สรุปประเด็นจากกองทุนบัวหลวง “กางกลยุทธ์ พิชิตหุ้นสหรัฐฯ”
BBLAM x ลงทุนแมน
ช่วงเวลาที่ผ่านมา คงไม่มีตลาดหุ้นไหนสามารถทำผลงานได้โดดเด่น อย่างตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
ที่ทำให้นักลงทุนสัมผัสได้ถึงความร้อนแรง จนเกิดคำถามว่า หลังจากนี้ โอกาสของหุ้นสหรัฐอเมริกาจะเป็นอย่างไร ?
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ลงทุนแมน ร่วมพูดคุยกับ 2 ผู้เชี่ยวชาญจากกองทุนบัวหลวง
คือ คุณพูนสิน เพ่งสมบูรณ์ AVP, Portfolio Solutions
และ คุณนวรัตน์ เจียมกิจรุ่ง SVP, Product Development
ถึงประเด็นสำคัญในการลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลานี้
เรื่องราวสำคัญที่นักลงทุนควรรู้ จะมีอะไรบ้างนั้น ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟังเป็นข้อ ๆ แบบเข้าใจง่าย
1. ภาพรวมของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ?
ความร้อนแรงของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ
- นโยบายการเงินการคลัง ที่สามารถส่งต่อไปยังภาคธุรกิจ และภาคการบริโภคได้จริง
- การกลับมาของภาคธุรกิจ ทั้งจากกลุ่มธุรกิจที่เติบโต และกลุ่มธุรกิจที่ฟื้นตัวจากปีก่อน
ประเด็นที่ต้องจับตาต่อจากนี้คือ เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่ช่วง Mid Cycle ซึ่งแปลว่า เราอาจจะไม่ได้เห็นการปรับตัวขึ้นแรง ๆ ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเหมือนในช่วงที่ผ่านมา
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนจากนี้ไป จึงต้องมีการคัดเลือกหุ้นรายตัว รายกลุ่มอุตสาหกรรมให้มากขึ้น
2. ความน่าสนใจของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา อยู่ที่ตรงไหน ?
ย้อนกลับไปช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาพบปัญหาระหว่างทางมาโดยตลอด
ไม่ว่าจะเป็น สงครามการค้ากับจีน หรือผลกระทบจากวิกฤติโควิด 19 ประกอบกับการเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาที่เริ่มตั้งแต่ปี 2009 ก็ดูเหมือนจะจบรอบไปแล้วในปีที่ผ่านมา
ถ้าดูตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ปี 2020 ออกมา -30% แต่ที่น่าสนใจก็คือ สหรัฐอเมริกาฟื้นตัวกลับมาได้ค่อนข้างเร็ว โดยเห็นได้จาก GDP ไตรมาส 3 ปี 2020 ปรับตัวขึ้นกลายเป็น +33%
และถ้าหากสังเกตดัชนี S&P 500 ก็ยิ่งฟื้นตัวแรงไม่แพ้กัน
โดยใช้เวลาฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด 19 แค่ 1 เดือนเท่านั้น และก็ยังทำ New High ต่อเนื่อง อย่างในปี 2021 นี้ก็ +20% จากต้นปีอีกด้วย
ซึ่งต่างไปจากวิกฤติซับไพรม์ปี 2007 ที่ต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัวกว่า 18 เดือน แต่เมื่อฟื้นตัวกลับมาได้ ก็ไปต่อได้ดีเช่นกัน
ดังนั้น จุดที่น่าสนใจของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา เมื่อสังเกตจาก 2 วิกฤติที่ผ่านมาก็คือ เมื่อสหรัฐอเมริกาประสบภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจแล้ว มักจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว และก็ดีกว่าเดิมเสมอ
3. แล้วจุดขับเคลื่อนสำคัญ ที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวได้เร็ว คืออะไร ?
ปัจจัยที่ 1 คือ อำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ผ่าน 2 เครื่องมือสำคัญ นั่นคือ
- นโยบายทางการเงิน ที่จะช่วยให้ตลาดการเงินของสหรัฐอเมริกายังคงดำเนินต่อไปได้ โดยการซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ ในตลาด เพื่อพยุงราคาไม่ให้ถูกเทขาย
เช่น พันธบัตรรัฐบาล, Mortgage-Backed Securities (ตราสารทางการเงินที่มัดรวมสินเชื่อบ้านเข้าด้วยกัน โดยมีสถาบันการเงินเป็นคนกลางจับคู่ระหว่างผู้กู้ยืมและนักลงทุน), หุ้นกู้ในกลุ่ม Fallen Angels ที่ถูกปรับลดระดับเครดิตต่ำกว่า BBB (Non-Investment Grade)
- นโยบายการคลัง ที่จะช่วยเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา
เช่น การอัดฉีดเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐไปให้ชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากการว่างงาน
เนื่องจากโครงสร้าง GDP สหรัฐอเมริกามาจากภาคการบริโภค 70%
ดังนั้น หากชาวอเมริกันกลับมาบริโภคได้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็จะกลับคืนมาด้วย
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ทั้ง 2 นโยบายที่ว่านี้ คงจะมีแต่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น ที่สามารถทำได้
หากเป็นประเทศอื่น ๆ เราคงเห็นปัญหาตามมาอีกมากมาย เช่น ประเทศไทยที่มีสัดส่วนการบริโภคแค่ 1 ใน 4 ถ้าหากเราอัดฉีดเม็ดเงินเช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาค่าเงินบาทอ่อนหรือปัญหาเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นแรง เป็นผลมาจากการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่มากเกินไป
โดยเหตุผลที่สหรัฐอเมริกาสามารถทำเช่นนี้ได้ เพราะความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจโลกครองสัดส่วน 1 ใน 4 ของมูลค่า GDP โลก และเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ก็ยังเป็นเงินสกุลหลักของการค้าระหว่างประเทศ
ปัจจัยที่ 2 คือ โครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและหลากหลาย ส่งผลให้ภาพรวมฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
หากสังเกตดัชนี S&P 500 จะพบว่า Market Cap. ของกลุ่มเทคโนโลยี 27% สูงเป็นอันดับที่ 1 ถัดมาจะเป็นกลุ่ม Health Care 13% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย 12% ล้วนเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต
ที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราขึ้นเรื่อย ๆ เสมือนเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิตคนเรา และหลากหลายกลุ่มเทคโนโลยีอนาคตอย่าง Innovation, FinTech, Digital Advertising ยังมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ การจ้างงาน และการแข่งขันในอนาคตอีกด้วย
นอกจากนี้ วิกฤติโควิด 19 ยังเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของสินค้าเทคโนโลยี และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น การช็อปปิงออนไลน์, การดูวิดีโอสตรีมมิงแทนการเข้าโรงภาพยนตร์
ขณะที่ภาคธุรกิจเอง ก็หันมาให้ความสนใจ Digital Advertising มากกว่าป้ายบิลบอร์ดเดิม ๆ ส่งผลให้ลดต้นทุน, ลดขั้นตอน Supply Chain ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งหมดนี้ จึงทำให้เชื่อว่า หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐอเมริกาจะยังเติบโตตามผลประกอบการต่อไปได้
4. หลังจากการฟื้นตัว ก้าวต่อไปคือการเข้าสู่ Mid Cycle ?
เมื่ออัตราการว่างงานลดลง ซึ่งคาดว่า 8-10 เดือนข้างหน้า ก็จะสามารถกลับเข้าสู่ระดับปกติก่อนเกิดวิกฤติโควิด 19 ได้ ขณะเดียวกัน Fed ก็เริ่มส่งสัญญาณถอนคันเร่งมาตรการกระตุ้น ด้านสวัสดิการว่างงานก็เริ่มลดลง สะท้อนได้ว่า สหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่ช่วง Mid Cycle
ดังนั้น เราน่าจะไม่ได้เห็นสภาพคล่องท่วมตลาดเหมือนอย่างเคยอีกต่อไป
กลยุทธ์การลงทุนในช่วง Mid Cycle จึงต้องเลือกลงทุนหุ้น Growth เช่น หุ้นเทคโนโลยี
หรือลงทุนหุ้นที่จะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ ในโครงการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังผลักดันอยู่ในขณะนี้ เช่น
- American Rescue Plan วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นสวัสดิการชดเชยการว่างงาน
- Infrastructure Bill วงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ
- American Families Plan วงเงิน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมนุษย์
- American Jobs Plan วงเงิน 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน, Health Care, อุตสาหกรรม EV, พลังงานสะอาด
- U.S. Innovation and Competition Act วงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับจีน
หากโครงการเหล่านี้ได้รับการอนุมัติทั้งหมด จะกลายเป็นเม็ดเงินพัฒนาเศรษฐกิจที่เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ที่จะช่วยพัฒนาประเทศระยะยาว 5-10 ปี เลยทีเดียว
5. ตอนนี้ Master Fund ระดับโลก มองการลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาอย่างไร ?
หลังจากที่กองทุนบัวหลวงได้พูดคุยกับผู้จัดการกองทุน J.P. Morgan หนึ่งใน Master Fund ระดับโลก
พบว่า หากเป็นการลงทุนระยะกลาง J.P. Morgan กำลังพุ่งเป้าไปที่กลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจหลังจากผ่านวิกฤติโควิด 19 เช่น
- กลุ่มธุรกิจ Reopening ที่เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัว และได้รับประโยชน์จากความต้องการซื้อที่อัดอั้นมาจากวิกฤติโควิด 19 เช่น การจองโรงแรม, การเช่ารถ, ร้านอาหาร
- กลุ่ม Health Care ทั้งในแง่ของการรับมือกับโควิด 19, การพัฒนาวัคซีน, การวิจัยเชื้อกลายพันธุ์ และพฤติกรรมพร้อมจ่ายของคนเราเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง จึงมองว่ากลุ่มยา และกลุ่ม Biotech ยังเติบโตได้ดี
- กลุ่มพลังงานสะอาด จากการผลักดันนโยบาย EU Green Deal ขณะที่ต้นทุนของพลังงานลม และพลังงานโซลาร์เซลล์ ที่ถูกลงมากเมื่อเทียบกับพลังงานดั้งเดิม รวมทั้งกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์กักเก็บพลังงานก็น่าสนใจ
ขณะเดียวกัน หากเป็นการลงทุนระยะยาว J.P. Morgan กำลังจับตากลุ่มธุรกิจที่สอดรับกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า
ซึ่งนอกจาก 3 กลุ่มข้างต้นแล้ว ก็ยังมีกลุ่มเครื่องจักรอัตโนมัติ หรือกลุ่ม Smart ต่าง ๆ เช่น Smart Home, Smart TV ที่กำลังเติบโตตามโลกอนาคต อีกด้วย
6. กลยุทธ์การลงทุนหุ้น Growth ในช่วงเวลานี้ ?
กลยุทธ์การวิเคราะห์ลงทุนหุ้น Growth ของ J.P. Morgan จะออกเป็น 2 รูปแบบ นั่นคือ
- รูปแบบ Bottom Up คือการวิเคราะห์หุ้นรายตัวเป็นหลัก
- รูปแบบ Micro Focus คือการวิเคราะห์ลงรายละเอียดเล็ก ๆ เพราะเชื่อว่าจุดเล็ก ๆ จะนำไปสู่ความแตกต่างจากบริษัทอื่นอย่างมีนัยสำคัญได้ เช่น Facebook ที่กำลังได้รับประโยชน์จากโฆษณาออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายคือ การค้นหาหุ้นสหรัฐอเมริกาที่กำลังเติบโตมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ภายใต้ 3 ลักษณะสำคัญคือ
- ธุรกิจที่มีผลต่อการบริโภค หรือการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป
- ธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว มีกำไรที่แข็งแกร่ง
- ธุรกิจที่มีการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น (Momentum) ทิศทางเชิงบวก ดังนั้นต้องรู้จักทำใจให้นิ่งเพื่อรอจังหวะ Momentum ที่ดีได้
อีกหนึ่งกลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญก็คือ การปรับพอร์ตลงทุนอยู่เสมอ โดยจะลดน้ำหนักหุ้นที่มีราคาปรับตัวขึ้นมานานหลายปี และตลาดรับรู้ข่าวทั้งหมดแล้ว
เช่น กลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Microsoft, Apple ถูกลดสัดส่วนตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อนำเงินไปลงทุนหุ้นที่จะเป็น “Big Winner” ตัวต่อไป แต่ก็ไม่ได้ขายหมดทั้งพอร์ต เพราะยังมองว่าเป็นธุรกิจที่ดีระยะยาว
นอกจากนี้ ด้วยความเป็นกองทุนแบบ Active ของ J.P. Morgan ยังมองเห็น 2 กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจคือ
- กลุ่มการเงิน โดยจะลงทุนทั้งสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และกลุ่ม Online Payment
- กลุ่มเทคโนโลยี 5G และ EV โดยที่มองลงลึกไปถึง “ทองแดง” ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของกลุ่มเทคโนโลยี จึงเข้าไปลงทุนบริษัท Freeport-McMoRan หนึ่งในธุรกิจเหมืองแร่ทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก
7. ตัวอย่างธุรกิจที่เข้าข่ายหุ้น Growth ที่น่าสนใจ ?
ธุรกิจในกลุ่ม Digital Advertising เช่น Snap Inc. เจ้าของแอปพลิเคชัน Snapchat ที่มียอดผู้ใช้งานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีการขยายฐานผู้ใช้งานไปยังประเทศอินเดีย ทำให้มีโอกาสเติบโตในเรื่องของเม็ดเงินโฆษณาได้อีกมาก ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา รายได้ของ Snapchat ก็เติบโตเฉลี่ยปีละ 46%
ธุรกิจในกลุ่มต่อมาก็คือ Online Payment เช่น PayPal ที่ได้ประโยชน์จากการใช้ชีวิตในยุค New Normal และตอบโจทย์ในการชำระเงินยุคใหม่
ซึ่งจากผลการดำเนินงานในไตรมาสล่าสุด PayPal มีจำนวนบัญชี Active User เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่จำนวนธุรกรรมเติบโต 40% จากปีก่อนหน้า
ธุรกิจในกลุ่มสุดท้ายก็คือ ธุรกิจนอกกลุ่มเทคโนโลยี เช่น John Deere ผู้ผลิตและจำหน่ายรถแทรกเตอร์ อุปกรณ์การเกษตรที่นำเทคโนโลยีมาใช้กับการเกษตร ตอบโจทย์การเกษตรสมัยใหม่และเทรนด์ความยั่งยืน
หากสหรัฐอเมริกามีการเก็บภาษีจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก็จะเป็นประโยชน์โดยตรงกับ John Deere
ซึ่งหุ้น 3 ตัวนี้ ก็เป็นหุ้นที่ J.P. Morgan ลงทุนเป็น Top Holding อีกด้วย
8. ตอนนี้หุ้น Growth แพงไปหรือยัง ?
ในมุมมองของกองทุนบัวหลวง คิดว่าหุ้น Growth ยังไม่แพงเกินไป ถึงแม้ว่าจะผ่านช่วงสูงสุดไปแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อยู่
โดยหากมาดูในส่วนของค่ากลางของ P/E Ratio S&P 500 พบว่า อยู่ที่ 20 เท่า สะท้อนให้เห็นว่า ยังมีโอกาสที่เรายังสามารถหาหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตในราคาที่สมเหตุสมผลได้อยู่
และที่ผ่านมาดัชนี S&P 500 ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ P/E ทยอยปรับลดลง ซึ่งมีสาเหตุมาจากกำไรของบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยในปี 2021 มีการคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทใน S&P 500 จะโต 60% ในขณะที่ในปี 2022 S&P มีการคาดการณ์ว่ากำไรจะโตต่ออีก 15% จากปี 2021
จากตรงนี้ก็จะเห็นได้ว่า ยังมีอีกหลายธุรกิจที่ผลการดำเนินงานยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อยู่
9. ผลตอบแทนการลงทุน ด้วยกลยุทธ์แบบ J.P. Morgan เป็นอย่างไร ?
จากกลยุทธ์ Active Management ที่เน้น Micro Focus ทำให้กองทุน JPM US Growth ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกา มีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างดีมาอย่างต่อเนื่อง
หากเรามาดูผลการดำเนินงานของกองทุน JPM US Growth จะพบว่า ถ้าดูย้อนหลังไป 3 ปี เฉลี่ยต่อปีแล้ว ผลตอบแทนจะเท่ากับ 27% สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Benchmark ที่เป็น Russell 1000 ที่เน้นเฉพาะหุ้นเติบโต ซึ่งถ้าย้อนหลัง 5 ปี ผลการดำเนินงานก็ดีกว่าเช่นกัน
เมื่อมาดูการจัดอันดับของ Morningstar พบว่ากองทุน JPM US Growth อยู่ใน First Quartile คือเป็นหนึ่งในกองทุนที่ทำผลการดำเนินงานได้ดีอยู่ในเกณฑ์ดีที่สุดในกลุ่มอีกด้วย
หากมาดูด้าน Valuation ของกองทุน JPM US Growth จะเห็นว่า กองทุนนี้มี P/E Ratio ที่ต่ำกว่า Benchmark แต่มีอัตราการเติบโตของกำไร (%EPS Growth) สูงกว่า Benchmark และ S&P 500
10. เราจะลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกาในรูปแบบกองทุน ได้อย่างไร ?
กองทุน B-USALPHA เป็นกองทุน Feeder Fund ที่ลงทุนในกองทุนหลัก คือ JP Morgan US Growth Fund ไม่ต่ำกว่า 80%
ซึ่ง JP Morgan US Growth Fund เป็นกองทุนแนว Active Management เน้นลงทุนในหุ้นที่เติบโตสูงกว่าที่ตลาดมองไว้
และในส่วนที่เหลือผู้จัดการกองทุนของบัวหลวง ก็อาจลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกาที่น่าสนใจเป็นรายตัว
ซึ่งน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีระยะยาวได้ เหมือนที่ทำกับ B-FUTURE และ B-CHINE-EQ
กองทุนนี้ ยังมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล เพราะปัจจุบันอยู่ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ผู้ลงทุนส่วนใหญ่จึงหันมาหาสินทรัพย์เสี่ยง หรือหุ้น กันมากขึ้น การจ่ายเงินปันผลจะช่วยให้ผู้ลงทุนมีเงินระหว่างทาง ไม่ต้องคอยดูจังหวะการขายทำกำไร และสามารถลงทุนได้นานขึ้น
11. สุดท้ายแล้ว แนวทางของกองทุน B-USALPHA จะช่วยบริหารพอร์ตการลงทุนภาพรวมของคุณได้อย่างไร ?
ในมุมมองการจัดพอร์ตลงทุน การกระจายสินทรัพย์เสี่ยงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ในมุมมองของกองทุนบัวหลวงคือ การจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง ทั้งในส่วนสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและเสี่ยงสูง
ในส่วนสินทรัพย์เสี่ยงสูงที่เป็นหุ้นทั่วโลก ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การเอามาเป็นแกนหลักของพอร์ต (Core Port) กับเอาเป็นตัวเร่งในแต่ละธีม (Thematic) โดยส่วนที่เป็นแกนหลัก ควรที่จะให้มีการกระจายหลายประเทศ และหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
แล้วควรลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกาเท่าไร ? หากอ้างอิงจาก MSCI Index มีสัดส่วนบริษัทในสหรัฐอเมริกา กว่า 58% อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ความเสี่ยงที่รับได้ และความเข้าใจของแต่ละคนด้วย
เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ที่พัฒนาแล้ว มีผลการดำเนินงานดีที่สุดใน 10 ปีที่ผ่านมา คือปีละ 14% และมีความผันผวนต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ
สรุปได้ว่า การลงทุนหุ้นสหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นของต้องมีในพอร์ต และกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active ในหุ้นเติบโต ย่อมมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย นั่นเอง..
同時也有4部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅CarDebuts,也在其Youtube影片中提到,สายการผลิต 2022 Audi e-Tron GT production รถสปอร์ตซีดานพลังไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 640 แรงม้า ก่อนเปิดตัวในเมืองไทย ก่อนที่จะมีการเปิดตัวในเมืองไทยอย่าง...
「green infrastructure」的推薦目錄:
green infrastructure 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
เมกะเทรนด์ดิจิทัล และโอกาสการลงทุนที่คุณอาจคาดไม่ถึง
INETREIT x ลงทุนแมน
แม้โควิด 19 จะเป็นตัวแปรที่ทำให้หลายอย่างหยุดชะงัก แต่กลับเป็นตัวเร่งที่ทำให้โลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลเร็วขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิต การติดต่อสื่อสาร ไปจนถึงการทำงานที่ปรับรูปแบบเป็น Work from Home หรือ Work from Anywhere
ข้อมูลต่าง ๆ จึงต้องสามารถเข้าถึงได้ จากทุกที่ ทุกเวลา ผ่านการเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต
ทำให้ความต้องการใช้บริการด้านระบบคลาวด์ (Cloud) และศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล (Internet Data Center) ของแทบทุกหน่วยงานเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
คาดว่าธุรกิจคลาวด์ในประเทศไทยจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 19.40% (ปี 2561–2566) และจะมีมูลค่าสูงถึง 27 พันล้านบาท ในอีก 2 ปีข้างหน้า
แล้วบริษัทในไทย มีใครทำธุรกิจคลาวด์บ้าง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
‘บมจ.อินเทอร์เน็ตประเทศไทย หรือ INET’ เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการคลาวด์และ Internet Data Center สัญชาติไทยที่ทำธุรกิจมายาวนานกว่า 26 ปี มีภาครัฐถือหุ้นในสัดส่วน 49%
โดยถือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายแรก ๆ ในประเทศ และให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจรแก่ลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ถือเป็นการให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศไทย
INET มีบริการครอบคลุมตั้งแต่คลาวด์ ศูนย์ข้อมูล ไปจนถึงการให้บริการอินเทอร์เน็ต โดยแบ่งธุรกิจได้เป็น 3 กลุ่ม
1. บริการ Cloud Solutions ประกอบด้วย
- Infrastructure as a Service (IaaS) ให้บริการเช่าใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอที แทนการลงทุนซื้อ server, storage
- Platform as a Service (PaaS) เปิดให้ผู้ใช้งานนำแอปพลิเคชันมาทำงานบนระบบ โดยไม่ต้องลงทุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
- Software as a Service (SaaS) ให้บริการด้านแอปพลิเคชัน
2. บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Internet Access) ที่มีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมทุกจังหวัด
3. บริการ Internet Data Center โดยศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลไอเน็ต (INET-IDC) ประกอบด้วย
- บริการ Co-Location (บริการแบบรับฝากเซิร์ฟเวอร์)
- บริการศูนย์สำรองข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการฐานข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยและรองรับการทำงานของพนักงานในทุกสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น วิกฤติน้ำท่วม วิกฤติการเมือง
นอกจากนี้ INET ยังมีบริการนำส่งข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ที่เชื่อมต่อกับระบบของกรมสรรพากรโดยตรงอีกด้วย
โดยสัดส่วนรายได้กว่า 70% ของ INET มาจากการให้บริการคลาวด์ ซึ่งตอนนี้มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น จากการ Work from home ในช่วงโควิด 19 และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่บริการในรูปแบบดิจิทัล
นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน บริการของ INET ยังทำให้ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนซื้ออุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่มีราคาแพงได้ในขณะเดียวกัน
ปัจจุบัน INET มีศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล ที่ให้บริการทั้งในกลุ่มธุรกิจคลาวด์และ Co-Location รวม 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ และจังหวัดสระบุรี
โดยศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลทั้ง 3 แห่ง พัฒนาภายใต้แนวคิด Clean, Green และ Energy Saving
เน้นระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสากล และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ผ่านการออกแบบที่เชื่อมต่อระบบระหว่างทุกศูนย์อย่างสมบูรณ์ แม้กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
จากเครือข่ายเสถียรภาพสูงในรูปแบบ Full Redundancy ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยง พร้อมการอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง
ทำให้ INET-IDC ถือเป็นศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลที่มีความทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ
และสามารถคว้ารางวัล Center Service Vendor of the Year 2013 จาก Frost & Sullivan องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก
ล่าสุด INET เตรียมระดมทุนโดยจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต หรือ INET Leasehold Real Estate Investment Trust (INETREIT)
เพื่อเข้าลงทุนครั้งแรกในโครงการ INET-IDC 3 เฟส 1 วงเงินลงทุนรวม 4,000 – 4,500 ล้านบาท
เรียกได้ว่า INETREIT จะเป็นกองทรัสต์กองแรก ๆ ในประเทศไทย ที่เข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในธุรกิจดิจิทัล
ซึ่งมีศักยภาพเติบโตไปกับระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคนี้อย่างแท้จริง..
References
- ร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ INETREIT ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th
green infrastructure 在 高虹安 Facebook 的最讚貼文
ⅼ AI、大數據可以為下一代與環保做什麼?
日前虹安參與了艾斯移動發起的第一屆「Green Go!#綠色彩繪比賽」,一同響應以綠色交通、循環永續、AI人工智慧為企業發展核心的理念,也為孩子們精彩的綠色彩繪畫作喝采!
當天座談邀請到各界學者專家探討綠色交通與 #聯合國永續發展目標(SDGs)等問題,虹安認為,目前AI、5G及大數據等技術從軟硬體方面都漸趨成熟,將在各個場域開始進入人類生活的實際應用。
SDG# 4的教育品質(Quality education)
去年因為疫情的關係,遠距教學推廣開始加速,掀起了一場教育革命。立法院教文委員會考察小學生以遠距教學參與程式設計課程,立委們在旁邊觀摩跟著學習的場景,令我反思:
過去在課堂上面對面的教學方式,很少有數據可以留存下來,比如同學回答的速度與架構是什麼?若我們能將教學場景放到線上,就可能以大數據分析學習歷程,藉此改善學生的參與度與學習成效。我們也可以去思考在教學環境從線下整合到線上的過程當中,如何提供小朋友關於環境保護的素養教育。
SDG#13的氣候行動(Climate action)
現在全球都面臨氣候變遷的影響,我們可以透過收集彙整關鍵有效的數據,幫助大家了解氣候變化的情況,以更理解我們的行動與正在執行的建設與氣候變遷有何種相關,更可藉此調整城鄉之間的交通佈建。
SDG#9的產業、創新與基礎設施(Industry, Innovation and infrastructure)
虹安最近也有機會參與到「#綠色運輸」和「#智慧交通」的發展倡議,如電動載具可將其能源使用紀錄轉換為大數據資料,幫助能源效率最佳化,同時加速城市邁向智慧化發展。而台灣現在一些政策對於綠能機車、電動車的推動汰換速度上有點慢。希望透過相關的行動宣言,搭配整合政府的交通政策規劃,讓大家更有採用綠色的交通系統的意願與資源投入。
看到孩子們畫作裡對台灣未來環境永續的期待,虹安也告訴自己在教育文化委員會要更努力。孩子畫布上的願景,就由我們來實踐!
green infrastructure 在 CarDebuts Youtube 的最讚貼文
สายการผลิต 2022 Audi e-Tron GT production รถสปอร์ตซีดานพลังไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 640 แรงม้า ก่อนเปิดตัวในเมืองไทย
ก่อนที่จะมีการเปิดตัวในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราขอพามาชมสายการผลิต Audi e-Tron GT รถสปอร์ตซีดานหรูพลังงานไฟฟ้า จากตระกูล e-Tron ซึ่งในต่างประเทศเพิ่งมีการเปิดตัวในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยทำตลาดใน 2 รุ่นด้วยกันคือรุ่น e-Tron GT quattro และรุ่น RS e-tron GT
With an energized driving demonstration and a world premiere featuring high-caliber participants, Audi has presented its new electric spearhead – the Audi e-tron GT. In two events on the digital Day of Progress, the Four Rings showcased the highlights of this fully electric Gran Turismo: dynamic driving performance, emotional design, and sustainability.
“The e-tron GT is a stand-alone Gran Turismo, reinterpreted for the future. Its looks are a testament to premium automotive design.Bringing impressive driving performance, this is electro-mobility in the most emotive way. And with its sustainable concept, it takes a stand,” explains Markus Duesmann, CEO of AUDI AG. “Because it’s not just the drive concept that is sustainable. The entire production at our Böllinger Höfe site now has a carbon neutral energy balance.This sends an important signal – for the site, our workforce and the future viability of Audi.”
Audi also set a new benchmark with the digital world premiere, the Day of Progress. Two digital events presented the Audi e-tron GT: in the Sprint of Progress, the Formula E driver Lucas di Grassi and the sustainability entrepreneur and Formula 1 world champion Nico Rosberg demonstrated the dynamic driving performance of the Audi RS e-tron GT alongside the current Formula E racing car of the Four Rings, the Audi e-tron FE07. In a trip on the circuit of the Audi Driving Experience Center in Neuburg an der Donau, the spotlight was on the dynamic performance of the new model.
In the Celebration of Progress, the brand with the Four Rings introduced the Audi e-tron GT to the public for the first time. In the hour-long virtual show, Markus Duesmann and Hildegard Wortmann, Board Member for Sales and Marketing, together with further Audi protagonists such as Henrik Wenders, Senior Vice President for the Audi Brand, and Marc Lichte, Head of Design, presented the highlights of the new model.
A varied program emphasized the forward-looking attitude of the Four Rings brand. With reference to the importance of design, sustainability and performance, the actor and producer Tom Hardy, the designer Stella McCartney and Nico Rosberg added their personal insights. Themusical accompaniment to the unveiling of the car was performed by the US-American singer and songwriter Janelle Monáe, while Steven Gätjen as moderator guided the audience through the show.
The GREENTECH FESTIVAL and Audi, a founding partner of this platform for sustainability, together presented the GREEN FUTURE Award for the first time as part of the world premiere of the Audi e-tron GT. The prize, part of the festival’s GREEN AWARDS, is given to projects and persons that promote environmentally compatible urbanization and at the same time make an important contribution to improving the quality of life in urban infrastructure. The winner is the start-up Zencity, based in Tel Aviv, with an algorithm that collects and analyzes social media posts and local news from cities.
Both events are still available to be accessed online.
Quotes from the Celebration of Progress
“The Audi e-tron GT is the beginning of a new era for Audi. Our aim is to shape the future of electric premium mobility. Love of detail, maximum precision, and design that points the way to the future show how much passion we at Audi put into designing and making vehicles.”
Hildegard Wortmann, Board Member for Sales and Marketing, AUDI AG
“With the Audi e-tron GT we are putting the DNA of Audi on the road. The Gran Turismo superbly reflects our innovative strength and our pioneering spirit. For us it is already part of a line of icons of the brand, alongside the Audi TT and the Audi R8.”
Henrik Wenders, Senior Vice President, Audi Brand, AUDI AG
“For me, progress means creating something new. Something that no one has ever done before in this form. Designing a fully electric vehicle is like this: the entire design process has to be thought through anew.”
Marc Lichte, Head of Design, AUDI AG
“The Audi RS e-tron GT is a milestone in the development of electrified high-performance models.”
Lucas di Grassi, Formula E driver and entrepreneur
“Electric mobility is the future. Of course the path to the goal is a long one. It’s great to see that Audi is taking this path with determination.”
Nico Rosberg, sustainability entrepreneur and Formula 1 world champion
green infrastructure 在 iT24Hrs Youtube 的精選貼文
รู้ไหม ? ประเทศไทยเริ่มมีระบบพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะใช้กันแล้วนะ
.
Smart Grid โครงขายไฟฟ้าอัจฉริยะ คืออะไร ทำงานยังไง ในยุคนี้หลายๆประเทศก็เริ่มนำเทคโนโลยี Smart Grid มาช่วยบริหารจัดการด้านพลังงานไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น Smart Grid เริ่มเป็นที่แพร่หลายและรู้จักกันในหลายๆประเทศ แต่สำหรับประเทศไทยเทคโนโลยี Smart Grid อาจจะเป็นเรื่องใหม่ของคนไทย
แต่ปัจจุบันนี้เทคนโนโลยี Smart Grid ก็เริ่มมีการใช้ในเมืองไทยกันแล้ว ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ชื่อ Smart Metro Grid by MEA ของการไฟฟ้านครหลวง ซึ่งจะมาช่วยให้คนไทยใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธืภาพโดยมีหัวใจสำคัญคือการพัฒนาด้านมิเตอร์ให้ล้ำหน้ากว่าเดิมด้วย Smart Meter ซึ่งประกอบไปด้วย 5 โครงการย่อย ต่อไปนี้
1. Advanced Metering Infrastructure สมาร์ทมิเตอร์ อ่านหน่วยอัตโนมัติและตรวจสอบข้อมูลได้
2. Transformer Load Monitoring วิเคราะห์ข้อมูลและแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติที่หม้อแปลงจำหน่าย
3. Outage Management System เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารหม้อแปลงไฟฟ้าขัดข้อง ช่วยให้แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
4.Load Aggregator Management System รองรับนโยบายรัฐบาลด้าน Demand Response เมื่อมีข้อจำกัดด้านการผลิตไฟฟ้า
5. ICT Integration พัฒนาการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านระบบงานต่างๆ ตามโครงการ Smart Metro Grid
นอกจากนี้ Smart Metro Grid ยังเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญในการสนับสนุนให้ประชาชนใช้พลังงานสะอาด Green Energy ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV)
แล้ว Smart Grid ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะคืออะไร ทำงานอย่างไร Smart Metro Grid by MEA จะสร้างประโยชน์อะไรกับเราผู้ใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยได้บ้าง ... มาหาคำตอบได้ในไอที 24 ชั่วโมง รายการย้อนหลังตอนนี้เลยค่ะ
#MEA #SmartMetroGrid
ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563
สามารถติดตาม รายการไอที 24 ชั่วโมง ทางช่อง 9MCOT HD ทุกวันอาทิตย์ เวลา 13.00 น.
ติดตามรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
facebook.com/it24hrs
twitter.com/panraphee
twitter.com/it24hrs
IG: panraphee
ติดต่อโฆษณา it24hrs@it24hrs.com โทร 0802345023
green infrastructure 在 Zoraya Vadillo Youtube 的精選貼文
An 8 year 'Malaysia Anniversary' celebration video on what to expect if you decide to come down to visit us in the tropics.
★ Follow me on INSTAGRAM https://goo.gl/c9ZKgt
★★ Follow me on FACEBOOK https://goo.gl/dyY7S1
DOWNLOAD GRAB CAR LINK: https://invite.grab.co/711061
Welcome back to the Channel and to a brand new video on my TOP 10 THINGS of what to expect when you come to Malaysia.
Couldn't think of a better time to make this video than in the beautiful month of April which just so happens to be my birthday month. And also happens to be the month in which I first moved to Malaysia.
MUSIC
________
Kozoro - Thank You (Via SuicideSheeep)
https://soundcloud.com/kozoromusic
https://www.facebook.com/KozoroMusic
https://twitter.com/KozoroMusic
http://kozoro.bandcamp.com/releases
VIDEO CONTENT
____________
I couldn't have more good things to say about this country. I love living here and I have loved every moment of being here. It was a real struggle to try and condense this video down to just 10 things because there is so much about Malaysia that I would love to share.
But I WAS able to condense them so here are:
10 things to expect when you come to Malaysia.
1. THE TROPICAL WEATHER
I think it's safe to assume that Malaysia, being situated just shy of the equator, is very much a hot country. And not only that, its humid! Malaysian mornings are usually sunny, and the afternoons over-cast and rainy. I must say though, I prefer rainy season. Its so much more exciting.
2. UNIQUE CUISINE
Because Malaysia has such a mixing pot of different cultures and nationalities and such a rich heritage, the food that has emerged here is out of this world. Malaysia is actually KNOWN for its incredible food selection and I can definitely attest to that. There is a taste for every palette.
3. MULTI-LINGUAL
Malaysia has 4 main languages; Malay, English, Chinese and Tamil, and each of them are just as important as the other. Luckily, if you can speak English you are pretty much in the safe zone.
4. GREAT AFFORDABILITY
The first question that comes to mind when travelling is always... Do I have the money?! Well luckily for you, Malaysia happens to be a very affordable country. Food is very easy to come by and you can pay near to nothing for a very hearty meal. Clothing, (local brands) are abundant and so affordable. My only criticism is the sizes are a little smaller than what I'm used to. hehe.
5. TRANSPORTATION
Due to the way Malaysia has been built, its not very pedestrian friendly. So getting around by car is always the safest option. There is public transport, but its limited. And at the end of the day, taxis, ubers and Grabs are just so much more affordable.
6. RELIGION
Like language, there are 4 main religions in Malaysia. Those religions being: Islam, Buddhism, Christianity and Hinduism. But even with such a mix of religions, there is such a beautiful harmony among the people.
7. CHILLED BACK LIFESTYLE
I blame the weather for how calm and relaxed everyone is in this country. When you live with so much warmth and sunshine as you do here, I really can't blame anyone for taking things in their own time. And as much as it gets on my nerves at time, it just the Malaysian way and I wouldn't want to change it for the world.
8. MOSQUITOES
Having said that, with sunshine and warmth also come uninvited guests. Mosquitoes. Not much to say about it except... BE PREPARED!
9. GREENERY
One things that I commend Malaysia on for an exceptional job is how well they have incorporated nature and infrastructure. I love driving down the roads and seeing greenery with skyscrapers popping out here and there. It add such a lovely element to the city and gives it such a sense of life. Definitely something I hope to see more of in other cities around the world.
10. DIVERSE CULTURE
And lastly, the beautifully diverse culture there is in Malaysia. I know people from all walks of life. From every country in the world. And I've learnt so much about other people, religions, races, cultures, traditions and everything else that comes with diverse companionship.
Malaysia is truly a beautiful home and I am very proud to be able to call it that. :)