บิดาแห่ง Antivaxxers - นักวิจัยผู้บิดเบือนผลการทดลองวัคซีนเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
โรคหัดเคยเป็นโรคหนึ่งที่คร่าชีวิตเด็กทั่วโลกไปกว่าปีละ 2.6 ล้านคน จนกระทั่งเริ่มมีการผลิตวัคซีน MMR หรือ หัด คางทูม หัดเยอรมัน ขึ้นมาในปี 1971 โดยใช้ไวรัสมีชีวิตจากไวรัสที่ทำให้ก่อโรคทั้งสาม ทำให้อ่อนกำลังลง ปัจจุบัน วัคซีน MMR นี้เป็นวัคซีนหลักที่กว่า 100 ประเทศทั่วโลกฉีดให้เด็กกว่า 100 ล้านคนทุกปี ส่งผลทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงเหลือเพียง 122,000 คน ในปี 2012 ซึ่งส่วนมากเกิดขึ้นในประเทศด้อยพัฒนา
แต่ในปี 1998 งานวิจัยที่นำโดย Andrew Wakefield ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสาร The Lancet พร้อมทั้งได้ออกแถลงข่าวผลงานวิจัย ที่ได้ศึกษาเด็ก 12 คนที่มีอาการของ autism และได้ตรวจพบอาการใหม่ในเด็ก 8 จาก 12 คน ที่เรียกว่า “autistic enterocolitis” ที่ทีมนักวิจัยอ้างว่าเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน และมีความเชื่อมโยงระหว่างโรคในระบบทางเดินอาหารที่พบกับการพัฒนาการที่นำไปสู่โรคออทิซึ่ม ในการแถลงข่าวนี้ Wakefield จึงได้เรียกร้องให้มีการหยุดให้ MMR vaccine โดยสิ้นเชิง จนกว่าผลกระทบจะได้รับการศึกษาอย่างถี่ถ้วน และทดแทนด้วยการฉีดวัคซีนแยกชนิดกันแทน
ซึ่งผลของงานวิจัยนี้แน่นอนว่าสร้างความสะท้านไปทั่วโลก เนื่องจากวัคซีน MMR เป็นวัคซีนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากไปแล้วในปัจจุบัน และการค้นพบความเชื่อมโยงของผลเสียของวัคซีนต่อพัฒนาการของเด็ก ที่นำไปสู่โรคออทิซึ่มนั่น แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากต่อสื่อทั่วโลก
แต่… ในเวลาที่ตามมา ความไม่ชอบมาพากลหลายๆ อย่างเกี่ยวกับ “งานวิจัย” นี้ ก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาให้เห็น นักข่าว Brian Deer ได้ไปขุดพบเอกสารที่บ่งชี้ว่า Wakefield ได้มีการยื่นขอสิทธิบัตรในการทำวัคซีนแยกเข็มเดี่ยว ก่อนที่จะมีการทำงานวิจัยที่เรียกร้องให้มีการยกเลิกเข็มรวมไปแยกเป็นเข็มเดี่ยว รวมไปถึงแผนที่จะหากำไรจากการผลิตเครื่องตรวจออทิซึ่มที่อาจทำเงินได้ถึง $43 ล้านต่อปี มีการเปิดเผยให้เห็นว่าก่อนจะเกิดการทดลองนี้ขึ้น ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 12 คนนี้กำลังติดต่อกับทนายความเพื่อที่จะดำเนินคดีต่อผู้ผลิตวัคซีน และได้มอบเงิน 55,000 ปอนด์แก่รพ. เพื่อทำงานวิจัยชิ้นนี้ นอกจากนี้ตัว Wakefield เองยังได้รับเงินกว่า 400,000 ปอนด์จากเหล่าทนายที่กำลังเตรียมคดีฟ้องผู้ผลิตวัคซีน MMR ซึ่งในกรณีนี้ในทางวิชาการนั้นจัดว่าเข้าข่าย “มีผลประโยชน์ทับซ้อน” (Conflict of Interest) ที่ Wakefield ไม่ได้แจ้งไว้แต่ในภายแรก
แม้ว่าจะไม่ถึงกับห้ามทำงานวิจัยเมื่อมีผลประโยชน์ทับซ้อนเสียทีเดียว แต่การไม่แจ้ง Conflict of Interest นั้นนับเป็น Research Misconduct ที่ค่อนข้างร้ายแรง แน่นอนว่าการมีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้นส่งผลเป็นอย่างยิ่งต่อความเป็นกลางของผู้ทำการทดลอง ซึ่งหากผู้รีวิวได้รับรู้ถึง Conflict of Interest ล่วงหน้า และเป็นที่แน่ชัดว่าผู้ทำวิจัยนั้นได้รับผลประโยชน์บางอย่างหากผลงานวิจัยจะออกไปในทางใดทางหนึ่ง เจตนารมณ์และความเป็นกลางของผู้วิจัยย่อมจะต้องถูกนำมาตั้งคำถาม และตัวงานวิจัยจะต้องถูกพิจารณาอย่างถี่ถ้วนยิ่งขึ้น เช่นเดียวกัน ในโลกปัจจุบันผู้ผลิตวัคซีนแต่ละชนิดนั้นเป็นผู้ที่จะต้องทำงานวิจัยเพื่อยืนยันผลด้วยตัวเอง ซึ่งฝ่าย reviewer ก็จะคาดหวังมาตรฐานที่สูงกว่าเพื่อแสดงให้เห็นว่าในทุกขั้นตอนการวิจัยนั้นไม่ได้มีการ “ตุกติก” หรือแก้ผลเพื่อให้เป็นไปตามที่ต้องการ
สำหรับวารสาร Lancet นั้น ตัว editor-in-chief เองก็ได้ออกมาบอกในภายหลังว่า งานวิจัยของ Wakefield นั้นมีจุดบกพร่องเป็นอย่างมาก และหากเหล่า peer reviewer ได้แจ้งถึง Conflict of Interest อย่างชัดเจนแต่แรกแล้ว น่าจะไม่มีทางที่งานวิจัยนี้จะได้รับการรับรองแต่แรก
นอกไปจากนี้ Wakefield ได้ทำการเปิดแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ตั้งแต่ก่อนที่งานวิจัยจะได้รับการตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ ซึ่งในทางการวิจัยแล้วจัดเป็น “Science by press conference” (การทำงานวิจัยผ่านการแถลงข่าว) ซึ่งขัดต่อหลักการงานวิจัยที่ควรจะเป็น นั่นคือนักวิจัยควรจะมีหน้าที่ได้รับการยอมรับและติติงและยืนยันผลจากนักวิจัยด้วยกันก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน เพราะงานวิจัยนั้นควรจะทำไปเพื่อหาความจริง ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียง และเมื่อพิจารณาจาก Conflict of Interest ของ Wakefield ที่กล่าวเอาไว้ล่วงหน้าแล้วนั้นก็ยิ่งทำให้อดตั้งคำถามถึงแรงจูงใจที่แท้จริงของผู้วิจัยไม่ได้
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ งานวิจัยที่ผู้อื่นพยายามทำต่อมาในเบื้องหลังนั้น ไม่ได้ค้นพบผลที่ยืนยันการค้นพบเดิมของ Wakefield แต่อย่างใด ในปี 2005 BBC ได้อ้างอิงถึงงานวิจัยหนึ่งที่ได้ทดลองตรวจเลือดเด็กที่มีอาการออทิซึ่ม 100 คน และ 200 คนที่ไม่มีอาการ และพบว่ากว่า 99% นั้นไม่ได้มีเชื้อโรคหัดเท่าๆ กันทั้งสองกลุ่ม Institute of Medicine (IOM), United States National Academy of Sciences, CDC, UK National Health Service ต่างก็ไม่พบความเชื่อมโยงใดๆ ทั้งสิ้นระหว่างโรคออทิซึ่มและ MMR ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีการฉีดวัคซีนสามอย่างนี้แยกจากกัน ก็ไม่ได้พบว่ามีอัตราการเกิดออทิซึ่มแตกต่างจากประเทศอื่นที่ใช้ MMR รวมกันแต่อย่างใด นอกไปจากนี้ รีวิวต่างๆ ในวารสารงานวิจัยทางการแพทย์ก็ไม่เคยพบความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนกับออทิซึ่ม หรือแม้กระทั่งโรคระบบทางเดินอาหาร และก็ไม่เคยมีใครค้นพบ “autistic enterocolitis” ที่ Wakefield อ้างอิงถึงในงานวิจัยแต่อย่างใด
ผลสุดท้าย UK General Medical Council (แพทยสภาของอังกฤษ) ก็ได้เปิดการไต่สวน และได้ตัดสินว่า Andrew Wakefield ได้ทำความผิดร้ายแรง ฐานไม่สุจริต 4 กระทง ใช้ประโยชน์จากเด็กที่มีพัฒนาการต่ำ 12 กระทง ทำการทดลองที่ไม่จำเป็นและไร้ความรับผิดชอบต่อเด็กในการทดลอง การทดลองไม่ได้ผ่านบอร์ดคณะกรรมการจริยธรรม และไม่ยอมเปิดเผยถึงผลประโยชน์ทับซ้อน และ GMC ได้ระบุว่า Wakefield นั้น “ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงต่อความรับผิดชอบในหน้าที่ของแพทย์ผู้ให้คำปรึกษา” จึงได้ถอด Andrew Wakefield ออกจากทะเบียนแพทย์ และยึดใบประกอบโรคศิลป์ในประเทศอังกฤษ
ส่วนตัววารสาร Lancet เองก็ได้ยื่น full retraction ถอดถอนงานวิจัยนี้ออกไป โดยตัว co author 10 จาก 12 คนในงานวิจัยนี้ก็ได้ออกมายื่นขอ retract เช่นเดียวกัน โดยกล่าวว่าแม้การค้นพบจะตั้งคำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน แต่ตัวงานวิจัยนั้นไม่สามารถยืนยันถึงความเชื่อมโยงระหว่างปัจจัยทั้งสองได้แต่อย่างใด
แต่แม้ว่างานวิจัยจะถูกถอดถอน ผู้ทำวิจัยจะถูกปลดจากวิชาชีพไปแล้ว แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากงานวิจัยลวงโลกนี้ก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว มีการประเมินว่างานวิจัยที่ตีพิมพ์โดย Lancet นี้ อาจจะเป็น “ข่าวลวงโลกที่ร้ายแรงที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20” เพราะนับแต่นั้นมา ทั้งในอังกฤษและไอร์แลนด์ต่างก็พบว่ามีผู้ปกครองที่ปฏิเสธวัคซีนเพิ่มมากขึ้น จนโรคหัดและคางทูมเริ่มกลับมาระบาดอีกครั้งหนึ่งในหมู่ผู้ที่ปฏิเสธวัคซีน และกระแส Anti-vaccine หรือที่เราเรียกกันว่า “Antivaxxers” ก็เริ่มจุดติดนับแต่นั้นเป็นต้นมา และหนึ่งในข้อกล่าวอ้างของผู้ที่ปฏิเสธวัคซีนที่แพร่หลายมากที่สุดก็คือ “วัคซีนทำให้เกิดโรคออทิซึ่ม” ซึ่งก็เริ่มต้นมาจากงานวิจัยลวงโลกของ Andrew Wakefield นี้นั่นเอง จนในทุกวันนี้ ชาวอเมริกันจำนวนมากที่สามารถเข้าถึงวัคซีน mRNA ใหม่ที่ป้องกันโควิด-19 กลับปฏิเสธที่จะรับวัคซีนฟรีจากความกลัววัคซีน ที่ Andrew Wakefield เป็นผู้ก่อ
ส่วนเจ้าตัวก่อเรื่องเองนั้น… แน่นอนว่าเขาก็ยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยยังยืนยันผลเดิมว่าวัคซีนทำให้เกิดโรคออทิซึ่ม และเขาเองนั้นไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ทั้งสิ้น แต่เขาต้องเป็นจำเลยของสังคม เขามีปากเสียงกับ Brian Deer นักข่าวผู้เปิดโปงและแฉเขาอยู่บ่อยๆ ซึ่ง Deer ก็ได้ออกมาตอบโต้ว่า “ถ้าคิดว่าไม่จริงก็ฟ้องมาสิ มาพิสูจน์กันเลย แล้วถ้าผมโกหกคุณก็จะกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในอเมริกา” ซึ่งที่ผ่านมา Wakefield ก็ได้ถอนการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทไปทุกกรณี และ Brian Deer ก็ได้รับรางวัลเป็น UK's specialist journalist of the year ใน the British Press Awards จากกรณีเปิดโปง Wakefield นี้
ปัจจุบัน Andrew Wakefield ได้ย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าสาวก Antivaxxer อยู่จนถึงทุกวันนี้ เป็นหนึ่งในแกนนำที่คอยเรียกร้องต่อต้านกม. ที่จะบังคับให้คนฉีดวัคซีนอยู่เสมอ รวมไปถึงเป็นผู้กำกับภาพยนต์สารคดีลวงโลกเรื่อง Vaxxed: From Cover-Up to Catastrophe และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ได้รับจากความโด่งดังอันเกิดจากงานวิจัยลวงโลกเช่นนี้อยู่ต่อไป
หมายเหตุ: ปัจจุบันไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ทั้งสิ้น ที่สามารถเชื่อมโยงการเกิดโรคออทิซึ่ม กับการฉีดวัคซีน
อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
[1] https://en.wikipedia.org/wiki/MMR_vaccine
[2] https://en.wikipedia.org/wiki/Lancet_MMR_autism_fraud
[3] https://en.wikipedia.org/wiki/Andrew_Wakefield
full service wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
รู้จัก Yandex บริษัทที่ครองโลกออนไลน์ในรัสเซีย /โดย ลงทุนแมน
ทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่คงคุ้นเคยกับการใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์
เพื่อตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวัน
เราค้นหาข้อมูลจาก Google...
Continue ReadingGet to know Yandex, a company that ruled the world online in Russia / by investing man.
Nowadays most people are familiar with using online platforms.
To meet everyday needs.
We searched for information from Google
We order products from Amazon
We called a car and ordered food via Uber, Grab
We follow videos on YouTube
We listen to favorite songs on Spotify
But believe it or not, people can use these services through a single ′′ Yandex ′′ company.
What business does this company do? Why do they rule Russian over other famous platforms?
Investing man will tell you about it.
╔═══════════╗
cuddle Update the situation and economic situation with Blockdit
There's a podcast to listen to on the go.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Yandex is Russia's biggest tech company
Founded in 1997 or 23 years ago by a businessman named Arkady Volozh
Yandex stands for Yet Another Indexer
Because the first business of the company is to make a search website.
In the global Search Engine market, Google is undoubtedly leading up to 92 % while Yandex has 5 % user with a 0.5 % share.
But within the Russian country
Yandex can rule the market share at 58 % to be regarded as Russian Google.
However, this is only part of the Yandex Kingdom because of 70 different types of internet-related businesses.
Let's see some interesting examples.
Yandex. Direct Online Advertising Business is like Google Ads. 61 % Russian market share.
Yandex. Market platform to buy products online like Amazon. Currently, there are 19 million users per month.
Yandex. Taxi platform called Uber, but embraced 60 % of domestic users until the end of 2018, Uber competitors have to sell Russian affairs for 36.6 % of Yandex's shareholders. Taxi instead.
Yandex. Eats food delivery service and Yandex Lavka, the new generation's popular grocery delivery service.
Resulting in quarter 1 2020 Transport business group grew 49 % compared to the same period last year.
Yandex. Music platform listening online like Spotify and Yandex. Video platform. Video watching online. Like YouTube. Latest. Total members of 4.3 million accounts.
There are also many other businesses like
Yandex. Flight Platform to book airfare
Yandex. Messenger Chat Apps
Yandex. Disk storage services on cloud
Yandex. Money Payment System and Online Banking
Alisa Smart Assistant like Amazon Alexa
Even during the COVID-19 incident Russia was one of the severe outbreak centers, the company developed a free virus detection kit to the public.
By the proportion of the company's income every 100 baht.
64 baht from advertisement fee
24 baht from car and delivery business.
12 baht from other businesses such as subscription fee, entertainment media.
If you ask what is the reason Yandex has succeeded in occupying online space?
The answer should be not hesitating to grab opportunities in hand.
The company's strategy is to analyze which businesses have potential and foreigners are starting to market. But it doesn't meet local people. Yandex will compete with simple service models and consistent with consumer behavior.
Because the company has a great advantage that it can design platforms to support the usage of Russian language properly and more accurately.
Improving Yandex's performance continuously following the development of internet technology.
But it's undeniable that the weakness of rubble currency from Russia's case of economic sanctions since mid 2014's after Ukraine Crimea land annexation to be part of itself. Assembled with the Expanding businesses, affecting fairly corporate profits.
Year 2013 (1 rubles equals 1.01 baht)
Income 39,900 million baht
Profit of 13,600 million baht.
Year 2017 (1 rubles equals 0.55 baht)
Income 52,000 million baht
Profit of 4,800 million baht.
Year 2018 (1 rubles equals 0.47 baht)
Income 60,000 million baht
Profit of 20,800 million baht.
This year, there is extra profit from separating Yandex business. Market venture out with another company
Year 2019 (1 rubles equals 0.49 baht)
Income 86,000 million baht
Profit of 5,500 million baht.
Yandex is listed on the NASDAQ stock exchange in the USA. Now it's worth 420,000 million baht.
And it is evaluated that Mr Arkady Volozh, who is founder and CEO has private property up to 42,000 million baht.
However, sometimes business-related to a lot of data is often troubled because government concerns about the security of important data that could slip into the hands of dissent countries.
Yandex was recently ordered to restructure the company without a single shareholder over 10 % and limit total expat shareholders to 50 %
Yandex story makes us know
In many countries, strong foreign brands often scare local business owners and dare to do anything.
But really, what those companies can fight with us is understanding the unique characteristics of domestic consumers.
So if you keep opening the door to opportunities.
At the end we may succeed.
Like the case of Yandex that has become everything in Russian life..
╔═══════════╗
cuddle Update the situation and economic situation with Blockdit
There's a podcast to listen to on the go.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Follow to invest in man at
Website - longtunman.com
Blockdit-blockdit.com/longtunman
Facebook-@[113397052526245:274: lngthun mæn]
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram-instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Yandex
-https://www.wired.co.uk/article/russias-search-engineer
-https://www.oberlo.com/statistics/search-engine-market-share
-https://yandex.com/support/all-services/
-https://www.statista.com/statistics/225701/revenue-of-yandex-since-2007/
-https://www.statista.com/statistics/225709/net-income-of-yandex/
-https://ir.yandex/news-releases/news-release-details/yandex-announces-first-quarter-2020-financial-results
-https://ir.yandex/news-releases/news-release-details/yandex-announces-fourth-quarter-and-full-year-2018-financial
-https://www.reuters.com/article/us-yandex-fund-law/russias-yandex-gets-green-light-from-putin-over-new-governance-structure-idUSKBN1Y10WS
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Arkady_VolozhTranslated
full service wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
สรุปเรื่อง Japan Airlines ฟื้นหลังล้มละลาย ได้อย่างไร? แบบเข้าใจง่ายๆ /โดย ลงทุนแมน
ถ้าบริษัทเรามีหนี้สินกว่า 690,000 ล้านบาท และกำลังจะล้มละลาย
เราคงถูกมองว่าบ้า ถ้าไปเอาคนที่ไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจนั้นมาแก้ปัญหา
แต่เมื่อ 10 ปีก่อน ตอนที่สายการบิน Japan Airlines ใกล้จะล้มละลาย...
Continue ReadingHow does Japan Airlines revive after bankruptcy? Easy to understand / Invest manly
If our company has more than 690,000 million baht debt and is going bankrupt.
We would be considered crazy if we went to get someone who hasn't experienced in business to solve the problem.
But 10 years ago when Japan Airlines were going bankrupt.
Japanese government invites people who have no experience in aviation business to become CEO.
Why would the Japanese government make that decision?
And who was the one who solved the problem for Japan Airlines that day
Invest. Man will tell you about it
╔═══════════╗
Blockdit. Analytical source.
Deep content penetration
Recently, there is a podcast feature.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
First let's meet Japan Airlines first
Japan Airlines was founded in 1951 by the Japanese government to build Japan's airplane travel network after WWI ended.
First 3 years after Japan Airlines serving only in Japan.
Before 1954, Japan Airlines began to serve first international flights in Tokyo-Honolulu-San Francisco
Year 1961 Japan Airlines is listed on the Stock Exchange of Japan.
Year 1987 Japan Airlines was privatized from cuddle state enterprises into private companies to provide more agility and profitable capacity.
Japan Airlines has an advantage of many rival airlines as companies have lower loan costs than other airlines. The company not only loans to expand businesses easily, but also to sell tickets below many airlines to attract passengers to service.
But easy access to Japan Airlines funding source is like a double-edged sword because the company started to invest in hotel, resort, or mother, but tour company which is not about the core business of the company.
Japan Airlines employees say that one of the hotels in the USA that the company bought has full customers every year for 30 years. This hotel is not profitable for Japan Airlines..
And it seems that business risk distribution is not working on this airline.
As passengers start to decrease in economic conditions, as the competition in the airline business gradually increases disaster with companies.
Year 2009, the company experienced a financial crisis that it must go into a plan to restore bankruptcy. At that time, this airline has a total debt of 690,000 million baht more than Thai Airways debt. At the moment, it's almost 3 times more until the company's shares are taken Leaving the Japanese Stock Exchange in 2010
Of course, with this burden of debt, there will be no agency except government to help this airline from falling in front of the Japanese government. However, one of the caveats of the Japanese government after putting money is the top executive to run Japan Airlines must be the one who chooses the government. Come by myself only
For the reason the government said at that time, ′′ We must choose the right one first because it is very necessary to fix this airline's problem
Many people predict who is the one who will come to Kriti this time?
Finally, the minister of Japan's Ministry of Transport in those days invited was Mr. Kazuo Inamori, a 78 year old man at that time.
So who is this guy?
Mr. Kazuo Inamori is the founder of Kyocera, currently a multi-business company, electronic parts, office equipment, car parts, electric devices.
Interestingly, this is a profitable company every year since it was founded in 1959, so it's not strange that this guy is recognized as the ′′ father of corporate management
However.
Many questions come back from this decision of Japanese government and few people believe that inexperienced men in airline business can solve the heavy problems of this airline.
Other than that, your people around Kazuo Inamori tell him not to throw away his reputation with Japan Airlines. At this age, he better get some rest in peace.
But for Mr. Kazuo Inamori, he thinks that he needs to help this airline. If he let Japan Airlines fall, it will not only affect the country's economy, but also the appearance, confidence, including nearly 5 thousand companies employees who lose their jobs.
Many people may think that Kazuo Inamori must earn a very high salary to work as CEO to solve this airline crisis.
But actually his condition in getting this job is that he doesn't claim a single salary from Japan Airlines..
Problem he encounters after coming in is that there is a party divided by corporations. There is an internal political system.
Importantly, when he talks to the executives, the shocking number of people don't know how much money each flight department makes for the company.
So the first thing he does is to make everyone in the company know that in 1 years Japan Airlines will go bankrupt if everyone doesn't help each other and have to adjust the idea. Everyone is Japan Airlines. It's the highest service business not just the aviation business.
The one who will impress customers is the company employee.
So he has to make all levels of staff understand what he thinks by talking to the staff himself. Since the ticket salesman, the purse staff is not just the flight attendant.
He also uses Amoeba management system. That's a system that helps determine how much each department makes and how much it costs to work in each department.
When he knows something unnecessary, he cuts all those expenses, including non-profit flight routes.
In addition, the price tags of every product that the company bought so the deployed people will know how much the cost of each company is.
From your hard work, Kazuo Inamori made this airline from a loss of 19,000 million Baht in 2009 Japan Airlines began to profit in 2012 and made the company's shares back to be registered on the Japanese Stock Exchange again this year.
So what is the latest Japan Airlines performance?
Year 2017 Income 415,000 million baht. Profit 40,600 million baht.
Year 2018 Income 446,100 million baht. Profit 45,200 million baht.
Even this year, Japan Airlines should also be affected by the COVID-19 plague.
But going through obstacles and restoration of the organization in the past should help the company go through this crisis again.
And today Japan Airlines has a profit of accumulated over 247,000 million baht.
Currently, the value of Japan Airlines is equal to 191,000 million Baht. Our Thai Airways is about 19 times more..
╔═══════════╗
Blockdit. Analytical source.
Deep content penetration
Recently, there is a podcast feature.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Follow and invest manly at
Website - longtunman.com
Blockdit-blockdit.com/longtunman
Facebook-@[113397052526245:274: lngthun mæn]
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram-instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/Japan_Airlines
-https://www.jal.com/en/investor/highlight/
-https://finance.yahoo.com/quote/JAPSY?p=JAPSY
-https://finance.yahoo.com/quote/ALNPY/
-https://global.kyocera.com/inamori/profile/episode/episode10.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Kyocera
-https://www.jal.com/en/investor/library/information/
-https://www.youtube.com/watch?v=zpmX3BrLn-E
-https://en.wikipedia.org/wiki/JW_Marriott_Essex_HouseTranslated