House of Cards ซีซั่น 2 (สามารถดูได้ใน Netflix)
• ยกระดับจากซีซั่นแรกขึ้นมาอีก ศัตรูอัพเลเวลความยากในการจัดการ เป็นอุปสรรคยากกว่าเดิม เจอศึกรอบทิศชนิดที่พลาดไม่ได้ เนื้อเรื่องแทบไม่มีจุดผ่อนคันเร่ง ทั้งซีซั่นโยงถึงกันหมด แม้กระทั่งความสัมพันธ์จากซีซั่นแรก
• ซีรีส์ยังคงพูดถึงการแสวงหาอำนาจ แต่ซีซั่นนี้ชัดเจนขึ้นถึงการเป็นนกสองหัวที่ต้องโกหกให้แนบเนียนชนิดไม่มีใครสามารถจับได้ และเราจะได้เห็นทุกตัวละครพร้อมเอาตัวรอด
• แน่นอนว่าใครอยากรอดท่ามกลางพายุถล่มต้องขึ้นเรือให้ถูกลำ ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับเรือที่มีโอกาสรอดเพียงครึ่งเดียว
• ความสัมพันธ์ระหว่างฟรานซิสกับแคลร์ เกื้อกูลกันอย่างคาดไม่ถึง ยังคงเป็นซีรีส์ที่วางหมากได้ยิ่งกว่าการฝังความคิดในหัว Inception
• ได้เห็นแคลร์โหดขึ้นกว่าเดิม แต่ยังคงเป็นตัวละครเลือดเย็นที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเสมอ ตรงข้ามกับฟรานซิสที่ดูด้านชากว่า
• การลดบทบาทตัวละครเก่าจากซีซั่นแรกบางส่วนออกไป แล้วเพิ่มตัวละครใหม่เข้ามายิ่งช่วยให้ซีรีส์ดูสดใหม่ขึ้น
• ยังคงชอบใจที่ได้เห็นฟรานซิสวางแผนการเมืองอย่างแยบยล เช่นหมากในการดันวิปคนใหม่, การผลักดันร่างพรบ.สำคัญตามต้องการ, กำจัดพันธมิตรของประธานาธิบดีทีละคน
-------------------------------------
มีซีรีส์ไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่มีพลังพอให้เราดูต่อซีซั่น 2 และในจำนวนไม่กี่เรื่องนั้น มีเพียงน้อยนิดที่สามารถทำซีซั่นต่อได้ในระดับเดียวหรือเหนือกว่าซีซั่นแรก (เช่น The Crown) สำหรับ House of Cards นั้น เรียกว่าต่อยอดจากเป้าหมายที่เริ่มต้นไว้ในซีซั่นแรกคือการตอบโต้ประธานาธิบดีที่ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ด้วยการให้ตัวเอกคือ 'ฟรานซิส' (Kevin Spacey) ทะเยอทะยานในการทวงคืนอำนาจของตัวเอง ซึ่งในซีซั่นแรกเขาต้องหาทางขึ้นไปเป็นรองประธานาธิบดีแบบที่ทุกคนให้การยอมรับในความเหมาะสม จัดการแบล็กเมล์ครอบงำสส.ที่มีเรื่องอื้อฉาว แล้วหาทางออกให้รองประธานาธิบดีคนเก่าลาออกจากตำแหน่งอย่างสวยงาม จากนั้นฟรานซิสก็ดีลกับผู้มีอิทธิพลนอกทำเนียบขาวเพื่อพาตัวเองไปอยู่ห่างจากประธานาธิบดีแค่เอื้อมมือ และในซีซั่นนี้คืออีกสเต็ปที่จะพาตัวเองขึ้นไปเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในสหรัฐอเมริกา
.
ซีรีส์เปิดฉากด้วยการหาคนมาเป็นวิปคุมโหวตแทนตัวเองที่ขยับไปเป็นรองปธน. ซึ่งคนที่ฟรานซิสเลือกคือ 'แจ็คกี้' (Molly Parker) ที่แทบไม่มีบทบาทในพรรคแม้แต่นิดเดียว เราได้เห็นหมากของฟรานซิสในการปล่อยให้สส.พรรค 2 คนชิงตำแหน่งกันเองจนเละเทะไปหมด เพื่อเปิดทางให้แจ็คกี้แทรกเข้าไปชิงคะแนนเสียงภายหลัง แต่ถ้าแผนมันเป๊ะ ๆ ก็จะง่ายเกินไป ความสนุกในซีซั่นนี้คือทุกคนพร้อมจะต่อรองและเล่นเกมหยุมหยิมไม่ให้ฟรานซิสสมหวังได้ง่าย ๆ แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเขา เพียงแต่มันอาจจะต้องแลกมาด้วยความสูญเสียบางอย่างที่แจ็คกี้ต้องทำใจยอมรับเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ
.
มันจึงไม่แปลกที่ในซีซั่นนี้เราจะรู้สึกว่าฟรานซิสโดดเดี่ยวยิ่งกว่าเดิม แผนตัดขาพันธมิตรรอบตัวปธน. ก็ทำให้ฝั่งเขาเองมีบาดแผลเต็มตัวไปหมด ตัวละครที่มีชีวิตชีวาในซีซั่นแรกได้กลับมาอีกครั้งในซีซั่นนี้แบบพร้อมจะถูกตัดขาดได้ทุกเมื่อ ทั้ง 'ดั๊ก' (Michael Kelly) มือขวาที่ถูกแยกออกไปทำภารกิจอิสระค่อนข้างมาก, 'เฟร็ดดี้' (Reg E. Cathey) ที่โผล่มาตลอดก็กลายเป็นเป้าให้โจมตี, แม้แต่ความสัมพันธ์รอบตัว 'แคลร์' (Robin Wright) ก็ถูกหยิบขึ้นมาเล่นได้หมด เพราะในซีซั่นนี้ฟรานซิสถูกโจมตีหนักหน่วง ทั้งจาก 'เรย์มอนด์ ทัสก์' (Gerald McRaney) นักธุรกิจที่ปรึกษาปธน.นอกทำเนียบที่ใช้เงินและอิทธิพลเล่นงานเขา ไหนจะกลุ่มแก๊งนักข่าวเดิมในซีซั่นแรกที่ยังสร้างปัญหาคาราคาซัง และความผิดที่ต้องปกปิดก็ยังต้องเป็นความลับต่อไป
.
ดังนั้นปัญหาในซีซั่น 2 จึงเป็นการปูพรมถล่มโดยคู่ปรับระดับสมศักดิ์ศรี ฟรานซิสต้องตีสองหน้าเอาตัวรอดจากปธน. พร้อมหาทางโค่นเขาลงจากตำแหน่งอย่างแนบเนียน ซึ่งแผนนี้จะสำเร็จได้ก็ต้องสร้างพันธมิตรในพรรคขึ้นมา และต้องใช้ความเป็นคู่คิดคู่ชีวิตจากแคลร์เพื่อพาไปสู่เป้าหมายสูงสุด
.
มีอีกหลายฉากที่ชอบในซีซั่นนี้ เช่นการต่อรองกับวุฒิสภาจากพรรคคู่แข่ง ที่ขนาดประนีประนอมกันแล้วก็ยังโดนหักหลังได้อีก ซึ่งฟรานซิสหาทางแก้เกมได้ไม่ยาก แม้จะหัวปั่นหน่อยก็เถอะ, มีฉากแคลร์สัมภาษณ์ออกสื่อในฐานะภรรยารองปธน.ครั้งแรก ที่ไม่คิดว่าซีรีส์จะพาไปไกลขนาดนั้น เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความโหดของแคลร์เลย, แล้วยังมีแผนล็อบบี้ระหว่างฟรานซิสกับ 'เฟง' นักธุรกิจจีนที่เป็นพาร์ทเนอร์ของทัสก์ ในการเอางานก่อสร้างกลับคืนมาเพื่อไม่ให้เฟงถูกคู่แข่งในจีนเล่นงานถึงตาย ยังมีอีกหลายฉากที่ต้องเอาใจช่วยความลื่นไหลของฟรานซิสในการฝังความคิดลงไปในหัวเป้าหมาย แล้วปล่อยให้แผนการของเขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
.
ถ้าชอบซีซั่นแรก ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องพลาดซีซั่นนี้
Creator: Beau Willimon (เขียนบท The Ides of March)
13 Episodes (เฉลี่ยตอนละ 50 นาที)
A
#หนังโปรดxซีรีส์Netflix
