【🔊行政院院會通過 #雙語國家發展中心設置條例草案📜】
📌為了讓攸關臺灣人才國際競爭力的雙語國家政策能循序推動,行政院會議昨(2)日通過國發會提報的「雙語國家發展中心設置條例草案」👩🏻💻🧑🏻💻
📌為了讓下一代有能力獲得更好的就業機會和薪資所得,國發會與教育部積極協調相關資源推動 #雙語國家政策,聚焦六大主軸!包括:
#加速推動高等教育雙語化、#均衡完善高中以下教育階段雙語化條件、#數位學習、#英檢量能擴充、#提升公務人員英語力、及 #成立行政法人專責推動,要用雙語力加值專業力,強化年輕世代的競爭力🤜🤛
📌國發會將針對「#雙語國家發展中心設置條例」持續積極和立法院與社會各界說明溝通,以爭取支持早日完成立法程序,讓臺灣的下一代,擁有更好的競爭力與雙語力❗️
—————————————————
【Cabinet approves draft bill to set up Bilingual Development Center】
Taipei, Sept. 2 (CNA) The Executive Yuan (Cabinet) approved a draft bill on Thursday to establish a National Development Center to advance the government's plan to develop Taiwan into a bilingual Chinese and English-speaking nation by 2030.
After the Executive Yuan session, Connie Chang (張惠娟), director-general of the Department of Overall Planning at NDC, said at a press conference that the council would adopt "teaching, testing, training and employing" as the four core principles to further bilingual advancement initiatives.
She added that the Bilingual Nation Development Center, a government-funded administrative body, would be established to further bilingual policies legally by working with government agencies and private companies and institutions to improve bilingual proficiency in Taiwan.
#2030雙語國家政策 #BilingualNation2030
同時也有13部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅channelvtc,也在其Youtube影片中提到,[VPET International Conference 2020 ] Thematic Session: Why Workplace Training Counts Convenor: Mr Eric Pang Yiu Hung, JP, Director of Electrical a...
「general conference」的推薦目錄:
- 關於general conference 在 國發會 Facebook 的最佳解答
- 關於general conference 在 มติพล ตั้งมติธรรม Facebook 的最佳貼文
- 關於general conference 在 外交部 Ministry of Foreign Affairs, ROC(Taiwan) Facebook 的最讚貼文
- 關於general conference 在 channelvtc Youtube 的精選貼文
- 關於general conference 在 channelvtc Youtube 的最讚貼文
- 關於general conference 在 Vivi Lin Youtube 的最佳解答
general conference 在 มติพล ตั้งมติธรรม Facebook 的最佳貼文
บิดาแห่ง Antivaxxers - นักวิจัยผู้บิดเบือนผลการทดลองวัคซีนเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
โรคหัดเคยเป็นโรคหนึ่งที่คร่าชีวิตเด็กทั่วโลกไปกว่าปีละ 2.6 ล้านคน จนกระทั่งเริ่มมีการผลิตวัคซีน MMR หรือ หัด คางทูม หัดเยอรมัน ขึ้นมาในปี 1971 โดยใช้ไวรัสมีชีวิตจากไวรัสที่ทำให้ก่อโรคทั้งสาม ทำให้อ่อนกำลังลง ปัจจุบัน วัคซีน MMR นี้เป็นวัคซีนหลักที่กว่า 100 ประเทศทั่วโลกฉีดให้เด็กกว่า 100 ล้านคนทุกปี ส่งผลทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงเหลือเพียง 122,000 คน ในปี 2012 ซึ่งส่วนมากเกิดขึ้นในประเทศด้อยพัฒนา
แต่ในปี 1998 งานวิจัยที่นำโดย Andrew Wakefield ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสาร The Lancet พร้อมทั้งได้ออกแถลงข่าวผลงานวิจัย ที่ได้ศึกษาเด็ก 12 คนที่มีอาการของ autism และได้ตรวจพบอาการใหม่ในเด็ก 8 จาก 12 คน ที่เรียกว่า “autistic enterocolitis” ที่ทีมนักวิจัยอ้างว่าเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน และมีความเชื่อมโยงระหว่างโรคในระบบทางเดินอาหารที่พบกับการพัฒนาการที่นำไปสู่โรคออทิซึ่ม ในการแถลงข่าวนี้ Wakefield จึงได้เรียกร้องให้มีการหยุดให้ MMR vaccine โดยสิ้นเชิง จนกว่าผลกระทบจะได้รับการศึกษาอย่างถี่ถ้วน และทดแทนด้วยการฉีดวัคซีนแยกชนิดกันแทน
ซึ่งผลของงานวิจัยนี้แน่นอนว่าสร้างความสะท้านไปทั่วโลก เนื่องจากวัคซีน MMR เป็นวัคซีนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากไปแล้วในปัจจุบัน และการค้นพบความเชื่อมโยงของผลเสียของวัคซีนต่อพัฒนาการของเด็ก ที่นำไปสู่โรคออทิซึ่มนั่น แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากต่อสื่อทั่วโลก
แต่… ในเวลาที่ตามมา ความไม่ชอบมาพากลหลายๆ อย่างเกี่ยวกับ “งานวิจัย” นี้ ก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาให้เห็น นักข่าว Brian Deer ได้ไปขุดพบเอกสารที่บ่งชี้ว่า Wakefield ได้มีการยื่นขอสิทธิบัตรในการทำวัคซีนแยกเข็มเดี่ยว ก่อนที่จะมีการทำงานวิจัยที่เรียกร้องให้มีการยกเลิกเข็มรวมไปแยกเป็นเข็มเดี่ยว รวมไปถึงแผนที่จะหากำไรจากการผลิตเครื่องตรวจออทิซึ่มที่อาจทำเงินได้ถึง $43 ล้านต่อปี มีการเปิดเผยให้เห็นว่าก่อนจะเกิดการทดลองนี้ขึ้น ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 12 คนนี้กำลังติดต่อกับทนายความเพื่อที่จะดำเนินคดีต่อผู้ผลิตวัคซีน และได้มอบเงิน 55,000 ปอนด์แก่รพ. เพื่อทำงานวิจัยชิ้นนี้ นอกจากนี้ตัว Wakefield เองยังได้รับเงินกว่า 400,000 ปอนด์จากเหล่าทนายที่กำลังเตรียมคดีฟ้องผู้ผลิตวัคซีน MMR ซึ่งในกรณีนี้ในทางวิชาการนั้นจัดว่าเข้าข่าย “มีผลประโยชน์ทับซ้อน” (Conflict of Interest) ที่ Wakefield ไม่ได้แจ้งไว้แต่ในภายแรก
แม้ว่าจะไม่ถึงกับห้ามทำงานวิจัยเมื่อมีผลประโยชน์ทับซ้อนเสียทีเดียว แต่การไม่แจ้ง Conflict of Interest นั้นนับเป็น Research Misconduct ที่ค่อนข้างร้ายแรง แน่นอนว่าการมีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้นส่งผลเป็นอย่างยิ่งต่อความเป็นกลางของผู้ทำการทดลอง ซึ่งหากผู้รีวิวได้รับรู้ถึง Conflict of Interest ล่วงหน้า และเป็นที่แน่ชัดว่าผู้ทำวิจัยนั้นได้รับผลประโยชน์บางอย่างหากผลงานวิจัยจะออกไปในทางใดทางหนึ่ง เจตนารมณ์และความเป็นกลางของผู้วิจัยย่อมจะต้องถูกนำมาตั้งคำถาม และตัวงานวิจัยจะต้องถูกพิจารณาอย่างถี่ถ้วนยิ่งขึ้น เช่นเดียวกัน ในโลกปัจจุบันผู้ผลิตวัคซีนแต่ละชนิดนั้นเป็นผู้ที่จะต้องทำงานวิจัยเพื่อยืนยันผลด้วยตัวเอง ซึ่งฝ่าย reviewer ก็จะคาดหวังมาตรฐานที่สูงกว่าเพื่อแสดงให้เห็นว่าในทุกขั้นตอนการวิจัยนั้นไม่ได้มีการ “ตุกติก” หรือแก้ผลเพื่อให้เป็นไปตามที่ต้องการ
สำหรับวารสาร Lancet นั้น ตัว editor-in-chief เองก็ได้ออกมาบอกในภายหลังว่า งานวิจัยของ Wakefield นั้นมีจุดบกพร่องเป็นอย่างมาก และหากเหล่า peer reviewer ได้แจ้งถึง Conflict of Interest อย่างชัดเจนแต่แรกแล้ว น่าจะไม่มีทางที่งานวิจัยนี้จะได้รับการรับรองแต่แรก
นอกไปจากนี้ Wakefield ได้ทำการเปิดแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ตั้งแต่ก่อนที่งานวิจัยจะได้รับการตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ ซึ่งในทางการวิจัยแล้วจัดเป็น “Science by press conference” (การทำงานวิจัยผ่านการแถลงข่าว) ซึ่งขัดต่อหลักการงานวิจัยที่ควรจะเป็น นั่นคือนักวิจัยควรจะมีหน้าที่ได้รับการยอมรับและติติงและยืนยันผลจากนักวิจัยด้วยกันก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน เพราะงานวิจัยนั้นควรจะทำไปเพื่อหาความจริง ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียง และเมื่อพิจารณาจาก Conflict of Interest ของ Wakefield ที่กล่าวเอาไว้ล่วงหน้าแล้วนั้นก็ยิ่งทำให้อดตั้งคำถามถึงแรงจูงใจที่แท้จริงของผู้วิจัยไม่ได้
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ งานวิจัยที่ผู้อื่นพยายามทำต่อมาในเบื้องหลังนั้น ไม่ได้ค้นพบผลที่ยืนยันการค้นพบเดิมของ Wakefield แต่อย่างใด ในปี 2005 BBC ได้อ้างอิงถึงงานวิจัยหนึ่งที่ได้ทดลองตรวจเลือดเด็กที่มีอาการออทิซึ่ม 100 คน และ 200 คนที่ไม่มีอาการ และพบว่ากว่า 99% นั้นไม่ได้มีเชื้อโรคหัดเท่าๆ กันทั้งสองกลุ่ม Institute of Medicine (IOM), United States National Academy of Sciences, CDC, UK National Health Service ต่างก็ไม่พบความเชื่อมโยงใดๆ ทั้งสิ้นระหว่างโรคออทิซึ่มและ MMR ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีการฉีดวัคซีนสามอย่างนี้แยกจากกัน ก็ไม่ได้พบว่ามีอัตราการเกิดออทิซึ่มแตกต่างจากประเทศอื่นที่ใช้ MMR รวมกันแต่อย่างใด นอกไปจากนี้ รีวิวต่างๆ ในวารสารงานวิจัยทางการแพทย์ก็ไม่เคยพบความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนกับออทิซึ่ม หรือแม้กระทั่งโรคระบบทางเดินอาหาร และก็ไม่เคยมีใครค้นพบ “autistic enterocolitis” ที่ Wakefield อ้างอิงถึงในงานวิจัยแต่อย่างใด
ผลสุดท้าย UK General Medical Council (แพทยสภาของอังกฤษ) ก็ได้เปิดการไต่สวน และได้ตัดสินว่า Andrew Wakefield ได้ทำความผิดร้ายแรง ฐานไม่สุจริต 4 กระทง ใช้ประโยชน์จากเด็กที่มีพัฒนาการต่ำ 12 กระทง ทำการทดลองที่ไม่จำเป็นและไร้ความรับผิดชอบต่อเด็กในการทดลอง การทดลองไม่ได้ผ่านบอร์ดคณะกรรมการจริยธรรม และไม่ยอมเปิดเผยถึงผลประโยชน์ทับซ้อน และ GMC ได้ระบุว่า Wakefield นั้น “ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงต่อความรับผิดชอบในหน้าที่ของแพทย์ผู้ให้คำปรึกษา” จึงได้ถอด Andrew Wakefield ออกจากทะเบียนแพทย์ และยึดใบประกอบโรคศิลป์ในประเทศอังกฤษ
ส่วนตัววารสาร Lancet เองก็ได้ยื่น full retraction ถอดถอนงานวิจัยนี้ออกไป โดยตัว co author 10 จาก 12 คนในงานวิจัยนี้ก็ได้ออกมายื่นขอ retract เช่นเดียวกัน โดยกล่าวว่าแม้การค้นพบจะตั้งคำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน แต่ตัวงานวิจัยนั้นไม่สามารถยืนยันถึงความเชื่อมโยงระหว่างปัจจัยทั้งสองได้แต่อย่างใด
แต่แม้ว่างานวิจัยจะถูกถอดถอน ผู้ทำวิจัยจะถูกปลดจากวิชาชีพไปแล้ว แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากงานวิจัยลวงโลกนี้ก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว มีการประเมินว่างานวิจัยที่ตีพิมพ์โดย Lancet นี้ อาจจะเป็น “ข่าวลวงโลกที่ร้ายแรงที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20” เพราะนับแต่นั้นมา ทั้งในอังกฤษและไอร์แลนด์ต่างก็พบว่ามีผู้ปกครองที่ปฏิเสธวัคซีนเพิ่มมากขึ้น จนโรคหัดและคางทูมเริ่มกลับมาระบาดอีกครั้งหนึ่งในหมู่ผู้ที่ปฏิเสธวัคซีน และกระแส Anti-vaccine หรือที่เราเรียกกันว่า “Antivaxxers” ก็เริ่มจุดติดนับแต่นั้นเป็นต้นมา และหนึ่งในข้อกล่าวอ้างของผู้ที่ปฏิเสธวัคซีนที่แพร่หลายมากที่สุดก็คือ “วัคซีนทำให้เกิดโรคออทิซึ่ม” ซึ่งก็เริ่มต้นมาจากงานวิจัยลวงโลกของ Andrew Wakefield นี้นั่นเอง จนในทุกวันนี้ ชาวอเมริกันจำนวนมากที่สามารถเข้าถึงวัคซีน mRNA ใหม่ที่ป้องกันโควิด-19 กลับปฏิเสธที่จะรับวัคซีนฟรีจากความกลัววัคซีน ที่ Andrew Wakefield เป็นผู้ก่อ
ส่วนเจ้าตัวก่อเรื่องเองนั้น… แน่นอนว่าเขาก็ยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยยังยืนยันผลเดิมว่าวัคซีนทำให้เกิดโรคออทิซึ่ม และเขาเองนั้นไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ทั้งสิ้น แต่เขาต้องเป็นจำเลยของสังคม เขามีปากเสียงกับ Brian Deer นักข่าวผู้เปิดโปงและแฉเขาอยู่บ่อยๆ ซึ่ง Deer ก็ได้ออกมาตอบโต้ว่า “ถ้าคิดว่าไม่จริงก็ฟ้องมาสิ มาพิสูจน์กันเลย แล้วถ้าผมโกหกคุณก็จะกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในอเมริกา” ซึ่งที่ผ่านมา Wakefield ก็ได้ถอนการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทไปทุกกรณี และ Brian Deer ก็ได้รับรางวัลเป็น UK's specialist journalist of the year ใน the British Press Awards จากกรณีเปิดโปง Wakefield นี้
ปัจจุบัน Andrew Wakefield ได้ย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าสาวก Antivaxxer อยู่จนถึงทุกวันนี้ เป็นหนึ่งในแกนนำที่คอยเรียกร้องต่อต้านกม. ที่จะบังคับให้คนฉีดวัคซีนอยู่เสมอ รวมไปถึงเป็นผู้กำกับภาพยนต์สารคดีลวงโลกเรื่อง Vaxxed: From Cover-Up to Catastrophe และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ได้รับจากความโด่งดังอันเกิดจากงานวิจัยลวงโลกเช่นนี้อยู่ต่อไป
หมายเหตุ: ปัจจุบันไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ทั้งสิ้น ที่สามารถเชื่อมโยงการเกิดโรคออทิซึ่ม กับการฉีดวัคซีน
อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
[1] https://en.wikipedia.org/wiki/MMR_vaccine
[2] https://en.wikipedia.org/wiki/Lancet_MMR_autism_fraud
[3] https://en.wikipedia.org/wiki/Andrew_Wakefield
general conference 在 外交部 Ministry of Foreign Affairs, ROC(Taiwan) Facebook 的最讚貼文
【氣候變遷,其實就在你我身邊】
▪聯合國證實南極測到了攝氏18.3度歷史新高紀錄
▪德國、比利時、荷蘭等地最近也接連因豪雨導致洪災
▪台灣前陣子因旱災缺水導致水庫乾涸而實施限水措施
熱浪、暴雨、乾旱等等極端氣候現象,悄悄地發生在你我身邊……
我國對抗氣候變遷的腳步從不落人後,蔡總統已於今年4月22日世界地球日對外宣布,2050淨零轉型是世界的目標,也是台灣的目標。
外交部將於7/26 - 7/30線上舉辦 #2021氣候變遷與永續發展論壇,討論 #氣候外交 #永續發展目標(SDGs) #溫室氣體淨零排放 等等主題。
身為地球村的重要一份子,誠摯邀請你/妳聚焦全球疫情之際,也關注氣候變遷議題,掌握國際趨勢。
✅報名連結及活動資訊請見留言
#聯合國氣候變化綱要公約
#氣候外交
#永續發展
“2021 is a make-or-break year for collective action against climate change!” according to UN Secretary General Antonio Guterres and the #UK, host to the 26th United Nations Framework Convention on Climate Change (#UNFCCC) Conference of Parties (#COP26), is urging all countries to raise their ambitions on tackling the issue.
As a responsible stakeholder in the international community, #Taiwan won’t shirk its duty in the fight against #GlobalWarming!
If you’re interested in becoming #PartOfTheSolution, why not join MOFA and the Taiwan Institute for Sustainable Energy (#TAISE) for an online forum on climate change and #SustainableDevelopment from July 26-30, to discuss the #NetZero2050Roadmap, domestic climate policy and the importance of the #US return to the #ParisAgreement.
#ClimateDiplomacy
#SDGs
general conference 在 channelvtc Youtube 的精選貼文
[VPET International Conference 2020 ]
Thematic Session: Why Workplace Training Counts
Convenor:
Mr Eric Pang Yiu Hung, JP, Director of Electrical and Mechanical Services, Electrical & Mechanical Services Department, The Government of the HKSAR
Panel Members:
Mr Josh Williams, Principal International Consultant, Skills International, New Zealand
Mr Kevin O'Brien, Chief Executive, The Jardine Engineering Corporation Limited, Hong Kong
Mr Carl-Fredrik Zachrisson, Managing Director, Scania (Hong Kong) Limited, Hong Kong
Mr Patrick Wong, Executive General Manager, Operations Support, Hong Kong Aircraft Engineering Company Limited, Hong Kong
general conference 在 channelvtc Youtube 的最讚貼文
[VPET International Conference 2020 ]
Keynote Speech: Six Seismic Shifts in VPET
by Mr Olli-Pekka Heinonen, Director General, Finnish National Agency for Education, Finland
general conference 在 Vivi Lin Youtube 的最佳解答
【An open letter to Dr Tedros 一封致予譚德塞博士的公開信】
This is an open letter to Dr Tedros, the Director General of the WHO, in response to the accusations against Taiwan during the 8th of April WHO press conference.
這是一封致予世界衛生組織幹事長譚德塞博士的公開信,並針對其於4/8世衛記者會上對臺灣的公開指控,提出回應。
Dear Dr Tedros,
I am Vivi Lin from Taiwan, a current undergraduate student studying Infectious Diseases in the UK.
親愛的譚德塞博士,
我是Vivi Lin,一位目前正在英國念傳染病的臺灣大學生。
Upon hearing your response in the press conference today, I was utterly shocked and saddened that such misleading allegations could come from a supposedly respected health professional and the head of the world’s most influential international health organisation.
今天在聽聞您,作為現今世界上最具影響力的醫衛組織(WHO)的領導人,於世衛記者會上提出針對臺灣的不實指控,我深感錯愕及失望。
As a student who has been working closely with Taiwanese and British Medical and Health-related NGOs, I can affirm that there has never been any disrespectful comments from our government and our diplomats towards you and the African continent due to race, culture or skin colour.
身為一名在臺灣及英國的多個醫衛非政府組織服務的學生,我可以肯定地說,臺灣官方從未針對您及非洲人民,做出任何基於種族、文化或膚色的負面評論。
I am aware that there are various petitions online urging for your resignation from the WHO. However, none of the requests or criticisms were based on discriminations against your race or skin colour, nor people from the African continent.
我知道現在網路上有許多要求您辭去世衛幹事長職務的連署,但這些要求,都並非基於您的種族、膚色,或是針對非洲人民的歧視。
Taiwan has been striving to contribute as much as possible to the international community and to be a part of the global team in combating this pandemic. Although we have been excluded from the WHO, we have never given up. Our government has done an exemplary job in containing the virus, a feat that has been praised by officials and health professionals from all around the world. And now, as we have some spare capacity, we are sending aid to our allies and other countries, including those in America, Europe and in Africa who have been harshly impacted by the outbreak.
臺灣一直以來都非常努力地在為國際社會的醫衛做出貢獻,我們也始終希望能在這場全球傳染病戰役中,與世界站在一起。
即便我們被世衛排除在外,臺灣也從未放棄貢獻一己之力。
臺灣在這次COVID19防疫上的傑出成果,是世界有目共睹的。而現在,當我們有額外的資源時,也不吝於分享給我們在美洲、歐洲及非洲的友邦與其他正在受到疫情影響的國家。
According to our health professionals who used to work closely with various countries in Africa, a temporary hospital has been built by Taiwan in Eswatini at the moment, and some important medical supplies sent by Taiwan are finding their way to Africa as well.
根據我們曾在非洲駐點過的醫衛工作者指出,臺灣正在協助史瓦帝尼建立臨時醫院,也同時在安排許多醫療用品援助。
With all the aforementioned in mind, how can you, in a few sentences, attempt to smear Taiwan’s reputation with such irresponsible and false accusations?
而根據上述所有資訊,(譚德塞博士)您怎能用簡單幾句謬誤的指控,不負責任地污衊世界對臺灣的印象呢?
In the past two days, WHO hosted webinars in regards to how we, as individuals or as health professionals and officials, should confront the current info-demic. Ironically, just right after the webinar, Dr Tedros, as the DG of the WHO, was accusing Taiwan with misinformation.
在過去兩天當中,世衛舉辦了以「疫情假資訊」為題的線上研討會,提供個人、醫衛人士及官員一些面對疫情假資訊的建議。
然而,多麼諷刺的是,就在研討會剛結束的時候,世衛幹事長即帶頭用不實的資訊指控臺灣。
I firmly believe that health is a fundamental human right that should not be denied despite differences of any kind. Health for all, leave no one behind is also the core value that the WHO stands for. Please do not forget your dedication as a public health professional and the vows that you made when you ascended to the honorable position you are sitting at right now - health of people in the world comes first, not politics.
我一直相信,健康,是所有人皆擁有的基本人權。
全民健康,沒有人應被排除在外,也是世衛堅守的核心價值。
(譚德塞博士)請不要忘記您作為一個公衛專家的信念,以及您接任幹事長時所立下的誓言——「全球人民的健康當為第一位,而非政治。」
We are now facing the most challenging health crisis of our time. Taiwan cares about people’s health. We are willing to help, and we are helping now. Taiwan is a country that stands for progressive values, and we, as the Taiwanese people, are also known for our appreciation for diversity. We have never criticised you nor your actions based on your race, culture or skin colour.
全球現在正在面臨這個世代最嚴竣的健康危機,而臺灣不僅在乎所有人的健康,更願意幫忙、正在幫忙。
臺灣是一個相信進步價值的國家,臺灣人民,更是始終尊重多元、擁抱多元。我們從未因為基於您的種族、文化或膚色,而提出質疑。
I, on behalf of my beloved country and people, am now asking for an apology from you under the current circumstance.
現在,我與我熱愛的國家和臺灣人民,要求您針對4/8的不實指控,提出道歉!
Thank you for your time.
感謝。
Vivi Lin
2020.4.8
#StandWithTW
#WHO #COVID19 #Coronavirus
#DrTedros
#TaiwanHelps
*Disclaimer: The views and opinions expressed in this video are those of the authors. 影片內容僅代表作者本身之觀點。*