💢คาร์ดิโอแล้วไม่ผอมสักที💢
พวกมึงส่วนใหญ่เลยพอเห็นเครื่องคาร์ดิโอก็สักแต่ขึ้นไปเดินลู่วิ่งหรือปั่นจักยานหรือเต้นซุมบ้าแล้วคิดว่าทำไปเดี๋ยวผอมเอง แต่แม่งก็เสือกไม่ผอมสักที เพราะอะไรเดี๋ยวกูจะมาอธิบายให้ฟัง
✅ก่อนเข้าเรื่องเลยคาร์ดิโอ คืออะไร ?
กูจะอธิบายง่ายๆเลยนะคาร์ดิโอคือการเคลื่อนไหวร่างกายแบบไม่หยุด เป็นการคาร์ดิโอหมด เช่น วิ่ง ปั่นจักยาน ว่ายนำ้ ล้างรถ ถูบ้าน สักผ้า หรือ แม้กระทั้ง เยกัน พวกนี้คือ คาร์ดิโอหมด แต่การคาร์ดิโอที่ดีที่สุดคือ การออกกำลังกายแบบเดินคับ การคาร์ดิโอแบบเดินมันคือการคาร์ดิโอแบบ weight bearing exercise คือ จะทำให้ ข้อต่อดีขึ้น มวลกระดูกจะดีขึ้นการกำจัด fat จะดีขึ้นด้วย และ ดีสำหรับผู้สูงอายุด้วย ถ้าไม่มีปัญหาเริ่องเข่า
แต่พวกมึงหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าวิธีที่คาร์ดิโอที่ถูกที่สุด และ กำจัด ไขมัน ได้เร็วที่สุดคือ วิธีไหน วันนี้ กูจะมาสอนพวกมึงคำนวนกันว่า ร่างกายของแต่ละคนต้อง คาร์ดิโอ ให้ hart rate อยู่ที่ประมาณเท่าไหร Fat ถึงจะลด กูจะสอนง่ายๆ
หลายคนอาจจะบอกว่าทำไมต้องคำนวน ก็ต้องคำนวนไงเพราะถ้ามึงไม่ทำกัน สิ่งที่มึงทำกันอยู่จะเสียเวลาปล่าว ปรกติ trainer จะคอยคำนวณให้ และ ต้องคำนวณ ตลอดด้วย อาทิตย์ ละครั้ง เพราะว่าถ้าเรา แข็งแรงขึ้น Fit ขึ้น เราก็จะต้องเพิ่มความโหดของคาร์ดิโอขึ้น ทำเท่าเดิมไมไดั ถ้าพวกมึงยังทำกันเท่าเดิม Fat ที่มีอยู่ก็จะไม่ออกไป พวกนี้เป็น Fat ฟังลึก Fat ที่มึงสะสมมาเป็น ปีๆ เราต้องเพิ่มความเดือดเพื่อกำจัดมัน พอกูพูดแบบนี้ หลายคนคงถามว่า แล้วถ้าผม จัดไปเลยแบบเต็มสูบเลยละครับ ไม่ต้องคำนวณ คำตอบคือ กล้ามเนื้อมึงก็จะหายไปด้วยไงละคับ ซึ่งไม่เป็นผลดี ถ้ากล้ามเนื้อหายเตาเผาไขมันก็จะหายนะ แทนที่การคาร์ดิโอจะดีกลายเป็นฉิบหายไปกูเลยต้องมานั่งสอนมึงคำนวณ ง่ายๆดังนี้
💢วิธีคำนวณ
* ผู้ชาย : MaxHR = 214 – (0.8 x อายุ)
* ผู้หญิง : MaxHR = 209 – (0.7 x อายุ)
หรือสามารถคำนวณแบบง่ายๆ โดยเอา 220-อายุ เช่น อายุ 30 ปี ก็เอา 220 -30 =190 สรุปคือ maxHR ของเราก็จะอยู่ที่ 190 BPM
จากนั้นจึงนำ 190 มาหาค่าอัตราเต้นของ หัวใจ ให้ burn Fat (หัวใจต้องเต้นในอัตรา 70-80% ของ maximum heart rate ถึงจะ burn fat)
วิธีคำนวณ เอา 190×70 หาร 100= 133 เป็นต้น ก็จะได้ Hart rate ที่เริ่ม burn ไขมันสำหรับกู ละ คือ 133 เวลา วิ่งหรือ เดิน ออกกำลังกายถ้า hart rate อยู่ที่ 133 คือ เริ่ม burn
ปล ถ้าแข็งแรงขึ้นก็ค่อยปรับ จากเอา 190 ไป คูณ 70 เป็นคูณ 75 คูณ 76 ถึง คูณ สูงสุดได้คือ 80 และหาร 100 ก็จะได้ hart rate ที่ดีที่สุดของตัวเองในการกำจัดไขมัน ง่ายมะ ง่ายจะตาย
💢และคำถามยอดฮิตต่อมา คือ การคาร์ดิโอที่ burn fat ได้ดีที่สุด ควรอยู่ใน zone ไหน ?
เราควรคาอยู่ใน zone 3 กัน คับ 30 นาที เพราะเป็น zone ที่ กำจัดไขมันได้ดีสุด แลัว หลายคนคงจะงงว่าทำไมกูถึงไม่บอกว่าโซน 2 ทุกที่เค้าบอกว่า zone 2 กัน
มึงลองถามตัวเองว่า เอา จริงๆ zone 2 อัดตราการเต้นหัวใจ 60%-70% มึงคากันมันลดกันมั้ย? สำหรับกู กูบอกเลยว่าตัวกูfatไม่ลด
แรกๆเริ่มเล่นfitnessนะใช้ zone 2 ขืนวันแรกที่พวกมึงขึ้นลู่กูบอก โซน 3 เลย มึงได้กลับบ้านกันแน่ๆ แต่ถ้าเริ่มมึงมาเลย zone 3 และกินโปรตีนถึง มึงหุ่นดีไวแน่นนอน เอากับกูมะ ไม่ต้องกลัวเสียกล้ามเนื้อจากการคาดิโอคับ แม่งส่วนน้อยมาก ที่จะเสียกล้ามเนื้อกัน กล้ามเนื้อจะเสียเพราะแดกโปรตีนอาหารหลักไม่พอกันมากกว่า ไม่ใช้การ คาดิโอ ใครที่คิดว่าวันนี้แดกไม่พอ กระดกไก่ปั่น เลย chic and shake กระดกเลย ก่อน เล่น fitness 1 ขวด หลัง คา อีก 1 ขวด line id @chicandshake กล้ามไม่หาย
สำหรับกูถ้าอยากลีนกูบอกเลยว่า ต้อง zone 3 เพราะ zone 4 กับ zone 5 มันเริ่มมากไปเหมาะกับนักวิ่งและอาจจะเริ่มเสียกล้ามเนื้อแล้ว แต่สำหรับ zone 3 ถ้ามึงแดกกันมาดี โปรตีน ถึง ไม่เสียกล้ามแน่นนอน แถมลดไวด้วย คากันให้ถึงละกัน กูเห็นแต่ละตัวบอกคาโซน2 เดินยังกับ กายภาพ
Zone 3 aerobic exercise หัวใจเต้นในอัตรา 70 – 80% ของ maximum heart rate ออกกำลังกายต่อเนื่องเป็นเวลา 30 -45 นาที นอกจากช่วยในการเผาผลาญไขมันได้ดีแล้ว ยังช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น สร้างความแข็งแกร่งและอดทนให้ร่างกายได้ดี เป็นระดับกลางๆ ที่เหมาะสำหรับผู้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
สรุปคือ ถ้าเรารู้วิธีทำยังไงให้คาดิโอให้ได้ผลดีที่สุดมันคือประโยชน์ ของตัวพวกมึงเอง สุขภาพมึงเอง ไมใช้ของกู กูก็ได้แต่มาบอกมาสอนสุดท้ายทุกอย่างอยู่ที่ตัวพวกมึงเอง
#อ่อนนักก็แพ้ไปคนที่ไหวถึงจะมี6แพค
#บอกจากประสบการส่วนตัวกว่า20ปีที่อยู่ในวงการ
#และมีหุ่นที่มี6แพคตลอดเวลาไม่เคยมีช่วงไหนไม่มีเลย #ร่างกายกูคือคำตอบไม่พูดมาก #สิ่งที่กูเขียนพวกมึงก็ไปปรับใช้ให้เค้ากับตัวเองละกัน
heart rate zone 2 fat burn 在 Thai Top Fitness Facebook 的最佳解答
❤️Heart rate zone 2 “fat burn zone”🔥
คาร์ดิโอโซนสองเพื่อเผาผลาญไขมัน
�“ไม่อ่านก็จะไม่รู้ ไม่รู้ก็ลงมือทำไม่ได้ ไม่ลงมือทำก็จะไม่พัฒนา”
คุณน่าจะเคยได้ยินว่าถ้าต้องการเผาผลาญไขมันก็ต้องคาร์ดิโอโซน 2 ใช่มั้ยครับ
วันนี้ผมจะพูดถึง heart rate และ heart rate zones ครับ
▶️ Resting heart rate คืออะไร
อัตราการเต้นของหัวใจตอนพัก เราจะนับว่าหัวใจจะเต้นกี่ครั้งใน 1 นาที (วัดตอนเพิ่งตื่นแต่ยังไม่ได้ลุกจากเตียงจะดีที่สุดครับ)�คนทั่วไปจะมี resting heart rate อยู่ที่ 60 ถึง 100 ครั้งต่อนาทีครับ ถ้าสูงกว่านั้นก็ให้ไปหาหมอนะครับ จะได้รู้ว่ามันเกิดจากะอะไร�นักกีฬาจะมี resting heart rate ที่ต่ำครับ ยิ่งเป็นนักวิ่ง นักปั่นจักรยาน หรือ นักไตรกีฬา มันจะต่ำมากเพราะหัวใจแข็งแรงมาก ��▶️ Maximum heart rate คืออะไร
อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด�ง่ายๆ นะครับ สมมุติว่าเราวิ่งไปเรื่อยๆ โดยที่ค่อยๆ เพิ่มความเร็ว หัวใจของเราจะเต้นเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งที่ว่ามันเต้นเร็วกว่านี้ไม่ได้แล้ว (อย่ากลัว ไม่ตายหรอก สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือคุณจะหมดแรงไปแล้วจะต้องหยุดวิ่ง คนที่เสี่ยงตายคือคนที่มีโรคทางหัวใจอยู่แล้ว) นี่คือ maximum heart rate ครับ�มันมีวิธีตรวจที่โรงพยาบาลที่แม่นดีครับ หลายคนไม่อยากไปตรวจเพื่อประหยัดเงินเค้าก็เลยใช้สูตร 220 - อายุ �ถ้าอายุ 30 ก็ 220 - 30 = 190 ก็คืองหัวใจของคนอายุ 30 จะเต้นเร็วที่สุด 190 ครั้งต่อนาที แต่สูตรนี้ไม่แม่นเลยนะครับ
▶️ Zone ต่างๆ คืออะไร
นักกีฬาจะแบ่ง heart rate เป็น zone นะครับ�
Zone 1 (50%-60% ของ maximum heart rate)
ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการออกกำลังกาย ร่างกายจะมีการเคลื่อนไหวแต่ไม่เหนื่อย
Zone 2 (60% - 70% ของ maximum heart rate)�สร้าง endurance (ความอึด ความทนทาน) ได้ดี ใช้ทั้งไขมันและคาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงาน
�Zone 3 (70% - 80% ของ maximum heart rate)�ช่วยสร้าง aerobic fitness ได้ดี ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้นและ lung capacity (ความจุปอด หมายถึง ความสามารถของปอด ที่จะรับปริมาณของอากาศเข้าสู่ปอดหรือระบายอากาศออกจากปอด) ดีขึ้น
Zone 4 (80% - 90% ของ maximum heart rate)�จะใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก จะทำให้กล้ามเนื้อและหัวใจแข็งแรงขึ้น อยู่ใน zone นี้ไม่นานมาก
Zone 5 (90% - 100% ของ maximum heart rate)�เหมาะกับนักกีฬาและคนที่แข็งแรงมากเท่านั้น จะช่วยสร้าง perfomance ได้ดี ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น แต่อยู่ใน zone นี้ได้ไม่นาน จะใช้ zone นี้ตอนทำ interval training��คนชอบถามผมว่า “ฉันต้อง เดิน/วิ่ง เร็วแค่ไหน”❓
ปัญหาของคำถามนี้ก็คือแต่ละคนไม่เหมือนกัน ในรูปที่ผมโพสต์ผมวิ่ง 10.56km ในความเร็ว 10.6 km/h (pace 5:41) แล้วผมก็อยู่ใน zone 1 ไปเกือบตลอดครับ (เข้า zone 2 แป๊บเดียวตอนรับโทรศัพท์เพราะต้องวิ่งไปพูดไป) แต่มือใหม่วิ่งในความเร็วนี้แทบจะไม่มีทางไม่เข้า zone 4 ครับ เพราะความแข็งแรงไม่เท่ากันเนื่องจากที่ว่าผมฝึกมาหลายปีแล้วครับ
ไม่มีอุปกรณ์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ต้องทำยังไง�ไม่ใช่ปัญหาสำหัรบคนทั่วไปนะครับ เดิน/วิ่ง สามารถวัดได้ตามนี้:
Zone 1 จะเบื่อก่อนเหนื่อย
Zone 2 คุยกับคนอื่นได้แต่ก็เหนื่อย�Zone 3 คุยกับคนอื่นได้แต่ไม่นาน เดี๋ยวก็หอบ
Zone 4 คุยกับคนอื่นไม่ค่อยได้ จะเป็นประโยคสั้นๆ
Zone 5 ไม่ต้องพูดถึงการพูดแล้ว แค่ฟังสิ่งที่คนอื่นพูดก็ลำบาก ฮ่าๆ
ทีนี้ให้ใช้ zone 2 เป็นหลักครับ (ทำได้บ่อยๆ ไม่เหมือน zone 3 - 5 และจะเผาผลาญได้มากกว่า zone 1) ปรับความชัน/ความเร็วจนอยู่ใน zone ที่ถูกต้องแล้วก็ทำไปเรื่อยๆ ครับ ถามว่าควรทำกี่นาทีก็แล้วแต่คุณอยากจะทำ ถ้าผมบอกให้ทำ 10 นาที แล้วคุณคิดว่าจะได้ผลที่ดีกลับมามั้ย ถ้าผมบอกให้ทำ 2 ชั่วโมงคุณจะลงมือทำมั้ย เอาเป็นว่าทำเท่าที่รู้สึกไหวนะครับ ทุกสองอาทิตย์ลองท้าทายตัวเองโดยเพิ่มระยะเวลาหรือความเร็ว
ส่วนของ zone 3, 4, และ 5 ก็ถ้าพอมีพื้นฐานแล้วก็ให้ใช้บ้างครับ แต่ไม่บ่อยมาก (โดยเฉพาะนักวิ่ง) เพราะถ้าทำบ่อยๆ ก็จะเจออาการ overtraining ครับ
สุดท้ายขอบอกว่าไม่ว่าคุณจะใช้ cardio ในรูปแบบไหน หรือ zone อะไรบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างจะแพ้ความสม่ำเสมอครับ ทำอะไรก็ทำไปเรื่อยๆ นะครับ อย่าหยุด
heart rate zone 2 fat burn 在 Fit Junctions Facebook 的精選貼文
"เดิน VS วิ่ง? ออกกำลังช่วง Day VS Night แบบไหนใช้ไขมันมากกว่า?"
ก่อนอื่นอยากบอกว่า ถ้าอยากหากิจกรรมที่ใช้ไขมัน ในระหว่างทำเป็นหลัก ไม่ต้องมองหาไกลครับ กิจกรรมการนั่งเฉยๆ เล่นมือถือ หรือเดินไปเดินมา ใช้ไขมันเป็นหลักครับ แต่การที่มันใช้ไขมันเป็นหลัก ไม่ได้แปลว่าเราจะสะสมไขมันน้อยลง เพราะร่างกายคนเราจะสะสมไขมันน้อยลงได้ ต้องมีการใช้พลังงานให้มากกว่าที่เรากินเข้าไป
การใช้ไขมันนั้น เป็นระบบพลังงานที่ใช้ Oxygen คืออธิบายให้ไม่งง ก็คือ กิจกรรมที่เราทำแล้วหายใจได้ง่ายๆ สบายๆ นั่นแหละครับคือใช้ไขมันเป็นหลัก ส่วนกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานเร็วๆ จนเราหายใจเอา Oxygen เข้าไปไม่ทัน เช่นการวิ่งเร็วๆ (หอบหนักมาก) หรือการยกน้ำหนักเยอะๆ (ใช้พลังงานเยอะๆในเวลาสั้นๆ) ก็จะไปใช้แหล่งพลังงานอื่นแทน เช่นแป้ง และ Creatine Phosphate ซึ่งถ้าอยากอ่านลงลึก ไปดูบทลิงค์บทความท้ายบทครับ
หลายๆคนคิดถึงเรื่องการใช้ไขมันเพียงแง่เดียว คือ "อ้อ การเดินช้าๆ ใช้ไขมันมากกว่า ดังนั้นจงเดินช้าๆ เพื่อลดไขมัน" แต่จริงๆแล้วมันมีปัจจัยอื่นๆอีกหลายอย่าง
1. การเดินช้าๆ หรือวิ่งช้าๆ ให้ heart rate อยู่ใน zone ต่ำๆ ใช้ไขมันจริงครับ แต่! ใช้พลังงานน้อย ต้องใช้เวลานานมากเพื่อจะ burn calorie ได้มากๆ
2. การวิ่งเร็วๆ แม้จะใช้ Glycogen (แป้ง) เป็นพลังงานหลัก แต่ใช้พลังงานเยอะมาก และการใช้พลังงานเยอะ สุดท้ายก็ไปดึงไขมันมาใช้ภายหลังอยู่ดี
ส่วนการออกกำลังกายตอนเช้า และตอนเย็น แทบไม่มีความต่างที่เห็นได้ชัด เลย สำหรับคนทั่วๆไป ดังนั้น เวลาไหนสะดวกสุด นั่นแหละครับเวลาที่คุณควรออก
ทั้งหมดนี้ มีบทความที่มีงานวิจัย และอธิบายอย่างละเอียดอยู่ เข้าไปอ่านบทความนี้ต่อเลย
ออกกำลังท้องว่าง vs มีสารอาหาร http://www.fitjunctions.com/emptystomach/
ล้างความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการ Burn Fat
http://www.fitjunctions.com/howbodyburnsfat/
สุดท้าย ไม่มีการออกกำลังกายแบบไหนที่ เทพสุดๆ แบบว่าทำแล้วได้ผลมากกว่าทุกสิ่ง เพราะการออกกำลังกายการที่ดี คือการออกกำลังกายที่เรา "ทำได้"
-----------------------------------------
Fitjunctions: รายการใหม่ออกวันเสาร์ บทความใหม่ออกวันอาทิตย์ สาระฟิตเนสทุกวันจันทร โภชนาการทุกวันอังคาร และตอบคำถามทุกพุธครับ
กด SHARE & Like page เพื่อติดตามตอนต่อไป!
-----------------------------------------
มาเรียนฟิตเนส และโภชนาการที่ Fitjunctions ไม่หักโหม ไม่อดอาหาร มีหลักการ สอบถามที่ Line @fitjunctions (มีตัว @ นำหน้า)
หรือแวะไปอ่านบทความอื่นๆอีกเพียบที่ Fitjunctions.com