ทำไม อิตาลี จึงเป็นประเทศแห่ง แฟชั่นและดีไซน์? / โดย ลงทุนแมน
รสนิยมด้านศิลปะของอิตาลีคือความเป็นเลิศ
ทั้งความสง่างาม เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ และเต็มไปด้วยทักษะในงานฝีมือ
ทั้งหมดล้วนถ่ายทอดผ่านแบรนด์เครื่องแต่งกายอิตาลีที่คนทั้งโลกรู้จัก
Giorgio Armani คือนิยามของความเรียบหรูที่มีสไตล์
Prada เป็นต้นตำรับของคำว่า “น้อยแต่มาก”
ส่วนความฉูดฉาด และเซ็กซี่คือเสน่ห์อมตะของ Versace
แต่เอกลักษณ์ที่ทุกแบรนด์อิตาลีล้วนมีเหมือนกัน
ก็คือ การทำให้จินตนาการสามารถนำมาสวมใส่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง
ชาวอิตาลีมีความพิถีพิถันในการแต่งกายอยู่ในสายเลือด
ฟลอเรนซ์เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมการแต่งกายของโลกตะวันตกในยุคเรอแนซองซ์
และปัจจุบัน มิลานคือ 1 ใน 4 เมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดของวงการแฟชั่นระดับโลก
อะไรที่ทำให้งานออกแบบของอิตาลีอยู่ในระดับแถวหน้าของโลกแห่งเครื่องแต่งกาย?
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม อิตาลี จึงเป็นประเทศแห่ง แฟชั่นและดีไซน์?
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ. 2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
แฟชั่นอิตาลีถือกำเนิดก่อนที่อิตาลีจะก่อตั้งเป็นประเทศ..
ในยุคเรอแนซองซ์ นครรัฐฟลอเรนซ์ที่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางคาบสมุทรอิตาลี
ทำให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการค้าขนสัตว์ของยุโรป
Arte della Lana หรือสมาคมค้าขนสัตว์แห่งฟลอเรนซ์ถูกก่อตั้งในศตวรรษที่ 15 ซึ่งก่อให้เกิดการค้าขายที่คึกคัก ผลักดันให้เมืองแห่งนี้เติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลางการเงินของโลกตะวันตก
ภายใต้การอุปถัมภ์ของตระกูลเมดิชี ฟลอเรนซ์รุ่งเรืองจนพ่วงตำแหน่งศูนย์กลางศิลปะ เป็นแหล่งรวมช่างฝีมือสาขาต่างๆ ทั้งสถาปัตยกรรม ประติมากรรม รวมไปถึงเครื่องแต่งกาย
มีช่างเทคนิคที่เชี่ยวชาญการผสมสีและทอผ้าเฉพาะตัว ไปจนถึงเทคนิคการฟอกหนังที่ไม่เหมือนใคร และขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลก
แคทเทอรีน เดอ เมดิชี ชาวฟลอเรนซ์ที่ต่อมากลายมาเป็นราชินีของฝรั่งเศส เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวดีที่สุดในยุคเรอแนซองซ์
แต่แฟชั่นคือกิจการของชนชั้นสูง เมื่อนครรัฐบนคาบสมุทรอิตาลีเริ่มเสื่อมถอย และความเจริญเคลื่อนย้ายไปยังยุโรปเหนือ แฟชั่นของอิตาลีก็ค่อยๆ เลือนหายไป โดยมีแฟชั่นฝรั่งเศสก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในโลกตะวันตกแทน
เวลาผ่านไปจนเข้าสู่ศตวรรษที่ 19 นครรัฐน้อยใหญ่บนคาบสมุทรอิตาลีก็รวมประเทศสำเร็จในปี ค.ศ. 1861 พร้อมรับอิทธิพลการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป โดยมีเขตอุตสาหกรรมหนาแน่นในที่ราบตอนเหนือ
แต่ผลของการรวมประเทศ กลับทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
รัฐทางภาคเหนือของอิตาลี ซึ่งมีเมืองใหญ่อย่าง มิลานและตูริน
ที่ร่ำรวยจากการเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมเหล็กกล้า ต่อเรือ สิ่งทอ และผลิตอาหาร
ในขณะที่รัฐทางภาคใต้ ยังคงเป็นเขตเกษตรกรรม ประชากรส่วนใหญ่จึงยังคงมีฐานะยากจน
ซ้ำยังต้องเสียภาษีเพื่อนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตภาคเหนือ
ความเหลื่อมล้ำนี้ ทำให้ในช่วงปี ค.ศ. 1890 - ค.ศ. 1910 ชาวอิตาลีหลายล้านคน ที่อาศัยอยู่ทางภาคใต้ ตัดสินใจอพยพหนีความแร้นแค้นไปตั้งถิ่นฐานยังสหรัฐอเมริกา
แต่การรวมชาติก็ทำให้เกิดค่านิยมในการต่อต้านสินค้าแฟชั่นจากฝรั่งเศส และหันมาใช้เสื้อผ้าที่ผลิตภายในอิตาลีมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่อิตาลีเข้าสู่การปกครองในระบอบเผด็จการฟาสซิสต์
เหล่านักออกแบบของอิตาลีจึงเริ่มสร้างสรรค์ “แบรนด์” เป็นของตัวเอง
โดยมีเวทีแห่งแรกก็คือ ฟลอเรนซ์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องหนังและการฟอกหนังมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15
Gucci
หลังจากทำงานที่โรงแรมในกรุงลอนดอน และได้สัมผัสกระเป๋าของนักเดินทางมากมาย Guccio Gucci ได้กลับมาเปิดร้านเครื่องหนังที่ฟลอเรนซ์บ้านเกิดในปี ค.ศ. 1921 โดยมีสินค้าหลักคือกระเป๋าหนัง
ด้วยคุณภาพของเครื่องหนัง Gucci จึงสามารถตั้งราคาให้สูงขึ้น และวางตำแหน่งให้กลายเป็นสินค้าสำหรับชนชั้นสูง ก่อนจะขยายสินค้าไปทำถุงมือ เข็มขัด และเครื่องหนังสำหรับการขี่ม้าในเวลาต่อมา
Salvatore Ferragamo
นอกจากกระเป๋า อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้เครื่องหนัง ก็คือ “รองเท้า”
หลังจากเรียนกายวิภาคศาสตร์และใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลานับสิบปี ช่างทำรองเท้า Salvatore Ferragamo ก็ได้กลับมาเปิดร้านรองเท้าของตัวเองที่ฟลอเรนซ์ในปี ค.ศ. 1927
และเป็นผู้ริเริ่มการออกแบบรองเท้าส้นเตารีด
หลายร้อยปีหลังจากยุคเรอแนซองซ์ ฟลอเรนซ์ก็ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางแฟชั่นของอิตาลีอีกครั้ง และยังเป็นศูนย์กลางของห้องเสื้อชั้นสูงของอิตาลี หรือเรียกในภาษาอิตาลีว่า Alta Moda
แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ห่างไกลจากเขตอุตสาหกรรมทางตอนเหนือของประเทศ ทำให้การคมนาคมขนส่งไม่สะดวกเท่าที่ควร อีกทั้งยังห่างไกลจากลูกค้านักธุรกิจ ทำให้บรรดาดีไซเนอร์ต่างเริ่มย้ายโชว์รูมแฟชั่นไปตั้งยังเมืองทางตอนเหนือ คือ “มิลาน”
มิลาน ตั้งอยู่ใจกลางที่ราบกว้างใหญ่ทางตอนเหนือของอิตาลี รายล้อมด้วยเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดของประเทศ มีระบบโครงข่าย ทั้งรถไฟ ถนน และแม่น้ำ และที่สำคัญ มิลาน เป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์แห่งเดียวของอิตาลี สำนักของสื่อมวลชน และสถาบันการเงินมากมาย
มิลานยังเป็นที่ตั้งของสถาบันศิลปะและการออกแบบมากมาย ที่ถ่ายทอดความสามารถด้านศิลปะสืบต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น ทั้ง Brera Academy สถาบันศิลปะที่มีอายุมากกว่า 200 ปี
Domus Academy มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบแฟชั่น
และ University of Milan มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในมิลาน ซึ่งมีศิษย์เก่าคือ Giorgio Armani และ Miuccia Prada
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้อิตาลีจะบอบช้ำจากสงคราม แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหรัฐอเมริกาผ่านแผนการมาร์แชลล์ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจอิตาลีเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษ 1950s-1970s
เมื่อมีทั้งเงิน ลูกค้า และสถาบันการออกแบบ เศรษฐกิจของมิลานก็โตวันโตคืน
อุตสาหกรรมที่ถูกวางให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอิตาลีก็คือ “อุตสาหกรรมแฟชั่น”
โดยหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญ ก็คือ ชาวอิตาลีที่อพยพไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาหลายล้านคน..
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ที่อพยพจากอิตาลีไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาก็เติบโตเป็นพ่อค้าหรือนักธุรกิจ
อุปนิสัยที่โดดเด่นของชาวอิตาลี ก็คือการคงความสัมพันธ์กับเครือญาติอย่างแน่นแฟ้น
ถึงแม้จะมาเป็นผู้อพยพในทวีปใหม่ ก็ยังคงไปมาหาสู่ ให้ความช่วยเหลือญาติในบ้านเกิดอยู่เสมอ และพร้อมสนับสนุนสินค้าจากอิตาลี บ้านเกิดของตนเองอย่างเต็มที่
ในฟลอเรนซ์ มีการจัดงานแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าชั้นสูงในระดับนานาชาติเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1951
ส่วนในมิลาน ความเฟื่องฟูของเศรษฐกิจยุคหลังสงคราม ดึงดูดให้เหล่าดีไซเนอร์พากันมาเปิดโชว์รูมแห่งแรกของแบรนด์ที่นี่ นำมาสู่การจัดตั้งหอการค้าแฟชั่นแห่งชาติอิตาลี หรือ Camera Nazionale della Moda Italiana ซึ่งเป็นผู้ผลักดันให้เกิด Milan Fashion Week เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1958
ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น
ไม่นาน มิลานก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำหนดเทรนด์แฟชั่นโลกในช่วงทศวรรษ 1970s
ด้วยการนำเสนอเสื้อผ้าสำเร็จรูป (Ready-to-wear) หรือศัพท์ในวงการแฟชั่นว่า Prêt-à-porter ที่มีความสวยงาม สะดวก ราคาถูกลง แต่ยังคงความโก้หรู นับเป็นการปฏิวัติวงการแฟชั่นครั้งสำคัญ และแจ้งเกิดแบรนด์เนมอิตาลีชื่อดัง
Giorgio Armani
หลังจากเป็นดีไซเนอร์ฟรีแลนซ์มาหลายปี Giorgio Armani ได้ตัดสินใจขายรถเพื่อก่อตั้งแบรนด์ของตัวเองในปี ค.ศ. 1975
ด้วยสไตล์ที่เรียบง่าย แต่ชัดเจน
เลือกใช้สีกลางๆ แต่ทำให้เสื้อผ้างามสง่า
เมื่อได้ถูกเผยแพร่มายังสหรัฐอเมริกา ผ่านการออกแบบเสื้อผ้าให้ดาราฮอลลีวูดอย่าง Richard Gere แบรนด์ Giorgio Armani ก็ได้รับความนิยมอย่างสูง และก้าวสู่จุดสูงสุดด้วยชุด “Power Suit” ในช่วงทศวรรษ 1980s
Versace
นักออกแบบจากอิตาลีตอนใต้ Gianni Versace ก่อตั้งแบรนด์ตัวเองในปี ค.ศ. 1978
โดยมีการนำสีสันที่อบอุ่นจากตอนใต้ และการใช้คู่สีที่สะดุดตามาผสมผสานในงานออกแบบเสื้อผ้า ทำให้ได้เสื้อผ้าที่ฉูดฉาดและเซ็กซี่
Prada
จุดเริ่มต้นของ Prada ย้อนไปไกลถึงปี ค.ศ. 1913 จากการก่อตั้งโรงงานเครื่องหนังของ Mario Prada แต่ผู้ที่ทำให้ Prada โด่งดังไปทั่วโลก คือหลานสาว Miuccia Prada
Miuccia Prada เป็นผู้ที่เลือกผ้าไนลอนมาทำเป็นกระเป๋าถือแทนการใช้หนังสัตว์ จนทำให้กระเป๋าสีดำ Black Nylon Backpack โด่งดังไปทั่วโลกในช่วงปี ค.ศ. 1985 และเปลี่ยนโฉมหน้าของ Prada ให้มีสินค้าอื่นๆ นอกจากกระเป๋า ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ ซึ่งภายหลัง Miuccia ก็ได้ตั้งแบรนด์ลูกขึ้นมาภายใต้ชื่อ “Miu Miu”
ด้วยความสามารถในการออกแบบของดีไซเนอร์อิตาลี
นอกจากเสื้อผ้าแล้ว เหล่าแบรนด์เนมต่างก็ต่อยอดไปสู่สินค้าและบริการอื่นๆ
ทั้ง Giorgio Armani ที่มีกิจการร้านอาหารและโรงแรมหรู
ส่วน Versace มีกิจการโรงแรม เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในครัวเรือน
อิตาลี คือดินแดนแห่งอารยธรรมล้ำค่า นับตั้งแต่จักรวรรดิโรมัน นครรัฐในยุคเรอแนซองซ์ มาจนถึงยุครวมชาติอิตาลี
ถึงแม้อารยธรรมจะรุ่งเรืองและเสื่อมสลาย
แต่สิ่งที่ผ่านกาลเวลามาได้คือศิลปะและความคิดสร้างสรรค์
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร กลับไม่สามารถทำลายคุณค่าของดีไซน์อิตาลี
แม้เหล่าสินค้าแฟชั่นจะเจอความท้าทายจาก Fast Fashion
แต่ด้วยการออกแบบที่เปี่ยมไปด้วยรสนิยม และคุณภาพที่สั่งสมมานาน
แฟชั่นของอิตาลีจึงยังคงครองใจผู้คนทั้งโลก อย่างที่สินค้าเทคโนโลยีล้ำสมัยก็ทำอะไรไม่ได้
เทคโนโลยีผ่านเข้ามาและผ่านไป แต่ดีไซน์อิตาลีก็น่าจะยังคงยืนหยัดตั้งตระหง่าน ไม่แพ้เสาโรมัน ที่เห็นทันทีก็รู้ว่า ต้นแบบแห่งการดีไซน์ ได้ถือกำเนิดขึ้น ที่ดินแดนแห่งนี้..
อ่านซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ในตอนก่อนหน้าทั้งหมดได้ที่แอป Blockdit blockdit.com/download
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ. 2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-Fashionary, The Live of 50 Fashion Legends
-https://www.researchgate.net/profile/Simona_Segre_Reinach/publication/318591733_The_meaning_of_%27Made_in_Italy%27_in_fashion/links/59fadce7458515d20c7d962b/The-meaning-of-Made-in-Italy-in-fashion.pdf?origin=publication_detail
-https://www.crfashionbook.com/fashion/a26330899/history-of-italian-fashion-designers/
-https://www.metmuseum.org/toah/hd/itfa/hd_itfa.htm
-https://fashionweekweb.com/milan-fashion-week
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過12萬的網紅missPimpaka,也在其Youtube影片中提到,"ร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Vivant Joie -ร้านขายยา LAB Pharmacy 10 สาขา -Siam Paragon ใกล้ BTS Siam ...
fast fashion คือ 在 Pearypie: Make-up Artist/Theatrical Artist Facebook 的最讚貼文
#whomademyclothes
“ข้าพเจ้านั้นภูมิใจเสมอมาว่า คนไทยมีสายเลือดของ ช่างฝีมืออยู่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวไร่ ขาวนา หรืออาชีพใด อยู่สารทิศใด คนไทยมีความ ละเอียดอ่อนและฉับไวต่อการรับศิลปะทุกชนิด ขอเพียงแต่ให้เขาได้มีโอกาสฝึกฝน เขาก็จะแสดง ความสามารถออกมาให้เห็น”
พระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
(วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๒ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา)
Who made your clothes Campaign ของ #fashionRevolution สำหรับปีนี้ แพรขอเลือกเล่าถึง
#PearypiewearsThaifabric ค่ะ หยิบยกความเป็นไทย เพื่อสานต่อวัฒนธรรมผ่านเรื่องราวของผ้าไหม โดยไม่ลืมเอกลักษณ์ของความเป็นตัวเรา สนับสนุนชุมชน สร้างรายได้และอาชีพ 🙂 การใส่ผ้าไทยนั้น แพรใส่ด้วยความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต ให้เกียรติต่อผ้าและผลงานทุกผืน เพราะเรารู้ว่ากลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร แพรขอเชิญชวนทุกคนให้เห็นคุณค่าและความสวยของผ้าไทยค่ะ เรื่องราวของผ้าแต่ละผืนตั้งแต่เหนือ อีสาน ใต้ ไม่ว่าจะเป็นขบวนการทอ การออกแบบลวดลาย หรือการใช้สีธรรมชาติ มัน amazing มากจริงๆนะ ยิ่งได้ลงชุมชม อยู่กับแม่ๆและอาจารย์หลายๆท่าน ทุกคนน่ารัก ใจดี ยิ่งทำให้ความ amazing มันเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าเลย แพรอยากให้ผ้าไทยนั้นเป็น trend ในปีนี้ เป็นมากกว่าแค่ trend ในปีหน้าและเป็นความยั่งยืนของประเทศชาติในปีต่อๆไป จนกลายเป็นอะไรที่ว่าเราทุกคนโคตรภูมิใจกับสิ่งที่พวกเรานั้นมีและเป็นอยู่
การเกิดโรคระบาดในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อทุกอาชีพและเศรษฐกิจไทย เมื่อก่อนการท่องเที่ยวไทยนำรายได้เข้าประเทศแต่ตอนนี้ให้ป่าไม้ ทะเลและอากาศได้พักฟื้นฟูไปยาวๆเลย เราทุกคนสามารถทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้ เราคนไทย มีน้ำใจต่อกัน ออกมาช่วยเหลือกันและกัน ไทยช่วยไทย Local Supports Local สนับสนุนความเป็นไทย สนับสนุนอาหารไทย ใช้ของในไทย จากฝีมือคนไทย มันคงดีไม่น้อยถ้าเราหันกลับมาหาตัวเองและนำรากเหง้าที่เราเป็นอยู่มาต่อยอดให้กลายเป็นสิ่งที่เจ๋งขึ้น 🙂
มาพูดถึง #whomademyclothes ของ #PearypiewearsThaifabric กันหน่อย ชุดที่แพรสวมใส่อยู่นี้ แพรซื้อผ้าไหมมัดหมี่อีสานสีเหลือบน้ำตาลประกายทองมาจากศูนย์ศิลปาชีพ (ตอนนั้นศูนย์ศิลปาชีพจัดแสดงที่ไบเทคบางนา มีผ้าเยอะมากกองเป็นภูเขา ต้องไปยืนเลือกๆว่าชอบอะไร ราคากำลังดีและศูนย์ศิลปาชีพมีอยู่ทั่วไทยเลย) แพรนำผ้ามาออกแบบและตัดเย็บให้เป็นกระโปรงชุด เปิดหลัง เพิ่มความน่ารักด้วยโบว์เล็กๆค่ะ ใส่คู่กับรองเท้าบูทส้นสูง เพิ่มความกวนๆในแบบฉบับเรา เพื่อเข้ารับรางวัลผู้มีอิทธิพลบนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยม สาขาสิ่งแวดล้อม ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โครงการส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ นั้นคือโครงการส่งเสริมให้ประชาชน ประกอบอาชีพโดยอาศัยศิลปะที่ตัวเองมีอยู่ แก้ปัญหาความยากจนและการทำมาหากิน โดยอาศัยภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นสำคัญ พัฒนาความสามารถของผู้ยากไร้ให้ช่วยตัวเองและพึ่งตนเองได้ ตลอดจนเพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ไทยไว้เป็นมรดกของคนไทยต่อไป โครงการศิลปาชีพเริ่มต้นจากการสร้างงานของกลุ่มทอผ้าเป็นกลุ่มแรก ภาคเหนือ ก็มีผ้าชาวเขาเผ่าต่างๆ ภาคอีสานก็มีผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าฝ้าย ผ้าทอ ผ้าพิมพ์ลาย ในราคาที่จับต้องได้ เงินที่ได้จากการจำหน่ายจะย้อนกลับไปสู่ชุมชม แม่ๆ ชาวไร่ ชาวนา :))))
เมื่อ 60 กว่าปีมาแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ได้ตามเสด็จ ร 9ไปทรงเยี่ยมพสกนิกรทั่วทุกภาคของประเทศ จึงได้ทอดพระเนตรเห็นความเป็นอยู่ของประชาชนในชนบทที่เดือดร้อน การประกอบอาชีพนั้นขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศอย่างเดียว
งานที่ได้ทรงส่งเสริมถูกพัฒนาขึ้นตามลำดับ จากที่ทำกันในบ้านก๊อกๆ แก๊กๆ ทำเป็นระบบมากขึ้น คนในเมืองก็สามารถช่วยกันสนับสนุนตรงนี้ได้ เป็นการช่วยผู้มีรายได้น้อยไปในตัวด้วย ปัจจุบันศูนย์ศิลปาชีพมีอยู่ทั่วไทยเลยค่ะ 🙂
กลับมาที่เรื่องราวของ แคมเปญนี้ Who made your clothesใครกันนะที่อยู่เบื้องหลังเสื้อผ้าสวยๆที่คุณใส่ เกิดจากไอเดียที่ว่า ผู้บริโภค เป็นกุญแจหลักในการเปลี่ยนแปลง “การจับจ่ายใช้สอยทุกครั้ง คือ โอกาสออกเสียงด้วยเงินของเรา” เราเชื่อว่าความโปร่งใสเป็นขั้นตอนแรกในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม และมันเริ่มต้นด้วยคําถามง่ายๆ: who made your clothes ? ใครทําเสื้อผ้าของฉัน คือคําถามที่จะทําให้ผู้คนปรับมุมมองเกี่ยวกับสิ่งที่เราสวมใส่ นอกจากนี้ เสียงของผู้บริโภคและการตัดสินใจซื้อ จะทำให้แบรนด์และผู้ประกอบการแฟชั่นตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจของตัวเองมากขึ้น เพราะไม่ใช่แค่ดีไซเนอร์หรือแบรนด์ที่เป็นผู้กำหนดเทรนด์ ปัจจุบันผู้บริโภคเองก็มีส่วนสำคัญอย่างมากในการกำหนดทิศทางของแบรนด์เช่นกัน
อุตสาหกรรมแฟชั่น คืออุตสาหกรรมแห่งอิทธิพลทางความคิด ที่มีมูลค่ากว่า 2.4ล้านล้านเหรียญ จ้างงานผู้คนกว่า 60 ล้านคนทั่วโลก ขับเคลื่อนวัฒนธรรมกระแสนิยม Fashion Revolution
เป็น platform ให้ผู้คนได้แสดงออกถึงตัวตน ความเชื่อ จุดยืนทางการเมือง สะท้อนความเป็นไปและเกี่ยวโยงกับบริบทต่างๆในสังคมอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม แฟชั่นคืออุตสาหกรรมที่ปล่อยมลพิษและใช้น้ำสะอาดมากเป็นอันดับต้นของโลก รวมทั้งมีสมญานามว่าเป็นระบบแรงงานทาสสมัยใหม่ ด้วยห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่ยากจะสืบสาวไปจนถึงต้นกำเนิด ราคาของเสื้อผ้าจึงมักไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งบ่อยครั้งรวมถึงค่าแรงที่ไม่เป็นธรรม คุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ การกดขี่ทางเพศ จนถึงมลภาวะในแม่น้ำและสารเคมีในดินอันเป็นต้นเหตุของปัญหาสุขภาพและการเสียชีวิตของผู้คนและสิ่งมีชีวิตต่างๆในธรรมชาติ
เหตุการณ์ดำเนินมาเช่นนี้ จนวันที่ 24 เมษายน 2013 เกิดเหตุการณ์โรงงานรานาพลาซ่า ที่กรุง Dhaka บังกลาเทศ ถล่มจากการเร่งกระบวนการผลิตและการบังคับขู่เข็ญให้ทำงานล่วงเวลาจนเกินกำลังที่ผู้คนและโครงสร้างอาคารจะรับไหว มีผู้คนซึ่งเป็นแรงงานเย็บผ้า เสียชีวิตมากกว่า 1,100 คน ท่ามกลางป้ายแบรนด์สินค้าแฟชั่นต่างๆที่เราคุ้นหูกันดี และนั่นคือวันที่ Fashion Revolution ถือกำเนิดขึ้น โดยกลุ่มนักออกแบบที่ปฏิเสธที่จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบทุนขนาดใหญ่ ที่ทำลายทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อมนี้ และเลือกที่จะใช้พลังของแฟชั่นในการสร้างพลังให้ผู้คนกลับมาเห็นคุณค่าในตัวเอง ในเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ และในทุกชีวิตที่อยู่ในเสื้อผ้า ก่อนจะมาถึงมือเรา *อยากให้ไปดูเรื่อง The True Cost*
การเลือกว่าจะใส่ชุดอะไรดีในทุกๆวันคือการกำหนดอนาคตและเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมแฟชั่นให้ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเพศอะไร อายุเท่าไร เชื้อชาติไหน หรือทำงานอะไร เราทุกคนต่างข้องเกี่ยวกับเสื้อผ้า เป็นส่วนหนึ่งของระบบ และมีอำนาจที่จะกำหนด เรียกร้อง และสร้างมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ให้ความสำคัญกับผู้คน สิ่งแวดล้อม ความคิดสร้างสรรค์และผลกำไร ในระดับที่เท่าเทียมกัน 🙂
เมื่อเรารู้ว่า เสื้อผ้าที่เราสวมใส่อยู่ตอนนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร เงินไปถึงใคร ทำลายสิ่งแวดล้อมมั้ย มันก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรคิด การหันมาใส่ผ้าไทย ไม่จำเป็นต้องเป็นผ้าไหมเสมอ บางผืนราคาสูง ทำให้เราเข้าถึงยาก แต่คำว่าผ้าไทยนั้นมันกว้างมากจริงๆ ในชีวิตประจำวัน แพร mix match เสื้อผ้าให้มันสนุก หยิบหม้อฮ่อมตัวละ 200 บาทใส่คู่กับกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ เก๋ดี บางวันใส่ผ้าถุงบาติกคู่กับเสื้อยืด บางวันเสื้อมัดย้อมสีน่ารักๆจากชุมชมนู้นนี้นั้น ถือว่าเป็นผ้าไทยเหมือนกัน 3 ปีที่ผ่านมา แพรเลิกซื้อเสื้อผ้าที่เป็น fast fashionและเสื้อผ้าจากบริษัทใหญ่เลย เพราะเรารู้ว่าเงินที่เราจ่ายนั้นให้แค่เจ้าของธรุกิจ อยากให้เพื่อนๆลองเปิดใจ ลองศึกษา แล้วจะรู้ว่า ไทยแลนด์ คูลมากๆๆๆๆ บางทีไม่ต้องเป็นผ้าไทยเลยก็ได้ แต่เรารู้จักการเลือกเสื้อผ้าแบบมีสติขึ้น ใครที่สนใจเรื่องราวที่แพรได้แชร์ในครั้งนี้ แล้วอยากรู้ว่าเสื้อผ้าที่เพื่อนๆใส่อยู่ตอนนี้ ใครเป็นคนทำ แคมเปญนี้เชิญชวนให้ผู้บริโภคแฟชั่นร่วมกำหนดทิศทางความเท่าเทียมของอุตสาหกรรมแฟชั่น ผ่านช่องทาง Social Media ของตัวเอง โดยการลงรูปขณะสวมใส่เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ พร้อมโชว์ Label ของของชิ้นนั้น แล้วติด #whomademyclothes เพื่อถามแบรนด์ถึงความโปร่งใสในการผลิต 🙂
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้
รัก
แพร
fast fashion คือ 在 เกมถูกบอกด้วย v.2 Facebook 的最讚貼文
อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่า The Sims เป็นเกมที่มี DLC และ Expansion ออกมาเยอะทุกภาค และเนื่องในโอกาสที่ซีรีส์ The Sims ครบรอบ 20 ปี ในวันนี้ ทางเราจึงรวบรวมข้อมูลของ Expansion ของ The Sims ในทุกภาคสำหรับคนที่สงสัยว่า เกมนี้ในแต่ละภาคมี Expansion กี่ตัวกันแน่
.
The Sims 1 หลังจากที่เกมประสบความสำเร็จอย่างสูง ทาง EA ก็ได้ออก Expansion เพื่อเพิ่มให้เกมมีลูกเล่นต่างๆมากขึ้น โดยในภาคแรก มี Expansion Pack รวม 7 ตัว ประกอบด้วย
- The Sims: Livin' Large
- The Sims: House Party
- The Sims: Hot Date
- The Sims: Vacation
- The Sims: Unleashed
- The Sims: Superstar
- The Sims: Makin' Magic
.
The Sims 2 สืบเนื่องจากความสำเร็จของภาคแรก ทำให้ภาค 2 ยังคงดำเนินรอยตามแนวทางการตลาดของภาคแรก และมีเพิ่ม Stuff Packs ซึ่งเป็นเนื้อหาคอนเทนต์ระดับที่เล็กลงมาขายคู่กัน โดยภาค 2 มี Expansion รวม 8 ตัว และ Stuff Pack รวม 10 ตัว ประกอบด้วย
Expansion
- University
- Nightlife
- Open for Business
- Pets
- Seasons
- Bon Voyage
- FreeTime
- Apartment Life
.
Stuff Packs
- Holiday Party Pack
- Family Fun Stuff
- Glamour Life Stuff
- Happy Holiday Stuff
- Celebration! Stuff
- H&M Fashion Stuff
- Teen Style Stuff
- Kitchen & Bath Interior Design Stuff
- IKEA Home Stuff
- Mansion & Garden Stuff
.
The Sims 3 ก็ยังคงดำเนินรอยตามวิธีการขายเนื้อหาคอนเทนต์แบบ 2 ภาคแรก ที่ในภาค 3 มี Expansion รวม 11 ตัว และมี Stuff Packs รวม 9 ตัว
Expansion
- World Adventures
- Ambitions
- Late Night
- Generations
- Pets
- Showtime
- Supernatural
- Seasons
- University Life
- Island Paradise
- Into the Future
.
Stuff Packs
- High-End Loft Stuff
- Fast Lane Stuff
- Outdoor Living Stuff
- Town Life Stuff
- Master Suite Stuff
- Katy Perry's Sweet Treats
- Diesel Stuff
- 70s, 80s, & 90s Stuff
- Movie Stuff
.
The Sims 4 เป็นภาคแรกของซีรีส์ ที่มีการแยกขาย DLC ออกเป็น 3 รูปแบบ คือ Expansion คือเนื้อหาคอนเทนต์ขนาดใหญ่ที่มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน Game Packs เนื้อหาที่จะเพิ่มของใหม่ๆ เข้ามาในระดับกลาง และ Stuff Packs คือเนื้อหาขนาดเล็กส่วนใหญ่จะเป็นพวกไอเทมในธีมต่างๆ ตามชื่อ โดยในภาค 4 มี Expansion จำนวน 8 ตัว Game Packs จำนวน 8 ตัว Stuff Packs จำนวน 16 ตัว รวม 32 ตัว และยังคงออกเนื้อหาคอนเทนต์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!
Expansion
- Get to Work
- Get Together
- City Living
- Cats & Dogs
- Seasons
- Get Famous
- Island Living
- Discover University
.
Game Packs
- Outdoor Retreat
- Spa Day
- Dine Out
- Vampires
- Parenthood
- Jungle Adventure
- StrangerVille
- Realm of Magic
.
Stuff Packs
- Luxury Party Stuff
- Perfect Patio Stuff
- Cool Kitchen Stuff
- Spooky Stuff
- Movie Hangout Stuff
- Romantic Garden Stuff
- Kids Room Stuff
- Backyard Stuff
- Vintage Glamour Stuff
- Bowling Night Stuff
- Fitness Stuff
- Toddler Stuff
- Laundry Day Stuff
- My First Pet Stuff
- Moschino Stuff
- Tiny Living Stuff
.
Source : https://en.wikipedia.org/wiki/The_Sims
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-
แก้แลค แก้ปิงเกมออนไลน์ให้คิดถึงเรา PingBooster
พิเศษส่วนลด 15% เมื่อกรอก Code : Sheapgamer
สมัครทดสอบฟรี => http://bit.ly/2GBcM3G
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-
Monster Hunter World: Iceborne (Steam) ลด 12% เหลือ 870 บาท ดูที่นี่ - http://bit.ly/2BVpxUj
fast fashion คือ 在 missPimpaka Youtube 的最佳貼文
"ร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Vivant Joie
-ร้านขายยา LAB Pharmacy 10 สาขา
-Siam Paragon ใกล้ BTS Siam -Central World ใกล้ BTS Chidlom
-K-Village -Emporium (Floor 5) ใกล้ BTS Phrompong
-The Mall Thaphra ใกล้ BTS Wong Wien Yai -The walk Kasetnawamin
-The Walk Ratchapruek (Floor G) -Promenade (Next to Fashion Island)
-Silom Complex (Floor 2) ใกล้ BTS Saladeang -The mall Ramkamheng (the mall 2 ชั้น1)
__________________________________________________________
-Wienna Shop 8 สาขา คือ
Central Rama 2, Central Rama 3 , The mall Bang kapi , Futer Park Rung sit ,. Central Jeng Wattana, Fashion island Ramintra, The Mall RamKamhaeng
__________________________________________________________
-Vitamin Club 4 สาขา เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3, เซ็นทรัลลาดพร้าว, เซ็นทรัล พระราม 9
__________________________________________________________
- Patch (K-village)
__________________________________________________________
-Clinic Sanambinnam (the mall ngamwongwan)
__________________________________________________________
สำหรับคนญี่ปุ่นติดต่อ :
-COSME PLAZA 1st Fl., Terminal Bld. 2/17-19 Soi Sukhumvit 24, Tel. 091-210-7156
-momo Facial Massage ใกล้ เอ็มโพเรียม (BTS พร้อมพงษ์) Tel: 02-260-1223
__________________________________________________________
เว็ปไซด์ สำหรับ Vivant Joie (Website Selling):
www.itruemart.com (Beauty → Skin care)
www.vivantjoie.co.th
www.babumi.com/product/7
__________________________________________________________
หมายเหตุ : โปรดโทรสอบถามร้านค้านั้นๆก่อนเข้าซื้อสินค้า เพื่อตรวจสอบว่ามีสินค้าที่ท่านต้องการซื้อหรือไม่ หรือ โทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Vivant Joie Call center 02-259-2560-1
"
เวลาแต่งหน้า อย่าลืมยิ้มไปด้วยนะคะ และขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ ถ้าชอบก็สามารถ subscribe หรือติ ชมได้นะคะ แต่งหน้าแบบสบายๆ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเพอร์เฟ็ก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ไฮโซ เอาแบบที่เราชอบ แบบที่ไปกันได้กับหน้าเรา ... ป้าพิม
ตอนนี้พิมมี Blog เป็นของตัวเองแล้วนะคะ ติดตามอ่านเรื่องต่างๆได้ที่นี่ค่ะ misspimpaka.exteen.com ติดตามวีดิโออื่นๆได้ที่ www.youtube.com/misspimpaka หรือค้นหาคำว่า "ป้าพิม" ได้ที่กูเกิ้ลวิดีโอค่ะ และอย่าลืมแวะมาทักทายกันที่ www.facebook.com/misspimpaka นะคะ ถ้าสนใจแปรงแต่งหน้า Sigma ที่เลื่องลือ ลองแวะเข้าไปดูได้ตามลิงค์นี้ค่ะ http://www.sigmabeauty.com/?Click=174611