ทุกอย่างมี 2 ด้านให้เราคิดเสมอ ..ลองอ่านดูนะ เค้าเขียนดี
การช่วยเหลือที่ถ้ำหลวงในครั้งนี้ จริงอยู่เราสูญเสียทรัพยากรมากมาย เพื่อกอบกู้ 13 ชีวิต
แต่ทำไมนะ ผมคิดว่าทุกอย่างที่เราเสียไป มันไม่ใช่เสียเปล่า แต่เราได้อะไรกลับคืนมา มากมายเหลือเกินจากเหตุการณ์นี้
1) ท่ามกลางปัญหา เราได้เห็นว่า ประเทศไทยมีคนที่ความสามารถในการจัดการได้ดี และมีความเป็นผู้นำสูงมาก อย่างท่านผู้ว่าฯเชียงราย เมื่อเกิดเหตุ ท่านวางแผน และจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นว่า คนที่จะมาถึงตำแหน่งนี้ได้ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
2) เราได้เห็น ความเด็ดขาดของผู้ว่า โดยเฉพาะที่บอกว่า คนที่อยากมาช่วย ใครอยากมาก็มาได้ แต่ต้องมาถกหลักการกันก่อน ว่าสิ่งที่นำเสนอมันทำได้หรือไม่ หรือว่าเป็นไอเดียที่จะถ่วงทีมให้ช้าลง ไม่ใช่ว่าคนที่อยากช่วยจะมีประโยชน์ทั้งหมด ซึ่งผู้มีอำนาจเด็ดขาด ต้องเลือกใช้คนให้ถูก ไม่ใช่รับความช่วยเหลือไปเสียทุกอย่าง
3) แน่นอน ใครๆก็รู้ว่าการค้นหาเด็กให้พบคือสิ่งสำคัญ แต่ ผู้ว่าฉลาดมาก ที่ให้ความสำคัญก่อนกับ "คนที่เข้าไปช่วย" อะไรที่เสี่ยงภัย เช่น ดำน้ำในสภาวะเสี่ยงเกินไป หรือ การเสี่ยงว่ายน้ำโดยมีโอกาสเสี่ยงไฟดูดไฟช็อต ผู้ว่าจะไม่ยอมให้หน่วยซีลลงน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว การช่วยหนึ่งคน ไม่ได้แปลว่าต้องเอาชีวิตของอีกคนเข้าไปแลก
4) เราได้เห็นว่า กลยุทธ์อะไรก็ตาม ต้องมีแผนสำรองอยู่เสมอ ในตอนแรกแผนดั้งเดิม คือให้หน่วยซีล เข้าถ้ำไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาทั้ง 13 คนที่ติดถ้ำ แต่สุดท้าย เราก็มีแผนสอง คือตรวจเช็กปล่องด้านบนภูเขา ว่าจะสามารถหย่อนตัว ทะลุถึงถ้ำได้เลยหรือไม่ และแผนสามคือไอเดียการเจาะภูเขา การไปถึงจุดหมาย ไม่จำเป็นต้องมีแผนเดียว แต่การเปิดรับทุกหนทางที่เป็นไปได้ ก็ยิ่งมีโอกาสไปถึงเป้าหมายเร็วขึ้น
5) เราได้รู้จักหน่วยซีล ว่าคืออะไร บางคนไม่รู้เลยว่าที่ไทยก็มีด้วย ได้รู้ว่า SEAL ย่อจาก (SEa - Air - Land) คือหน่วยรบที่ปฏิบัติงานได้ทั้งในทะเล บนอากาศ และภาคพื้นดิน เป็นหน่วยทหารที่มีสภาพร่างกายแข็งแกร่ง ผ่านการฝึกหฤโหด และในยามคับขัน ความยอดเยี่ยมของหน่วยซีล ก็สามารถเป็นประโยชน์กับภารกิจได้
6) เราได้รู้จักภูมิศาสตร์ของประเทศไทยมากขึ้น หลายคนรู้จักถ้ำหลวงเป็นครั้งแรก ได้รู้ว่าขุนน้ำนางนอนอยู่ตรงไหน ได้รู้ว่าเชียงรายก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแบบนี้ด้วย ได้รู้จักคำว่า "ถ้ำ" ในความหมายใหม่ บางถ้ำมันยาวเป็นกิโล และคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกต
7) เราได้ความรู้เรื่องการเอาชีวิตรอดมากขึ้น ได้รู้จัก "กฎ 333" ว่าในภาวะใดบ้างที่คุณจะมีชีวิตรอดได้ คือ ขาดอากาศหายใจได้ 3 นาที , ขาดน้ำดื่มได้ 3 วัน , ขาดอาหารได้ 3 สัปดาห์ ถ้ามากกว่านี้ก็จะตาย (แต่แน่นอนนี่เป็นแค่กฎคร่าวๆไม่ได้ใช้ได้กับทุกคน) ได้ความรู้ว่า แม้จะไม่มีอาหาร แต่ร่างกายมนุษย์ สามารถดึงพลังงานสำรองที่สะสมในรูปไขมันมาใช้ได้
8) เราได้เห็นความเสียสละของคนในพื้นที่ ยอมให้สูบน้ำเข้าเทือกสวนไร่นา ทั้งๆที่พวกเขาเริ่มทำกสิกรรมกันแล้ว ไม่มีใครอยากทำให้ตัวเองวุ่นวาย และเสียผลประโยชน์ แต่สุดท้าย เมื่อมันเป็นเรื่องความเป็นความตาย ทุกคนเข้าใจดี ซึ่งนี่คือการเสียสละอย่างแท้จริง
9) เราได้เห็นความสามารถของสื่อมวลชน ในเงื่อนไขที่จำกัด ไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง คุณสามารถนำเสนอให้ สื่อของตัวเองมีความน่าสนใจได้ หรือไม่ คุณมีมุมมองที่เฉียบขาดมากกว่าที่อื่นหรือเปล่า และที่สำคัญ คุณจะเคารพกติกาที่เจ้าหน้าที่ตั้งไว้ หรือจะกล้าแหกกฎเพื่อได้ข่าวที่เหนือกว่าช่องอื่น
10) เราได้เห็น ทักษะการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีประสิทธิภาพ อย่างทวิตเตอร์ของ Mthai การนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา รวดเร็วฉับไว ไม่ต้องสร้างดราม่า ก็สร้างความนิยมได้เช่นเดียวกัน
11) เราได้รู้ว่า สิ่งที่เราหวัง สิ่งที่เราคิด กับสิ่งที่เกิดขึ้นหน้างาน มันไม่เหมือนกันเลย หลายๆอย่างเราคิดได้ แต่ในสถานการณ์จริงมันทำไม่ได้ มีคนบอกว่า ทำไมเราไม่ห้อยอาหารลอยน้ำไปให้ถึงมือเด็ก มีคนอธิบายว่า เพราะในถ้ำน้ำมันไม่ได้ไหลตรงๆเหมือนแม่น้ำ เอาของลอยน้ำ ก็ไปติดโขดหิน เด็กไม่ได้รับแน่นอน หรือ มีบางคนถามว่าทำไมไม่ระเบิดถ้ำ ก็มีคนอธิบายว่า ระเบิดแล้วถ้าหินถล่มลงมาจนปิดทางเข้าออกทั้งหมดล่ะ แบบนี้เด็กตายเลยไหม เราได้เข้าใจว่า สิ่งที่จินตนาการ มันอาจทำไม่ได้ในชีวิตจริง
12) เราได้รู้ว่า ในสังคมนี้ มีคนอยากเอาหน้ามากมาย บางคน รู้ว่าตัวเองไม่มีทักษะอะไรที่จะช่วยได้ (คือจะบอกว่า มาเป็นกำลังใจ อยู่ตรงไหนก็ส่งใจไปได้จริงไหม) แต่ก็อยากเอาตัวไปให้สื่อได้เห็นว่ามาลงพื้นที่แล้ว ในทางตรงกันข้าม มีคนจำนวนมากยอมทำงานหนักเป็นมดงาน เพื่อให้ภารกิจได้เดินหน้าต่อ แต่คนเหล่านี้ ไม่ได้ต้องการป่าวประกาศใดๆ เขาต้องการผลสำเร็จ ไม่ใช่ชื่อเสียงของตัวเอง
13) เราได้เห็นว่าในประเทศไทย ความเชื่อ กับ วิทยาศาสตร์มันสามารถไปด้วยกันได้อย่างประหลาด ในขณะที่ทีมงานกำลังจะเจาะถ้ำ ก็ยังต้องขออนุญาตจากเจ้าป่าเจ้าเขา หรือขณะที่ เราใช้เทคโนโลยีโดรนที่ล้ำยุคในการช่วยค้นหา แต่อีกด้านเราก็เห็นภาพชาวบ้านกราบไหว้ ครูบาบุญชุ่ม ที่เข้าไปทำพิธีเปิดตา มันเป็นส่วนผสมที่ไม่น่าเชื่อ แต่ก็เกิดขึ้นกับประเทศไทยจริงๆ
14) เราได้เห็นว่า ในยามที่ทุกคนกำลังสับสน ย่อมมีคนหาโอกาสฉวยผลประโยชน์เสมอ คนที่อ้างให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง อ้างขอเงินไปช่วย 13 ชีวิตติดถ้ำ แบบนี้มีเยอะ คนเสพข่าวสารต้องระวังให้ดี อย่าใจดี จนขาดสติ ต้องเช็กให้รอบคอบ เพราะคนชั่วโลกนี้มันมีเยอะ คนแบบนี้ต้องไม่ตายดีแน่
15) เราได้เห็นว่า ทุกความสามารถมีประโยชน์ ช่างไฟฟ้า นักขุดเจาะน้ำบาดาล ช่างต่อท่อ แพทย์ นักปีนเขา ทหาร นักข่าว พ่อครัว ช่างภาพ ล่าม นักวิทยาศาสตร์ ทีมกู้ภัย นักดำน้ำ นักดนตรี นักธรณีวิทยา ฯลฯ ในยามจำเป็น ทุกคนสามารถใช้ทักษะของตัวเอง เพื่อเป้าหมายสูงสุดร่วมกัน มันแสดงให้เห็นว่า ไม่มีอาชีพไหน เหนือกว่าอาชีพไหน ทุกคนสามารถสร้างสรรค์สังคมได้ในทางของตัวเอง
16) เราได้เห็นคนจินตนาการเยอะเหลือเกิน บางคนบอกว่าเด็กไปพัวพันกับคดียาเสพติด บางคนคิดไปขนาดว่า จริงๆเจอตัวเด็กตั้งนานแล้ว แต่ปล่อยออกมาไม่ได้ เพราะกำลังเคลียร์เรื่องยาเสพติดอยู่ มีทฤษฎีสมคบคิดมากมาย แต่สุดท้ายก็เหมือนอย่างที่ผู้ว่าบอกนั่นแหละ "ขอให้งดใช้จินตนาการ" และอย่างที่ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 บอก "ถ้ำหลวงไม่ใช่พื้นที่สีแดง" คือ การคิดเรื่อยเปื่อย มีโทษมากกว่าประโยชน์นะ
17) เราได้เห็นว่า ในช่วง 3-4 วันแรกของเหตุการณ์ทุกคนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ทุกอย่างชุลมุนไปหมด แต่หลังจากนั้น ทุกอย่างก็เริ่มมีระบบระเบียบมากขึ้น รถราที่ใครจะขึ้นไปบนเขาก็ได้ โดนกันไว้ด้านล่าง เจ้าหน้าที่จัดรถโดยสาร รับส่งคนขึ้นลง ทำให้การจราจรไม่ติดขัด ขณะที่ ทีมงานก็มีการซักซ้อมอย่างดี ถ้าหากพบเด็กแล้วจะทำอย่างไร ทุกอย่างมีแบบแผนเป็นระบบ ไม่มั่วซั่ว อย่าดูถูกความสามารถของเจ้าหน้าที่เลย เขาก็พยายามทำทุกอย่างให้ง่ายที่สุดต่อการจัดการล่ะ
18) เราได้เห็น น้ำใจของชาวต่างชาติ บางคนมาช่วยผ่านทางรัฐบาลส่งมา บางคนเดินทางมาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน การที่ท่านแสดงถึงน้ำใจที่มี เราขอคารวะทุกท่าน มา ณ ที่นี้ มันทำให้เห็นอีกด้วยว่า ในยามวิกฤติ ไม่มีกำแพงของเชื้อชาติ
19) เราได้รู้ว่าข่าวสารสมัยนี้ไปเร็วมาก เรื่องเกิดแค่ 1 วัน ทั้งโลกรู้แล้วว่ามีเหตุคนติดถ้ำที่ไทย ซึ่งทำให้คนทั้งโลกจับตาดูอยู่ ทุกๆการกระทำ ทุกๆการตัดสินใจ จะเป็นบทพิสูจน์ให้โลกเห็นเลยว่า ประเทศไทย มีฝีมือแค่ไหน ในการรับมือกับปัญหา
20) หลายคนไปด่าเด็ก ว่าเด็กพวกนี้ไม่ควรได้รับการสรรเสริญอะไรทั้งนั้น เป็นเด็กซน แล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน คือทำไมใจร้อนรีบด่าจัง ยังไม่รู้ที่มาที่ไปอะไรเลยไม่ใช่หรอ ยังไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องเอาตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์นั้น น้ำขึ้นอย่างไร ต้องเอาตัวรอดแบบไหน ไม่มีใครรู้เหตุการณ์จริงๆเลย ได้แต่คาดเดาไปเรื่อย แล้วการที่ไปต่อว่าเด็กๆแบบนั้น มันยุติธรรมหรือ
21) และสมมติว่า เด็กๆผิดจริง ผมอยากให้คิดแบบนี้ครับ ว่าใน 13 คน (แม้จะมีโค้ชอยู่ก็เถอะ) แต่เด็กๆโดยรวม ส่วนใหญ่อายุระหว่าง 13-16 ปี พวกเขาก็ยังเด็ก ยังไม่มีประสบการณ์ชีวิต ยังทำอะไรไม่ทันคิด ตอนเราเป็นเด็ก เราไม่เคยทำผิดพลาดกันหรอ? เราก็เคยกันทั้งนั้น ผมเชื่อว่าเด็กพวกนี้ เขาเองไม่อยากให้คนอื่นลำบากหรอก เขาแค่ประเมินสถานการณ์ผิดไป ไม่รู้ว่าน้ำมันจะท่วมถ้ำได้ขนาดนั้น ชนิดที่ร้อยวันพันปี ไม่เคยท่วมแบบนี้ ไปมาหลายครั้งก็ไม่เคยเจอท่วม มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้น มันเป็นแจ๊กพ็อตพอดี คือไม่ต้องชมน่ะใช่ ตักเตือนได้ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปด่าเขาเหมือนกัน
22) สิ่งที่แต่ละองค์กรพยายามมอบให้เด็ก อย่างสโมสรเอสซีจี เมืองทองฯ อยากให้ทีมหมูป่า มาดูบอลที่สโมสร และได้โอกาสฝึกกับทีมเยาวชน หรือ สโมสรเชียงราย เตรียมให้ตั๋วดูบอลฟรีตลอดชีวิต มันไม่ใช่การมอบรางวัลให้คนทำผิด แต่มันเป็นการส่งกำลังใจให้ครอบครัวของเด็กต่างหาก ให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนมีแรงใจสู้ต่อว่า เจ้าจงรอดกลับมาเถอะนะ มีสิ่งดีๆรออยู่มากมาย อย่าเพิ่งมาจบชีวิตตอนนี้เลย
23) ใครอยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงตาย คุณเอาตั๋วดูบอล มาแลกกับชีวิตทั้งชีวิต เป็นคุณ คุณเอาหรอ มีคนบอกว่า จากนี้ถ้าเด็กคนไหนอยากได้อะไร ก็คงวิ่งไปติดถ้ำ เพื่อให้คนช่วยออกมา แล้วจะได้มีผู้ใหญ่มาให้ของรางวัลมากมาย คือ ก็อยากเห็นเหมือนกัน ว่าใครจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับของตอบแทนแบบนี้
24) อีกอย่าง ถ้าเด็ก "รอดชีวิต" จริงๆ การที่พวกเขาติดอยู่ในสถานการณ์ลำบากขนาดนี้ แล้วยังประคับประคองสติ จนรอดชีวิตได้ไม่คลุ้มคลั่งไปก่อน มันก็เป็นเรื่องน่าทึ่งนะ น่านั่งพูดคุยกับเขา ว่าในสถานการณ์บีบคั้น เขาคิดอะไร ถึงรอดตายมาได้ น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายๆคนได้เลย
25) รวมถึงเรื่องสภาพร่างกายด้วย ว่าในสภาพที่มีอาหารน้อย น้ำน้อย ทุกอย่างจำกัดหมด พวกเขามีอาการอย่างไรบ้าง และทำอย่างไรถึงรอดชีวิตมาได้ เป็นประสบการณ์ใหม่ ที่อนาคตถ้ามีคนโชคร้ายเจอเรื่องแบบนี้อีก จะได้พอมีแนวทางว่าต้องทำอย่างไร
26) ในครั้งนี้ ประเทศไทยแลกอะไรไปหลายอย่าง เงินทอง กำลังกาย ทรัพยากร แม้แต่ธรรมชาติ ป่าเขาอยู่ของมันดีๆ ก็จำเป็นต้องถูกตัดไม้ ระเบิดหิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือทุกคนให้รอดปลอดภัย เราเสียอะไรไปเยอะมากจริงๆ
27) แต่สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ก็มากมายเช่นกัน กับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นครั้งแรก ได้ประสบการณ์ ได้ความรู้ ได้อุทาหรณ์ ได้เห็นมุมมองจากคนทุกสาขาอาชีพ และได้เห็นคนทั้งประเทศรวมใจกันเป็นหนึ่ง
28) และเด็กๆ ถ้ารอดมาได้ พวกเขาจะได้รับรู้แน่นอนว่า คนทั้งชาติต้องแลกกับอะไรมาบ้าง เพื่อให้เขามีชีวิตต่อไป เขาจะใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทอีกเลยต่อจากนี้ และทั้ง 13 คน ก็จะกลายเป็นอนาคตของประเทศชาติเราต่อไปในทางใดทางหนึ่ง
29) ที่สำคัญที่สุดอีกข้อคือ เรื่องนี้จะเป็นข้อเตือนใจให้วัยรุ่น และเยาวชนของชาติคนอื่นๆ ให้คิดอ่านอะไรให้รอบคอบมากขึ้น และต้องตระหนักเลยว่า ต้องมีสติให้มาก เพราะเวลาเกิดเรื่องขึ้นมา ไม่ใช่แค่ตัวเองที่ลำบาก พ่อแม่ก็เป็นห่วง แถมคนอีกมากมาย ต้องมาลำบากเพื่อตัวเอง
30) แน่นอน ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว แทนที่จะหัวเสีย ไปโมโหว่า "มันไม่ควรเกิดขึ้นแต่แรก" หรือ "ทำไมเด็กไม่อ่านป้ายคำเตือน" ก็ยอมรับความจริงตรงๆไหมว่ามันเกิดขึ้นแล้ว และ ย้อนคิดดีกว่า ว่าเราจะเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้างจากเหตุการณ์นี้
จริงไหม?
ขอให้ผู้ช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ และผู้ประสบภัยทุกคนปลอดภัย
#ถ้ำหลวง #ทีมหมูป่า #HOPE
The help at tham luang is true. We lost a lot of resources to save 13 lives.
But why? I think everything we lost is not a waste, but we get so much back from this incident.
1) in the midst of problems, we have seen that Thailand has a very high leadership ability to manage and leadership like governor of Chiang Rai. When he quickly planned and manage the problem quickly, it shows that the person who will arrive at this position did not come because Lucky help
2) we have seen the truth of the governor, especially saying that those who want to help. Whoever wants to come, but we have to discuss the principle whether the presentation can do or is the idea to slow down the team, not that the one. If you want to help, it will be useful. All the authority must choose to use the right person, not receive all help.
3) of course, everyone knows that finding children is important, but the governor is very smart to focus on "people who help" something that is dangerous, such as diving in too risky or swimming with a chance to risk of sucking fire. Lot Gov won't let navy seal get into the water, which is right. Helping one doesn't mean taking another person's life in exchange.
4) we have seen that whatever strategy must always have a backup plan. The Original plan is to let navy seals keep going to go to the cave to the cave. But in the end, we have a second plan is to check the crater on top. Whether it can be able to go through the cave. And plan three is the idea of drilling mountains. Reaching the destination doesn't have to have one plan, but opening every possible way, the faster the chance to reach the goal.
5) we have known navy seal what it is. Some people don't know that Thailand also know that seal squat from (Sea-Air-land) is a force that works both in the sea, on air and ground as a military unit. Strong body condition through brutal training and in trouble, the superb of navy seal can benefit the mission.
6) we have known the geography of Thailand more. Many people know tham luang for the first time. We know where the nobleman is sleeping. Know that Chiang Rai also has interesting attractions like this. Know the word "Cave" in some new meaning. The Cave is a kilo long and crooked like a labyrinth.
7) we know more about survival. Know "Rule 333" what condition you can survive is lack of air for 3 minutes, lack of drinking water for 3 days, lack of food. 3 weeks. If more, I will die (but of course, this is just a sketchy rule. It doesn't work for everyone). I have knowledge that even without food, the human body can pull back up energy accumulated in fat.
8) We have seen the sacrifice of local people who allow to smoke water into the field. Even when they start doing karma, no one wants to mess themselves and lose benefit. But in the end, when it's death, everyone understands. Is truly a sacrifice.
9) we have seen the ability of the press in limited terms. Nothing is ready. Can you present to your media interesting? Do you have more sharp views than other places and most importantly, will you respect the rules that the authorities set? I will dare to break the rules to hear above other channels.
10) we have seen effective social networks skills like mthai twitter. Presenting facts, fast, fast, no need to create drama, it can create popularity as well.
11) we know that what we hope, what we think about what happens in front of the event is different. Many things we can think of. But in real situations, we can't do it. Someone says why we don't hang food to float water. A child's hand, someone explained that because in the cave, the oil doesn't flow straight like a river, put the floating stuff, then the water is stuck in the rock. The kid didn't get it for sure. Someone asked why they didn't explode the cave, someone explained that it exploded if All like this. Do kids die? We understand that what I imagine may not be done in real life.
12) we know that there are many people who want to face in this society. Some people know that they don't have any skills to help. (well, I want to say that I'm rooting for you can send my heart. is it true) but I want to give myself to I see that I have come to the area. On the contrary, there are many people who are willing to work hard as an ant to keep the mission to move on. But these people don't want any announcement. They want success,
13) we have seen that in Thailand, faith and science can go together freak together. While the team is about to penetrate the cave, we still need to ask permission from the forest or while we use great drone technology to help find our other side. I saw a picture of villagers paying respect to teacher ba bunchum who went to do an eye opening ceremony. It was an unbelievable combination, but it really happened
14) we have seen that when everyone is confused, there are always a chance to take advantage of those who claim to transfer money to their account claim to help 13 lives in the cave like this. There are many people who use news. Be careful. Don't be kind. I have to check it carefully because there are many people in this world. There are many people like this will not die.
15) we have seen that every ability is useful, electrician, groundwater driller, pipeline, doctor, hiker, soldier, journalist, photographer, photographer, rescue team, rescue team, musician, musician, geologists, etc. Everyone can use their own skills. For a common goal, it shows that no career surpasses any career. Everyone can create society in their own way.
16) we have seen a lot of imaginary people. Some people say that kids are involved in drug cases. Some people think that they have found the kid for a long time, but they can't let it out because they are clearing drugs. There are many conspiracy theories, but What the governor said, " Let's stop using imagination " and as the deputy commander of Phu Thon Police, part 5 says, " Tham Luang is not red area " is to think random. There is more punishable than
17) we saw that during the first 3-4 days of the incident, everyone still couldn't catch the beginning. Everything was commotion. But after that everything started to have more organized system. The car that anyone could go up on the hill got hit below the staff. Bus shuttle people up and down makes traffic from getting stuck while the team has a good practice. If they meet the kid, what to do? Everything has a pattern. Don't underestimate the ability of the officer. He tries to do everything as easy to manage.
18) we have seen the kindness of some foreigners to help through the government. Some people come by themselves. No matter what you show the kindness that we salute everyone here, it makes you see that in crisis, there is no wall of race.
19) we have known that news nowadays is going fast. It's happened for only 1 days. The whole world knows that there is a reason for people in the cave in Thailand which makes the whole world to watch every action, every decision will prove to the world. How skillful is Thailand to deal with problems
20) many people say that these kids should not be praised. They are naughty kids and hurt others. Why are they are you so impatient? Don't know what dobt. Don't they don't know why they have to put himself down. In that situation, how to survive. No one knows the real incident. But keep guessing. is it fair to blame kids like that?
21) and assuming that kids are wrong, I want you to think that in 13 people (even with coaches) but most kids are between 13-16 years old. They are young and have no life experience yet. I couldn't do anything when we were kids. Didn't we ever make mistakes? We used to each other. I believe these kids don't want other people to be difficult. They just underestimate the wrong situation. I didn't know that the oil could flood that much. The kind of a hundred days and a thousand years. I have never been flooded like this many times The mistake that no one knew would happen is jackpot. It's not to watch. Yes, I can warn, but there is no need to scold him either.
22) what each organization is trying to give to kids like scg muangthong club. Want the wild boar team to watch football at the club and get a chance to train with youth team or Chiang Rai Club. Prepare for free football tickets for the rest of their life. It's not to reward the wrong person, but it is sending encouragement to the family of children. Let all parents have energy. Keep fighting. Come back. There are many good things waiting. Don't end your life now.
23) who wants to risk your life? You take tickets to watch football for your whole life. Do you want it? Someone said that if any kid wants anything, they will run into the cave so that people can help out so that there will be adults. Come to give many rewards. I want to see who will risk their lives with this kind of return.
24) by the way, if kids really "survive" they are stuck in this difficult situation and still hold their mind until they survive. It's amazing. It's amazing to sit and talk to him that in the situation. Squeezed him. What did he think to survive? It should be an inspiration to many others.
25) including physical condition, in a condition with less food, everything is limited. How do they have symptoms and how to survive. It's a new experience in the future. If someone is unlucky, there will be a way to have a way to be a way. How to do it?
26) in this time, Thailand exchanged many things, money, body, resources, resources, even nature, the forest is good things need to be cut, stone exploded to increase the chances of helping everyone safe. We have lost a lot.
27) but there are many things we have learned from this. with the first disaster, experience, knowledge, see the perspective from every career field and see the whole country together as one.
28) and children, if they survive, they will surely know what the whole nation has to exchange for him to live. He will live careless. from now on, and all 13 of them will become the future of our nation. Next in some way
29) the most important thing is that this will be a reminder for teenagers and youth of other nations to think. Read more carefully and you need to realize that you need to be very conscious because when things happen, not just yourself that are difficult, parents are worried. Plus many people have to be tough for themselves.
30) of course no one wants this incident. But when it happens, instead of being angry that " it shouldn't happen in the beginning " or " why don't kids read the warning signs " accept the truth that it happened and Better think about what we can reap from this event
Is it true?
May all helpers, staff and victims be safe.
#ถ้ำหลวง #ทีมหมูป่า #HOPETranslated
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過147萬的網紅Kento Bento,也在其Youtube影片中提到,Get ‘Asiany’ Merch at our new merch store!: https://standard.tv/kentobento Support us on Patreon: https://patreon.com/kentobento ★ 10 Things You Di...
explode not without reason 在 หมอๆ ตะลุยโลก Facebook 的精選貼文
เส้นทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย
เส้นทางแห่งความฝันของใครหลายๆคน
วันนี้มีสองสาวอีกคู่หนึ่งได้พิชิตมันได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ใช้เวลาทั้งหมด 44 วัน จาก "ปักกิ่ง" สู่ "อัมสเตอร์ดัม"
"อย่าทำเพียงแต่ฟังเรื่องราวของคนอื่น แต่ให้ออกไปสร้างเรื่องราวของตัวเองด้วย"
น้องสองคนลาไปเที่ยวได้อย่างไร > น้องใช้วิธี leave without pay ครับ
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณเท่าไร > 108,100 บาท ครับ
ฮาโล๋วววว พวกเราเพิ่งกลับจากการเดินทางที่ไกลที่สุดของชีวิต
ไปกันแบบสาวๆสองคนที่ไม่เคยแบกเป้เที่ยวที่ไหนมาก่อนเลย
จนสุดท้ายพิชิตเส้นทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียทั้งหมด 44 วันจากปักกิ่งสู่อัมสเตอร์ดัม
.
มีหลายๆคน inbox เข้ามาถามทั้งในเพจร้าน และในเฟสส่วนตัว
เรื่อง ... “เราจัดกระเป๋ายังไง ทำไมเอาเสื้อผ้าไปได้เยอะจัง?!!”
เอาจริงๆมันเป็นคำถามที่เราไม่คิดว่าจะมีคนถาม 55555
คือมันอาจจะมีบ้างแหละ แต่ไม่คิดว่าคนจะถามเยอะขนาดนี้
.
.
เริ่มต้น เราอยากไปเที่ยวทริปนี้ เพราะเราอ่านหนังสือ
“ทริปในฝัน 41 วันครึ่งซีกโลก” ของพี่วินพี่โจ้
แล้วแบบเริ่มปิ๊งคิดขึ้นมาว่า เห้ยนี่เรามานั่งทำอะไรในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆวะ
ทำงานวนลูป วนไปวนมา ตื่นเช้า ทำงาน กลับบ้านนอน
เป็นแบบนี้ทุกวันมานานแค่ไหนแล้ว จริงๆแล้วเราไม่ใช่คนแบบนี้เลยนะ
ไม่ใช่คนที่ชอบอยู่เฉยๆ นั่งนิ่งๆ อะไรแบบนี้
.
.
เราชอบการที่จะไปเจออะไรใหม่ๆ เจอคนใหม่ๆ
เจอประสปการณ์ใหม่ๆ เราคิดว่า ถ้าเราได้ไปแบบนี้บ้างคงดี
แต่การจะไปเที่ยวยาวๆแบบนี้มันมีอุปสรรคหลายๆอย่างที่ทุกคนคงรู้ดี 5555
.
.
อย่างแรกคือ คนทำงานประจำอย่างๆเราๆ
เจ้านายที่ไหนเค้าจะให้ลาเกือบ 2 เดือน อย่างที่สองคือ ใคร
หรือเพื่อนคนไหนแม่งจะไปเที่ยวกับเราได้นานขนาดนี้วะ
.
.
เริ่มแรก เราโพสลงเฟสบุ๊คว่าอยากไปเที่ยวหวะ อยากไปแบบนี้
แต่เราไม่ได้คาดหวังอะไรมาก คนที่มาคอมเม้นก็จะเอออยากไปเหมือนกัน
แต่ไม่มีเวลาอะ บางคนอยากไปแต่ไม่มีเงิน บางคนบอกมึงจะบ้าหรอ
คุณหนูอย่างมึงจะรอดหรอ แต่มีเพื่อนอยู่คนนึงนางชื่อ ‘จีย่า(สุนีย์)’
ทักเข้ามาใน inbox เฟสบุ๊คว่า ‘ภัทร
พี่อยากไปอะ อยากไปเหมือนกัน พี่พูดจริงๆนะ ซีเรียส ไปด้วยกันไหม’
.
.
และพี่จีย่า เป็นเพื่อนที่ทำงานเก่า ที่ต่างคนต่างลาออกมาแล้ว
เคยเจอกันจังๆ คุยกันจริงๆ แค่ 3-4 รอบเท่านั้นแหละ
นอกนั้นก็คุยกันผ่านทางเฟสบุ๊คอะไรงี้ ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นพี่จีย่าที่ทักมา
ถ้าถามความสนิทสนม ไม่เลย เราไม่ได้สนิทกัน 5555555
แต่หลังจากกลับมาจะเป็นยังไงก็อีกเรื่องเนอะ
.
.
ตอนนั้นในใจเราแบบเห้ยยย เราพร้อมมากเลยนะ
พร้อมที่จะไปกะพี่ทันที ใจมันไปแล้วเว้ยยย ไปถึงปารีสแล้ว
แต่ว่ามันยังติดอยู่อีกข้อใหญ่ๆอะดิ คือเราทำงานอะ
ทำงานแล้วจะไปยังไง นอกจากจะไปขอแล้วเจ้านายจะให้ไป
ซึ่งโอกาสในการได้ตอนนั้นคิดว่าริบหรี่มาก เลยบอกพี่จียาไปว่า
เอ่อภัทรอยากไปนะ มากๆเหมือนกัน แต่ต้องลองเสี่ยงตายไปขอเจ้านายก่อน
ว่าเค้าจะอนุมัติไหม
.
.
เราเตรียมใจอยู่นานกว่าจะกล้าพูดออกมา พูดอ้อมไปก็อ้อมมา
ก่อนจะแยบๆถาม ลองเชิงเจ้านายคนที่ดูจะใจดีที่สุดใน 3 คนว่า
พี่โจ้ขาาา น้องอยากไปเที่ยวแบบพี่ อยากไปบ้าง ไปนานๆๆ
หนูขอแบบ no pay leave ก็ได้ หนูอยากไปมากกกกกกกก ...
.
.
พี่โจ้เงียบไปซักพักใหญ่ๆ แล้วตอบกลับมาว่า .....
น้องลาได้เลยครับ ลาออกนะ 555555 ......
เอ่อ หลอกๆๆๆๆ พี่โจ้ตอบว่าบอกขอไปปรึกษาพี่อีก 2 คนก่อนนะ
เราก็แบบเออรอก่อนละกันอย่าพึ่งหวังไปเยอะ
ถ้าหวังมากแล้วไม่ได้ตามที่หวัง จะผิดหวังป่าวๆ
.
.
บอกตามตรงตอนนั้นไม่ได้หวังมากนะ แค่พี่เค้าไม่ด่ากลับมาก็ดีใจละ 5555
มันเป็นสิ่งที่แบบ กุไม่คิดว่ากุจะทำอะไรแบบนี้เลยอะ ทำไมหน้าด้านจัง
แต่ด้วยความที่อยากโคดดด ถ้าไม่ได้ไปจะดิ้น อะไรเบอร์นั้น
ทำให้เรามีความใจกล้ากน้าด้านไปขอ
.
.
หลังจากนั้นไม่นานๆ พี่ๆทั้งสามคนก็มาบอกข่าวดี ว่า... น้องไปได้ครับ
จำได้ว่าพี่เค้าบอกว่า ให้น้องไปพี่ก็ไม่ได้เสียอะไร
ให้น้องไปเก็บประสบการณ์ ได้มีมุมมองที่กว้างขึ้น เรานี่กรี๊ดอยู่คนเดียว
รีบโทรไปบอกพี่จีย่าว่าเห้ยพี่หนูไปได้แล้วนะ ได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้ว
และเราก้ได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าหวะ มีคนดีใจกว่าชั้นอี๊กกกกกก
นางนี่ดี๊ด๊ากว่าชั้น 10 เท่าได้ 5555555
.
.
แต่ แต่ แต่ๆๆๆ อะไรรู้ไหม ก้างชิ้นโตตตต อีก 1 ชิ้นที่เราลืมไปซะสนิท
นั่นก็คือ คุณแม่จ้าาาา คุณแม่ที่หวงลูกยิ่งกว่าไข่ในหิน
ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมมาตั้งแต่เด็กๆ จะขอไปต่างจังหวัดยังยากเล้ยยยย
ตอนนั้นพยายามนั่งคิด ว่าเราจะทำไงดีหละนี่จะพูดยังไงจะขอยังไงดีน้าาา
.
.
เราก็เริ่มต้นด้วยการชวนไปกินข้าวก่อน ให้ท้องอิ่มจะได้อารมณ์ดีๆๆ
แล้วค่อยบอกแม่ว่าเนี่ย อยากไปเที่ยวกับเพื่อนอะ แม่ก็ถามว่าไปไหน ไปกับใคร
ไปกี่วัน ไปยังไง ละเอียดมากเว่ออออ พอเราเล่าไปแล้วแม่ก็ถามว่า
ไม่อยากให้ไปเลย เราก็พยายามอธิบาย พยายามบอกว่าจะโทรหาบ่อยๆ
จะติดต่อทุกวันนนนะ ขอเถอะะะะะะ แม่ก็คิดไปสิ 2-3 วัน
แล้วก็กลับมาพูดว่าไปสิ แม่ห้ามหนูได้หรอ 5555555 แบบนี้
และแล้ววววว ก้างทั้ง 3 ชิ้นของเราก็หมดไป ได้เวลาเตรียมตัวแล้วสินะ !!
.
.
ตอนนั้นก็คุยกับพี่จีย่าว่าจะไปช่วงไหนดี หน้าหนาวดีไหม หรือหน้าร้อนดี
แต่ว่าไปเที่ยวเราก็อยากจะไปหนาวๆเนอะ
เบื่อแล้วอะร้อนๆ เหมือน ปททไทย 5555
คุยไปคุยมาสรุปได้ช่วง ปลาย กพ ถึง ต้น เมย
.
.
พวกเราใช้เวลา 1 ปี ในการศึกษาหาข้อมูล รวมทั้งถามข้อมูลเรื่องที่งงๆ
หรือไม่เข้าใจจากผู้มีประสบการณ์อย่างพี่วินพี่โจ้ด้วย
พวกเราเตรียมแผนการเที่ยว และพยายามจองทุกอย่างที่ราคาถูกที่สุดเท่าที่หาได้
รวมทั้งหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องวีซ่าโครเอเชีย
และทุกอย่างที่คาดว่าอาจจะเกิดปัญหาเอาไว้ก่อนด้วย
.
.
เรากับเพื่อน พูดกับตัวเองเอาไว้ว่า เราจะไปกันอย่างสวยๆ
ชิคๆนะ หน้าต้องเต็ม ชุดต้องสวย ถึงแม้จะต้องแบกเป้ก็ตาม
จะไม่ไปกันแบบพี่วินพี่โจ้ เสื้อตัวเดียวตลอดทริป ไม่ได้จริงๆอะ!
.
.
ด้วยความที่เป็น winter และ spring ตอนต้น ตอนจะหาชุด
ก็จะเริ่มจากเช็คอุณหภูมิ ว่ามันจะอยู่ประมาณไหน
เช็คไปก็ได้ความว่า -20 จนถึง 15 องศาเซลเซียส
คือตอนนั้นชอคเบาๆ ชีวิตนี้ไม่เคยไปถึง -20 มาก่อนเลย
จะรอดไม่รอดวะเนี่ย ชุดก็ต้องหนาไปอี๊กกก แบกไปยังไงหละนี่
.
.
หลังจากนั้นก็มาดูว่าแต่ละประเทศควรจะใส่ชุดตีมไหนถึงเข้า
ชวนเพื่อนไปเดินซื้อที่ Platinum และ Siam ต่างๆ
พอเอาเสื้อผ้าต่างๆที่คิดจะเอาไปมาลองจัดกระเป๋า
ซึ่งตอนนั้นมีเป้ใบเดียวขนาด 60 ลิตร ซึ่งดูภายนอกโคตรใหญ่
ต้องใส่พอแน่ๆ 5555555
.
.
สรุปยัดไปยัดมา เห้ยทำไมมันดูเล็กกว่าที่คิดฟระ มันไม่พอเสียแล้ว
ขาดไปเยอะเลยด้วย 55555 เอาไงดีหละ ต้องคัดออกงั้นหรอ ไม่เอา ไม่ได้หรอก
ตอนนั้นคิดว่าชุดไบคาลชั้นต้องเป็นแบบนี้ ชุดที่ปารีสชั้นจะต้องเฟอร์แบบนี้
เลยต้องหากระเป๋าเพิ่ม เลยได้กระเป๋าลาก Carry On 22 นิ้วมาอีก 1 ใบ
.
.
พอลองจัดกระเป๋าใหม่ คือมันไม่พออยู่ดีเฟร้ย แบบตอนแรกยัดไปเต็มสตรีม
ขนาดใส่ถุงสูญญากาศแล้ว รีดแล้วรีดอีก ตอนปิดกระเป๋าแม่งต้องขึ้นไปนั่งทับ
แล้วมันเหมือนจะแตก ตัวลอคเหมือนจะเด้งหลุดออกจากกัน
มายก็อด ป๊าถามว่า มันจะแตกไหมลูก ลูกจะแบกคนเดียวไหวจริงๆหรอ
พอเราตอบว่าไหวมั้งป๊า ป๊าก็ส่ายหัวหน่อยๆแล้วเดินไป 55555
.
.
ตอนนั้นคิดว่าถ้ามันแตกระหว่างทางหละ ทำไง จบเห่เลยนะ
เอาออกหน่อยละกัน มันเอาไปหมดไม่ไหว แต่ก็เกือบหมดวะ!!
บวกติดกระเป๋าลูกที่เป็นผ้าไปด้วยอีก 1 ใบ เผื่อชอปปิ้ง เพราะในใจคิดว่า
เอาวะเดี๋ยวไปซื้อเพิ่มเอาก็ได้ เข้ายุโรปแล้วคงไม่ลำบากเท่าไหร่มั้ง 555555
.
.
ตอนนี้อยากพาไปดูกัน ว่า 44 วันของเรา ตั้งแต่ ปักกิ่ง จนถึง อัมสเตอร์ดัม
เราขนมันไปกี่ชุด แล้วมีชุดไหนที่เข้ากับเมืองไหนบ้าง ดีมั้ยย
ฝอยมาตั้งนาน นี่ยังไม่เริ่มเดินทางเลยนะ เราอยากให้ทุกคนได้อ่านโพสนี้
เป็นไดอารี่ชีวิตที่เต็มไปด้วยอุปสรรคอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างมากมาย
เรายังจำความรู้สึกของทุกวันทุกเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจนเลย
.
.
ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว เราจะพาเดินทางตั้งแต่กิโลเมตรที่ 0 กัน แล้วหลังดูจบ จะได้รู้ว่า "ทรานไซบีเรีย" มันไปได้นะ... 😘
===============================
ด่วน!!!!!!!! ก่อนลบลิงค์
.
แจกตารางเที่ยว ฟรี!!!
ทรานไซบีเรีย 44 วัน
The Gals & The Rails
จากปักกิ่ง สู่อัมสเตอร์ดัม
.
ที่ทุกคน inbox มาจนตอบไม่ทัน
.
กติกา
ขอแจกให้กับผู้ที่สนใจทาง Line เท่านั้น
ใครอยากได้ ให้กด like and share โพสนี้
.
พร้อมกับ add line มาที่
Line : @thepuffinhouse หรือคลิกได้ที่ลิงค์
https://line.me/R/ti/p/%40thepuffinhouse
===============================
ไม่พลาดทุกโปรโมชั่น สุดพิเศษจากทางร้าน
เมื่อ add line เท่านั้น!!!
Line : @thepuffinhouse หรือคลิกได้ที่ลิงค์
https://line.me/R/ti/p/%40thepuffinhouse
IG : thepuffinhouse
Youtube : www.youtube.com/c/thepuffinhouse
Website : www.thepuffinhouse.com/p/1125
Location : BTS โพธิ์นิมิตรทางออก 1
Operating hours : ทุกวัน เวลา12-20 น. จ-ส และ 12-19 น. อา
Halo we just got back from the longest journey of life
Let's go like two girls who have never backpack to travel anywhere before.
Finally conquered all Siberian Trans Trans Railways 44 days from Beijing to Amsterdam
.
Many people inbox to ask both on the shop page and personal Facebook.
About... ′′ How do we pack bags? Why do we take so many clothes?!!"
Seriously, it's a question we didn't expect anyone to ask. Hahahahaha
Well, there may be some, but I don't think that there are many people asking.
.
.
Started we want to travel this trip because we read books.
′′ Dream trip 41 days and a half hemisphere ′′ of Brother Win, Sister Jo.
And starting to crush, think what the hell are we doing in the small square room?
Keep working. Keep doing loops. Wake up early. Work. Go home. Sleep.
I have been like this everyday for how long it has been. I'm really not like this.
I'm not someone who likes to sit still and sit still.
.
.
We love seeing new things, meeting new people.
I think it would be good if I could go there like this.
But to travel for a long time like this, there are many obstacles that everyone knows. Haha.
.
.
First of all, we work full time.
Where is the boss? He will say goodbye for almost 2 months. Who is the second one
Or any friend who can hang out with me for so long.
.
.
In the beginning, I posted on Facebook that I want to travel. I want to go like this.
But we don't expect much. Those who come to comment will be well. I want to go too.
I don't have time. Some people want to go but don't have money. Some people
A little girl like you will survive, but you have a friend. Her name is 'Jiya ( Suni )'
Message me via inbox. Facebook says ' Phatthan
I want to go. I want to go too. I'm serious. Do you want to go together? '
.
.
And sister Jiya is an old workplace friend that everyone resigned.
We have met each other. We have talked for only 3-4 times.
Other than that, we talk via Facebook. I never thought that it would be Jiya who greeted me.
If you ask for intimateness, we are not close. Haha.
But after coming back, it's another story.
.
.
That time in my heart. Hey, I'm so ready.
Ready to go with me immediately. My heart is gone. I have arrived in Paris.
But it's still stuck. The big thing is that I'm working.
How can I go to work? Unless I ask, my boss will let me go.
The chance to get it. I think it's very dimmer. I told Jiya that.
Well, Phatthani is too hard. It's too much. But you have to risk your death. Let's ask
Will he approve it?
.
.
We have prepared ourselves for a long time. We dare to say it. Speak around and around.
Before being quiet, ask for a boss. The 3 people are the kindest people.
Brother Jo, I want to travel like me. I want to go there for a long time.
I can ask for no pay leave. I want to go there very much...
.
.
Brother Jo has been quiet for a while and replied.....
You can resign now. You will resign. Haha......
Well, it's fake. Brother Jo said that he told me to consult with 2 more people first.
We are like, wait. Don't expect too much.
If I hope for a lot, I won't get what I hope for.
.
.
To be honest, I didn't expect too much. Just that brother doesn't scold me back. I'm happy
It's something like I didn't think I would do anything like this. Why is it so shameless?
But I want to go. If I don't go, I will struggle with it.
Make me brave enough. I want to ask for it.
.
.
After a while, the three brothers came to tell the good news that... you can go.
I remember that brother said that he let him go. He didn't waste anything.
Let my sister go to experience a wider perspective. I'm screaming alone.
Hurry up to call sister Jiya that you can go now. We have to go to travel together.
And we know that there is still sky above the sky. There is someone happier than me. Haha.
This girl is better than 10 times more than 5555555
.
.
But but but but what? You know, another 1 pieces of toothpaste that I completely forgot.
That's the mother. The mother who cherish the child more than the egg in the stone.
I won't let you climb anything. I won't let Tom come since I was young. It's difficult to ask to go to other provinces.
At that time, I tried to think about what I would do. What should I say? What should I ask for?
.
.
We start by inviting you to eat before you have a full stomach. You will have a good mood.
Then tell mom that I want to hang out with friends. Mom asked me where I went with anyone.
How many days I have gone? It's very detailed. When I told you, mom asked me.
Don't want to leave. We try to explain. Try to say call often.
I will contact you every day. Please, mother, just think about it. 2-3 days.
And come back to say go. Mother can't stop me? Haha.
And finally, our 3 bones are gone. It's time to prepare!!
.
.
At that time, I talked to Sister Jiya about where to go. Should I go to winter or summer?
I want to go to travel. It's cold.
I'm bored. It's hot like Thai PTT. Haha.
Talked and talked to the conclusion. The end of Feb to Ton May.
.
.
We spent 1 years studying and asking for confusing information.
I don't understand from an experienced person like Brother Win, Brother Jo.
We prepared a trip plan and tried to book everything the cheapest possible.
Including finding out more about the Croatian visa
And everything expected to be a problem.
.
.
Me and my friend said to myself that we will go nicely.
It's chic. Face is full. It has to be beautiful even if I have to carry backpack.
I won't go together like Brother Win, Brother Jo. One shirt for the whole trip. Really can't!
.
.
With winter and early spring, I will find a dress.
Let's start by checking the temperature of how it is.
Check it out-20 until 15 degrees Celsius
I was shocked back then. I haven't reached-20 in this life.
I won't survive. The dress has to be thick. How can I carry it?
.
.
Afterwards, let's see which batting suit each country should wear.
Invite friends to buy at Platinum and Siam.
When I take clothes that I want to take, I try to pack my bags.
There was only one backpack, 60 liters that looked outside, so big.
Must wear enough lol
.
.
In summary, I stuffed it. Why does it look smaller than I thought? It's not enough.
There are plenty of them missing. Haha. What should I do? I have to remove them? I can't take them.
I thought my bikal dress would be like this. The dress in Paris would be like this.
I need to find more bags. I got 1 inch Carry On bag.
.
.
When I try to pack a new bag, it's not enough. It's like the first episode. Stuffed to the stream.
Even in vacuum bag, ironing and ironing. When I close the bag, I have to sit on it.
And it seems to explode. The lock seems to bounce apart.
My goddess. Father asks if it's going to explode. Can I carry it alone?
When I say that I'm okay, dad and dad will smh a bit and walk away hahaha
.
.
I thought if it broke on the way back then. What should I do? It's done.
Let's take it out. I can't take it all. But it's almost gone!!
Plus, I have 1 bags of clothes that are fabric. In case I'm shopping because I think that I think that I'm in
Oh. I will buy more. I will get into Europe. It may not be too difficult. Haha.
.
.
Now I want to show you our 44 days from Beijing to Amsterdam.
How many sets have we taken. Which one should match the city?
I have been shredded for a long time. I haven't started traveling yet. I want everyone to read this post.
A life diary full of obstacles to many
We can still remember the feeling of everyday, every event clearly.
.
.
If everyone is ready, we will travel from the 0th kilometer. After watching, you will know that ′′ Trans Siberia ′′ is okay... 😘
===============================
Urgent!!!!!!!! before deleting the link.
.
Free travel schedule!!!
Trans Siberia 44 days
The Gals & The Rails
From Beijing to Amsterdam
.
The reason that everyone inboxed me couldn't reply in time.
.
Rules.
Give away to interested people via Line only.
Who wants it, click like and share this post.
.
With add line to the
Line: @thepuffinhouse or click the link
https://line.me/R/ti/p/%40thepuffinhouse
===============================
Don't miss any special promotion from the shop.
Only when add line!!!
Line: @thepuffinhouse or click the link
https://line.me/R/ti/p/%40thepuffinhouse
IG : thepuffinhouse
Youtube : www.youtube.com/c/thepuffinhouse
Website : www.thepuffinhouse.com/p/1125
Location: BTS Pho Nimit Exit 1
Operating hours: Everyday at 12-20 Mon-S and 12-19 pm Ah. Ah.Translated
explode not without reason 在 Roundfinger Facebook 的最讚貼文
ความหมายของความเงียบ
---
เคยไหม พยายามแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยถ้อยคำ อธิบายสารพันด้วยความเชื่อว่าคำอธิบายจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น แต่แล้วถ้อยคำที่เลือกสรรแล้วกลับยิ่งทำให้เข้าใจผิด แต่แล้วถ้อยคำที่เผลอร่วงหล่นจากปากกลับยิ่งทำให้ทุกสิ่งย่ำแย่ลงไปอีก
เคยไหม ที่ทุรนทุรายกับความเข้าใจผิดนั้น พยายามกู่ร้องขอโอกาสปรับความเข้าใจ มี 'ความหมาย' มากมายที่อยากสื่อสารออกไปเพื่อเราจะได้เข้าใจกันมากขึ้น
...Continue ReadingThe meaning of silence.
---
Have you ever tried to solve the problem with words with faith that the explanation will make the situation better. But then the words that you choose, the more mislead, but then the words that fall from your mouth, the more it makes everything worse.
Have you ever been that everyone with misconception is trying to ask for an opportunity to adjust understanding. There are many 'meaning' that you want to communicate so that we can understand each other more.
At that time, the most disgusting thing we don't want.
Is silence.
If the other is quiet and doesn't allow us to communicate, the more we feel hot as boiled water, but the pot is closed. It doesn't move. Ready to explode at any time.
But is actually that disgusting silence?
...
A lot of meaningless words that try to recover the situation may not affect as well as they think. In the moment of the other's ears are closed.
That moment we may have to let 'silence' do some work.
Give both that person time and ourselves
Quiet - to pause to ponder
Quiet - so that the mood is unfold.
Quiet - so that the anxieties fade away
Silent - to turn back to the truth without emotion that exaggerate everything.
...
'Silence' is to create space to open the opportunity for us to create new emotions in the same area. If it is not quiet, the contents that we will be around like stirring water in the original container.
Silence is pouring water
When you throw away, some people still pour old water in it. It's okay. But some people can think about it and try to pour a new one that is clearer and mix.
...
When we are wrong, silence is hard to endure. Separated without having a chance to talk is something nobody wants.
But silence has its benefits.
Silence between people who are still enormous, after silence will be attracted to each other with less force.
On the contrary, if silence happens between one person who wants to close the door, silence will be useful, it makes us back alone again. We will miss another voice that we have been beside you. But when There is no voice. If we can live with silence long enough without trying to call that person. The voice that is not spoken to ourselves will gradually make us stronger. It is a strength within the mind. It's like a journey alone that has to face a lot but not a word. Complaining is better than I shout out to someone else who doesn't care.
Let silence heal. Let silence grow strength.
...
We never get used to silence because we are afraid of loneliness.
We feel that silence is meaningless.
But no. Silence is always meant to be.
In the midst of a tough relationship, when it gives silence - there is always power.
If it is not power to two people, it is the power that happens to the other. Or at least it is the power that happens to ourselves.
Those who hate silence and try to cry for love, try to explain everything with words. Try to use a reason to solve many things that they have to lose a lot of valuable things that are worse than it should be.
Silence that means more than ten thousands of words that are embedded at the wrong time.
The right silence means a lot.
Which beat is the rhythm
This answer is the one who knows the art of silence.Translated
explode not without reason 在 Kento Bento Youtube 的最佳貼文
Get ‘Asiany’ Merch at our new merch store!: https://standard.tv/kentobento
Support us on Patreon: https://patreon.com/kentobento
★ 10 Things You Didn’t Know About NATTO: https://youtu.be/Hyuyk7GJgd8
★ 10 Things You Didn't Know About RAMEN: https://youtu.be/p4TEixig6Vw
★ 5 WEIRD Japanese Food Trends on Social Media: https://youtu.be/ozp9SjNJa0c
★ 7 POPULAR Japanese Dishes That Are NOT Actually Japanese: https://youtu.be/7gdkq7_KZdo
★ Ramune Prank FAIL: https://youtu.be/nTdOIyWW5NM
---------
► JAPANESE CANDY & SNACK SUBSCRIPTION BOX (TOKYO TREAT WEBSITE):
https://tokyotreat.refersion.com/c/f4... (affiliate)
COUPON CODE: KENTOBENTO7 (9% discount off first premium box)
*FREE shipping worldwide
- Here's a video of us unboxing a Tokyo Treat box: https://youtu.be/k2-zl5rM9_c
----------
10 THINGS YOU DIDN'T KNOW ABOUT RAMUNE ラムネ (JAPANESE MARBLE SODA)
Ramune is a popular carbonated soft drink from Japan - one of the modern symbols of the Japanese summer.
Some people call it the most complicated soft drink in the world, but it’s really quite simple. The drink is pressure sealed with a marble from the inside, and you have this 'pushy device' that you push inside the neck to dislodge the marble.
1) RAMUNE WAS INVENTED BY A SCOT
In 1884 during the Meiji period, this Scottish dude, Alexander Cameron Sim, had his own Pharmaceutical company in Kobe. Apparently it was a trend amongst pharmacists to invent their own drink concoctions. Some were hits, some were misses. Sim's drink - named Mabu soda at the time, mabu meaning marble - was a massive hit. Eventually the name was changed to Ramune and the drink was sold nationwide. Ramune is an epic Japanese drink, so it’s no surprise Sim has his very own monument in Kobe.
2) RAMUNE WAS JAPAN'S FIRST EVER SOFT DRINK
We’re talking about the first mainstream commercialised soft drink in Japan. It wasn’t Coke. It wasn’t Ginger Ale. It was Ramune.
3) RAMUNE IS HEALTHIER THAN COKE
One reason Ramune has been growing in popularity is cause of the lower calorie and carbohydrate count. Although these levels can differ depending on the Ramune flavour. People trying to lose weight sometimes drink Ramune as a substitute for Coke or for any other regular soft drink.
4) PEOPLE INITIALLY THOUGHT RAMUNE DRINKS WERE BOMBS
Back in the 1850s, Matthew C. Perry, a Commodore of the United States Navy (who played a leading role in the opening of Japan to the West), brought carbonated sodas over to Japan. Perry and co. presented these special beverages as gifts.
A Johnny Knoxville type crew member thought it would be a funny idea to shake up some of the fizzy sodas before offering them to the Japanese. After it exploded in their faces, many thought they were bombs! It almost started a war.
Later on, when commercial Ramune was released to the public, many people were suspicious of this foreign mystery drink that may or may not explode in your face like a bomb. Not to mention carbonation was unheard of.
5) RAMUNE USED TO BE UNPOPULAR
It wasn’t called Ramune at the beginning. It was called ‘Remon Sui’ which directly translates to lemon water.
Eventually the name was changed to Remoneedo, which is the straight Japanese pronunciation of the word ‘lemonade’. And later on shortened to just Ramune. The drink then became a massive hit.
6) RAMUNE WAS ORIGINALLY MARKETED AS A PREVENTION FOR CHOLERA
This is bullcrap, but along with the Ramune name change, this bit of false marketing helped its popularity.
7) THERE ARE OVER 36 FLAVOURS OF RAMUNE
Ramune is super popular, but after the influx of newer soft drinks into the marketplace, like Coke, Fanta, Sprite, etc; the Ramune higher ups felt they needed to spice things up.
There are fruit flavours like banana, blueberry, grape, orange, green apple, kiwi, peach, pineapple, plum, cherry, coconut, mango, melon, pomelo, watermelon, raspberry, strawberry and lychee. Then there’s vanilla, chocolate, candy, root beer and coke flavours.
More WTF ones include champagne, bubble gum, green tea, chill oil, brussels sprout, corn cream stew (soup), teriyaki, curry, octopus, takoyaki, kimchi, squid ink and wasabi.
8) RAMUNE WITHOUT THE MARBLE ISN'T RAMUNE
Apparently Ramune is only Ramune if it comes in that uniquely shaped bottle (called a codd-neck bottle) with the marble in it.
9) YOU CAN MAKE RAMUNE AT HOME
*watch vid for instructions*
10) RAMUNE USED TO BE THE WORLD'S MOST DANGEROUS SOFT DRINK
Kids wanted the marble, and were willing to break the glass bottle to get it. Nowadays bottles are unbreakable and kiddy-proof so are no longer dangerous.
-----
**We do videos on interesting 'Asiany' topics
FOLLOW US ON SOCIAL MEDIA
► Twitter: https://twitter.com/kentobento2015
► Facebook: https://www.facebook.com/kentobento2015