Men in Black: International (2019) เข้าฉายแล้ววันนี้
จากหน้าหนังมันควรจะสนุกเลยนะ ต่อให้บทไม่ดียังไงก็ควรจะสนุก เพราะหนังมีทั้งสายลับคู่หูที่คาแรคเตอร์สามารถโปรยเสน่ห์ได้, มีเอเลี่ยน ซึ่งปกติหนังไหนมีเอเลี่ยนก็เอาไปสร้างลูกเล่นเหนือมนุษย์ได้เยอะอยู่แล้ว, มี gadget ล้ำ ๆ ยิ่งกว่าหนังเจมส์ บอนด์ และอีธาน ฮันท์ ย่อมตื่นตาตื่นใจ แค่สามอย่างที่ว่ามาก็ควรจะทำออกมาได้สนุก แต่ไฉนผู้กำกับระดับ เอฟ. แกรี่ เกรย์ ที่เคยทำ The Italian Job และ The Negotiator ให้บันเทิงเต็มเหนี่ยวมาแล้วดันมาแป้กกับแฟรนไชส์ MIB เสียอย่างนั้น หนังมันจืดชืด อารมณ์ขันแห้งแล้งมาก ได้แค่ แหะๆ บางจังหวะ แอ็คชั่นก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร ซ้ำร้ายบทยังมาแบบแพทเทิร์นจ๋าแต่ดันเล่ารายละเอียดไม่เพลินพอ นับเป็นหนังที่จัดเข้าหมวดหมู่ไม่ดูก็ไม่เสียดาย ถ้าดูก็ไม่ถึงขั้นเฉดหัวส่งแต่อาจจะเซ็ง ๆ นิดหน่อยว่ามันควรจะสนุกกว่านี้
.
จะว่าไปคนทำหนังบล็อกบัสเตอร์สมัยนี้ก็หากินยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะถ้าพูดกันตามตรงมาตรฐานหนังบล็อกบัสเตอร์เริ่มสูงขึ้นพอสมควร คนดูเริ่มมีความคาดหวังมากขึ้น สตูดิโอส่วนใหญ่ยังวนเวียนอยู่กับการเอา pop culture ที่เคยได้รับความนิยมมาหากินใหม่ด้วยการ remake/reboot มากกว่าจะสร้างสรรค์หนังชุดใหม่ขึ้นมา อันที่จริงการหยิบของเก่ามาทำใหม่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือหยิบมาแล้วดันทำไม่ดี ยิ่งเมื่อมีหนังเปรียบเทียบยิ่งเห็นภาพชัดเจน คริส เฮมเวิร์ธ คาแรคเตอร์ยังไม่ดึงดูดเท่าไร บางคนดูแล้วได้กลิ่นอายของเจมส์ บอนด์ หล่อกะล่อนสาวหลง แต่เพิ่มความน้ำใสใจจริงลงไปในแววตาใสซื่อ ส่วน เทสซา ธอมป์สัน โดดเด่นมาตั้งแต่ Thor: Ragnarok ในมาดสาวมั่นฉลาดแบบไม่โอ้อวด พอมาจับคู่เลยพอไปวัดไปวาได้อยู่แต่ใช่ว่าจะแบกหนังส่วนที่ไม่สนุกให้รอดจากคะแนนเกรด 6 ไปได้
Director: F. Gary Gray
Genre: action, adventure, comedy, sci-fi
6/10
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
gadget ล้ำ ๆ 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最佳解答
Men in Black: International (2019) เข้าฉายแล้ววันนี้
จากหน้าหนังมันควรจะสนุกเลยนะ ต่อให้บทไม่ดียังไงก็ควรจะสนุก เพราะหนังมีทั้งสายลับคู่หูที่คาแรคเตอร์สามารถโปรยเสน่ห์ได้, มีเอเลี่ยน ซึ่งปกติหนังไหนมีเอเลี่ยนก็เอาไปสร้างลูกเล่นเหนือมนุษย์ได้เยอะอยู่แล้ว, มี gadget ล้ำ ๆ ยิ่งกว่าหนังเจมส์ บอนด์ และอีธาน ฮันท์ ย่อมตื่นตาตื่นใจ แค่สามอย่างที่ว่ามาก็ควรจะทำออกมาได้สนุก แต่ไฉนผู้กำกับระดับ เอฟ. แกรี่ เกรย์ ที่เคยทำ The Italian Job และ The Negotiator ให้บันเทิงเต็มเหนี่ยวมาแล้วดันม...
See More
gadget ล้ำ ๆ 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最佳解答
Spectre (2015) | บอนด์กลับไปตายรัง
บอกเลยว่าเราไม่ชอบวิธีคิดแบบสตูดิโอ ยกตัวอย่างเช่นการเขียนบทบังคับให้ต้องกลับไปใช้นักแสดงชุดเก่าของแฟรนไชส์ X-Men เช่นเดียวกันกับแฟรนไชส์ James Bond ที่กำลังกลับไปใช้วิธีคิดแบบนักการตลาด ออกตัวก่อนว่าเป็นคนที่ชอบการ reboot 007 ใหม่ตอนภาค Casino Royale มาก มันอาจจะเสียเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์ไปหลายอย่างแต่ก็แลกมาด้วยทิศทางที่เข้ากับยุคอย่างมาก (บอนด์มีความเป็นมนุษย์จับต้องได้, ไม่เนี้ยบเหมือนเดิม, ไม่มีอุปกรณ์ขี้โม้, ตัวร้ายไม่ได้บิดเบี้ยวผิดมนุษย์) ทีนี้พอภาค Skyfall เริ่มกลับไปหารากเหง้า old-fashioned ดั้งเดิมจึงค่อนข้างรู้สึกแปลก ๆ จนกระทั่งการมาของ Spectre ที่ทำให้เราเห็นชัดว่าแฟรนไชส์กำลังเดินถอยหลังไปสู่การเป็นหนังขายการตลาดที่หยิบเอาเอกลักษณ์อันแสนน่าเบื่อของบอนด์ยุคเก่ามาครบถ้วน (ตัวร้ายพล่ามแผนการครองโลกกับฆ่าด้วยการทรมาน, ความเนี้ยบเท่ของบอนด์ราวกับเดินแบบแฟชั่นโชว์ขายของ, บอนด์ฉายเดี่ยวถล่มฐานลับแบบสิ้นคิด)
แฟรนไชส์ 007 เคยเดิมพันความเสี่ยงครั้งใหญ่ไปแล้วครั้งนึงตอนปรับ Casino Royale ให้เป็นเหมือน Jason Bourne ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้น Die Another Day ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของแฟรนไชส์แต่พวกเขาก็ยังปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยจนประสบความสำเร็จทั้งรายได้และเสียงวิจารณ์ ซึ่งตอนนั้นพวกเขาอาจจะเริ่มมองว่าแฟรนไชส์ขาดภาพจำของแบรนด์จึงค่อย ๆ ดึงเอกลักษณ์ดั้งเดิมกลับมา เช่นตัวละคร Q และ Moneypenny ที่หายไปในยุคของเคร็ก จนกระทั่งการมาของ Spectre ที่อาจจะบอกได้ว่าเป็นการเดิมพันอีกครั้งของทีมโปรดิวเซอร์ที่จะพา 007 กลับคืนสู่ตัวตนที่แท้จริง
ซึ่งจะว่าไปแล้ว old-fashioned ของเจมส์ บอนด์มันก็ยังมีคนชื่นชอบอยู่ ปีนี้เองก็มีหนังที่ดึงเอกลักษณ์ของ 007 มาใช้จนประสบความสำเร็จนั่นก็คือ Kingsman: The Secret Service ไม่ว่าจะเป็นภาพสายลับสุดเนี้ยบแต่งสูทผูกไทออกบู๊ด้วยท่วงท่าลีลาโคตรเท่, gadget ล้ำ ๆ สุดขี้โม้, ตัวร้ายวางแผนครองโลกที่มีฐานลับเว่อร์ ๆ และมีกระทั่งฉาก sexy ของสาว ๆ มายั่วน้ำลายหนุ่ม ๆ ดังนั้นถ้าจะบอกว่ารสนิยมคนดูเลิกสนใจรากเหง้าดั้งเดิมของ 007 คงเป็นข้อสันนิษฐานที่ผิดไป แต่คงเป็นเพราะ Spectre มันแย่ด้วยตัวของมันเองโดยเฉพาะการเขียนบทหนังและวิธีคิดแบบสตูดิโอ
บทหนังภาคนี้มาพร้อมความไม่สมเหตุสมผลมากมายก่ายกอง หนึ่งในฉากที่บรรลัยที่สุดของเราคงเป็นการนั่งรถไฟไปเยี่ยมตัวร้ายแบบเดี่ยว ๆ ก่อนจะยิงปืนนัดเดียวระเบิดฐานทัพพังเป็นสถิติโลกกินเนสบุ๊คต้องบันทึกไว้ว่าเป็นการระเบิดที่ใหญ่โตที่สุด ฉากนี้มันพังตั้งแต่วิธีคิดของบอนด์, ตัวร้ายมานั่งพล่ามแผนการบ้าคอแตกพร้อมกับสรรหาวิธีมาทรมาน แต่มาพลาดท่าให้บอนด์แบบง่าย ๆ ตามสเต็ปของยุคโบราณ
ฉากแอ็คชั่นในภาคนี้มีดีอยู่ฉากเดียวคือตอนต่อสู้มือเปล่ากับตัวร้ายบนรถไฟ เป็นการออกแบบคิวบู๊ในแบบที่เราคุ้นตาในยุคสมัยของแดเนียล เคร็กซึ่งกว่าจะชนะได้ต้องทุลักทุเลหมดสภาพ
และถ้าจะถามถึงความเป็นหนังสายลับ เราว่าแต่ไหนแต่ไรเจมส์ บอนด์ถูกจัดเป็น spy เพียงเพราะคำนิยามว่าทำภารกิจตามคำสั่งของรัฐบาล โดยผู้รับคำสั่งไม่อาจเปิดเผยตัวตนต่อสาธารณะ ส่วนหนังมันก็เป็น action-adventure มาตลอด ถ้าอยากได้กลิ่นอายสายลับชิงไหวชิงพริบจริง ๆ ปีนี้ต้องยกให้ Mission: Impossible - Rogue Nation เขาเลย
Director: Sam Mendes (ผกก. Skyfall, Road to Perdition)
Genre: action, adventure, thriller
5/10