แอดเชื่อว่า หนึ่งในปัญหาโลกแตกของเด็กไอที ไม่ว่าจะเรียนอยู่หรือว่าจบแล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่อง “เรียนไอที แต่ไม่อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ ไปทำไรดี? 😢” เพราะงั้นวันนี้แอดเลยมัดรวม 8 อาชีพน่าสนใจด้าน IT ที่ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์มาให้ทุกคนอ่าน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย 🔥
.
📊 Data Analyst
เริ่มต้นกันด้วยอาชีพดัง หันไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึง นั่นก็คือ Data Analyst นั่นเอง โดย Data Analyst จะนำข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลลูกค้า หรือข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง มาวิเคราะห์และสรุปผล เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ ปรับปรุง และพัฒนาธุรกิจขององค์กรให้ดียิ่งขึ้น
.
แต่ถึงจะบอกว่าไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ แต่ Data Analyst ก็ยังต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับโค้ดอยู่บ้าง โดยหลัก ๆ ที่มักใช้กันก็จะเป็น Python, SQL หรือ R Programming คู่กับการใช้ Excel และเครื่องมือ Data Visualization ต่าง ๆ เช่น Tableau, Power BI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลค่ะ
.
💼 IT Business Analyst
มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า BA เป็นคนที่วิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจแบบเจาะลึก เพื่อพัฒนากระบวนการ สินค้าและบริการของธุรกิจ สำหรับสาย IT แล้ว BA เป็นเหมือนตัวกลางระหว่างผู้ใช้งานกับงานฝั่ง Dev โดยจะเป็นคนไปคุยกับผู้ใช้ว่าอยากได้อะไรแบบไหน จากนั้นก็สรุปสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ เพื่อส่งไม้ต่อให้ Dev ว่างานที่ต้องทำนั้น เป็นยังไง ต้องทำอะไรบ้าง มีระยะเวลาเท่าไหร่ ฯลฯ
.
แต่เดี๋ยวก่อน ถึงแม้ Business analyst จะอ่านดูแล้วเหมือนไม่ได้แตะโค้ด แถมดูน่าจะใช้ Soft Skills เป็นหลัก แต่ก็เป็นอาชีพที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างด้าน IT และ Business นะคะ เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ที่อยากมาทำงานด้านนี้ จะทิ้งความรู้ IT แบบทิ้งไปเลย 100% ไม่ได้น้า :D
.
🖌️ UX Designer
ไปต่อกันเลยกับอีกอาชีพสุดฮอตในตอนนี้ UX Designer เป็นคนที่ต้องทำความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานและออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User Experience) ให้สินค้าและบริการต่าง ๆ ที่มีอยู่ในองค์กร (ซึ่งในด้าน IT ส่วนใหญ่ก็เป็นเว็บหรือแอปอะแหละ) เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการ และใช้งานง่ายที่สุดให้กับผู้ใช้งาน
.
ทักษะที่ UX Designer ต้องมี ก็จะเป็นเครื่องมือที่เอาไว้ทำความเข้าใจผู้ใช้งาน เช่น Design Thinking, Customer Journey, การทำ Wireframe หรือการสร้าง Prototype รวมไปถึงทักษะด้านศิลปะ การออกแบบ ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงเรื่องจิตวิทยา ก็เป็นเรื่องที่ UX Designer ต้องให้ความสนใจเหมือนกันนะคะ
.
📋 Project Manager
สำหรับสาย IT แล้ว Project Manager คือคนที่จะทำให้ Project สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพราะงั้นหน้าที่ก็จะครอบคลุมตั้งแต่วางแผน รับมือกับคน เวลา และงบประมาณ รวมถึงควบคุมการดำเนินงาน เพื่อให้ Project เป็นไปตามขอบเขตที่วางไว้และเสร็จทันเวลาที่กำหนด ซึ่งอันที่จริง ดีเทลย่อย ๆ ก็จะแตกต่างกันไปในงานที่ต้องรับผิดชอบอีกค่ะ
.
ความท้าทายของงานนี้คือ ต้องเข้าใจภาพรวมของงานและทำให้คนในทีมมองเห็นภาพเดียวกัน เพราะงั้นส่วนใหญ่ Project Manager เป็นคนที่มีประสบการณ์ในงานที่เกี่ยวข้องมาก่อน แต่ก็ไม่แน่น้า บางโอกาสมักมาแบบไม่ทันตั้งตัว ถ้าเพื่อน ๆ สนใจ ก็สามารถศึกษาข้อมูลเอาไว้ก่อน เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมระหว่างรอโอกาสนั้นมาถึงนะคะ
.
📂 Product Manager
ตำแหน่ง Product Manager จะคอยดูแลทุกอย่างของ Product ตั้งแต่วางแผน ไปจนตอนสร้าง และบริหารจัดการ Product นั้น ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด เป็นเหมือน CEO ของแต่ละ Product นั่นแหละ และส่วนใหญ่ก็ต้องมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องมาก่อนเหมือนตำแหน่ง Project Manager เลย
.
อ่าน ๆ ไปก็ดูคล้ายกับ Project Manager ใช่ไหม? แต่จริง ๆ แล้ว Product Manager จะโฟกัสที่ “Product” เป็นหลัก ให้ความสำคัญกับ Outcome ในการปรับปรุงและพัฒนา Product ให้ตอบโจทย์ลูกค้า ส่วน Project Manager จะให้ความสำคัญกับ Output และการจัดการทรัพยากรต่าง ๆ อย่างคน เวลา และงบประมาณของการทำ Project ชิ้นนึงมากกว่า
.
🔍 QA Engineer
QA Engineer จะเป็นคนทดสอบเว็บหรือแอปเพื่อหาปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ก่อนที่จะส่งมอบให้กับผู้ใช้งาน เพื่อให้เว็บหรือแอปนั้น ๆ ทำงานได้ถูกต้อง ไม่มี Bug หรือข้อผิดพลาดมากวนใจผู้ใช้ (หรือมีให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้) โดย QA Engineer ต้องเข้าใจ Requirement จากฝั่งผู้ใช้เป็นอย่างดี เพื่อที่จะคิด Case ของการทดสอบได้ตรงจุดและครอบคลุม
.
ที่จริงแล้ว ตำแหน่งนี้อาจจะแบ่งได้อีก 2 ประเภทคร่าว ๆ คือ Manual (ทดสอบด้วยมือของคนทำ QA นั่นแหละ) กับ Automation (เขียนโค้ดมาช่วยทดสอบ) ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับองค์กรที่เราอยู่ และซอฟต์แวร์ที่เราทดสอบค่ะ และที่สำคัญ ถึงอาชีพนี้จะเกี่ยวกับซอฟต์แวร์โดยตรง แต่ก็ไม่ได้ใช้ทักษะโปรแกรมมิ่งหนักมากค่ะ :D
.
⚙️ System Admin
คิดถึงอินเทอร์เน็ตในบริษัทให้คิดถึงคนนี้ค่ะ System Admin หรือผู้ดูแลระบบ คือคนที่คอยดูแลรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบเครือข่ายและระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กร ทำตั้งแต่ลง OS ติดตั้ง ดูแลทั้งซอฟต์แวร์กับฮาร์ดแวร์ในระบบ ไม่ว่าจะเป็นสาย Cable หรือ Server รวมถึงเป็นคนที่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับทุกคนในยามคับขัน (เรื่อง Technical Issues) ด้วยค่ะ
.
ซึ่งในไทยเอง ถ้าไม่ใช่บริษัทเฉพาะด้านนี้โดยตรง ตำแหน่ง System Admin อาจจะไปคาบเกี่ยวกับตำแหน่ง Network Admin หรือบางที่ก็ All in one กันไปเลย 😂 แต่งานคร่าว ๆ ของ System Admin ก็จะครอบคลุม 4 คีย์เวิร์ดหลัก ๆ ของระบบ นั่นก็คือ “ติดตั้ง-สนับสนุน-ดูแล-แก้ไขปัญหา” ค่ะ
.
📈 Growth Hacker
เห็นคำว่า Hacker แบบนี้ อย่าเพิ่งคิดว่าแอดจะชวนไปเจาะระบบใครเขานะ ความจริงแล้วคำว่า Hack เนี่ย มีความหมายประมาณว่า การทำบางอย่างเพื่อจัดการบางสิ่งให้ได้ พอมารวมกับคำว่า Growth เลยหมายถึง การทำยังไงก็ได้ให้บางสิ่งเติบโตเร็วที่สุด ซึ่งหลายแบรนด์ดังก็ใช้ Growth Hacking กับบริการของตัวเองจนมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกัน
.
ถ้าถามว่า คติประจำใจของ Growth Hacker คืออะไร? คำตอบก็คงจะเป็น การพยายามทำให้ธุรกิจเติบโตให้ได้ โดยจะเป็นคนที่จะเฟ้นหาการตลาดหรือกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้า และคอยจัดการกลยุทธ์นั้นให้สำเร็จตามที่หวัง หรือเปลี่ยนเป็นแนวทางที่ดีกว่านั่นเอง
.
เรียบร้อยครบทั้ง 8 อาชีพที่แอดอยากเล่าวันนี้ ที่จริงอาชีพสาย IT ที่ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์มีอีกเยอะมาก เยอะจนเล่า 3 วันก็ไม่หมด เช่นแอดเองก็จบ IT แล้วมาทำ Content ให้เพื่อน ๆ อ่าน 😆 เพราะงั้นที่เอามาฝากวันนี้ก็เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น (แอบกระซิบว่า แต่ละบริษัท ถึงชื่อตำแหน่งจะเหมือนกัน แต่การทำงานอาจไม่เหมือนกัน เพราะงั้นอ่าน Job Description ตอนไปสมัครงานกันให้ดีน้า)
.
👉 ว่าแต่เพื่อน ๆ พี่ ๆ คนไหน หลังเรียนจบไปทำงานอะไรกันบ้าง มาแชร์ให้น้อง ๆ ฟังกันเร็ววว 🔥
.
borntoDev - 🦖 สร้างการเรียนรู้ที่ดีสำหรับสายไอทีในทุกวัน
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「job design คือ」的推薦目錄:
- 關於job design คือ 在 BorntoDev Facebook 的最佳貼文
- 關於job design คือ 在 มารพิณ Facebook 的最讚貼文
- 關於job design คือ 在 DjFiat LinkCorner Facebook 的最佳貼文
- 關於job design คือ 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的最佳貼文
- 關於job design คือ 在 大象中醫 Youtube 的最佳貼文
- 關於job design คือ 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
- 關於job design คือ 在 EP.15... - โลกการจัดการ : World of Management 的評價
- 關於job design คือ 在 “แบม” นักโภชนาการ และ “ฝ้าย” Fashion Designer - YouTube 的評價
- 關於job design คือ 在 ทิศทางการบริหารคนอย่างยั่งยืน 的評價
job design คือ 在 มารพิณ Facebook 的最讚貼文
ข้อคิดเรื่องชาร์จแบ็ตให้กับชีวิต
EVERY LIFE NEEDS MORE VACATION :)
1 เคยคิดเล่นๆ ว่า พนักงานออฟฟิศอย่างเราๆ ควรใช้เวลาทำงานแค่หนึ่งอึดของแบตเตอรี่โน้ตบุ๊ก
หมายความว่า ตอนเช้าชาร์จแบตให้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วดึงปลั๊กออก หลังจากนั้น ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานไปจนกว่าแบตจะหมด พอแบตหมดปุ๊บก็เลิกทำ เก็บโน้ตบุ๊ก โบกมือบ๊ายบายเพื่อนร่วมออฟฟิศ ยักคิ้วให้สักสองขยัก แล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อนนอนเล่น หรือประกอบกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่งาน
ผมลองทำแบบนั้นดูแล้ว โน้ตบุ๊กของผมมีอายุขัยถึงประมาณบ่ายสามโมง
โดยเริ่มลืมตาดูโลกตอนประมาณสิบเอ็ดโมง
ช่วงเวลากำลังดีสำหรับพนักงาน
แต่คงสั้นไปมากสำหรับเจ้านาย
ก็แค่สงสัยว่า ทำไมเวลาโน้ตบุ๊ก "แบตหมด" เรายังชาร์จแบตให้มัน แล้วตอนตัวเราเอง "แบตหมด" เราควรจะชาร์จแบตบ้างไหม?
คุณสเตฟาน แซกมายสเตอร์ อาจมีคำตอบ
2 คุณสเตฟานเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ชื่อดังจากนิวยอร์ก มีผลงานออกแบบอันเป็นที่ฮือฮามากมายหลายชิ้น ปกซีดีของศิลปินดังๆ หลายต่อหลายปก
แกตั้งเป้าหมายของวิชาชีพเอาไว้ว่า อยากออกแบบกราฟิกดีไซน์ที่จับใจคน (graphic design that touches people"s heart)
ถึงขั้นเขียนเอาไว้ในรายการสิ่งที่ต้องทำก่อนตาย ซึ่งจะว่าไปเขาอาจจะทำสำเร็จไปหลายชิ้นแล้ว
วิธีการคิดงานและวิธีการทำงานของคุณสเตฟานจึงน่าสนใจ
ที่มาของงานดีไซน์ที่ไปจิ้มหัวใจคนดูได้มันเกิดจากอะไรกันนะ
คุณสเตฟานแอบมาเผยเคล็ดลับการทำงาน (รวมถึงเคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข) ให้ชาวโลกฟังแบบเบาๆ บนเวที TED และผมแอบเข้าไปฟังเขาพูดในเว็บ www.ted.com
เขาเล่าให้ฟังว่า สตูดิโอออกแบบในนิวยอร์กหรือบริษัทของเขานั้นมีตารางการทำงานประหลาดๆ อย่างหนึ่ง (เขาไม่ได้พูดว่ามันประหลาดหรอกครับ แต่ผมคิดว่ามันประหลาดดี) คือ ทุกๆ เจ็ดปี เขาจะปิดบริษัทหนึ่งปี
ไม่ได้อ่านผิดหรอกครับ หนึ่งปี ไม่ใช่หนึ่งสัปดาห์เหมือนที่เราหยุดกันตอนปีใหม่หรือสงกรานต์
เพื่อให้พนักงานทุกคนในบริษัทออกไปค้นหาและทำการทดลองอะไรบางอย่างที่ทำไม่ได้ในช่วงเวลาที่ยุ่งกับการงานประจำ
ในปีนั้น บริษัทเขาจะไม่รับงานใดๆ ไม่ว่าลูกค้ารายเล็กหรือใหญ่ก็ไม่สน
เขาบอกว่า ในปีนั้นเป็นปีที่มีความสุขและเต็มไปด้วยพลัง
ซึ่งผมเดาว่า มันคงจะเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจด้วยเป็นแน่แท้
3 "ผมเปิดสตูดิโอนี้ขึ้นมาเพื่อจับสองสิ่งที่ผมรักมาผสมผสานกัน นั่นคือ ดนตรีและการออกแบบ" คุณสเตฟานบอกเหตุผลเบื้องหลังจากเปิดบริษัท
แล้วเขาก็ได้ทำในสิ่งที่รักนั้น ได้ออกแบบปกซีดีมากมายของทั้งวงดังมากและดังไม่มาก แต่แล้วเขาก็ค้นพบว่า งานดีไซน์ก็คล้ายๆ กับหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เขารัก เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็รู้สึกเบื่อ
เบื่อกับสิ่งที่เคยรัก
งานออกแบบที่เคยน่าตื่นเต้นกลายเป็นความซ้ำซาก
มิใช่แค่ในความรู้สึก แต่มันยังแสดงออกมาทางผลงานเลยด้วย
เขาโชว์สมุดบันทึกที่มีการเจาะรูแล้วใส่ลูกตาลงไป ซึ่งก็ดูเป็นลูกเล่นที่แปลกใหม่ แต่มันก็เริ่มซ้ำกับงานชิ้นที่ออกมาหลังจากนั้น คือกล่องใส่น้ำหอมที่ทำเป็นหนังสือแล้วเจาะรูเพื่อใส่ขวดน้ำหอมลงไป
เทคนิคเดียวกัน ลูกเล่นเดียวกัน
งานออกแบบเริ่มวนเวียน ซ้ำซาก ซึ่งอาจจะมาจากความรู้สึกซ้ำซากของคนทำงาน
เมื่อเริ่มรู้สึกว่าซ้ำ เขาจึงตัดสินใจปิดบริษัทไปหนึ่งปีเต็ม
ว่าแล้วเขาก็แสดง "เส้นชีวิต" ของมนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ ให้ดู
เป็น "เส้นชีวิต" ที่ชวนให้คิดตาม
และคล้อยตาม
4 เขาแบ่งช่วงเวลาในชีวิตของมนุษย์เราออกเป็นสามส่วน
หนึ่ง, เราใช้ยี่สิบห้าปีแรกไปกับการเรียนรู้
สอง, อีกสี่สิบปีต่อมา เราใช้ไปกับการทำงาน
สาม, สิบห้าปีสุดท้าย เราใช้ไปกับการพักผ่อนหลังเกษียณ
คำถามคือ ทำไมต้องรอไปเกษียณตอนอายุหกสิบกว่าปีด้วยล่ะ?
ทำไมเราไม่หาเวลาพักผ่อนบ้าง ระหว่างช่วงวัยที่กำลังทำงานหนัก?
คุณสเตฟานจึงแนะนำแบบนี้ครับ
เขาลองเฉือนห้าปีจากสิบห้าปีในช่วงเวลาเกษียณออกมา แล้วเอามาเฉลี่ยให้กับสี่สิบปีแห่งช่วงเวลาทำงาน
แทนที่จะทำงานงกๆ (งกเงิน+งกตำแหน่ง) ยาวต่อเนื่องสี่สิบปี ก็กลายเป็นว่า ทำเจ็ดปีแล้วหยุดหนึ่งปีแทน
เจ็ดหยุดหนึ่ง
ห้ารอบก็ครบสี่สิบปีพอดี
แต่แบบนี้มีพักชาร์จพลัง
แหม ก็ทีคอมพิวเตอร์ยังมีชาร์จแบตเลย
ไม่เพียงได้พักผ่อนยาวๆ หลังจากทำงานหนักมาเจ็ดปีเท่านั้น แต่คุณสเตฟานยืนยันว่า ผลงานหลังการพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งปีนั้น ใหม่ สด และมีคุณภาพที่ดีขึ้นมาก
เขาถึงขั้นบอกว่า ผลงานตลอดเจ็ดปีหลังหนึ่งปีที่ได้หยุดยาวล้วนได้ไอเดียมาจากช่วงเวลาที่หยุดยาวไปเกือบทั้งสิ้น
5 คุณโจนาทาน ไฮดท์ ที่เคยมาพูดบนเวที TED เคยแบ่งลักษณะของการงานออกเป็นสามระดับ
หนึ่ง, Job คือ การทำงานเพื่อเงินเท่านั้น
สอง, Career คือ การทำงานที่เริ่มมีแรงจูงใจมากขึ้น เริ่มคาดหวังการเลื่อนขั้น แต่ก็ยังมีบางช่วงที่รู้สึกว่า โอย งานหนักจัง คุ้มที่จะทำไหมนี่
และระดับสูงสุด, Calling คือ การทำงานที่เราเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวกับงานนั้นอย่างกลมกลืน เป็นธรรมชาติ ทำงานอย่างมีความสุข
6 พอตัดสินใจหยุดงานหนึ่งปี คุณสเตฟานเลือกไปพักร้อนที่บาหลี
เขาได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ มากมายมาใช้ในงานดีไซน์ของเขา
หมาจรจัดที่บาหลี กลายมาเป็นลายเสื้อเท่ๆ เก้าอี้หวายกลายมาเป็นต้นตอในการดีไซน์เก้าอี้ที่เต็มไปด้วยคำพูด ฯลฯ
เชฟที่ดีที่สุดในโลกก็ใช้นโยบายเดียวกับเขา ร้านอาหารของเขาเปิดแค่ปีละเจ็ดเดือน อีกห้าเดือนปิดเพื่อทดลองทำรายการอาหารใหม่ๆ ที่สำคัญ มีคนเข้าคิวจองที่นั่งในร้านอาหารของเขานับล้านคน
บริษัทคุณสเตฟานให้เวลาพนักงานของเขามีเวลาส่วนตัวถึง 12.5%
บริษัท 3M ให้เวลาวิศวกรในบริษัททำอะไรก็ได้ตามใจถึง 15% และไอเดียเจ๋งๆ อย่างสก๊อตช์เทปก็ผุดขึ้นมาในช่วงเวลา "ทำอะไรก็ได้" นี้เอง
บริษัทกูเกิ้ลให้เวลาวิศวกรซอฟต์แวร์ถึง 20% เพื่อทำโปรเจ็กต์ส่วนตัว
การหยุดพักจากการงานที่ต้องก้มหน้าก้มตาทำทั้งวัน ทั้งเดือน ทั้งปี นอกจากจะทำให้ร่างกายและสมองได้ผ่อนคลายแล้ว มันยังเปิดโอกาสให้สมองมีที่ว่างสำหรับการผุดขึ้นของไอเดียใหม่ๆ อีกด้วย
"เวลาว่าง" จึงมิได้ "ว่างเปล่า"
ทว่า มัน "ว่าง" เพื่อเปิดพื้นที่ให้ความคิดใหม่ๆ ได้ก่อเกิดขึ้น
หากไม่มีเวลา "ว่าง" เลย เราก็จะวนเวียนอยู่กับความคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น
7 มิเพียงรู้สึกมีความสุขตอนที่ได้หยุดพักไปหนึ่งปี มีอีกหนึ่งความสุขเกิดขึ้นตอนที่คุณสเตฟานกลับมาทำงานอีกครั้ง
"งานของผมกลับมาอยู่ในสถานะ Calling อีกครั้ง"
ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาทำงานไปวันๆ เพื่อรอเงินเดือน ไม่ใช่การก้มหน้าก้มตาทำงานเพื่อรอเลื่อนตำแหน่ง
แต่เป็นการทำงานอย่างมีความสุข ทำเพราะอยากทำ กระตือรือร้นที่จะทำ
ทำด้วยความรัก-อีกครั้ง
ไอเดียใหม่ๆ หลั่งไหลออกมามากมาย เขากลับไปตื่นเต้นกับการดีไซน์อีกครั้ง
ก็เหมือนกับคนรัก บางครั้งห่างกันบ้างก็ดี จะได้ตื่นเต้นเมื่อกลับมาจู๋จี๋กันอีกหน
8 เขียนมาถึงตรงนี้ แบตคอมพิวเตอร์ของผมใกล้จะหมดเต็มที แบตเตอรี่ของผมก็เช่นกัน ผมกำลังวางแผนกับตัวเองในใจ ถ้าเราจัดจังหวะชีวิตของเราได้จริงๆ เราจะหยุดกี่เดือนในหนึ่งปี หรือหนึ่งปีในกี่ปีดีนะ ซึ่งการจัดสรรเวลาแบบนี้น่าจะเป็นการแบ่งเวลาที่ดีกว่าการก้มหน้าก้มตาทำงานด้วยความทรมานจนเบื่อการงานที่เคยรักแล้วรอไปหยุดยาวตอนแก่
นี่น่าจะเป็นวิธีที่ดีในการใช้สอยวันเวลาในชีวิตอันแสนสั้น
ชีวิตที่มีความสุขทั้งตอนหยุดพัก และตอนกลับมาทำงาน
นั่นมิใช่ชีวิตที่เราต้องการกันหรอกหรือ?
Credit: Roundfinger
job design คือ 在 DjFiat LinkCorner Facebook 的最佳貼文
ชีวิตของมนุษย์เราออกเป็นสามส่วน
หนึ่ง, เราใช้ยี่สิบห้าปีแรกไปกับการเรียนรู้
สอง, อีกสี่สิบปีต่อมา เราใช้ไปกับการทำงาน
สาม, สิบห้าปีสุดท้าย เราใช้ไปกับการพักผ่อนหลังเกษียณ
คำถามคือ ทำไมต้องรอไปเกษียณตอนอายุหกสิบกว่าปีด้วยล่ะ?
ทำไมเราไม่หาเวลาพักผ่อนบ้าง ระหว่างช่วงวัยที่กำลังทำงานหนัก?
EVERY LIFE NEEDS MORE VACATION :)
1 เคยคิดเล่นๆ ว่า พนักงานออฟฟิศอย่างเราๆ ควรใช้เวลาทำงานแค่หนึ่งอึดของแบตเตอรี่โน้ตบุ๊ก
หมายความว่า ตอนเช้าชาร์จแบตให้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วดึงปลั๊กออก หลังจากนั้น ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานไปจนกว่าแบตจะหมด พอแบตหมดปุ๊บก็เลิกทำ เก็บโน้ตบุ๊ก โบกมือบ๊ายบายเพื่อนร่วมออฟฟิศ ยักคิ้วให้สักสองขยัก แล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อนนอนเล่น หรือประกอบกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่งาน
ผมลองทำแบบนั้นดูแล้ว โน้ตบุ๊กของผมมีอายุขัยถึงประมาณบ่ายสามโมง
โดยเริ่มลืมตาดูโลกตอนประมาณสิบเอ็ดโมง
ช่วงเวลากำลังดีสำหรับพนักงาน
แต่คงสั้นไปมากสำหรับเจ้านาย
ก็แค่สงสัยว่า ทำไมเวลาโน้ตบุ๊ก "แบตหมด" เรายังชาร์จแบตให้มัน แล้วตอนตัวเราเอง "แบตหมด" เราควรจะชาร์จแบตบ้างไหม?
คุณสเตฟาน แซกมายสเตอร์ อาจมีคำตอบ
2 คุณสเตฟานเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ชื่อดังจากนิวยอร์ก มีผลงานออกแบบอันเป็นที่ฮือฮามากมายหลายชิ้น ปกซีดีของศิลปินดังๆ หลายต่อหลายปก
แกตั้งเป้าหมายของวิชาชีพเอาไว้ว่า อยากออกแบบกราฟิกดีไซน์ที่จับใจคน (graphic design that touches people"s heart)
ถึงขั้นเขียนเอาไว้ในรายการสิ่งที่ต้องทำก่อนตาย ซึ่งจะว่าไปเขาอาจจะทำสำเร็จไปหลายชิ้นแล้ว
วิธีการคิดงานและวิธีการทำงานของคุณสเตฟานจึงน่าสนใจ
ที่มาของงานดีไซน์ที่ไปจิ้มหัวใจคนดูได้มันเกิดจากอะไรกันนะ
คุณสเตฟานแอบมาเผยเคล็ดลับการทำงาน (รวมถึงเคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข) ให้ชาวโลกฟังแบบเบาๆ บนเวที TED และผมแอบเข้าไปฟังเขาพูดในเว็บ www.ted.com
เขาเล่าให้ฟังว่า สตูดิโอออกแบบในนิวยอร์กหรือบริษัทของเขานั้นมีตารางการทำงานประหลาดๆ อย่างหนึ่ง (เขาไม่ได้พูดว่ามันประหลาดหรอกครับ แต่ผมคิดว่ามันประหลาดดี) คือ ทุกๆ เจ็ดปี เขาจะปิดบริษัทหนึ่งปี
ไม่ได้อ่านผิดหรอกครับ หนึ่งปี ไม่ใช่หนึ่งสัปดาห์เหมือนที่เราหยุดกันตอนปีใหม่หรือสงกรานต์
เพื่อให้พนักงานทุกคนในบริษัทออกไปค้นหาและทำการทดลองอะไรบางอย่างที่ทำไม่ได้ในช่วงเวลาที่ยุ่งกับการงานประจำ
ในปีนั้น บริษัทเขาจะไม่รับงานใดๆ ไม่ว่าลูกค้ารายเล็กหรือใหญ่ก็ไม่สน
เขาบอกว่า ในปีนั้นเป็นปีที่มีความสุขและเต็มไปด้วยพลัง
ซึ่งผมเดาว่า มันคงจะเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจด้วยเป็นแน่แท้
3 "ผมเปิดสตูดิโอนี้ขึ้นมาเพื่อจับสองสิ่งที่ผมรักมาผสมผสานกัน นั่นคือ ดนตรีและการออกแบบ" คุณสเตฟานบอกเหตุผลเบื้องหลังจากเปิดบริษัท
แล้วเขาก็ได้ทำในสิ่งที่รักนั้น ได้ออกแบบปกซีดีมากมายของทั้งวงดังมากและดังไม่มาก แต่แล้วเขาก็ค้นพบว่า งานดีไซน์ก็คล้ายๆ กับหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เขารัก เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็รู้สึกเบื่อ
เบื่อกับสิ่งที่เคยรัก
งานออกแบบที่เคยน่าตื่นเต้นกลายเป็นความซ้ำซาก
มิใช่แค่ในความรู้สึก แต่มันยังแสดงออกมาทางผลงานเลยด้วย
เขาโชว์สมุดบันทึกที่มีการเจาะรูแล้วใส่ลูกตาลงไป ซึ่งก็ดูเป็นลูกเล่นที่แปลกใหม่ แต่มันก็เริ่มซ้ำกับงานชิ้นที่ออกมาหลังจากนั้น คือกล่องใส่น้ำหอมที่ทำเป็นหนังสือแล้วเจาะรูเพื่อใส่ขวดน้ำหอมลงไป
เทคนิคเดียวกัน ลูกเล่นเดียวกัน
งานออกแบบเริ่มวนเวียน ซ้ำซาก ซึ่งอาจจะมาจากความรู้สึกซ้ำซากของคนทำงาน
เมื่อเริ่มรู้สึกว่าซ้ำ เขาจึงตัดสินใจปิดบริษัทไปหนึ่งปีเต็ม
ว่าแล้วเขาก็แสดง "เส้นชีวิต" ของมนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ ให้ดู
เป็น "เส้นชีวิต" ที่ชวนให้คิดตาม
และคล้อยตาม
4 เขาแบ่งช่วงเวลาในชีวิตของมนุษย์เราออกเป็นสามส่วน
หนึ่ง, เราใช้ยี่สิบห้าปีแรกไปกับการเรียนรู้
สอง, อีกสี่สิบปีต่อมา เราใช้ไปกับการทำงาน
สาม, สิบห้าปีสุดท้าย เราใช้ไปกับการพักผ่อนหลังเกษียณ
คำถามคือ ทำไมต้องรอไปเกษียณตอนอายุหกสิบกว่าปีด้วยล่ะ?
ทำไมเราไม่หาเวลาพักผ่อนบ้าง ระหว่างช่วงวัยที่กำลังทำงานหนัก?
คุณสเตฟานจึงแนะนำแบบนี้ครับ
เขาลองเฉือนห้าปีจากสิบห้าปีในช่วงเวลาเกษียณออกมา แล้วเอามาเฉลี่ยให้กับสี่สิบปีแห่งช่วงเวลาทำงาน
แทนที่จะทำงานงกๆ (งกเงิน+งกตำแหน่ง) ยาวต่อเนื่องสี่สิบปี ก็กลายเป็นว่า ทำเจ็ดปีแล้วหยุดหนึ่งปีแทน
เจ็ดหยุดหนึ่ง
ห้ารอบก็ครบสี่สิบปีพอดี
แต่แบบนี้มีพักชาร์จพลัง
แหม ก็ทีคอมพิวเตอร์ยังมีชาร์จแบตเลย
ไม่เพียงได้พักผ่อนยาวๆ หลังจากทำงานหนักมาเจ็ดปีเท่านั้น แต่คุณสเตฟานยืนยันว่า ผลงานหลังการพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งปีนั้น ใหม่ สด และมีคุณภาพที่ดีขึ้นมาก
เขาถึงขั้นบอกว่า ผลงานตลอดเจ็ดปีหลังหนึ่งปีที่ได้หยุดยาวล้วนได้ไอเดียมาจากช่วงเวลาที่หยุดยาวไปเกือบทั้งสิ้น
5 คุณโจนาทาน ไฮดท์ ที่เคยมาพูดบนเวที TED เคยแบ่งลักษณะของการงานออกเป็นสามระดับ
หนึ่ง, Job คือ การทำงานเพื่อเงินเท่านั้น
สอง, Career คือ การทำงานที่เริ่มมีแรงจูงใจมากขึ้น เริ่มคาดหวังการเลื่อนขั้น แต่ก็ยังมีบางช่วงที่รู้สึกว่า โอย งานหนักจัง คุ้มที่จะทำไหมนี่
และระดับสูงสุด, Calling คือ การทำงานที่เราเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวกับงานนั้นอย่างกลมกลืน เป็นธรรมชาติ ทำงานอย่างมีความสุข
6 พอตัดสินใจหยุดงานหนึ่งปี คุณสเตฟานเลือกไปพักร้อนที่บาหลี
เขาได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ มากมายมาใช้ในงานดีไซน์ของเขา
หมาจรจัดที่บาหลี กลายมาเป็นลายเสื้อเท่ๆ เก้าอี้หวายกลายมาเป็นต้นตอในการดีไซน์เก้าอี้ที่เต็มไปด้วยคำพูด ฯลฯ
เชฟที่ดีที่สุดในโลกก็ใช้นโยบายเดียวกับเขา ร้านอาหารของเขาเปิดแค่ปีละเจ็ดเดือน อีกห้าเดือนปิดเพื่อทดลองทำรายการอาหารใหม่ๆ ที่สำคัญ มีคนเข้าคิวจองที่นั่งในร้านอาหารของเขานับล้านคน
บริษัทคุณสเตฟานให้เวลาพนักงานของเขามีเวลาส่วนตัวถึง 12.5%
บริษัท 3M ให้เวลาวิศวกรในบริษัททำอะไรก็ได้ตามใจถึง 15% และไอเดียเจ๋งๆ อย่างสก๊อตช์เทปก็ผุดขึ้นมาในช่วงเวลา "ทำอะไรก็ได้" นี้เอง
บริษัทกูเกิ้ลให้เวลาวิศวกรซอฟต์แวร์ถึง 20% เพื่อทำโปรเจ็กต์ส่วนตัว
การหยุดพักจากการงานที่ต้องก้มหน้าก้มตาทำทั้งวัน ทั้งเดือน ทั้งปี นอกจากจะทำให้ร่างกายและสมองได้ผ่อนคลายแล้ว มันยังเปิดโอกาสให้สมองมีที่ว่างสำหรับการผุดขึ้นของไอเดียใหม่ๆ อีกด้วย
"เวลาว่าง" จึงมิได้ "ว่างเปล่า"
ทว่า มัน "ว่าง" เพื่อเปิดพื้นที่ให้ความคิดใหม่ๆ ได้ก่อเกิดขึ้น
หากไม่มีเวลา "ว่าง" เลย เราก็จะวนเวียนอยู่กับความคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น
7 มิเพียงรู้สึกมีความสุขตอนที่ได้หยุดพักไปหนึ่งปี มีอีกหนึ่งความสุขเกิดขึ้นตอนที่คุณสเตฟานกลับมาทำงานอีกครั้ง
"งานของผมกลับมาอยู่ในสถานะ Calling อีกครั้ง"
ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาทำงานไปวันๆ เพื่อรอเงินเดือน ไม่ใช่การก้มหน้าก้มตาทำงานเพื่อรอเลื่อนตำแหน่ง
แต่เป็นการทำงานอย่างมีความสุข ทำเพราะอยากทำ กระตือรือร้นที่จะทำ
ทำด้วยความรัก-อีกครั้ง
ไอเดียใหม่ๆ หลั่งไหลออกมามากมาย เขากลับไปตื่นเต้นกับการดีไซน์อีกครั้ง
ก็เหมือนกับคนรัก บางครั้งห่างกันบ้างก็ดี จะได้ตื่นเต้นเมื่อกลับมาจู๋จี๋กันอีกหน
8 เขียนมาถึงตรงนี้ แบตคอมพิวเตอร์ของผมใกล้จะหมดเต็มที แบตเตอรี่ของผมก็เช่นกัน ผมกำลังวางแผนกับตัวเองในใจ ถ้าเราจัดจังหวะชีวิตของเราได้จริงๆ เราจะหยุดกี่เดือนในหนึ่งปี หรือหนึ่งปีในกี่ปีดีนะ ซึ่งการจัดสรรเวลาแบบนี้น่าจะเป็นการแบ่งเวลาที่ดีกว่าการก้มหน้าก้มตาทำงานด้วยความทรมานจนเบื่อการงานที่เคยรักแล้วรอไปหยุดยาวตอนแก่
นี่น่าจะเป็นวิธีที่ดีในการใช้สอยวันเวลาในชีวิตอันแสนสั้น
ชีวิตที่มีความสุขทั้งตอนหยุดพัก และตอนกลับมาทำงาน
นั่นมิใช่ชีวิตที่เราต้องการกันหรอกหรือ?
Credit: Roundfinger
job design คือ 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的最佳貼文
job design คือ 在 大象中醫 Youtube 的最佳貼文
job design คือ 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
job design คือ 在 “แบม” นักโภชนาการ และ “ฝ้าย” Fashion Designer - YouTube 的推薦與評價
... และผู้สมัครงาน 2 คน แบม กชกร โพธิ์เย็น : เธอ คือ นักศึกษาจบใหม่ ที่ยังไม่เคยทำงานมาก่อน และวันนี้เธอมาที่เวที The Job เพื่อต้องการเปิดประสบการณ์และต้องการให้ Job ... ... <看更多>
job design คือ 在 ทิศทางการบริหารคนอย่างยั่งยืน 的推薦與評價
ทุกคน โดยตระหนักดีว่าพนักงานที่มีศักยภาพ ความตั้งใจ ความสามารถ และความผูกพันต่อองค์กรคือ ... On the Job Training (OJT) โดยผลลัพธ์ในปี 2565 ... ... <看更多>
job design คือ 在 EP.15... - โลกการจัดการ : World of Management 的推薦與評價
ความหมายของการออกแบบงาน การออกแบบงาน (Job design) หมายถึง เป็นกระบวนการกำหนดโครงสร้างของงานและกิจกรรมที่จะต้ องปฏิบัติ เฉพาะของแต่ละตำแหน่ง ... ... <看更多>