารแบบใด เพียงแต่เคยเตือนให้ระมัดระวังเรื่องการจัดการความสะอาดในการชำแหละและจำหน่ายเนื้อสัตว์ รวมถึงเตือนไม่ให้มีการค้าขายเนื้อสัตว์ป่าอย่างผิดกฏหมาย
2. แต่การบริโภคอาหารที่มีผักผลไม้เยอะๆ ก็ช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายของการป่วยเป็นโรคโควิดได้
- มีการสำรวจระดับการแสดงออกของภูมิคุ้มกัน (serosurvey) ของประชาชนชาวอินเดีย โดยหน่วยงาน the Council of Scientific and Industrial Research (CSIR) ของอินเดีย และคาดว่า คนที่กินอาหารมังสวิรัติอาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโรคโควิด น้อยกว่า ... เพราะผลสำรวจพบว่า คนที่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ (อันนี้แปลกดี) คนที่มีอาชีพที่มีโอกาสรับเชื้อต่ำ คนที่กินมังสวิรัติ คนที่สูบบุหรี่ (อันนี้ก็แปลกดี) และคนที่มีเลือดกรุ๊ปเอกับกรุ๊ปโอ จะมีระดับของภูมิคุ้มกันเป็นบวก (หมายถึง เคยติดเชื้อไวรัส) น้อยกว่าคนกลุ่มอื่น
- มีงานวิจัยตีพิมพ์ในปี 2016 (https://www.longdom.org/proceedings/vegetarian-diet-and-their-effect-on-viral-diseases-8326.html) บอกว่า คนที่กินมังสวิรัติ มีอัตราการติดเชื้อไวรัสต่ำกว่า ตลอดจนมีอัตราการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจต่ำกว่า เนื่องจากมีคอเรสเตอรอลตัวร้าย (LDL) ต่ำกว่า มีอัตราการเป็นโรคอ้วนต่ำกว่า และมีอัตราการเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ต่ำว่า
- ดังนั้น แม้การกินอาหารมังสวิรัติ หรืออาหารที่มีพื้นฐานเป็นพืชผัก จะไม่ได้ป้องกันการเป็นโรค Covid-19 แต่มันก็น่าจะช่วยไม่ให้คนที่ติดเชื้อโรคนั้น เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรงได้
3. แต่การกินมังสวิรัติ ก็ต้องระวังไม่ให้เป็น “vegan junk food” อาหารมังสวิรัติขยะ
- ต้องระวังว่าอาหารมังสวิรัติเอง ก็ไม่ได้แปลว่าต้องดีต่อสุขภาพเสมอไป ยังจำเป็นต้องคอยเช็คว่ามันมีสารอาหารครบถ้วนเพียงพอ ไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไปด้วย (เช่น มีการเติมเกลือ เติมน้ำตาล มากเกินไป)
- อาหารมังสวิรัติที่ดี ควรมีผักและผลไม้ ธัญพืช (ที่ยังไม่แปรรูป) และโปรตีน/ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ควรกินพืชผักที่หลากหลาย (เช่น ผักหลากหลายสี) เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน
- อาหารมังสวิรัติมักจะขาดวิตามิน B12 ซึ่งสำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และการทำงานของสมอง จึงควรกินวิตามิน B12 เสริมด้วย ตลอดจนกรดไขมันกลุ่ม omega-3
ข้อมูลจาก https://www.indiatoday.in/fact-check/story/has-who-said-vegetarians-are-safe-from-coronavirus-1676815-2020-05-11 และ https://www.indiatoday.in/coronavirus-outbreak/story/are-vegetarians-really-lower-risk-contracting-coronavirus-1760497-2021-01-19 และ https://www.medicalnewstoday.com/articles/covid-and-veganism#Summary
diet articles 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳貼文
"ไม่จริงครับ ! กินมังสวิรัติ ก็ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ได้"
คลิปนี้กลับมาแชร์กันใหม่อีกแล้ว เป็นภาพและเสียงของคุณหมอ แพทย์ทางเลือก-สายกินมังสวิรัติ ท่านหนึ่ง ที่อ้างทำนองว่า "การกินเจ กินมังสวิรัติ และกินผลไม้ จะทำให้ไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะคนที่กินมังสวิรัต เลือดจะเป็นด่าง เลยทำให้ไม่ติดเชื้อไวรัส หรือถ้าติดก็อาการไม่รุนแรง ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์นั้น เลือดจะเป็นกรด เลยติดไวรัสง่าย ตายง่าย"
ซึ่งบอกเลยว่า “ไม่เป็นความจริงนะครับ !!" ไม่มีงานวิจัยไหนที่ออกมาบอกว่าการกินมังสวิรัตจะทำให้ไม่ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด
ที่คุณหมอคนนั้นอ้างมา ไม่ได้ตรงกับแนวทางการแพทย์ทั่วไป เป็นความเชื่อส่วนตัวของเขาเท่านั้น ตามความที่เป็นคนกินมังสวิรัติ (ซึ่งก่อนนี้เคยมาให้ความรู้ผิดๆ เกี่ยวกับ "การดื่มนมวัว ก่อมะเร็ง" ไปหลายครั้งแล้ว ดูที่ผมแย้งไว้ที่ https://www.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/posts/687014941781562)
ที่สำคัญคือ การอ้างถึง "ค่าพีเอชของเลือด (หรือของร่างกาย)" ว่าคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีค่าเป็นกรด (ทำให้ติดเชื้อง่าย) คนที่กินมังสวิรัติจะเป็นด่าง (ทำให้ไม่ติดเชื้อ) ก็ไม่เป็นความจริงอีกด้วย !!
เพราะค่าพีเอชของเลือดของคนที่กินมังสวิรัติกับคนที่กินเนื้อนั้น ก็มีค่าเป็นด่างอ่อนๆ ประมาณ 7.35-7.45 พอๆ กันทุกคน ซึ่งค่าพีเอชของเลือดคนเรานั้นจะมีคงที่เกือบตลอดเวลา ด้วยการปรับสมดุลย์จากระดับการหายใจ เอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากร่างกาย ไม่ใช่ว่ากินเนื้อสัตว์แล้วจะมีเลือดเป็นกรด อย่างที่ให้ข้อมูลผิดๆ นั้นครับ
คำสรุปสั้นๆ ในเรื่องของอาหารกับโรคโควิด-19 คือ
"การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินผักผลไม้ให้มากเพียงพอ สมดุลย์กับการกินเนื้อสัตว์ เป็นการสร้างสุขภาพที่ดี และช่วยให้เราไม่เจ็บป่วยง่าย ทั้งจากโรคต่างๆ และโรคโควิด-19" ครับ
ทีนี้ ขอเพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับ ผลของการกินมังสวิรัติกับโรคโควิด ด้วยครับ
----------------------
1. เคยมีการแชร์ข้อความมั่วๆ ในสังคมออนไลน์อ้างว่า "องค์การอนามัยโลก บอกว่า ไม่เคยมีคนที่กินมังสวิรัติ ติดไวรัสโควิด เนื่องจากไวรัสต้องการไขมันจากเนื้อสัตว์ ในการที่มันจะอยู่ในร่างกายคนได้" !?
- ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง ที่บอกว่าคนกินมังสวิรัติจะปลอดภัยจากเชื้อโคโรน่าไวรัสที่ก่อโรคโควิด หรือที่บอกว่าเชือนี้ต้องการไขมันสัตว์เพื่ออยู่ในร่างกายคน
- องค์การอนามัยโลกก็ไม่เคยบอกให้หยุดบริโภคเนื้อสัตว์ แถมหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ก็แนะนำให้กินเนื้อสัตว์ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารพวกโปรตีน ในระหว่างช่วงที่มีโรคระบาด
- องค์การอนามัยโลก แนะนำให้ "กินอาหารหลากหลาย ที่สดใหม่และไม่ใช่อาหารแปรรูป เพื่อให้ได้วิตามิน เกลือแร่ เส้นใยอาหาร โปรตีน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ร่างกายของเราต้องการ รวมถึงดื่มน้ำสะอาดให้พอเพียงด้วย"
- สำหรับอาหารกลุ่มโปรตีน องค์การอนามัยโลกแนะนำให้กินได้ทั้งเนื้อ ปลา ไข่ และนม รวมถึงถั่ว โดยพวกเนื้อแดงนั้น สามารถกินได้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และพวกเนื้อสัตว์ปีก กินได้ 2-3 ครั้งแต่สัปดาห์
- ทางองค์การอนามัยโลก ยังให้ความเห็นถึงข้อความไวรัลดังกล่าวว่า ทางหน่วยงานไม่ได้เชียร์หรือว่ากล่าวสไตล์การบริโภคอาหารแบบใด เพียงแต่เคยเตือนให้ระมัดระวังเรื่องการจัดการความสะอาดในการชำแหละและจำหน่ายเนื้อสัตว์ รวมถึงเตือนไม่ให้มีการค้าขายเนื้อสัตว์ป่าอย่างผิดกฏหมาย
2. แต่การบริโภคอาหารที่มีผักผลไม้เยอะๆ ก็ช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายของการป่วยเป็นโรคโควิดได้
- มีการสำรวจระดับการแสดงออกของภูมิคุ้มกัน (serosurvey) ของประชาชนชาวอินเดีย โดยหน่วยงาน the Council of Scientific and Industrial Research (CSIR) ของอินเดีย และคาดว่า คนที่กินอาหารมังสวิรัติอาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโรคโควิด น้อยกว่า ... เพราะผลสำรวจพบว่า คนที่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ (อันนี้แปลกดี) คนที่มีอาชีพที่มีโอกาสรับเชื้อต่ำ คนที่กินมังสวิรัติ คนที่สูบบุหรี่ (อันนี้ก็แปลกดี) และคนที่มีเลือดกรุ๊ปเอกับกรุ๊ปโอ จะมีระดับของภูมิคุ้มกันเป็นบวก (หมายถึง เคยติดเชื้อไวรัส) น้อยกว่าคนกลุ่มอื่น
- มีงานวิจัยตีพิมพ์ในปี 2016 (https://www.longdom.org/proceedings/vegetarian-diet-and-their-effect-on-viral-diseases-8326.html) บอกว่า คนที่กินมังสวิรัติ มีอัตราการติดเชื้อไวรัสต่ำกว่า ตลอดจนมีอัตราการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจต่ำกว่า เนื่องจากมีคอเรสเตอรอลตัวร้าย (LDL) ต่ำกว่า มีอัตราการเป็นโรคอ้วนต่ำกว่า และมีอัตราการเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ต่ำว่า
- ดังนั้น แม้การกินอาหารมังสวิรัติ หรืออาหารที่มีพื้นฐานเป็นพืชผัก จะไม่ได้ป้องกันการเป็นโรค Covid-19 แต่มันก็น่าจะช่วยไม่ให้คนที่ติดเชื้อโรคนั้น เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรงได้
3. แต่การกินมังสวิรัติ ก็ต้องระวังไม่ให้เป็น “vegan junk food” อาหารมังสวิรัติขยะ
- ต้องระวังว่าอาหารมังสวิรัติเอง ก็ไม่ได้แปลว่าต้องดีต่อสุขภาพเสมอไป ยังจำเป็นต้องคอยเช็คว่ามันมีสารอาหารครบถ้วนเพียงพอ ไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไปด้วย (เช่น มีการเติมเกลือ เติมน้ำตาล มากเกินไป)
- อาหารมังสวิรัติที่ดี ควรมีผักและผลไม้ ธัญพืช (ที่ยังไม่แปรรูป) และโปรตีน/ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ควรกินพืชผักที่หลากหลาย (เช่น ผักหลากหลายสี) เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน
- อาหารมังสวิรัติมักจะขาดวิตามิน B12 ซึ่งสำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และการทำงานของสมอง จึงควรกินวิตามิน B12 เสริมด้วย ตลอดจนกรดไขมันกลุ่ม omega-3
ข้อมูลจาก https://www.indiatoday.in/fact-check/story/has-who-said-vegetarians-are-safe-from-coronavirus-1676815-2020-05-11 และ https://www.indiatoday.in/coronavirus-outbreak/story/are-vegetarians-really-lower-risk-contracting-coronavirus-1760497-2021-01-19 และ https://www.medicalnewstoday.com/articles/covid-and-veganism#Summary
diet articles 在 shuaisoserious Youtube 的最佳貼文
如果大家喜欢我的视频别忘了给我点个赞并订阅频道哦!
点击这里订阅:https://bit.ly/2XZ8lKo
Myprotein购买链接:http://tidd.ly/4d7e6842 此链接下输入折扣码”shuai”全场最低62折优惠
其他国家小伙伴可以点此链接,输入折扣码如”shuaiUS””shuaiMY”(各地区折扣力度不同)
我的淘宝店铺:DRIOCO.
我的Ins: http://bit.ly/2HrYRgo
我的Bilibili: http://bit.ly/2HwYCRl
我的微博:http://bit.ly/2HvdqQj
BiliBili: 帅soserious
微博:帅soserious
抖音: 帅soserious
商务合作请加微信:to_s1ssy (请备注)
—————————————————————————————————————
在这个一切讲究效率的时代
我们会去找一些最快速的方法来完成自己的目标
但是总因为高估自己的行动力而反复失败
所以今天一起看看哪些习惯
可以彻底改变你的生活状态,帮你减脂成功.
#减肥##减脂##习惯#
——————————————————————————————————————
文献链接:
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2859815/
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/18617080/
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/25683820/
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/16045636/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6267507/
diet articles 在 Ashlee xiu Youtube 的最佳貼文
#斷捨離 #減肥 #科學
你的房間是凌亂還是乾淨的呢?沒有定時在打掃房間的你, 要特別注意囉! 你知道灰塵也會害你變胖嗎?美國杜克大學的研究發現灰塵竟然也會造成肥胖,而且如果長期居住在髒亂的環境,跟生活在乾淨的環境比起來,脂肪竟然會大20%以上! 是不是該把自己的房間好好斷捨離一下呢? 斷捨離不只可以用在環境,還可以延伸到健身減肥上,今天就來教你們怎麼斷捨離減肥吧!
【重點】
0:00 本集預告
0:10 開場
0:31 為什麼灰塵會害你變胖
2:09 什麼是斷捨離減肥法
2:38 健身不需要的東西是什麼
3:12 減肥可以捨去的東西
5:19 該脫離的執著
6:05 結尾
#研究 #肥胖 #環境 #教學 #健身 #減重
杜克大學研究論文:
https://pubs.acs.org/doi/abs/10.1021/acs.est.7b01788
醫學媒體相關報導:
https://www.netdoctor.co.uk/healthy-living/news/a28539/dust-edc-chemicals-weight-gain-study/
https://www.medicalnewstoday.com/articles/318379#House-dust-spurred-triglyceride-buildup
-
✨ 打造易瘦體質-系統化菜單
👉🏻https://ashleexiu.com/training
✨ 飲食菜單
👉🏻https://ashleexiu.com/diet/
-
更多影片
✨打造渾圓翹臀必知的四大重點|3大NG行為害腿變粗 https://youtu.be/mV-M3vrr0AU
✨臀部兩側凹陷|HIP DIP 不渾圓|三個辦法解決 https://youtu.be/sbQqzLzHWt4
✨居家炸臀腿訓練 🍑|Bodyweight 無裝備 https://youtu.be/RNC-1V8HfSs
✨科學練美臀🍑 |新手必看|臀推動作分析 https://youtu.be/a3gWKJVsU4s
✨如何正確深蹲|一次到位 https://youtu.be/hlf7pmT-KMc
✨居家翹臀運動|在家也能做蜜桃臀訓練 https://youtu.be/Zthr3YkbzpQ
-
快來追蹤我
✨官網 👉🏻 https://ashleexiu.com
✨ IG_Ashlee 👉🏻 https://goo.gl/m5Ro8b
✨ FB_Ashlee 👉🏻 http://bit.ly/39BZobY
✨ Weibo 👉🏻 http://weibo.com/ashleexiu/
diet articles 在 shuaisoserious Youtube 的最佳貼文
如果大家喜欢我的视频别忘了给我点个赞并订阅频道哦!
点击这里订阅:https://bit.ly/2XZ8lKo
Myprotein购买链接:http://tidd.ly/4d7e6842 此链接下输入折扣码”shuai”全场最低62折优惠
其他国家小伙伴可以点此链接,输入折扣码如”shuaiUS””shuaiMY”(各地区折扣力度不同)
我的淘宝店铺:DRIOCO.
我的Ins: http://bit.ly/2HrYRgo
我的Bilibili: http://bit.ly/2HwYCRl
我的微博:http://bit.ly/2HvdqQj
BiliBili: 帅soserious
微博:帅soserious
抖音: 帅soserious
商务合作请加微信:to_s1ssy (请备注)
—————————————————————————————————————
很多小伙伴以为体态问题,是有肌肉不平衡造成的
然而很多问题的根源,都是由足弓的不平衡引起的
包括X形腿,骨盆前倾,腰酸背痛等问题
那今天咱们一起来看看,如何通过纠正足弓来改善这些问题!
#扁平足#减肥#体态纠正
————————————————————————————————
理疗师Ins:@sandiegobackpainrelief
文献链接:
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/12048672/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5815602/
https://www.nature.com/articles/s41598-020-76767-y
diet articles 在 Diet & Nutrition News, Articles and Research 的相關結果
News-Medical is your trusted source of Diet & Nutrition news, articles and research for doctors, patients, and families. ... <看更多>
diet articles 在 All Diet & Nutrition Articles - Everyday Health 的相關結果
From the latest diet and nutrition news, treatments and therapies, inspiring patient stories, to expert advice, we're here to help you live your healthiest ... ... <看更多>
diet articles 在 Healthy Eating - HelpGuide.org 的相關結果
Healthy eating is about eating smart and enjoying your food. Transform your eating habits with these easy tips. ... <看更多>