God promising to “remember your sins no more” does not mean that He is blind to the sins you are committing now. He is omniscient and sees/knows everything.
Thanks to Jesus’ sacrifice at the cross, God has wiped out all your record of sins, so you will never be subjected to the judicial punishment of God.
However, when you sin, you are sowing seeds of death in your own life. When you keep allowing a sinful habit to grow, it matures into fruits of death. This means sickness, poverty, depression, strife, premature aging, and every kind of manifestation of death in this mortal lifetime.
God wants you to enjoy a good quality of life—one whereby you are far above the effects of death. He is not punishing you when you sin—He is the only way you can be permanently free from sinful addictions and habits!
When a little child plays with fire on the stove, he gets burnt, regardless of whether his daddy forgives him for the mischief or not. In our case, our Abba God has forgiven us of all our shortcomings.
Sin is destructive in and of itself. It brings death. Let’s be wise, following the Holy Spirit and the instructions of God’s word, and be willing to let go of every sinful addiction and bondage. God’s will is for you to enjoy true life and have it more abundantly!
Partner with this ministry and receive rewards: http://Patreon.com/miltongohblog
only god forgives 在 Milton Goh Blog and Sermon Notes Facebook 的最佳貼文
Become Young Again Through Faith
“Praise Yahweh, my soul! All that is within me, praise his holy name! Praise Yahweh, my soul, and don’t forget all his benefits; who forgives all your sins; who heals all your diseases; who redeems your life from destruction; who crowns you with loving kindness and tender mercies; who satisfies your desire with good things, so that your youth is renewed like the eagle’s. Yahweh executes righteous acts, and justice for all who are oppressed. He made known his ways to Moses, his deeds to the children of Israel. Yahweh is merciful and gracious, slow to anger, and abundant in loving kindness. He will not always accuse; neither will he stay angry forever. He has not dealt with us according to our sins, nor repaid us for our iniquities. For as the heavens are high above the earth, so great is his loving kindness toward those who fear him. As far as the east is from the west, so far has he removed our transgressions from us.” (Psalms 103:1-12 WEB)
How did David, a man under the Law, have the revelation of total forgiveness of sins?
He was writing this psalm prophetically—the Holy Spirit was upon him, giving him wisdom and revelation of God’s eternal plan.
God’s heart is for us to enjoy all His benefits as stated in this psalm.
It is clear that He wants you to prosper in all things and be healthy, even as your soul prospers (3 John 1:2).
All these benefits are wrapped up in the forgiveness of sins—we can enjoy every blessing because we have become righteous in Christ Jesus.
Out of all the benefits mentioned, one that is taught very little and hardly shared is the renewal of youth.
The world says that there is no such thing—that aging can be delayed but never really prevented. They base this on their own experience and from the current limits of science.
We who are in the world may not be able to change some things on our own, but the one who created the world can renew our youth.
Have you ever played a video game? The creator of the game can program anything he wants into it as long as it fits within the system’s capabilities. He can reset a character who is dying, to become fully alive again.
As the player of the game, you may not be able to change things from the front end, but from the back end, anything is possible as long as it can be programmed in.
Time is not a limit for God. Death is not a challenge for God. You are not far too old to be young again.
Renewal of youth won’t happen by default. It is unlocked by revelation and activated through faith in God’s promises.
How young, strong, healthy and beautiful do you want to be?
It’s totally up to how much you can believe for.
Do you desire it? Then you need revelation about youth renewal.
“God Every Morning” tier and above patrons on Patreon receive daily devotionals by email, all my eBooks, daily teachings via WhatsApp in our GEM Bible Study chat group.
These rewards are for patrons only because they sow into our ministry, enabling us to keep sharing fresh revelations about the Gospel of Jesus Christ at least twice a day to thousands of people.
I’m currently doing a teaching series called “Younger and Younger” for the patrons, and they are excited about the youth renewal coming their way. It is the work of the Holy Spirit.
One of our patrons, Alwin, shared his youth renewal testimony: “After embarking on the Younger and Younger devotional for the day, yesterday I managed to run about 3.2km which normally I can't. I realise that that's the kind of distance I ran during my days of youth and I am seeing that God is multiplying my days to be more youthful, healthier and strong. Praise Jesus! Thank you, brother Milton for obeying Jesus and taking us on this journey.”
I also produced a new resource called “Eternal Youth Audio Declarations” which is a 10 min recording filled with youth renewal teachings and declarations to help the patrons hear their way to youth renewal—all the patrons who actively participate are going to return to the days of their youth!
Join in by becoming a patron now and you’ll also receive more valuable rewards to help in your walk with the Lord ==> http://Patreon.com/miltongohblog
Prefer to just send a one-time love gift? You can do so here on our Ko-Fi page: http://ko-fi.com/Miltongohblog
#Jesus #YoungerandYounger
only god forgives 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 的最佳貼文
Repost ได้วนกลับมาแชร์เสมอเวลามีคนพูดถึงการสนับสนุนหนังไทย เพราะเวลาบอกว่ารัฐบาลสนับสนุนหนังไทย มันไม่ใช่แค่ให้ทุน 5 แสนบาทหรือ 1 ล้านบาท แล้วจะมาเคลมว่าสนับสนุนหนังไทยนะ
มันต้องทำเป็นระบบที่มีแผนงาน ทำจริงจัง เหมือนที่เกาหลีใต้เขาทำ แบบนั้นจะเคลมว่ารัฐบาลสนับสนุนอุตสาหกรรมหนังก็เอาไปเลย
หลายคนอาจจะเห็นกระแสการเผยแพร่วัฒนธรรมเกาหลีมากมายตลอดกว่าหนึ่งทศวรรษผ่านความสำเร็จของทั้งเพลงและซีรีส์ที่โด่งดังไปทั่วทั้งเอเชีย จนเดี๋ยวนี้การไปเที่ยวเกาหลีกลายเป็นหนึ่งในความฝันของใครหลาย ๆ คน อย่างไรก็ตามเมื่อก่อนเราก็จะพูดถึงแค่เพลงและซีรีส์ แต่เดี๋ยวนี้หนังเกาหลีเริ่มประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่แค่ในระดับเอเชียแต่เป็นระดับโลก ดังจะเห็นได้จากนักแสดง, ผู้กำกับ, ตากล้อง จำนวนไม่น้อยที่ได้ไปร่วมงานกับสตูดิโอใหญ่ในฮอลลีวูด รวมถึงการส่งออกหนังเกาหลีไปเวทีประกวดทั่วโลกจนหลาย ๆ เรื่องได้รับการยกย่องอย่างมากทีเดียว ซึ่งทำให้หนังเกาหลีถูกจับตามองมากขึ้น ทั้งสายบล็อกบัสเตอร์และสายล่ารางวัล แต่กว่าอุตสาหกรรมหนังเกาหลีจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องบอกว่าพวกเขาเคยผ่านจุดต่ำสุดมาก่อน จนกระทั่งประสบความสำเร็จได้ด้วยนโยบายที่มีคุณภาพ ซึ่งจากต่ำสุดมาสูงสุดของวงการหนังเกาหลีจะเป็นเช่นไร ติดตามได้ในโพสต์นี้เลยครับ
.
1 | เรียนรู้จากประวัติศาสตร์วงการหนังเกาหลี
หนังเกาหลีเรื่องแรกเริ่มต้นขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1919 คือเรื่อง The Righteous Revenge แต่จุดเริ่มต้นจริง ๆ ต้องบอกว่าคือช่วงปีค.ศ. 1926 - 1932 ช่วงเวลานั้นเกาหลียังไม่แบ่งเหนือใต้และยังอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ซึ่งทำให้การสร้างหนังต้องผ่านการตรวจสอบจากคณะปกครองชาวญี่ปุ่น ด้วยข้อจำกัดดังกล่าวจึงทำให้วงการหนังเกาหลีตลอด 11 ปี (ปี 1934 - 1945) มีหนังเพียง 157 เรื่องเท่านั้น แถมเกือบทั้งหมดยังเป็นหนังโฆษณาชวนเชื่อเพื่อสนับสนุนจักรวรรดิญี่ปุ่น
.
ยุคต่อมาคือหลังสิ้นสุดสงครามเกาหลีปีค.ศ. 1953 เป็นช่วงเวลาที่คนทำหนังได้อิสระในการปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์เพราะไม่ต้องอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น โดยในปี 1955 หนังเรื่อง Chunhyang-jon ถูกพิจารณาว่าเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์เรื่องแรกของเกาหลี โดยมีคนดูถึง 200,000 คน คิดเป็น 10% ของชาวเมืองโซลเลยทีเดียว และในยุคนั้นยังมีหนังเรื่อง The Housemaid เมื่อปี 1960 ที่ถูกยกย่องว่าเป็นหนังดีที่สุดของเกาหลีใต้อีกด้วย (หนังเล่าเรื่องของแม่บ้านสาวพยายามยั่วยวนทำลายครอบครัวของเจ้านายที่มีภรรยาอยู่แล้ว)
.
อย่างไรก็ตามยุครุ่งเรืองของหนังเกาหลีต้องสิ้นสุดลงเมื่อเกิดการยึดอำนาจโดยทหารเมื่อปีค.ศ. 1961 ซึ่งได้ออกกฎหมายควบคุมภาพยนตร์ เริ่มต้นตั้งแต่การจำกัดการนำเข้าหนังต่างประเทศและจำกัดการผลิตหนังในประเทศ มีการเซ็นเซอร์หนังอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะหนังเนื้อหาเกี่ยวกับคอมมิวนิสต์, เนื้อหาส่อไปในทางอนาจาร รวมถึงหนังใด ๆ ก็ตามที่อาจทำลายภาพพจน์ของประเทศจะกลายเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด ซึ่งผลจากการเซ็นเซอร์ทำให้วงการหนังเกาหลีตกต่ำลง ทั้งจากโปรดักชั่นแย่ ๆ และบทหนังที่ไม่มีคุณภาพ ส่งผลให้แทบไม่มีคนสนใจดูหนังในโรงอีกเลย
.
ผลกระทบดังกล่าวทำให้อุตสาหกรรมหนังเกาหลีย่ำแย่มาก ๆ รัฐบาลจึงเลือกแก้ปัญหาด้วยการจำกัดวันฉายหนังต่างประเทศให้น้อยลงไปอีกโดยหวังว่าจะช่วยฟื้นฟูวงการหนังเกาหลีใต้ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จนกระทั่งปี 1984 ได้มีการแก้ไขกฎหมายควบคุมภาพยนตร์ ทำให้ผู้สร้างหนังอิสระสามารถทำหนังได้ซึ่งถือเป็นช่วงพลิกฟื้นอุตสาหกรรมหนังเกาหลีอย่างแท้จริง แต่พวกเขายังคงต้องต่อสู้กับความนิยมหนังต่างประเทศอยู่เช่นเคย
.
2 | บังคับใช้ screen quota ให้ฉายหนังเกาหลีขั้นต่ำ 146 วันต่อปี
ผลจากการแก้ไขกฎหมายควบคุมภาพยนตร์เมื่อปี 1984 ทำให้การนำเข้าหนังต่างประเทศไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อส่วนแบ่งรายได้ของหนังเกาหลีที่ลดลงไปอย่างเห็นได้ชัดเพราะคนนิยมหนังต่างประเทศมากกว่า ตัวอย่างเปรียบเทียบที่ชัดเจนคือในปี 1985 ส่วนแบ่งหนังต่างประเทศทำรายได้ 60% หนังเกาหลีใต้ 40% แต่ 8 ปีต่อมาส่วนแบ่งดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงเป็น 84% ต่อ 16% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตกต่ำของวงการหนังเกาหลีอีกครั้ง
.
ในช่วงแรกนั้นรัฐบาลได้พยายามใช้ประโยชน์จากการเข้ามาของผู้จัดจำหน่ายหนังต่างประเทศ เช่น UIP, 20th Fox, และ Warner Bros ด้วยการออกกฎว่าถ้าคุณจะนำหนังต่างประเทศเข้ามาฉายใน 1 เรื่องจะต้องสนับสนุนเงินสร้างหนังเกาหลีจำนวน 4 เรื่อง ซึ่งมันดูดีในทางทฤษฎีแต่ปรากฎว่าในทางปฏิบัติจริงนั้นพวกเขาก็เจียดเงินเล็กน้อยสร้างหนังเกาหลีห่วย ๆ ขึ้นมา 4 เรื่อง สุดท้ายคนดูก็ต้องดูหนังต่างประเทศของพวกเขาที่ดีกว่าอยู่ดี
.
ทำให้ในปีค.ศ. 1993 รัฐบาลเกาหลีจึงได้บังคับใช้ screen quota อย่างเข้มงวดเป็นครั้งแรก โดยบังคับให้โรงหนังต้องฉายหนังเกาหลีจำนวนขั้นต่ำ 146 วันต่อปี ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยให้รายได้หนังเกาหลีเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดเพราะคนก็ยังคงนิยมหนังต่างประเทศเหมือนเดิม
.
3 | การลงทุนสร้างหนังโดยกลุ่มธุรกิจที่มีอิทธิพล (แชโบล)
แน่นอนว่าคนสร้างหนังต้องหาแหล่งเงินทุน ในช่วงปีค.ศ. 1992 กลุ่มแชโบล (เช่นซัมซุง, แดวู, ฮุนได) ได้ให้ความสนใจลงทุนผลิตหนังและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่เมื่อเกิดวิกฤติการเงินปี 1997 (ปีเดียวกับวิกฤติต้มยำกุ้งพ.ศ. 2540) จึงทำให้บริษัทกลุ่มแชโบลได้ถอนตัวจากการลงทุนสร้างหนังเพื่อไปโฟกัสธุรกิจตัวเองเพียงอย่างเดียว และนั่นทำให้กลุ่มนายทุนหน้าใหม่เข้ามาแทนที่ กลุ่มนั้นคือ CJ, Orion, และ Lotte ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ของสนามอุตสาหกรรมหนังเกาหลีโดยถือครองส่วนแบ่งรวมกันถึง 80%
.
4 | รัฐบาลสนับสนุนคนทำหนังผ่านสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งเกาหลี (Korean Film Council)
จุดสำคัญที่ทำให้วงการหนังเกาหลีเติบโตอย่างก้าวกระโดดในขั้นต้นคงต้องให้เครดิตการกำเนิดสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งเกาหลี ซึ่งถึงแม้จะก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1973 แต่มันกลับไม่เคยมีบทบาทหน้าที่ใด ๆ ต่อวงการหนังเลย จนเมื่อปี 1999 พวกเขาได้ประกาศตัวว่าองค์กรได้จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนและประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมหนังเกาหลีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยองค์กรดังกล่าวจะมีคณะกรรมการจำนวน 9 คนที่ได้รับแต่งตั้งจากกระทรวงวัฒนธรรม, กีฬา และการท่องเที่ยว (มันคือกระทรวงเดียวนะ) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการผลิตหนัง
.
สมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งเกาหลีไม่ได้เป็นเพียงแค่เสือกระดาษ แต่พวกเขาทำหน้าที่เพื่อภาพรวมของวงการหนังได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาสนับสนุนเงินทุนให้คนทำหนัง, สนับสนุนการวิจัย การศึกษา และการฝึกอบรม, พวกเขายังช่วยเหลือโรงฉายหนังนอกกระแส (art house theaters เหมือน House RCA), ช่วยเหลือด้านการตลาดแก่บริษัทหนังเกาหลีในเทศกาลหนังนานาชาติ, อีกทั้งยังเป็นสปอนเซอร์จัดเทศกาลหนัง, ตีพิมพ์นิตยสารหนังเกาหลีเป็นภาษาอังกฤษ และพวกเขายังสนับสนุนไปถึงการจัดฉายหนังเกาหลีในต่างประเทศอีกด้วย เรียกว่าครบวงจรการสนับสนุนวงการอย่างเป็นระบบ
.
5 | ลอกเลียนแบบและสร้างสรรค์ผลงาน
ถ้าเป็นแวดวงเทคโนโลยีเราคงต้องยกตัวอย่างสินค้าเกาหลีและจีนหลาย ๆ อย่างว่ามีจุดเริ่มต้นจากการลอกเลียนแบบสินค้าที่ประสบความสำเร็จในตลาดอยู่แล้ว แต่การลอกเลียนแบบของพวกเขาไม่ได้เป็นผู้ตามเพียงอย่างเดียว พวกเขาเลียนแบบเพื่อก้าวจากศูนย์ข้ามไปที่สองหรือสามแล้วค่อยพัฒนาต่อยอดจากนั้น
.
เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมหนังเกาหลีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แม้จะได้เงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลและมีการศึกษาเรียนรู้มากมาย แต่หนึ่งในวิธีการทำหนังของพวกเขาหลาย ๆ เรื่องรับเอาอิทธิพลจากฮอลลีวูดมาทำเป็นหนังของตัวเองมากมาย ยกตัวอย่างเช่น The Thieves ที่เรียกว่าเป็น Ocean's Eleven ของเกาหลี หรืออย่าง The Tower ก็มีความคล้ายคลึงกับบล็อกบัสเตอร์ในอดีตของฮอลลีวูดเรื่อง The Towering Inferno
.
แต่ในขณะเดียวกันหนังหลาย ๆ เรื่องของเกาหลีก็มีความสร้างสรรค์ที่โดดเด่นมาก ๆ จนฮอลลีวูดยังต้องติดต่อขอซื้อไป remake ทำใหม่ เช่นความสำเร็จของ Il Mare ที่ถูกนำไปสร้างใหม่เป็น The Lake House, ความยอดเยี่ยมของ A Tale of Two Sisters ที่ถูกสร้างใหม่ในชื่อ The Uninvited, นอกจากนี้ความโด่งดังของ Oldboy และ My Sassy Girl ก็ดึงดูดให้ฮอลลีวูดซื้อสิทธิ์ไปสร้างใหม่เช่นเดียวกัน
.
อีกประการหนึ่งคือวงการหนังเกาหลีให้ความสำคัญกับงานด้านเทคนิคเป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่างานกำกับภาพในหนังเกาหลียุคหลัง ๆ โดดเด่นเกินหน้าเกินตาเพราะมันมีความตั้งใจเช่นนั้น ยกตัวอย่างเช่น The Handmaiden, The Age of Shadows หรือกระทั่ง Stoker หนังฮอลลีวูดที่กำกับโดยปาร์ค ชานวุค ก็ใช้ผู้กำกับภาพชาวเกาหลีที่สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
.
และพวกเขายังฉลาดใช้สื่อภาพยนตร์ในการเผยแพร่วัฒนธรรมไปทั่วเอเชีย ซึ่งความสำเร็จที่จับต้องได้อาจจะต้องยกเครดิตให้ทางฝั่งซีรีส์เกาหลีมากกว่า แต่ที่น่าสนใจคือหนังเกาหลีหลายเรื่องถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมชาตินิยมอย่างแนบเนียน
.
6 | การทำงานร่วมกันระหว่างโรงหนังและดูออนไลน์
โดยปกติแล้วระบบการจัดจำหน่ายหนังนั้นจะมีแบบที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาช้านานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของโรงหนัง ด้วยแนวคิดที่ว่า 'ถ้าหนังออกแผ่นพร้อมฉายโรง แล้วใครจะไปดูในโรง' ซึ่งแนวคิดดังกล่าวทำให้เกิดระบบช่องว่างของการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางต่าง ๆ ขึ้นมา (window) อธิบายได้ว่าหนังจะถูกฉายครั้งแรกที่โรงหนังต่าง ๆ ซึ่งเป็นช่องทางทำรายได้หลัก และหลังจากนั้นจะเว้นช่วงประมาณ 4 เดือนเพื่อวางจำหน่ายแผ่น dvd หรือ blu-ray รวมถึงในการซื้อหนังออนไลน์ในปัจจุบันด้วย
.
แต่ที่เกาหลีเขาไม่คิดเช่นนั้น ด้วยความที่ประเทศเกาหลีมีการเติบโตด้านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงรวมถึง LTE บ้านเขาก็ใช้งานได้จริงจึงทำให้ธุรกิจออนไลน์ต่าง ๆ เติบโตตามไปด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ iptv (Internet Protocol Television) และ vod (Video on Demand) ซึ่งเป็นช่องทางหลักสำหรับการจำหน่ายหนังออนไลน์ ตามปกติแล้วพวกเขาควรจะเลือกทำตาม window การฉายปกติ แต่ที่เกาหลีเลือกจะจำหน่ายหนังออนไลน์พร้อมกับฉายโรงหรือช้ากว่าในโรงเพียง 4 ถึง 6 สัปดาห์เท่านั้น
.
มองดูเผิน ๆ เหมือนมันจะมีความขัดแย้งด้านผลประโยชน์แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับเกื้อกูลกัน โดยเขายังถือว่าโรงหนังคือช่องทางจำหน่ายหนังที่แข็งแกร่งเหมือนเดิม แต่ขณะเดียวกันช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ คือโอกาสสำหรับเข้าถึงผู้คนวงกว้างที่กำลังเติบโตตามการใช้งาน iptv และ vod มากขึ้นทุกปี โดยในปี 2015 มีคนเข้าชมหนังในโรงเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1% (217 ล้านครั้ง) ส่วนช่องทางดูหนังชนโรงทาง vod นั้นก็มีกำแพงเรื่องราคาขึ้นมาอยู่ที่ประมาณเรื่อง 12,000 วอน (ประมาณ 350 บาท) โดยราคาจะปรับลงเมื่อครบ 1 ปีหลังฉายโรง ซึ่งมันน่าสนใจที่ว่าอุตสาหกรรมหนังบ้านเขายังคงยึดผลประโยชน์เหมือนเดิมแต่เขากล้าลองเสี่ยงสร้าง window ใหม่ ๆ ที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้สร้างหนัง
.
ตัวอย่างศึกษาคือการฉาย Snowpiercer ทาง vod ก่อนฉายโรงซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้ผล ทอม ควินน์ ผู้บริหารของ Radius-TWC (เป็นบริษัทลูกของ Weinstein Company ทำหน้าที่จัดจำหน่ายหนังเฉพาะกลุ่มทางออนไลน์และโรงหนัง เช่นเรื่อง Only God Forgives, It Follows) ได้พูดถึง Snowpiercer ว่าเหมาะสมกับกลยุทธ์การฉายทาง vod พร้อมโรงหนัง เขายังคาดหวังว่ามันจะไปได้ดีทั้งการฉายในโรงและ vod ซึ่งหวังว่ามันจะส่งเสริมกัน
.
โดยผลลัพธ์ที่ออกมาถือว่าน่าสนใจเพราะจากการฉายจำกัดโรงในสัปดาห์แรก มันค่อย ๆ มีกระแสจนเกิดการเพิ่มโรงขึ้นเป็น 356 โรงในสุดสัปดาห์ ถึงแม้จะทำเงินไปเพียง 4.5 ล้านเหรียญแต่เมื่อเทียบสัดส่วนต่อโรงก็ถือว่าน่าพอใจ ซึ่งควินน์เชื่อว่าการฉาย vod ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงหนังที่ฉายจำกัดโรง และถ้าหากหนังมันดีก็จะเกิดกระแสปากต่อปากที่ช่วยทำให้หนังที่ยังฉายอยู่ในโรงมีคนดูมากขึ้น
.
ควินน์ยังบอกอีกว่า "ผมเชื่อว่าโรงหนังและ vod สามารถอยู่ร่วมกันได้ ร้านอาหารสุดโปรดของผมเริ่มมีบริการส่งถึงบ้าน แต่ผมก็ยังคงเดินทางไปทานที่ร้านเหมือนเดิม เช่นเดียวกับแต่ละเรื่องที่ต้องวางแผนการฉายแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม เพราะไม่ใช่ว่าทุกเรื่องจะสามารถทำแบบ Snowpiercer ได้หมด"
-------------
จากทั้งหมดนี้เราคงจะเห็นได้อย่างหนึ่งว่าความสำเร็จของหนังเกาหลีในปัจจุบันต้องให้เครดิตความจริงจังของสมาพันธ์ภาพยนตร์บ้านเขาที่กำหนดนโยบายเป็น road map เป็นขั้นเป็นตอนแล้วดำเนินการกันมาตามแบบแผนที่วางไว้ มันอาจจะไม่ได้ปุบปับเห็นผล แต่เวลาก็พิสูจน์แล้วว่าการวางกลยุทธที่ดีจะช่วยให้อุตสาหกรรมหนังประสบความสำเร็จอย่างแข็งแรงได้อย่างไร ซึ่งก็หวังลึก ๆ ว่าในอนาคตเมืองไทยจะมีอะไรแบบนี้บ้าง
อ้างอิง:
1) The Unique Story of the South Korean Film Industry - http://www.inaglobal.fr/…/unique-story-south-korean-film-in…
2) THE SUCCESS OF THE SOUTH KOREAN FILM INDUSTRY: CREATING A SYNERGY BETWEEN CINEMA AND VOD - https://www.filmdoo.com/…/the-success-of-the-south-korean-…/
3) https://en.wikipedia.org/wiki/Korean_Film_Council
4) 'Snowpiercer,' VOD and the future of film distribution - http://www.latimes.com/…/la-et-mn-snowpiercer-vod-and-the-f…
#หนังโปรดของข้าพเจ้า