เมื่อวานไปเจอเรื่องนึงที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิด คิดว่าหลายคนน่าจะรู้จัก JITASA.CARE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแจ้งพิกัดผู้ป่วย เพื่อที่จะขอความช่วยเหลือ ใครพอคุ้น ๆ ภาพของปักหมุดแดง ๆ บนแผนที่น่าจะพอนึกออก
เรื่องที่ทำให้ผมและคิดว่าคนคงรู้สึกหัวร้อนคือ มีคนไปปักหมุดเล่นเพื่อขอความช่วยเหลือ พออาสาสมัครติดต่อไป ถึงได้บอกว่า ปักเล่นเฉย ๆ ไม่ได้ป่วย
ผมอยากจะบอกว่า คุณป่วยครับ ใจคุณป่วยมากเลย สถานการณ์แบบนี้ ถ้าไม่ทำประโยชน์อะไร อย่าเพิ่มภาระให้กับคนอื่น ใครมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่คิดจะเล่นอะไรแบบนี้ เตือนเค้านะครับ แต่ถ้าเตือนไม่ได้และถ้าคนคนนั้นเป็นเพื่อนผม ผมคงเลิกคบคนแบบนี้แน่ ๆ
เปลี่ยนเรื่องดีกว่าก่อนที่ผมจะหัวร้อนไปมากกว่านี้
หนึ่งเรื่องที่ผมจะย้ำบ่อย ๆ คือ เราต้องอยู่กับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างงง ๆ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ด้วยปัจจัยร้อยแปด เมื่อวานต้องทำแบบนี้ มาวันนี้ต้องเปลี่ยนไปทำอีกแบบ ผ่านไปไม่กี่วัน เรื่องที่เราพยายามทำมา อาจจะไม่มีความหมายอะไรแล้ว ต้องรีบไปทำอีกเรื่องนึงแทนแล้ว แน่นอนว่าเหนื่อย แต่ถ้าการตั้งเป้าของทั้งบริษัท ทั้งหัวหน้า ทั้งตัวเรา คือ การทำให้เรารอด บริษัทรอด มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำ
Multi-Task Multi-Skill ทำงานได้หลายหน้าที่ มีทักษะที่หลากหลาย เลยเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็พูดถึงกัน แต่วันนี้ผมไม่ได้พูดเรื่องนี้
ถ้าเป้าหมายของเราตอนนี้นะ สำหรับคนที่มีงานทำอยู่แล้ว และไม่พร้อมจะเปลี่ยนงาน สิ่งที่เราต้องการคือการมีงานที่มั่นคง มีรายได้ที่มั่นคง เราเองก็ต้องพร้อมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงแบบรุงรังแบบนี้แหละ
พร้อมรับมือ ไม่ได้หมายความว่าบ่นไม่ได้นะ บ่นเถอะ และควรจะบ่นด้วย สถานการณ์ที่ตึงเครียดแบบนี้ เลือกพื้นที่ดี ๆ ที่เราสามารถระบายความรู้สึกของเราออกมาได้ จะร้องไห้เพราะเหนื่อยก็ร้องออกมา ถ้าไหวแล้วก็กลับไปสู้กันใหม่ เป้าหมายเรายังเหมือนเดิมคือ งานมั่นคง เงินมั่นคง เรายังต้องรอดต่อไปให้ได้
และหนึ่งในเรื่องที่ทำให้รอดได้ในการเปลี่ยนแปลงคือ เราต้องรู้จักตัวเองให้ดี
คำถามนึงที่จะต้องผุดขึ้นมาในหัวให้ได้ในทุกครั้งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับงาน จะผังองค์กรเปลี่ยน จะกลยุทธ์เปลี่ยน จะสินค้าหรือบริการเปลี่ยน คือ
เราทำอะไรได้ดีกว่าคนอื่นบ้าง เรื่องไหนที่ใครก็เอาเราลงไม่ได้ หาให้เจอนะครับ ที่สำคัญคือ หาตัวเทียบเราให้ดีด้วย ไม่ว่ายังไง เรายังคงอยู่ในสังคมของการแข่งขัน ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราจะแข่งกับตัวเอง จะสมัครงาน เรายังต้องแข่งกับคนอื่นเลย จะบอกว่าใครจะเก่งแค่ไหนไม่เป็นไร เราแข่งกับตัวเองก็พอ แบบนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับทุกเรื่อง ต้องเลือกจังหวะการใช้วิธีคิดแบบนี้ให้ดี
สมมติว่างานที่ผมต้องทำ ผมใช้ Excel ได้เก่งกว่าคนอื่นมาก คนอื่นผูกสูตรได้ 10 สูตร ผมผูกสูตรได้ 100 สูตร เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมงานด้วยกัน นั่นแปลว่า ผมเก่ง Excel กว่าคนอื่น
แต่ถ้าผมผูกสูตรได้ 100 เพื่อนคนอื่น ๆ ก็ได้ 100 เหมือนกัน แบบนี้อาจจะเรียกกว่าเก่ง แต่ไม่ได้เก่งกว่าคนอื่น แล้วถ้า 100 สูตรนั้นใช้ในงานทั้งหมด นี่ก็อาจจะเรียกได้ไม่เต็มปากว่าเก่ง แต่เรียกว่ามาตรฐานที่ควรมีเพื่อทำให้งานสำเร็จ
หาสิ่งที่เราเก่งกว่าคนอื่น ๆ ในวงล้อมของเราให้เจอ แล้วลิสต์ออกมาให้ได้เยอะที่สุด เท่าที่เราจะทำได้
แล้วคิดต่อให้ดีว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ความเก่งข้อไหนของเราที่จะทำให้เราได้เปรียบ เพื่อที่จะสร้างโอกาสให้ตัวเราเอง มีงานและมีเงินที่มั่นคง
แล้วเมื่อไหร่ที่เราเจอการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ไม่แปลกที่เราจะตกใจ กังวล แล้วก็คิดไปในทางที่ไม่ค่อยดี แต่ลองตั้งสติแล้วมองดูให้รอบด้าน เราอาจจะเจอโอกาสอะไรบางอย่างที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงนั้นก็ได้
อย่ามองทุกเรื่องเป็นลบ จนไม่เห็นโอกาสนั้น ถึงมันอาจจะไม่ใช่โอกาสที่ใหญ่โตนัก แต่มันก็เป็นโอกาสที่อาจจะช่วยให้เราอยู่ต่อได้
#HRTheNextGen
#มนุษย์เงินเดือน #HR2021
