“Scuttlebutt” กลยุทธ์หาหุ้นเด้ง จากคำซุบซิบนินทา /โดย ลงทุนแมน
ข้อมูล Inside หรือข้อมูลวงในของหุ้น เป็นสิ่งที่ใครหลายคนต้องการ
เพราะหากข้อมูลเหล่านี้เป็นความจริง มันก็จะทำให้เราได้เปรียบ
ในการลงทุนซึ่งนำไปสู่โอกาสในการได้ผลตอบแทนที่ดี
และถ้าถามว่าใครมีข้อมูลเหล่านี้มากที่สุด
ก็คงไม่พ้นมาจากเหล่าผู้บริหารและนักบัญชีของบริษัท
แต่ข้อมูลจากกลุ่มคนเหล่านี้ หากยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ
ก็จะถือว่ามีความผิดต่อกฎของ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
อย่างไรก็ตาม มีวิธีหนึ่งที่เราจะสามารถหาข้อมูลวงในได้โดยไม่ผิดกฎ
โดยวิธีนี้มีชื่อว่า “Scuttlebutt” หรือแปลเป็นไทยคือ คำซุบซิบนินทา
คำนี้ถูกคิดโดยคุณฟิลลิป ฟิชเชอร์ ผู้ที่ได้รับฉายาว่าเป็นบิดาแห่งหุ้นเติบโต
และเป็นต้นตำรับในการหาหุ้นที่สร้างผลตอบแทนหลายเด้ง
และรู้หรือไม่ว่าเขาคนนี้ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้วอร์เรน บัฟเฟตต์
เปลี่ยนแนวทางการลงทุนจากที่แต่เดิมหาเฉพาะหุ้นราคาถูก
ให้หันมาลงทุนในหุ้นที่มีกิจการที่แข็งแกร่งอีกด้วย
แล้วเราจะไปหา Scuttlebutt ได้จากที่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Scuttlebutt หรือ คำซุบซิบนินทา เป็นวิธีการหาข้อมูลวงในจากการตามแกะรอยกิจการ
โดยแกะรอยในที่นี้ ก็คือการที่เราเข้าไปหามุมมองต่อสินค้าหรือบริการทั้งจากบริษัทที่เราสนใจ
หรือแม้แต่ไปตามหาเอาจากบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ซึ่งเราก็จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประกอบการดูงบการเงิน เสพข่าว หรือการฟังการรายงานจากผู้บริหาร เพื่อนำไปตรวจสอบว่าข้อมูลเหล่านี้ เป็นจริงมากน้อยเพียงใด
คำถามที่ตามมาก็คือ
แล้วเราจะไปฟังคำซุบซิบนินทา
หรือไปสืบข้อมูลเหล่านี้ จากใครได้บ้าง ?
วิธีที่ 1 สืบเสาะผ่านการซุบซิบกับพนักงานบริษัท
นั่นก็เพราะว่า พนักงาน คือผู้ที่อยู่หน้างาน
ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะเห็นพฤติกรรมของลูกค้าโดยตรงเสมอ
และพอคาดการณ์ได้ว่ายอดขายของสินค้าหรือบริการกำลังไปทิศทางใด
นอกจากนี้ เรายังสามารถล้วงไปจนถึงกระบวนการทำงานภายในขององค์กรอีกด้วย
และแน่นอนว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่เราไม่มีวันหาอ่านได้จากงบการเงิน
ในขณะที่ข้อมูลจากอดีตพนักงานที่เคยทำงานในบริษัทที่เราสนใจก็ถือว่าเป็นประโยชน์ เช่นกัน
ดังนั้น เราจึงควรหาคนรู้จักที่เป็นพนักงาน หรือไม่ก็สร้างความสัมพันธ์กับเหล่าพนักงาน
เพราะพวกเขาเป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลชั้นยอด
ที่มีโอกาสสร้างความได้เปรียบให้กับการลงทุนของเรา
วิธีที่ 2 สืบเสาะผ่านคู่ค้า
แหล่งข้อมูลชั้นดีอีกหนึ่งแห่ง คือ คู่ค้าของกิจการ
เพราะผลประกอบการของบริษัทเอง มักจะสะท้อนไปยังคู่ค้าเช่นกัน
เช่น บริษัทผลิตอาหารและเครื่องดื่ม สามารถรู้แนวโน้มผลประกอบการได้
จากพ่อค้าแม่ค้าคนกลาง หรือก็คือร้านค้าปลีกและค้าส่ง
เซเว่น อีเลฟเว่นในบ้านเรา เป็นตัวอย่างหนึ่ง
ที่เราสามารถเช็กว่าสินค้าใดบ้างที่ขายดี
โดยการดู “ป้ายสินค้าตรงมุมขวาล่าง”
ซึ่งมีสัญลักษณ์ตั้งแต่ T1, T2, T3 หรือ T4
โดยสินค้าที่ขายดีมากมีสัญลักษณ์คือตัว T1
และไล่ลงมาจนขายไม่ดี คือไม่มีตัวอักษรเลย
จุดนี้ ก็สามารถช่วยให้เรานำไปประกอบการวิเคราะห์และนำไปคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทได้
ยกตัวอย่าง เช่น เครื่องดื่มของบริษัทไหนถ้ามีสัญลักษณ์ T1 เราก็อาจจะคาดเดาได้ว่าเครื่องดื่มของบริษัทนั้นขายดี
หรือแม้แต่เหล่าร้านจัดจำหน่ายสมาร์ตโฟน ที่นอกจากเราจะดูได้จากปริมาณลูกค้าในร้านแล้ว
เราก็ยังสามารถสอบถามพนักงานได้ว่าสินค้าไหนที่ขายดี
และแตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร
จากข้อมูลดังกล่าว ก็จะยิ่งทำให้เราตัดสินใจได้ว่าผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายไหน เช่น Apple, Xiaomi หรือ Samsung มาแรงกว่ากัน
วิธีที่ 3 สืบเสาะผ่านคู่แข่งในอุตสาหกรรม
เป็นธรรมดาที่การทำธุรกิจ เราต้องทำการวิเคราะห์คู่แข่ง
ซึ่งนอกจากเราจะดูภาพในเชิงตัวเลขอย่างส่วนแบ่งการตลาด
หรือแนวโน้มการเติบโตของแต่ละแบรนด์ในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ผ่านมาแล้ว
เราก็สามารถใช้ข้อมูลของผู้เล่นรายอื่นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
มาประกอบการตัดสินใจในธุรกิจที่เรากำลังสนใจได้
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าบริษัทไหนมีปัญหาในการขนส่งล่าช้า เราก็อาจไปสอบถามจากพนักงานของแต่ละร้านว่าสินค้าตัวเดียวกันของบริษัทอื่นมีของในสต็อกพร้อมไหม
ซึ่งเราก็สามารถนำไปใช้ประกอบการวิเคราะห์ความพร้อมของแต่ละบริษัท หรือการบริหารคลังสินค้าเบื้องต้นได้ เช่นกัน
หรือแม้แต่ในการรายงานผลประกอบการของผู้บริหารในประเทศไทย
หรือที่รู้จักกันในชื่อ Oppday ที่มีช่วงที่ให้ผู้เข้าฟังสอบถามผู้บริหาร
ที่เป็นคู่แข่งกับบริษัทที่เราสนใจ เราก็สามารถยิงคำถาม
เกี่ยวกับจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละบริษัท เมื่อเทียบกับคู่แข่งได้
ข้อดีของวิธีการนี้ คือส่วนใหญ่บริษัทคู่แข่งจะระบุข้อเสียของบริษัทอื่นได้ดีกว่าที่บริษัทบอกเอง
หรือหากคู่แข่งยอมรับในจุดแข็งของบริษัทอื่นที่เราสนใจ จุดแข็งนั้นจะถือว่ามีความน่าเชื่อถือ
วิธีที่ 4 สืบเสาะผ่านกลุ่มลูกค้า
หากเป็นสมัยก่อน
การหารีวิวจากกลุ่มลูกค้าอาจจะค่อนข้างทำได้ยาก
หรือไม่ก็สอบถามได้จากเพียงแค่คนรู้จักหรือคนกลุ่มน้อยเท่านั้น
แต่ปัจจุบันเราสามารถค้นหาความคิดเห็นของลูกค้านับหมื่นคน ได้จากเว็บไซต์ต่าง ๆ
เช่น รีวิวสินค้าตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ อย่าง Amazon, Lazada หรือ Shopee
ในขณะที่รีวิวโรงแรม เราก็สามารถดูได้จากรีวิวบน Agoda
หรือร้านอาหาร ก็ Wongnai และ Tripadvisor
ซึ่งรีวิวของคนกลุ่มนี้ก็ทำให้เห็นว่า สิ่งที่ผู้บริหารคิดกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นจริง
มีโอกาสเป็นไปได้และเป็นความจริงมากน้อยขนาดไหน
หากเป็นสินค้าหรือบริการสำหรับธุรกิจ หรือที่เรียกว่า B2B
สามารถสอบถามผ่านพนักงานของบริษัทนั้น ๆ แทนก็ได้
เช่น อุปกรณ์การแพทย์ แน่นอนว่าเราไม่สามารถถามผู้บริหารของบริษัทที่ซื้อได้ก็จริง
แต่เราสามารถรู้ความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้านี้ได้จากพนักงาน หรือแพทย์และพยาบาล
เพราะเป็นผู้ที่ใช้งานโดยตรง และข้อมูลนี้อาจดีกว่ามาจากผู้บริหารเอง
สำหรับวิธีสุดท้ายก็คือ สืบจากการใช้งานจริงของ “ตัวเราเอง” หรือบุคคลใกล้ชิด
ปีเตอร์ ลินซ์ ผู้จัดการกองทุนระดับโลก
ใช้วิธีการนี้ในการหาธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนหลายเด้ง
โดยการสังเกตจากสินค้าและบริการที่ครอบครัวตนเองใช้
อย่างเช่น ภรรยาของเขาที่ชอบใช้ถุงน่องแบรนด์ L'eggs
ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัทที่ชื่อว่า HanesBrands
เขาก็ได้ทดลองนำถุงน่องคู่แข่งอีกแบรนด์มาให้ภรรยาเปรียบเทียบกัน
และได้ข้อสรุปว่าถุงน่องของคู่แข่งไม่สามารถมาแทนได้
เพราะใส่ไม่สบายเท่าแบรนด์ L'eggs
ซึ่งหลังจากทดลองไปไม่นาน
ผลประกอบการต่อมาก็เป็นไปตามคาด
ยอดขายถุงน่องแบรนด์ L'eggs เติบโตพุ่งทะยาน
ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นเป็นหลายเท่า
จากเรื่องนี้ทำให้เห็นว่า หุ้นที่ดีอาจใกล้ตัวเรากว่าที่คิด
และบางธุรกิจอาจจะอยู่ในชีวิตประจำวันของเรามากกว่าที่เราคิด
เพียงแต่เราไม่ได้นึกถึง
ยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัดเลยก็คงหนีไม่พ้น
Apple ที่บุกเบิกสมาร์ตโฟนเป็นเครื่องแรกของโลก
หากลงทุนตั้งแต่ที่ iPhone เริ่มเข้าประเทศไทยช่วงแรก
จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้ถึง 42 เท่า
หรือแม้แต่โปรแกรมแต่งภาพอย่าง Adobe
ที่เติบโตตามงานกราฟิก ที่ไม่ว่าเราจะทำคอนเทนต์อะไร
ก็มักจะต้องใช้โปรแกรมนี้สร้างขึ้นแทบจะทั้งนั้น
หากเราลงทุนตั้งแต่เราเริ่มใช้ Adobe ก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมหาศาลเช่นกัน
แต่การใช้วิธีนี้ ต้องระวังอคติ
ที่เกิดขึ้นจากสินค้าหรือบริการที่เราใช้เองด้วย
เพราะบางครั้งเราอาจมองโลกในแง่ดีหรือร้ายจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์คำซุบซิบนินทา หรือ Scuttlebutt
ก็เป็นหนึ่งในไอเดียการหาข้อมูลประกอบการวิเคราะห์หุ้นที่น่าสนใจ
เพราะหากเราทำอย่างสม่ำเสมอ มันก็ถือเป็นวินัยที่ดีของนักลงทุน
ที่จะทำให้เรารู้ลึก รู้จริง และรู้มากกว่าตัวเลขรายได้กำไรในอดีต
ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ ที่ไม่ว่าใคร ก็รู้เหมือน ๆ กับเรา..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-หนังสือ Common Stocks and Uncommon Profits โดย ฟิลลิป ฟิชเชอร์
-หนังสือ One Up on Wall Street โดย ปีเตอร์ ลินซ์
-http://www.scuttlebuttinvestor.com/blog/2018/11/19/the-scuttlebutt-method
-https://finance.yahoo.com/quote/AAPL?p=AAPL&.tsrc=fin-srch
-https://finance.yahoo.com/quote/ADBE?p=ADBE&.tsrc=fin-srch
-https://finance.yahoo.com/quote/COM7.BK?p=COM7.BK&.tsrc=fin-srch
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
oppday 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ทำไม Jubilee ร้านขายเพชร ถึงทำกำไรได้มาก ในช่วงวิกฤติ /โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามว่า ในตลาดหุ้น มีบริษัทไหนที่ทำธุรกิจไม่เหมือนใครบ้าง หนึ่งในนั้นน่าจะมีชื่อของ Jubilee
เนื่องจากเป็นบริษัทเดียวในตลาดหุ้นที่ทำธุรกิจจำหน่ายเครื่องประดับและเพชร
หลายคนอาจคิดว่า ธุรกิจที่ขายสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างเครื่องประดับหรูหราคงจะได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด 19 เนื่องจากเป็นสินค้าที่ลูกค้ามักจะชะลอการซื้อออกไป
เมื่อเทียบกับสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน
แต่เรื่องนี้อาจไม่จริงเสมอไป เพราะ Jubilee หนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจขายเครื่องประดับเพชรและเพชรกะรัต กลับทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทเลยทีเดียว
ทำไม Jubilee จึงยังเติบโตได้ในช่วงเวลาแบบนี้ ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Jubilee กันก่อน
จุดเริ่มต้นของ Jubilee เกิดขึ้นมาจากร้านขายเพชรแถวย่านสะพานเหล็ก โดยใช้ชื่อว่า “ร้านซุยฮั้ว”
ต่อมาคุณวิโรจน์ พรประกฤต ซึ่งเป็นทายาทในรุ่นต่อมา มองว่าด้วยความที่วิถีชีวิตของคนเริ่มเปลี่ยนไป ลูกค้ามักจะเดินทางไปห้างสรรพสินค้ากันมากขึ้น พอเรื่องเป็นแบบนี้คุณวิโรจน์ ซึ่งขณะนั้นกำลังมองหาช่องทางจำหน่ายเพชร เพื่อให้ลูกค้าเดินทางมาสะดวกด้วย จึงต้องการที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าของเขา ผ่านการเช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า
ทำให้ในปี 2536 เขาจึงก่อตั้ง บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ขึ้น
และในปีต่อมา เขาได้เปิดสาขาในรูปแบบเคาน์เตอร์ขายเพชรแห่งแรกที่ห้างสรรพสินค้าเยาฮัน
ซึ่งถือเป็นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพชรแบบเคาน์เตอร์ครั้งแรกในประเทศไทย
ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้บุกเบิก การขายเพชรผ่านรูปแบบของเคาน์เตอร์ในห้างแล้ว Jubilee ยังได้สร้างมาตรฐานใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมซื้อขายเพชรในประเทศไทย
นั่นคือ เมื่อลูกค้าซื้อเพชรตั้งแต่ 0.30 กะรัต ขึ้นไป ลูกค้าต้องได้รับใบรับรองคุณภาพเพชร (Certificate) ที่ผ่านการรับรองจากสถาบันชั้นนำของโลกอย่าง GEMOLOGICAL INSTITUTE OF AMERICA (GIA) ซึ่งเป็นสถาบันอัญมณีหลักของประเทศสหรัฐอเมริกา และ HRD Antwerp (HRD) เป็นสถาบันอัญมณีของประเทศเบลเยียม
หลังจากนั้นกิจการก็เติบโตขึ้นเรื่อยมา
ปัจจุบัน รายได้ของบริษัทจะมาจาก
- เครื่องประดับเพชรและอื่น ๆ 87.97%
- เพชรกะรัต 11.71%
- ค่าบริการ 0.32%
9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีสาขาทั้งสิ้น 130 สาขาทั่วประเทศ โดยอยู่ในกรุงเทพฯ จำนวน 51 สาขาและต่างจังหวัด 79 สาขา
อย่างที่ทุกคนรู้ สถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 ที่เกิดขึ้นในประเทศตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว ทำให้ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งถูกปิดชั่วคราว ซึ่งร้าน Jubilee หลายแห่งนั้นตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าด้วย
รวมทั้งการที่คนเลื่อนจัดงานแต่งงานในช่วงดังกล่าว ก็น่าจะกระทบกับยอดขายเครื่องประดับเพชรและเพชรกะรัตไปพอสมควร
แต่ Jubilee ใช้โอกาสนี้ในการหันมาขายสินค้าผ่านช่องทาง E-commerce อย่างเต็มรูปแบบหลังจากที่เริ่มพัฒนาช่องทางดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2562 ผ่านทาง Lazada, Shopee, JD Central, Robinson Online รวมทั้ง Instagram, Facebook, Website รวมไปถึง Line ของบริษัท ซึ่งช่องทางดังกล่าว ทำให้บริษัทมีรายได้มาชดเชยกับช่องทางขายรูปแบบเดิมที่ลดลงได้บ้าง ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19
ขณะที่ Jubilee ยังพยายามขยายฐานลูกค้าใหม่เข้าสู่กลุ่มที่มีกำลังซื้อสินค้าในช่วงราคาหลักหมื่นต้น ๆ เมื่อรวมกับความพยายามในการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของบริษัทเป็นอย่างดี
รายได้และกำไรของบริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)
ปี 2561 รายได้ 1,554 ล้านบาท กำไร 191 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 1,820 ล้านบาท กำไร 262 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 1,708 ล้านบาท กำไร 267 ล้านบาท
สังเกตได้ว่า ถึงแม้รายได้ของบริษัทจะลดลง แต่กำไรกลับเพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน Jubilee อยู่ภายใต้การบริหารงานโดยคุณอัญรัตน์ พรประกฤต ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลพรประกฤต ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณวิโรจน์ ผู้ก่อตั้ง Jubilee นั่นเอง
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ หุ้น Jubilee ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ mai ในชื่อย่อว่า JUBILE ซึ่งเป็นแหล่งระดมทุนของธุรกิจที่มีศักยภาพขนาดรองจากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลักหรือ SET
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai แต่วันนี้มูลค่ากิจการของ Jubilee ก็สูงกว่า 4,300 ล้านบาท ซึ่งไม่น้อยไปกว่าหุ้นหลายตัวในตลาดหลักทรัพย์ SET เลย..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหุ้นตัวนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2563, บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)
-งบการเงินประจำปี 2563, บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)
-แบบฟอร์ม 56-1, บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)
-https://forbesthailand.com/people/thriving-30s/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95.html
- https://www.youtube.com/watch?v=sCXONyrNIKo
- http://jubile.listedcompany.com/misc/presentation/20201117-jubile-oppday-3q2020.pdf
- https://www.dermond.co.th/th/%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3-gia/
- http://jubile.listedcompany.com/misc/presentation/20201117-jubile-oppday-3q2020.pdf
oppday 在 Mao-Investor Facebook 的最佳解答
#OppDay
แนะนำฟังก์ชันใหม่ในเว็บ SET (ไม่รู้มีนานยังแต่เม่าเพิ่งเห็นอ่ะ) รวบรวมวิดีโอ Opp Day ประมาณ 2-300 บริษัทมาให้ฟังกัน (บางบริษัทที่ยังไม่เริ่มจะขึ้นว่า upcoming )
ว่างๆ เปิดฟังระหว่างทำงานสนุกดีจ้า บริษัทละ 1 ชั่วโมงเอง ผู้บริหารจะมาสรุปธุรกิจและผลการดำเนินงานของปีที่แล้วให้ฟัง ใครเป็น FC บริษัทไหนก็ตามไปปั่นวิวกันได้เลย
https://www.set.or.th/streaming/#/vdos-oppday