17 วิธีคิดของเหล่าเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
ได้ยินคำว่า “เศรษฐี” เชื่อได้เลยว่าใครๆก็อยากเป็นเศรษฐีกันทั้งนั้น แต่ว่าจะทำอย่างไรล่ะ ถึงจะได้เป็นเศรษฐีกับเขาบ้าง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตบ้าง วันนี้เรานำเอาวิธีคิดของเหล่าเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มากฝากครับ มีอะไรบ้างไปดูกันเลย
.
.
1. คนเราสามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้
คนรวยหรือคนที่ประสบความสำเร็จมักคิดว่า เราสามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้ โดยไม่ต้องรอให้โชคชะตา ดวง เทวดา สรวงสวรรค์ หรือสิ่งที่เรามองไม่เห็นมาเป็นผู้กำหนดตัวเอง เช่น การซื้อล็อตเตอรี่เพื่อหวังรวยทางลัด หรือการพึ่งหมอดูเพื่อทำนายโชคชะตา เป็นต้น แต่ในทางกลับกัน คนที่ยากจนมักจะโทษโชคชะตา สิ่งแวดล้อม หรือบุคคลรอบๆข้างว่า เป็นต้นเหตุแห่งความยากจนหรือความล้มเหลวของตน หรือมักคิดว่าทรัพย์สินเงินทองไม่ใช่เรื่องสำคัญเป็นเพียงของนอกกาย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ เมื่อใดที่คิดเช่นนี้สติปัญญาที่จะใช้ขวนขวายหาเงินหาทองก็ย่อมหมดไปเป็นธรรมดา ในขณะที่คนรวยกลับคิดเสมอว่า เมื่อปรารถนาสิ่งใดก็ต้องสร้างเหตุและปัจจัยมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ถ้ามัวแต่รอปัจจัยภายนอกแล้ว เมื่อไรสิ่งเหล่านั้นจะเกิดดอกและออกผล
.
.
2. มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน
คนรวยคนประสบความสำเร็จจะกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจนว่า ตนเองจะมีเงินเท่าไร ในอีกกี่ปีข้างหน้า แต่คนทั่วไปมักจะคิดว่า ขอแค่มีเงินเดือนไว้แค่พอใช้ในแต่เดือนก็เพียงพอแล้ว คนที่ประสบความสำเร็จมักมองการณ์ไกล มีความฝัน มีจินตนาการ และกล้าที่จะลงมือกระทำเพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของตน
.
.
3. เกิดมาแล้วต้องรวยและประสบความสำเร็จ
คนรวยจะคิดอยู่เสมอว่า เกิดมาแล้วต้องรวย ไม่ว่าจะต้องลงทุนลงแรงขนาดไหนก็ตาม ถึงแม้ตอนเกิดเราจะไม่สามารถเลือกได้ว่าเกิดมาแล้วจะรวยเลย แต่เราสามารถกำหนดชีวิตของเราเองได้ว่าต้องการรวย ต้องการประสบความสำเร็จมากขนาดไหน แต่คนทั่วไปจะคิดเพียงแค่ว่า อยากจะร่ำรวยแต่กลับไม่ขยันทำงาน เมื่อเจอปัญหาอุปสรรคก็มักจะบ่นและท้อถอยเพราะไม่ชอบทำงานหนัก
.
.
4. คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก
คนรวยจะคิดเสมอว่า ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ทั้งนั้นขอแค่เราเห็นโอกาสแล้ว ลองลงมือทำดูเท่านั้น ไม่ว่าสิ่งนั้นยากเพียงใดก็ตามแต่ และจะคิดหาหนทางในการพัฒนาสินค้าและบริการของตน เพื่อช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่คนหมู่มาก
.
.
5. มองหาโอกาสต่างๆ และไม่เสียเวลาไปกับปัญหาที่เกิดขึ้น
เมื่อเกิดปัญหา คนรวยจะพยายามหาโอกาส หรือช่องทางที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่ตีโพยตีพายหรือหมดหวังไปกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น คนที่ประสบความสำเร็จจะนิ่งสงบ เผชิญหน้ากับปัญหาอย่างมีสติ คิดพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วลงมือกระทำ และไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะว่าคนที่ประสบความสำเร็จรู้ว่าเวลามีความหมายต่อให้รวยแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อเวลาได้
.
.
6. ชื่นชมคนที่ประสบความสำเร็จเพื่อนำแนวความคิดมาปรับใช้ในชีวิตของตนเอง
คนรวยและคนที่ประสบความสำเร็จ สนใจและชอบที่จะศึกษาว่า คนที่เขาประสบความสำเร็จนั้นมีแนวคิดอย่างไรและทำอย่างไรถึงได้ร่ำรวยขนาดนั้นและนำมาเป็นไอดอลหรือเป็นแนวคิดในแก่ตัวเอง มากกว่าการรู้สึกคิดอิจฉาริษยาในความสำเร็จของผู้อื่น
.
.
7. ชอบคบหาสมาคมกับคนที่มองโลกในแง่ดี
คนรวยจะชอบคบหาสมาคมกับคนที่มองโลกในแง่ดี เพราะเขาเหล่านั้นจะมีแนวความคิด คำพูด และการกระทำที่เต็มไปด้วยความหวัง คนที่มองโลกในแง่ดีจะมองสามารถเห็นโอกาสในวิกฤตเสมอ และมักจะมองปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนคนที่มองโลกในแง่ร้ายจะชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่และมองปัญหาว่า เป็นสิ่งที่จะนำมาซึ่งความหายนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด เกิดเป็นความท้อถอย ความอึดอัด จนต้องระบายความรู้สึกดังกล่าวออกมาในรูปของการกระทำต่างๆ เช่น การก้าวร้าว ด่าทอ ติฉินนินทา อิจฉาริษยา หรือคอยจับผิดผู้อื่น เป็นต้น การมองโลกในแง่ร้ายมากเท่าไร ยิ่งทำให้คิดอะไรไม่ออก ชีวิตก็ย่อมจะตกอยู่ในวังวนของความยากจนข้นแค้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉะนั้น คนที่ร่ำรวยจึงเลือกที่จะไม่สุงสิงกับคนที่มองโลกในแง่ร้าย เพราะจะเป็นการเพาะเชื้อแห่งการมองโลกในแง่ร้ายเข้าไปในจิตใจโดยไม่รู้ตัว
.
.
8. พร้อมที่จะนำเสนอสินค้าและบริการของตัวเอง
คนรวยพร้อมที่จะนำเสนอสินค้าของตนเองให้ผู้อื่นได้รับรู้อยู่เสมอ เพราะพวกเขาเชื่อว่า การรอคอยให้ผู้อื่นเข้ามาสอบถามถึงสินค้าของเรานั้นเป็นการเสียเวลา คนรวยและประสบความสำเร็จมักอยู่กับปัจจุบัน พวกเขาจะไม่จมปลักอยู่กับเรื่องในอดีต เพราะเขาตระหนักดีว่า ทุกอย่างในโลกล้วนเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และหากเขาหลงชื่นชมอยู่กับความสำเร็จในอดีต เขาก็จะประมาท หรือถ้าเขาหวาดกลัวหรือผิดหวังไปกับความล้มเหลวในอดีต เขาก็จะไม่กล้าที่จะทำสิ่งใดอีกต่อไป ฉะนั้น พวกเขาจึงไม่สนใจกับเรื่องในอดีตมากนัก แต่จะสนใจว่า ตอนนี้ควรจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้นมากกว่า
.
.
9. มองปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา
คนรวยและประสบความสำเร็จจะมองปัญหาที่เกิดขึ้น เสมือนเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างสติปัญญาให้เฉียบคมมากขึ้น และเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความรู้ เพิ่มความสามารถให้แก่ตนเองอีกต่างหาก ประสบการณ์ในการแก้ปัญหาที่ผ่านมานั้นเอง จะเป็นกำลังใจให้พวกเขากล้าที่จะทำในสิ่งใหม่และท้าทายมากยิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามทุกๆ ปัญหาที่เขาต้องเผชิญนั้น พวกเขาจะคิดมาตรการเพื่อการป้องกันมิให้ปัญหานั้นเกิดซ้ำอีก
.
.
10. มีความเชื่อมั่นในตัวเอง
คนที่ร่ำรวยจะรู้สึกเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง พวกเขาจะรู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรบ้าง มีความสามารถทำได้แต่ไหน และจะลงมือทำอย่างสุดความารถของพวกเขาเองด้วยความเชื่อมั่น
.
.
11. ประเมินผลสำเร็จจากผลงานเป็นหลัก
คนรวยจะประเมินผลงานจากสินค้าที่ขายได้หรือผลกำไรของบริษัท แต่คนทั่วไปมักจะประเมินผลงานจากแรงงานที่ตัวเองเสียไป นอกจากนั้น คนทั่วไปมักเลือกที่จะเป็นลูกน้องในองค์กรที่มีความมั่นคง เพื่อที่ว่าตนเองจะได้ไม่ต้องลงทุนหรือมีความเสี่ยงในการทำธุรกิจมากนัก ในทางกลับกัน คนรวยจะทำงานในองค์กรสักระยะหนึ่งเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และหาโอกาสเปิดกิจการหรือมีธุรกิจเป็นของตนเองต่อไป
.
.
12. คิดหวังผลสองด้าน
คนรวยคิดว่า คนเราสามารถประสบความสำเร็จ มีความสุข และมีเวลาให้กับครอบครัวได้พร้อมๆกัน แต่คนทั่วไปกลับคิดว่า การที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง เรื่องส่วนตัวเก็บไว้ทีหลัง การทำงานต้องเคร่งเครียด เอาจริงเอาจัง จนทำให้ละเลยคนที่รอบข้างไปหมด ละเลยสุขภาพของตัวเอง นอกจากนั้น คนรวยคิดว่า ยิ่งมีเงินทองมากขึ้น ยิ่งช่วยเปิดโอกาสให้ได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมได้มากยิ่งขึ้น แต่คนทั่วไปกลับคิดว่า การจะร่ำรวยได้จะต้องเกิดจากการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเสียเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาจึงมองว่าคนรวยคือคนที่ไม่ดี
.
.
13. คิดว่าตนเองมีราคาเท่าไร
คนรวยจะประเมินมูลค่าของตนเองจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมด หักลบกับหนี้สินทั้งหลาย ฉะนั้น คนรวยจึงคิดที่จะนำเงินไปลงทุนมากกว่านำไปใช้จ่ายจนหมด เพราะการลงทุนถือว่าเป็นการเพิ่มพูนรายได้โดยที่มูลค่าเดิมก็ยังคงอยู่ ในทางกลับกัน เมื่อมีเงินทองคนทั่วไปมักคิดที่จะจับจ่ายใช้สอยหรือไปท่องเที่ยวมากกกว่าการเก็บออมหรือนำไปลงทุน
.
.
14. รู้จักวางแผนในการจับจ่ายใช้สอย
คนรวยจะวางแผนเก็บออมเงินในระยะยาวมากกว่าการนำเงินไปใช้ มีการคิดตลอดเวลาก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหรือเปลี่ยนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และในแต่ละวันแต่ละเดือน จะมีการจดบันทึกค่าใช้จ่ายไว้อย่างสม่ำเสมอ เพราะจะทำให้เรารู้ว่า เราใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง แล้วสิ่งนั้นจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะช่วยให้อนาคตเราจะไม่ขัดสนและลำบาก
.
.
15. รู้จักใช้เงินอย่างฉลาด
คนรวยจะรู้จักบริหารเงินให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ไม่ใช่ว่าหาเงินมาได้มากเท่าไหร่ ก็ใช้ไปเท่านั้น หรือมี 100 บาทแต่ใช้ 500 บาทแบบนี้เป็นต้น พวกเขาจะรู้จักหาวิธีที่สามารถช่วยทำให้เงินงอกเงย และช่วยเพิ่มพูนทรัพย์ให้พวกอย่างต่อเนื่อง รู้จักลงทุนโดยใช้ความคิดมากกว่าการใช้แรง
.
.
16. ไม่กลัวความล้มเหลว
คนรวยเมื่อเจอกับความล้มเหลวจะไม่ย่อท้อหรือหมดหวัง แต่จะตั้งสติ อดทน และพยายามหาหนทางแก้ไขและมองความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเหล่านี้นี่แหละ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เกิดแรงกระตุ้น หรือเป็นตัวพัฒนาความรู้ ความสามารถของตัวเองมากกว่า แต่คนทั่วไปเมื่อเจอความผิดพลาด อุปสรรค ปัญหา หรือความล้มเหลวจะยอมแพ้ รู้สึกท้อ ผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น และคิดว่าตนเองหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วในชีวิต และจะหยุดการพัฒนาตัวเองโดยจมอยู่แต่กับความล้มเหลว
.
.
17. เรียนรู้ตลอดเวลา
คนรวยจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาและไม่เคยคิดว่าตนเองเก่งแล้ว แต่คนทั่วไปจะคิดว่า ประสบการณ์จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถจึงทำให้หลงคิดว่าตนเองเก่งแล้ว เพราะผ่านประสบการณ์การทำงานมาหลายปี ฉะนั้น จึงมักไม่ยอมรับการสั่งสอนหรือคำแนะนำจากคนอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่มีประสบการณ์น้อยกว่า เพราะถือว่าเป็นการเสียหน้าเป็นอย่างมาก ฉะนั้นอย่าลืมการเรียนรู้ตลอดเวลา ทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วเข้าไว้ เพื่อจะได้เรียนรู้ พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เหล่านี้คือวิธีคิดของเหล่าเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จ หากคุณอยากเป็นเศรษฐีบ้าง ก็เพียงเริ่มนำทั้ง 17 ข้อนี้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต และใช้มันอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดที่คุณพร้อมรับการเป็นเศรษฐี ความมั่งคั่งร่ำรวยจะเข้ามาเยือนคุณอย่างแน่นอน
ขอบคุณบทความดีๆจาก
http://drboonchai.com
17 ways of thinking of successful millionaires in life
I hear the word "Millionaire" I can believe that everyone wants to be a millionaire. But how to be a millionaire with him? I am a successful person in life. Today we bring the way of thinking of successful millionaires in life. What? Let's go check it out.
.
.
1. People can determine their own destiny.
Rich people or successful people often think that we can determine their own destiny without waiting for destiny, angels, heaven or what we can't see to define ourselves, such as buying lottery to hope to be rich, shortcuts or relying on fortune tellers for Predict Fate etc. But on the other hand, poor people often blame fate, environment or people around the cause of poverty or failure. or they often think that wealth, money is not important. It's just outside the outside the body. When you can't take it. When you think like this, the wisdom to use. Earn money to find gold, it will be gone. While Rich people always think that when they wish for anything, they have to create cause and sustenance with water. Rest their own energy. If you keep waiting for external factors, when will those things be bloomed and bloomed.
.
.
2. Clear targeting
Rich people, successful people will clearly target how much money they will have in the next year. But people often think that they just have enough for a month. But the month is enough. Successful people always look far away, have dreams, imagination and dare to Do it because you believe in your potential.
.
.
3. Born, must be rich and successful.
Rich people will always think that they have to be rich. No matter how hard we have to invest. Even at birth, we can't choose whether we are born to be rich. But we can determine our own lives how much we want to be rich, want to succeed, but normal people will. I only think that I want to be rich, but I don't work hard. When I have problems, obstacles often complain and give up because I don't
.
.
4. Think Big, don't think small.
Rich people will always think that everything can be possible. Only we see the opportunity and try to do it. No matter how hard it is and figure out how to develop their products and services to help benefit many people.
.
.
5. Look for opportunities and not waste time on problems
When there is a problem, rich people will try to find opportunities or ways to turn crisis into opportunities, not be hysterical or lose hope for problems. Successful people will remain calm, face problems consciously. Think carefully and do it and don't let go of time. Pass in vain because successful people know how much time means, no matter how rich they are, they can't buy time.
.
.
6. Admire successful people to bring ideas in their own life.
Rich people and successful people care and like to study how successful people are and how to become that rich and bring idols or as an idea of themselves rather than feeling jealous of other people's success.
.
.
Haha. I like to be in relationship with optimistic people.
Rich people will like to fellowship with optimistic people because they will have thoughts, words and actions. Optimistic people will always see opportunities in crisis and often see problems that happen as common. Pessimistic people. I will like to make small things big things and see that it is something that will bring disaster. The more you think, the more stressed it is discouraged. Uncomfortable that you have to vent such feelings in the photos of actions such as stepping up. Inna, jealousy or catch others, etc. The more pessimism makes you can't think of anything, life will fall in the loop of poverty. Therefore, rich people choose not to be possessed. With pessimistic people because it will grow pessimism into the mind without knowing.
.
.
8. Ready to present their own products and services.
Rich people are always ready to present their products to others because they believe that waiting for others to inquire about our products is a waste of time. Rich and successful people are often live in the present. They will not be stuck in the past because they realize everything in the world. It's always changing. and if he is in his past successes, he will be careless. or if he is afraid or disappointed with past failures, he won't dare to do anything anymore. So they don't care much about the past, but care that they should be now. How to improve products and services better
.
.
Haha. Looking at problems as normal.
Rich and successful people will look at problems like tools that strengthen wisdom, sharper and increase knowledge, increase their ability. Experience of solving past problems will encourage them to do new and challenging things. Even more, every problem he has to face, they will think measures to prevent the problem from repeated.
.
.
10. Have faith in myself
Rich people will feel trust in their potential. They will know what they can do. They can do, and will do their best with confidence.
.
.
11. Evaluation from the work primarily
Rich people will assess the products that are sold or profit of companies. But people often assess their lost workforce. Besides, people choose to be subordinate in stable organizations so that they don't have to invest or risk. Doing much business. On the other hand, rich people will work in corporations for a while to reap experience and find opportunities to open business or have their own business.
.
.
12. Thinking about two sides.
Rich people think that people can be successful, happy and have time for family at the same time. But people think that being successful must be dedicated to everything personal things. Keep it later. Work must be serious. Seriously that it makes you neglect those around you. Neglect their health. Besides, rich people think that the more More money, the more money helps to make more benefits for society. But people think that being rich must be caused by taking advantage of others. Most of them think that rich people are bad people.
.
.
Haha. How much do you think it cost?
Rich people will evaluate their value from all existing assets. Cuddle remove debts. Therefore, rich people think to invest more than spend it because investment is considered increasing income. The same value is still on the other hand when there is money. In General, I often think of paying, living or traveling more than saving or investing.
.
.
14. Know how to plan to pay for living.
Rich people plan to save long-term savings rather than spending money. Always think before making a decision to buy or change one thing. Each month, each month will be regularly taking note of expenses because it will make us know what we spend on. How necessary is it to help our future not be needy and difficult?
.
.
15. Know how to spend money wisely
Rich people will know how to manage the most benefits. It's not how much they earn, they spend only or have 100 baht. But spend 500 baht like this, etc. They will know how to find ways that can help make money grow and help increase the money. People constantly know how to invest in mind rather than using energy.
.
.
16. Not afraid of failure
Rich people, when they encounter failure, they will not give up or lose hope. But focus on being patient and try to find a solution and look at these failures. These are the things that will help motivate or develop their knowledge, ability, but normal people when they meet. Mistakes, obstacles, problems or failures will give up. Feel discouraged, disappointed by what happened and think that you are gone. Everything is gone in life and will stop developing yourself by being stuck in failure.
.
.
17. Learn all the time
Rich people will learn new things all the time and never think they are good. But people think that experience will indicates their ability, so they are good because they have been through many years of work experience. Therefore, they do not accept teaching or advice from others. People who have less experience because it is considered a lot of loss. So don't forget to learn all the time. Be half a glass of water to learn how to develop yourself all
These are the ways of thinking of successful millionaires. If you want to become millionaires, just start leading these 17 things to live and use them continuously to the point where you are ready to receive a millionaire, wealth will definitely visit you.
Thank you for a great article from
http://drboonchai.comTranslated
「energy saving opportunities」的推薦目錄:
energy saving opportunities 在 美國在台協會 AIT Facebook 的最讚貼文
美國環保署署長Lisa P. Jackson的影片致詞 - 播放於台美潔淨能源論壇(2011 US-Taiwn Clean Energy Forum)。中英文全文如下:
Hello, this is EPA Administrator Lisa P. Jackson.
Greetings from Washington D.C. It is my pleasure to help open the U.S.-Taiwan Clean Energy Forum in Taipei and to welcome all of those who share my goal of spurring the development of newer, cleaner sources of energy to help secure our future.
For more than 40 years, we have been able to strengthen health and environmental protections, and expand economic opportunity to billions of people around the globe.
Today our planet faces some of the most severe economic and environmental challenges in decades. Parents across the US and around the world are concerned that the world we leave to our children and grandchildren will be a very different place than the one we know today. We must find ways to address issues like depleting energy resources and a changing climate in ways that maintain the history of improvement for our environment and our economy.
Already, governments are supporting clean energy innovation and implementation, while businesses invest in energy-efficient and sustainable strategies to reduce emissions and cut costs.
No individual country or company is responsible for all of the challenges we face. And no one acting alone will be able to find a solution to challenges that affect our entire planet. That’s why EPA is working to engage local communities, multi-national companies and international partners to take steps that promote a greener, cleaner economy.
Over the past two years, we've partnered with UNEP and automobile companies through the Partnership for Clean Fuels and Vehicles. And we've expanded the Renewable Fuels Standard, targeting our government resources toward energy-efficiency that can cut costs and reduce pollution.
We've also expanded our work with the private sector through the Green Power Partnership and Combined Heat and Power Partnership programs -- both of which support cost-effective and innovative clean energy technology. In the US, we're encouraging the adoption of a goal for combined heat and power generation to comprise 20 percent of our energy by 2030.
While significantly cutting emissions, that level of progress could also spark an estimated $234 billion in investments and create nearly 1 million jobs throughout the country. Those potential environmental and economic benefits are not exclusive to the US - and we are encouraged to hear our partners in Asia exploring the implementation of similar strategies.
We are also working to expand innovative solutions like green infrastructure. Green infrastructure techniques have the potential to protect clean water and cut energy consumption, saving money and protecting health and the environment. Smarter, greener planning often costs less than traditional methods, and by fostering healthier communities, they can attract new businesses and increase property values.
40 years of history shows that we can increase economic opportunity and expand environmental protection at the same time. There is no reason we can't continue that history today. By bringing together local and national governments, international institutions, business leaders and civil society, we can seize opportunities for a green, prosperous future for our individual nations, and our entire planet.
大家好,我是美國環保署署長 Lisa P. Jackson。
在此為您致上來自美國華府的問候。本人非常榮幸能夠受邀為於台北舉辦的台美潔淨能源論壇揭開序幕,並且歡迎各位和我一同加入促進新潔淨能源發展的行列,讓我們一起創造更美好的未來。
超過40年來,我們一直致力於促進民眾健康與環境保護,並且為全球數十億人口拓展更多的經濟商機。
現在我們的地球遭受到了數十年以來最嚴重的經濟和環保挑戰。全美國與全世界的家長也都擔心我們留給後代子孫的世界將會和今日我們所熟悉的世界大大不同。我們必須找到解決的方法,來因應像是能源耗竭和氣候變遷這類的挑戰,才能夠一如往常地持續促進環境和經濟的提升與發展。
全球各國政府都已經開始支持潔淨能源的創新與實施,企業也著手投資於節能與永續的策略來減少廢氣排放和降低成本。
對於我們眼前所面對的挑戰,沒有一個國家或企業能夠獨力承擔所有的責任。也沒有一個人能夠獨力解決這些影響我們整個地球的挑戰。這就是為什麼美國環保署致力於促進當地社群、跨國企業和國際合作夥伴的共襄盛舉,推動更環保、更潔淨的經濟發展。
在過去兩年以來,我們與UNEP和汽車產業透過「潔淨能源與車輛合作夥伴計畫(Partnership for Clean Fuels and Vehicles)合作。我們也拓展了再生能源標準(Renewable Fuels Standard),希冀讓政府的資源能做更符合能源效率的運用,進而降低成本與減少污染。
我們也透過了綠色能源合作夥伴計畫(Green Power Partnership)和熱能與電力綜合合作夥伴計畫(Combined Heat and Power Partnership)來拓展與私部門之間的合作—這兩個計畫的宗旨都在於支持具成本效益與創新的潔淨能源科技發展。在美國,我們正在推動一個目標,希冀能在2030年之前,將熱能與發電所佔能源的比例提升到20%。
在大幅減少碳排放的同時,這樣的進展也將帶動預計達到23.4億美元的投資,並且在全美各地創造將近100萬個工作機會。這些潛在的環保和經濟效益不只侷限在美國—我們也非常高興聽到我們在亞洲的合作夥伴也正研擬實施類似的策略。
另外,我們也正努力拓展其他的創新解決方案,例如綠色基礎建設。綠色基礎建設的技術有望能夠保障水源潔淨,並且減少能源的消耗,節省成本,並且有益於民眾健康與環境保護。更具智慧、更環保的規劃通常比傳統的方式更具經濟效益,透過發展更健康的社區,這些規劃措施也將能夠吸引企業的進駐,並且促進房地產增值。
40 年的歷史證明了我們可以讓增加商機和促進環保這兩項目標並行不悖。我們沒有理由不能延續這樣的歷史紀錄。透過結合地方和中央政府、國際組織、企業領袖和公民社會的力量,我們將可以掌握契機,為個別國家,乃至於整個地球創造更環保,更繁盛的未來。