รู้จัก Vinamilk ผู้ผลิตนมสัญชาติเวียดนาม ที่ใหญ่กว่า CPF /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า บริษัทนมที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามมีมูลค่ามากกว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ผู้ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจรในประเทศไทย
บริษัทนี้ชื่อว่า “Vinamilk” ที่น่าสนใจคือ
หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Vinamilk คือบริษัทของคนไทยอีกด้วย
เรื่องนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Vinamilk หรือชื่อเต็มคือ Vietnam Dairy Products Joint Stock Company ก่อตั้งขึ้นในปี 1976 โดยบริษัท Southern Coffee-Dairy ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลที่ไปซื้อกิจการมาจากบริษัทเอกชนอีกที
Vinamilk เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2003
โดยปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ Vinamilk คือ
- กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของเวียดนาม (State Capital Investment Corporation) ถือหุ้นอยู่ 36.0%
- กลุ่มบริษัท F&N ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ของคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี ถือหุ้นอยู่ 20.0%
- Jardine บริษัทโฮลดิงจากสิงคโปร์ ถือหุ้นอยู่ 10.6%
- ผู้ถือหุ้นรายย่อย ถือหุ้นอยู่ 33.4%
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนต่างชาติที่สนใจลงทุนในหุ้น Vinamilk ไม่สามารถซื้อหุ้นของบริษัทได้ เนื่องจากติดข้อจำกัดการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ (Foreign Holding Limit) ให้ถือได้ไม่เกิน 49%
ที่เป็นแบบนี้ เพราะรัฐบาลเวียดนามเกรงว่า ถ้านักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นจนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อาจทำให้เข้ามามีอิทธิพลกับการดำเนินงานของบริษัทมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม กฎเกณฑ์นี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วในปี 2016 โดยอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าถือหุ้นในบริษัทได้สูงสุด 100%
แต่ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่สุดก็ยังเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของเวียดนามอยู่ดี
ปัจจุบัน Vinamilk ทำธุรกิจผลิตนมและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนมรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มีโรงงานผลิตนม และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 15 แห่ง กระจายอยู่ทั้งในเวียดนาม กัมพูชา และสหรัฐอเมริกา
สินค้าของบริษัทที่ผลิตออกมาขายนั้นมีมากกว่า 250 รายการ เช่น นมพร้อมดื่ม, นมผง, โยเกิร์ต, นมข้นหวาน, ครีมเทียมข้นหวาน, ไอศกรีม, ชีส, นมถั่วเหลือง
รู้ไหมว่า ผลิตภัณฑ์นมหลายชนิดของ Vinamilk ครองส่วนแบ่งในสัดส่วนที่สูงในเวียดนาม เช่น
โยเกิร์ต 83%
นมข้น 79%
นมเหลว 59%
นมผง 42%
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Vinamilk มีความได้เปรียบในการทำธุรกิจคือ การที่บริษัททำธุรกิจผลิตนมและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนม ครอบคลุม “ต้นน้ำถึงปลายน้ำ” โดยเริ่มตั้งแต่
- มีฟาร์มโคนมของตัวเอง รวมไปถึงการทำสัญญาซื้อขายนมจากฟาร์มจากเครือข่ายเกษตรกร
- มีโรงงานผลิตเป็นของตนเองหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- มีระบบกระจายสินค้าขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้วางขายได้หลายช่องทาง ตั้งแต่ร้านค้าปลีกดั้งเดิม ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ โรงแรม และร้านอาหาร
ปัจจุบัน สินค้าของบริษัทมีการส่งออกไปขายยังต่างประเทศถึง 55 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วยที่ Vinamilk เริ่มเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2016
รายได้และกำไรของ Vinamilk
ปี 2018 รายได้ 73,600 ล้านบาท กำไร 14,300 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 79,000 ล้านบาท กำไร 14,800 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 83,600 ล้านบาท กำไร 15,700 ล้านบาท
แม้ว่าปีที่ผ่านมา วิกฤติโควิด 19 จะทำให้เศรษฐกิจเวียดนามโตได้เพียง 2.9% ต่ำสุดในช่วงปี 2011-2020 แต่ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทก็ยังสามารถเติบโตได้ประมาณ 6%
ซึ่งบริษัทก็ให้เหตุผลว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภคชาวเวียดนามให้ความใส่ใจต่อสุขภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้เริ่มหันมาบริโภคนมและโยเกิร์ตกันมากขึ้น
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ในปี 2019 ข้อมูลจาก Euromonitor ระบุว่าเวียดนาม เป็นประเทศที่คนบริโภคนมยังถือว่าอยู่ในอัตราต่ำ เมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ
- คนเกาหลีใต้ บริโภคนม 42.5 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
- คนไทย บริโภคนม 33.5 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
- คนมาเลเซีย บริโภคนม 25.7 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
- คนจีน บริโภคนม 22.3 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
- คนเวียดนาม บริโภคนม 21.8 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
นอกจากนี้ อีกกุญแจดอกสำคัญที่ทำให้นักลงทุนหลายคนเชื่อว่าธุรกิจของ Vinamilk มีโอกาสเติบโต เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศที่คาดว่ายังเติบโตในระดับสูง
โดยข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า เศรษฐกิจของเวียดนามจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6.5-7.5% ต่อปี ตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงปี 2030
เมื่อรวมกับการที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ
การดื่มและทานสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ
และตลาดผู้บริโภคของเวียดนาม ที่มีประชากรมากถึง 98 ล้านคน
ธุรกิจผลิตนมของ Vinamilk ก็ดูจะมีโอกาสให้เติบโต ได้อีกไม่น้อย
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ในปี 2015 มูลค่าบริษัท Vinamilk เท่ากับ 127,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบัน มูลค่าบริษัทของ Vinamilk เพิ่มขึ้นมาเป็น 250,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมาเกือบ 1 เท่าตัว
ทำให้ไม่เพียงแต่ Vinamilk ถือเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียน ที่มีขนาดใหญ่รายหนึ่งในตลาดหุ้นเวียดนาม
แต่ยังใหญ่กว่าหุ้นของบริษัท CPF ที่มีมูลค่า 220,000 ล้านบาท ในวันนี้..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหุ้นตัวนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.vinamilk.com.vn/en/investor-relations
-https://pitchbook.com/profiles/company/51388-93
-https://www.statista.com/statistics/1116885/vinamilk-market-share-of-dairy-products-by-type/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Vinamilk
-https://en.wikipedia.org/wiki/Jardine_Cycle_%26_Carriage
-https://forbesthailand.com/world/asia/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A3.html
-https://www.macrotrends.net/countries/VNM/vietnam/population-growth-rate
-https://www.worldometers.info/world-population/vietnam-population/
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過1,700的網紅IEObserve,也在其Youtube影片中提到,As the world population aging, the global economy will inevitably decelerate. People should fully aware that lower inflation, lower interest rate, and...
「population growth rate」的推薦目錄:
- 關於population growth rate 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於population growth rate 在 Facebook 的最佳解答
- 關於population growth rate 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於population growth rate 在 IEObserve Youtube 的最佳解答
- 關於population growth rate 在 GLOBAL POPULATION GROWTH RATE IS FALLING - YouTube 的評價
- 關於population growth rate 在 19.2 Population Growth and Decline 的評價
population growth rate 在 Facebook 的最佳解答
In the world's most populous country, population growth is slipping.
#China reported an average growth rate of 0.53% over the past decade -- 0.04% lower than the previous decade.
Yong Cai, a professor of sociology at the University of North Carolina, says this is the slowest growth China has posted since 1962.
Here's the latest on the once-in-a-decade census and the implications for China.
population growth rate 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ทำไมมีคนบราซิล เชื้อสายญี่ปุ่น เป็นจำนวนมาก / โดย ลงทุนแมน
426,000 คน คือจำนวนประชากรญี่ปุ่น ที่ลดลงไปในปี 2020 ที่ผ่านมา
และรู้หรือไม่ว่า ประชากรญี่ปุ่นลดลง 2,600,000 คนแล้ว จากจุดสูงสุดในปี 2009
ทำให้ล่าสุดประชากรญี่ปุ่นเหลืออยู่ 126 ล้านคน
ด้วยอัตราการเกิดที่ลดลง และสัดส่วนผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
องค์กร OECD ได้คาดการณ์ว่า ภายในปี 2030
ประชากรญี่ปุ่นจะลดลง จนเหลือเพียง 121 ล้านคน
ซึ่งเรื่องนี้ จะนำมาซึ่งปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก
หนึ่งในทางออกที่น่าสนใจและเป็นไปได้ ก็คือ การเปิดรับแรงงานผู้อพยพจากต่างประเทศ
ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามแก้ปัญหาดังกล่าว
ทั้งการให้วีซ่าระยะ 5 ปี แก่แรงงานทั่วไป
และการอนุญาตให้อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นได้อย่างถาวรสำหรับแรงงานทักษะสูง
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ในปี 2019 ญี่ปุ่น มีแรงงานต่างชาติอยู่ประมาณ 1.7 ล้านคน ซึ่งประกอบไปด้วย
1. ชาวจีน 418,327 คน
2. ชาวเวียดนาม 401,326 คน
3. ชาวฟิลิปปินส์ 179,685 คน
4. ชาวบราซิล 135,455 คน
อันดับ 1-3 เป็นแรงงานจากประเทศในทวีปเอเชียเหมือนกัน และตั้งอยู่ไม่ไกลจากญี่ปุ่นมากนัก
แต่สำหรับบราซิล ประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ คนละซีกโลกกับญี่ปุ่น
ทำไมถึงมีชาวบราซิลจำนวนมาก มาเป็นแรงงานในประเทศญี่ปุ่น ?
ญี่ปุ่น กับ บราซิล
2 ประเทศนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในปัจจุบัน ทุกคนทราบกันดีว่า ญี่ปุ่นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลก
ถึงแม้จะเจอปัญหาเศรษฐกิจมาตลอด 30 ปี นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990s
แต่ญี่ปุ่นก็ยังเป็นที่ตั้งของบริษัทระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์
สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ชั้นนำของโลก
แต่หากย้อนกลับไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ราวปี ค.ศ. 1900
ประชากรส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นยังเป็นเกษตรกรยากจน
และเวลานั้นญี่ปุ่นมีประชากรมากถึง 44 ล้านคน
ด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นหมู่เกาะที่มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีพื้นที่ทำการเกษตรน้อย
การขาดแคลนอาหารจึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นบางส่วนเริ่มอพยพไปทำมาหากินยังต่างแดน
โดยจุดมุ่งหมายสำคัญ คือ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และฮาวาย
ซึ่งการอพยพในครั้งนั้น ก็ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลญี่ปุ่น
เพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนอาหารภายในประเทศแล้ว แรงงานยังสามารถส่งเงินกลับมาพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้คนในญี่ปุ่นได้ด้วย
จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลญี่ปุ่น มีการทำสนธิสัญญากับราชอาณาจักรฮาวาย เพื่อส่งแรงงานไปทำงานในไร่อ้อยและไร่สับปะรด
จุดเปลี่ยนสำคัญคือหลังสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War) ที่จบลงในปี ค.ศ. 1905
ทำให้ทหารที่ว่างจากภาวะสงครามบางส่วน ต้องกลับมาแย่งงานประชาชนในญี่ปุ่น
จนทำให้ภาวะว่างงานในญี่ปุ่นยิ่งพุ่งสูงขึ้น
เมื่อบวกกับ การสิ้นสุดลงของสนธิสัญญาส่งแรงงานให้กับฮาวาย ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19
ประกอบกับการจำกัดผู้อพยพเชื้อสายเอเชีย ในสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย
ก็ทำให้จุดมุ่งหมายของแรงงานอพยพชาวญี่ปุ่น ต้องเริ่มเบนเข็มลงใต้
เปลี่ยนจากฮาวาย ไปยังทวีปกว้างใหญ่ ที่มีที่ดินทำการเกษตรมหาศาลอย่างอเมริกาใต้
โดยประเทศที่น่าสนใจที่สุด ก็คือ “บราซิล”
ในตอนนั้น เศรษฐกิจของบราซิล กำลังรุ่งเรือง
ด้วยการเติบโตของการส่งออกกาแฟ
กาแฟถูกนำเข้ามาปลูกในบราซิลตั้งแต่ศตวรรษที่ 18
เมื่อกาแฟเริ่มเป็นที่นิยมในยุโรป จึงเกิดการขยายตัวของการปลูกกาแฟในบราซิลเพื่อส่งออกไปยังยุโรป ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
โดยในช่วงแรกๆ บราซิลเน้นการใช้แรงงานทาสจากแอฟริกา
แต่เมื่อการค้าทาสสิ้นสุดลง จึงมีการอพยพของแรงงานจากยุโรปเข้าไปบราซิล โดยเฉพาะอิตาลี
แต่ด้วยชีวิตความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ และการใช้แรงงานหนัก
ทำให้ชาวอิตาลีอพยพมาทำงานในบราซิลน้อยลงเรื่อยๆ
ในปี ค.ศ. 1900 บราซิลที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าญี่ปุ่น 25 เท่า
และมีความต้องการขยายพื้นที่ปลูกกาแฟอย่างมหาศาล
แต่ในตอนนั้นบราซิล มีประชากรเพียง 17 ล้านคน ซึ่งน้อยกว่าญี่ปุ่นเกือบ 3 เท่า
บราซิลจึงกลายเป็นจุดหมายใหม่ของชาวญี่ปุ่นผู้ไม่เกี่ยงงาน และหนักเอาเบาสู้
ในปี ค.ศ. 1908 จึงมีการทำสัญญาส่งแรงงานอย่างเป็นทางการให้กับบราซิล
และชาวญี่ปุ่นกลุ่มแรกเกือบ 1,000 คน ก็ออกเดินทางจากเมืองโกเบ มายัง เมืองเซาเปาลู
หลังจากนั้น ก็มีชาวญี่ปุ่นอพยพมาสู่บราซิลมากขึ้นเรื่อยๆ
จนสูงสุดเกือบ 100,000 คน ในช่วงทศวรรษ 1930s
ต่อมา ชาวญี่ปุ่นกลุ่มนี้ ก็เก็บหอมรอมริบ จากแรงงานในไร่กาแฟ เติบโตมาเป็นเจ้าของไร่
บางส่วนก็ออกมาเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ
โดยชาวญี่ปุ่นในบราซิลส่วนใหญ่ จะอาศัยอยู่ในเขตเมืองใหญ่ และเมืองศูนย์กลางธุรกิจทางตอนใต้ของบราซิล เช่น เซาเปาลู รีโอเดจาเนโร และซานโตส
จนในปัจจุบัน ชาวญี่ปุ่นที่เป็นลูกหลานของผู้อพยพ มีจำนวนประมาณ 2,000,000 คน
ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1% ของประชากรบราซิลทั้งประเทศ
และถือเป็นชุมชนชาวญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในต่างประเทศอีกด้วย
ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็คือคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไม ถึงมีชาวญี่ปุ่นในบราซิลเป็นจำนวนมาก นั่นเอง..
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของชะตากรรมทั้ง 2 ประเทศ คือหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
บราซิลที่เคยรุ่งเรืองด้วยการส่งออกกาแฟ สินค้าเกษตร และแร่ธาตุต่างๆ ต้องพบเจอกับความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ จนเกิดเป็นวิกฤติเศรษฐกิจหลายครั้ง
ตรงกันข้ามกับญี่ปุ่น ที่แม้จะจบสงครามลงด้วยความพ่ายแพ้และสูญเสีย
แต่ก็พลิกฟื้นขึ้นมาจนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก
เมื่อชะตากรรมพลิกผัน คราวนี้กลับกลายเป็นชาวบราซิล ที่อพยพเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นแทน..
ชาวบราซิลเชื้อสายญี่ปุ่นบางส่วน อพยพกลับมาทำงานยังถิ่นฐานของบรรพบุรุษ
โดยเฉพาะหลังช่วงทศวรรษ 1990s ที่วัยแรงงานของญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะขาลง
แต่ปัญหาของชาวบราซิลที่มีเชื้อสายญี่ปุ่นก็คือ ถึงแม้จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับชาวญี่ปุ่น
แต่การเติบโตในประเทศที่มีวัฒนธรรมแตกต่าง ทั้งภาษา ที่ชาวบราซิลเชื้อสายญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้ภาษาโปรตุเกส ไม่สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ ทำให้ชาวบราซิลเชื้อสายญี่ปุ่นเหล่านี้ประสบปัญหาในการทำงานที่ต้องใช้ทักษะที่สูงขึ้น
ในขณะที่สังคมญี่ปุ่นที่มีความเป็นสังคมเชื้อชาติเดียวมาอย่างยาวนาน มีระบบความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและแบ่งแยกชัดเจนระหว่างคนญี่ปุ่นด้วยกันกับคนต่างชาติ
ก็มีความกังวลว่าแรงงานต่างชาติจะนำปัญหามาให้ ทั้งอาชญากรรม ความขัดแย้งทางศาสนา และวัฒนธรรม
แรงงานอพยพเหล่านี้จึงถูกกดดัน ทั้งการเอารัดเอาเปรียบด้านค่าแรง และการยอมรับในสังคม ในขณะที่ลูกหลานของแรงงานก็ถูกข่มเหงรังแกในชั้นเรียน
แต่อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นก็ยังคงต้องการแรงงานจากต่างชาติ เพื่อเข้ามาเติมเต็มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิต และงานบริการตามร้านค้าต่างๆ
ก็เป็นที่น่าติดตามว่า ชาวบราซิลเชื้อสายญี่ปุ่น จะช่วยเติมเต็มความต้องการแรงงานได้หรือไม่?
และจะมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงสังคมของญี่ปุ่นในอนาคตอย่างไรบ้าง
และถ้าหันกลับมามองที่ประเทศไทยของเรา
ในปี 2019 ประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาแรงงานต่างชาติถึง 3 ล้านคน
และเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประชากรวัยแรงงานจะลดลงเรื่อยๆ ในอนาคต
ก็คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แรงงานต่างชาติในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และแรงงานเหล่านั้น ก็มีส่วนสำคัญ
ในการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน..
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.macrotrends.net/countries/JPN/japan/population-growth-rate
-https://www.nippon.com/en/japan-data/h00676/record-1-66-million-foreign-workers-in-japan-in-2019.html
-https://immigrationtounitedstates.org/599-immigration-convention-of-1886.html
-https://tdri.or.th/2020/02/japan-labor-issues/
population growth rate 在 IEObserve Youtube 的最佳解答
As the world population aging, the global economy will inevitably decelerate. People should fully aware that lower inflation, lower interest rate, and lower GDP growth projection will be the new normal .
老化的世界,無可避免的經濟成長趨緩
Data Source: World Bank
population growth rate 在 19.2 Population Growth and Decline 的推薦與評價
This rate has declined over the last few decades and is projected to further decline over the next four decades. This means that while the world's population ... ... <看更多>
population growth rate 在 GLOBAL POPULATION GROWTH RATE IS FALLING - YouTube 的推薦與評價
... <看更多>