[害喜與妊娠劇吐]
害喜在受孕一至兩個禮拜後就慢慢會出現了,因為早上起床後症狀較為明顯,所以害喜的英文是morning sickness。根據統計,50-90%的孕婦,或多或少都有害喜的情況,輕則覺得胃脹氣、噁心感、胃口不佳、食物味道改變,嚴重則吃什麼吐什麼、食道裂傷、電解質失衡、妊娠劇吐(hyperemesis gravidarum)需要住院全靜脈營養、甚至我聽過無法承受孕吐的痛苦而把小孩拿掉的案例!
所幸,大多數的孕婦症狀是輕微的,只需要平常注意清淡飲食、少量多餐就能把症狀降到最低。有幾個觀念要跟各位孕婦分享的,或許就可以一部分的人解決害喜的問題。
首先呢,懷孕初期,胎兒所需要的養分非常非常的少,絕對少到超乎您的想像。我發現很多的新手孕婦,擔心胎兒養分不夠而不斷勉強自己吃東西,食不知味痛苦萬分,其實這是沒有必要的。肚子不餓、沒有胃口,就不要吃;強迫自己吃,對胎兒沒有好處,徒增自己的痛苦。
還有一個迷思,那就是冰冷的東西懷孕不能吃。很多的西文教科書,建議害喜的時候吃冰淇淋、吃布丁,很多台灣的孕婦,卻被嚴格禁止吃這些食物。到底為何懷孕不能吃冰冷的食物我不是很了解,不過我相信「吃冰會影響寶寶的氣管」、「吃生冷的食物會讓胎兒流產」等諸如此類的言論,絕對是錯誤的。其實,只要不要過量攝取,應該對胎兒不會有影響。
此外,飲食習慣的改變也是很重要的。碳水化合物比方說麵包、餅乾等等,是比較不容易加重害喜症狀的;辛辣、酸味、甜食,好像也可以減緩反胃等不適。反之,高油脂、再製食品、容易脹氣的食物比方豆類,就要儘量避免。還有,不要等到真正感覺肚子餓了才進食,因為空腹,會讓噁心感加重。
因為造成害喜的真正原因,眾說紛紜,科學上目前尚無定論。因此,面對症狀嚴重的孕婦,往往沒有很有效的治療方式。藥物治療包括維生素B6、一般胃藥制酸劑、中樞神經止吐藥、甚至拿治療癌症化療引起嘔吐的特效藥,安全、但效果因人而異。非藥物治療方面,內關穴針灸或是按摩(P6 acupuncture or acupressure),如下圖所示,也是一個不錯的選擇。如果嚴重到妊娠劇吐:出現脫水、電解質不平衡、吐血、尿酮體(ketonuria)時,住院輸液治療就必須考慮了。
研究顯示,害喜鮮少對胎兒造成影響,而且,大多數也會在妊娠三個月後緩解。再次為正在受孕吐之苦的媽媽打氣加油!
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
ketonuria 在 Drama-addict Facebook 的精選貼文
อันนี้อ่านแล้วไม่ต้องตกใจ คือมันพูดไม่หมด
ประเด็นคือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ที่ใส่แทนน้ำตาล
หรือที่เราเรียกว่าน้ำตาลเทียม มันมีหลายตัวมาก
และบางตัวมีข้อห้ามในคนบางกลุ่ม เช่น แอสปาร์แทม
ตัวนี้คนที่เป็นโรคฟีนิลคีโทนยูเรีย ซึ่งเป็นโรคแต่กำเนิด
ถ้ากินอาหารเครื่องดื่มที่มีแอสปาร์แทมเป็นส่วนประกอบ
จะมีสารตัวนึงไปสะสมตามร่างกายและจะส่งผลต่อสมองและระบบประสาทได้ ซึ่งอันนี้ถ้าสังเกตุดีๆลองเอาพวกน้ำอัดลมไม่ใส่น้ำตาล แบบพวกโค้กซีโร่ เป็บซี่แม็กซ์มาพลิกดูตรงข้างกระป๋องจะมีคำเตือนเรื่องนี้ไว้ชัดเจนนะเคยอ่านกันป่ะล่ะ สรุปไอ้ที่มันเขียนในภาพน่ะ เฉาะกลุ่มนี้เท่านั้น คนทั่วไปกินได้ตามปรกติไม่มีผลเสียแต่ประการใด
อีกอย่างสารให้ความหวานมีเยอะนะ อยากใช้ตัวไหนก็ตามสะดวกแต่ส่วนตัวจ่าชอบใช้หญ้าหวานสุดละ กินแล้วไม่ไมเกรนแดกแบบบางตัว
อ้างอิง
http://haamor.com/th/สารให้ความหวาน/
มีข้อห้ามใช้สารให้ความหวานอย่างไร?
มีข้อห้ามใช้สารให้ความหวานเช่น ห้ามใช้ Aspartame ในผู้ป่วยโรคฟีนิลคีโทนยูเรีย (Phenyl ketonuria) เนื่องจาก Aspartame ประกอบด้วยกรดอะมิโน 2 ชนิดคือ กรดแอสพาร์ติก (Aspartic Acid) และฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine) ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้ขาดเอนไซม์ที่ใช้ย่อย Phenylalanine หากบริโภคเข้าไปจะทำให้มี Phenylalanine สะสมในร่างกายสูงจนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง สีผมและสีผิวมีสีอ่อนกว่าปกติ และทำให้เกิดภาวะปัญญาอ่อนได้ ดังนั้นอาหารที่มี Aspartame ต้องมีคำเตือนบนฉลากว่า “ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคฟีนิลคีโทนยูเรีย”