ประเทศไหน ใช้เงินสด น้อยที่สุดในโลก ? /โดย ลงทุนแมน
วิธีการชำระเงินของมนุษย์ ได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
จากเปลือกหอย เหรียญ ธนบัตร จนมาถึงยุคปัจจุบัน
ที่เราใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน
ซึ่งเรียกกันว่ายุค Cashless Society หรือสังคมไร้เงินสด
หากให้ลองนึกถึงประเทศที่เป็นผู้นำในด้านนี้
หลายคนก็น่าจะนึกถึงประเทศจีน หรือไม่ก็สหรัฐอเมริกา
แต่คำตอบที่ได้จะไม่ใช่ทั้ง 2 ประเทศนี้เลย
แล้วประเทศนั้นคือประเทศอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ประเทศที่ใช้เงินสดน้อยที่สุดในโลก คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ประเทศแห่งนี้มีสัดส่วนการใช้เงินสดอยู่ที่ 51%
เมื่อเทียบกับธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดในประเทศ
รองลงมาจะเป็นประเทศในแถบยุโรปฝั่งเหนือ
ซึ่งก็ได้แก่ ฟินแลนด์, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร และสวีเดน
ที่สัดส่วนการใช้เงินสดเฉลี่ยอยู่ที่ 55%
แต่พอมาวันนี้ หากเราลองมาดูสัดส่วนการใช้เงินสดของ 5 ประเทศ ที่ใช้เงินสดน้อยที่สุดในโลก
อันดับที่ 1 สวีเดน 9%
อันดับที่ 2 เนเธอร์แลนด์ 14%
อันดับที่ 3 สหราชอาณาจักร 23%
อันดับที่ 4 ฟินแลนด์ 24%
อันดับที่ 5 สหรัฐอเมริกา 28%
กลับกลายเป็นว่าแชมป์โลกเมื่อ 10 ปีก่อน อย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ตกไปอยู่อันดับที่ 5
และประเทศ “สวีเดน” ได้กลายมาเป็นประเทศที่ไร้เงินสดที่สุดในโลก
คำถามที่ตามมาก็คือ เพราะอะไร ?
จริง ๆ แล้ว หากย้อนไปในอดีตจะพบว่าประเทศสวีเดน ถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเงินมาอย่างยาวนาน อ้างอิงจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่
ปี 1661 เป็นประเทศแรกในยุโรปที่เริ่มใช้ธนบัตร
ปี 1967 เริ่มใช้ตู้ ATM เป็นประเทศที่ 2 ของโลก ช้ากว่าประเทศแรกอย่างอังกฤษเพียง 1 สัปดาห์
และรู้หรือไม่ว่า ภายในปี 2023 เราอาจไม่ได้เห็นการใช้เงินสดในประเทศสวีเดนอีกเลย
เพราะมีการคาดการณ์ว่าภายในเดือนมีนาคม ปี 2023
ประเทศสวีเดนจะเป็นสังคมไร้เงินสดได้อย่างสมบูรณ์ เป็นประเทศแรกของโลก
นอกเหนือจากการเป็นผู้นำนวัตกรรมการเงินแล้ว
ประเทศสวีเดนยังได้รับความร่วมมือกันจากทุกฝ่าย
ทั้งผู้พัฒนาและผลักดันเทคโนโลยี รวมถึงผู้ใช้งาน
ในด้านของผู้พัฒนาเทคโนโลยี ประเทศสวีเดนถือว่าเป็นประเทศแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี
เห็นได้จากแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลกอย่าง Spotify, SoundCloud และ Skype
หรือแม้แต่ยูนิคอร์นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งมีชื่อว่า Klarna ก็ก่อตั้งจากประเทศแห่งนี้
และแน่นอนว่ามันเป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับระบบการชำระเงินผ่านการซื้อของออนไลน์
ที่ขาดไม่ได้คือแรงผลักดันจากรัฐบาลและกลุ่มสถาบันการเงิน
ที่ได้ออกกฎเพื่อสนับสนุนให้ร้านค้ารับชำระเงินจากลูกค้าในแบบอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งการที่ภาครัฐผลักดันให้เลิกใช้เงินสด นอกจากเรื่องของความสะดวกสบายและง่ายต่อการใช้งานแล้ว
สิ่งสำคัญไม่แพ้กันก็คือ การลดการก่ออาชญากรรม ทั้งการปล้นเงินสด หรือการซื้อขายสิ่งผิดกฎหมาย เพราะธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ตจะสามารถตรวจสอบได้
ในขณะเดียวกัน เงินสดยังมีต้นทุนในการจัดการสูง โดยเฉพาะเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย
จุดเปลี่ยนสำคัญที่นำสวีเดนไปสู่สังคมไร้เงินสดเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2012
โดยธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน 6 แห่ง รวมถึงธนาคารกลางสวีเดน
ได้ร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับระบบการชำระเงินผ่านสมาร์ตโฟน ที่มีชื่อว่า “Swish”
ตรงนี้ก็น่าคิดเหมือนกันว่า จริง ๆ แล้วประเทศไทยเอง
ก็มีระบบพร้อมเพย์ รวมไปถึงแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่ถูกผลักดันโดยรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานราว 40 ล้านคน
ก็น่าคิดเหมือนกันว่าเราจะมีพัฒนาการในลักษณะเดียวกันกับสวีเดนได้หรือไม่
กลับมาที่ Swish แอปพลิเคชันดังกล่าวมีเป้าหมายหลัก เพื่อสนับสนุนให้ชาวสวีเดน
เปลี่ยนมามีวิถีชีวิตแบบที่ไม่ใช้เงินสดได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ
เพราะปัจจุบันมีชาวสวีเดนที่ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันนี้ มากกว่า 60% ของประชากรแล้ว
และในปัจจุบัน ธนาคารกลางสวีเดนก็กำลังพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง
ชื่อว่า e-krona ที่คาดว่าจะใช้งานได้จริงภายในปี 2025 อีกด้วย
ในส่วนของผู้ใช้เทคโนโลยีก็สำคัญเช่นกัน เพราะชาวสวีเดนถือได้ว่าเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ได้เร็ว
สะท้อนมาจากผลสำรวจเมื่อปลายปี 2020 ที่ว่า คนสวีเดนทุก 3 ใน 4 คน
เลือกที่จะใช้จ่ายโดยไม่ใช้เงินสด ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลก
เป็นรองเพียงประเทศเกาหลีใต้
ในขณะที่ชาวสวีเดนมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึง 94% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในประเทศ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ได้ขับเคลื่อนสวีเดน
ให้เข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้รวดเร็วที่สุดในโลกนั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยคำถามที่หลายคนอาจจะยังสงสัยว่า แล้วจีนอยู่ตรงไหน ?
เรามาดู อันดับประเทศที่ใช้เงินสดน้อยที่สุดในเอเชีย ก็คือ
อันดับที่ 1 เกาหลีใต้ ใช้เงินสด 34%
อันดับที่ 2 สิงคโปร์ ใช้เงินสด 39%
อันดับที่ 3 จีน ใช้เงินสด 41%
จะเห็นได้ว่าตอนนี้ประเทศจีนยังอยู่ในอันดับที่ 3
แต่หากเราย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน
รู้หรือไม่ว่าสมัยนั้นคนจีนยังใช้เงินสดกันทั้งประเทศ
ถึงตรงนี้ เราก็คงสรุปได้ว่าอีกหน่อยโลกของเราก็น่าจะหมุนเข้าหาสังคมไร้เงินสดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และตัวกลางในการรับชำระอย่างเหรียญและธนบัตร ที่ใช้กันมานานกว่าหลายชั่วอายุคน
อาจจะกลายเป็นของสะสม หรือเป็นวัตถุโบราณที่หาดูได้ แค่ในพิพิธภัณฑ์..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.mckinsey.com/~/media/mckinsey/industries/financial%20services/our%20insights/accelerating%20winds%20of%20change%20in%20global%20payments/2020-mckinsey-global-payments-report-vf.pdf
-https://interestingengineering.com/sweden-how-to-live-in-the-worlds-first-cashless-society
-https://www.weforum.org/agenda/2021/01/this-chart-shows-cash-cashless-finance-payment-methods-global-preference/
-https://data.worldbank.org/indicator/IT.NET.USER.ZS?most_recent_value_desc=true
-https://en.wikipedia.org/wiki/Swish_(payment)
preference wiki 在 Drama-addict Facebook 的最佳解答
อ้อ เรือไดหมึก ส่องแสงขึ้นฟ้า
แสงสีเขียวปริศนา เหนือน่านฟ้าไทย
เมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม 2563) มีการแชร์ภาพจากพื้นที่ในจังหวัดระนอง ที่เห็นแสงสีเขียวแปลกประหลาดส่องสว่างขึ้นเหนือขอบฟ้าในทางทิศตะวันตก และตั้งข้อสงสัยว่าเป็นอะไรกันแน่
แสงสีเขียวนั้นเกิดขึ้นได้ค่อนข้างยากในธรรมชาติ สามารถเกิดขึ้นได้หากมีอุกกาบาตไฟร์บอลลูกใหญ่ๆ ที่มีโลหะนิกเกิลเป็นองค์ประกอบ จะสามารถส่องเป็นแสงสีเขียวได้ แต่ก็จะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะดับไป จึงไม่ใช่ อีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือแสงจากออโรร่า ที่เปล่งออกมาเป็นสีเขียว แต่ออโรร่านั้นไม่สามารถสังเกตเห็นได้จากแถบใกล้ศูนย์สูตรเช่นประเทศไทย ยกเว้นเสียแต่จะมีพายุสุริยะที่รุนแรงมาก ซึ่งก็จะต้องได้รับรายงานเห็นในที่ละติจูดที่สูงกว่าเช่นกัน รายนี้ก็ตกไปเช่นกัน
ความเป็นไปได้เดียวที่หลงเหลืออยู่ ก็คือแสงที่มนุษย์สร้าง ซึ่งหากพิจารณาจากว่าในริมชายฝั่งประเทศไทยมีการประกอบการประมงใช้ "เรือไดหมึก" ซึ่งปล่อยแสงสีเขียวสว่างจ้าไปทั่วท้องฟ้ากันเป็นประจำ คำอธิบายที่ชัดเจนและง่ายที่สุดก็คือแสงจากเรือไดหมึกนั่นเอง ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้กับภาพที่ผมถ่ายเอาไว้เองเมื่อปี 2014 (ภาพบนซ้าย) จะเห็นได้ว่าไม่ต่างอะไรกันมากนัก
อาจจะแค่บังเอิญว่าวันนั้นสภาพอากาศทำให้แสงเรือไดหมึกสะท้อนออกมามากที่สุดก็ได้ ก็เลยดูแปลกตา แตกตื่นกันเป็นพิเศษ แสงสีเขียวเดียวกันนี้เคยทำให้แตกตื่นกันไปถึงในอวกาศทีเดียว เพราะนักบินอวกาศที่ส่องลงมาจากสถานีอวกาศนานาชาติ ก็ต้องอึ้งกับแสงสีเขียวเหนือท้องทะเลไทยเช่นกัน (ภาพขวา)[2]
แต่สุดท้าย ทั้งหมดนี่ก็เป็นแค่แสงจากเรือไดหมึก ปริศนาไขกระจ่างแล้ว ปิดคดี จบข่าว แยกย้าย
(อัพเดต: ล่าสุดมีรายงานว่าแหล่งแสงที่มนุษย์สร้างอีกแหล่ง อาจจะมาจากประเทศเพื่อนบ้านครับ ซึ่งก็เป็นไปได้เช่นกัน และอาจจะทำให้เกิดแสงสว่างส่องไปบนเมฆได้อย่างที่เห็น แต่จะเก็บเนื้อหาเกี่ยวกับเรือไดหมึกเอาไว้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน)
แต่มาถึงตรงนี้เราอาจจะถามอะไรกันต่อ ว่าแต่ว่า แล้วทำไมต้องสีเขียว??? แสงสีเขียวมีความพิเศษอย่างไร? อันนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจ และไม่ได้ตอบกันง่ายๆ ต้องพิจารณากันหลายแง่มุม เป็นคำถามที่ส่งเสริม STEM ศึกษาอย่างแท้จริง
เราอาจจะเริ่มจากคำตอบในเชิงฟิสิกส์ แสงสีเขียวมีคุณสมบัติพิเศษอย่างไรหรือไม่กับน้ำทะเล? เป็นช่วงความยาวคลื่นพิเศษที่ส่องได้ดีหรือเปล่า? ปรากฏว่าแสงสีเขียวนั้นไม่ได้มีความพิเศษอะไร อยู่ตรงกลางๆ ของสเปกตรัม น้ำทะเลนั้นจะดูดกลืนแสงความยาวคลื่นมากได้ดีกว่า เป็นเหตุผลว่าทำไมน้ำทะเลจึงเป็นสีน้ำเงิน และเพราะเหตุใดสัตว์ใต้ท้องทะเลลึกจึงเป็นสีแดง เพราะแสงสีแดงนั้นไม่ตกถึงพื้นทะเลเลย ซึ่งถ้าพูดเช่นนั้นแล้วเราก็น่าจะอนุมานได้ว่าแสงสีน้ำเงินน่าจะส่องทะลุทะลวงได้ดีกว่า แล้วทำไมถึงไม่ใช้แสงสีน้ำเงิน??
ถัดไปเราอาจจะลองหาคำตอบเชิงชีววิทยาดูบ้าง เป็นไปได้ไหมที่แสงสีเขียวนี้เป็นแสงที่ตอบสนองได้ดีที่สุดในสัตว์จำพวกหมึก ว่าแต่ว่าทำไมไฟมันถึงล่อหมึกได้? มันจะพุ่งเข้ามาหาพระแสงอะไร?
ซึ่งคำตอบหลังนี้นั้นตอบได้ยากกว่ามาก ในงานวิจัยทีตีพิมพ์ในปี 1979 ได้ตั้งสมมติฐานการตอบสนองต่อแสงในสัตว์กลุ่ม Cephalopodd เอาไว้ 7 ประการด้วยกัน ได้แก่ 1) positive phototaxis 2) intensity preference
(brightness) 3) wavelength preference (color response) 4) conditioned or unconditioned response where light is associated with
food 5) curiosity6) photic disorientation and 7) hypnosis อย่างไรก็ตาม งานวิจัยดังกล่าวไม่สามารถยืนยันได้ว่าเพราะเหตุใดหมึกจึงพุ่งมาหาแสงไฟ
สำหรับแมลงบนบกนั้น เราพอจะทราบว่าสาเหตุทื่ "แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ" นั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะพวกมันพยายามใช้แสงจันทร์ในการนำทาง ดังที่เคยเขียนเอาไว้แล้ว[4] เป็นไปได้ว่าสัตว์น้ำอาจจะใช้วิธีเดียวกัน นอกจากนี้ เราทราบว่าเหล่าแพลงก์ตอนนั้นอาจจะถูกดึงดูดเข้าสู่แสงไฟ (แพลงก์ตอนส่วนหนึ่งก็เป็นผู้ผลิตที่สังเคราะห์แสง) และอาจจะล่อฝูงปลาขนาดเล็กตามมา ซึ่งล่อนักล่าลำดับถัดไปในห่วงโซ่อาหาร เช่น หมึก ให้ตามมาอีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถทราบเหตุผลที่แน่ชัดที่ดึงดูดหมึกมาได้ (เว้นแต่จะลองไปถามหมึกดูเอาเอง)
อย่างไรก็ตาม เราทราบว่าทั้งแพลงก์ตอนและหมึก ต่างก็ถูกล่อได้ด้วยทั้งแสงสีฟ้า และสีเขียว ไม่ต่างกัน ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะใช้แสงสีอื่น เช่นแสงจากหลอดโซเดียมที่มีสีเหลือง เราก็จะพบว่าแสงเหล่านั้นก็จะยังสามารถกระตุ้นเซลล์รับแสงของเหล่าสัตว์ทะเลได้เช่นเดียวกัน และปัจจัยที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ความสว่างเสียมากกว่าสเปกตรัมที่ใช้[5]
หรือว่าคำตอบอาจจะอยู่ในวิชาคณิตศาสตร์/เศรษฐศาสตร์? เป็นไปได้ไหมว่าหลอดไฟสีเขียวนั้นเป็นหลอดไฟที่มีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด? ซึ่งก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน เพราะว่าค่าไฟ หรือปริมาณพลังงานที่ใช้ไปในการปล่อยแสงไฟนั้น คิดเป็นส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับค่าน้ำมัน ค่าเรือ และค่าแรงที่ต้องใช้ไป
สุดท้าย คำตอบเพียงคำตอบเดียวที่อาจจะอธิบายแสงสีเขียวได้ดีที่สุด อาจจะอยู่ในวิชาสังคมศาสตร์ เราใช้แสงสีเขียว เพียงเพราะว่ามันเป็นแสงที่ "ฮิต" หรือได้รับความนิยมมากที่สุด เพียงเท่านั้นเอง และหากเราไปพิจารณาดูอุตสาหกรรมในการตกหมึกทั่วโลก เราก็จะพบว่าแต่ละประเทศนั้นมีสีที่ได้รับความนิยมที่แตกต่างกันออกไป
อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
[1] https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_5207937
[2] https://earthobservatory.nasa.gov/…/fishing-in-green-living…
[3] https://www.aoml.noaa.gov/…/Cl…/St.%20Croix/salt_river11.pdf
[4] https://www.facebook.com/…/a.2551016080333…/580687202141490/
[5] https://en.wikipedia.org/wiki/Fishing_light_attractor
preference wiki 在 มติพล ตั้งมติธรรม Facebook 的最佳解答
แสงสีเขียวปริศนา เหนือน่านฟ้าไทย
เมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม 2563) มีการแชร์ภาพจากพื้นที่ในจังหวัดระนอง ที่เห็นแสงสีเขียวแปลกประหลาดส่องสว่างขึ้นเหนือขอบฟ้าในทางทิศตะวันตก และตั้งข้อสงสัยว่าเป็นอะไรกันแน่
แสงสีเขียวนั้นเกิดขึ้นได้ค่อนข้างยากในธรรมชาติ สามารถเกิดขึ้นได้หากมีอุกกาบาตไฟร์บอลลูกใหญ่ๆ ที่มีโลหะนิกเกิลเป็นองค์ประกอบ จะสามารถส่องเป็นแสงสีเขียวได้ แต่ก็จะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะดับไป จึงไม่ใช่ อีกความเป็นไปได้หนึ่งก็คือแสงจากออโรร่า ที่เปล่งออกมาเป็นสีเขียว แต่ออโรร่านั้นไม่สามารถสังเกตเห็นได้จากแถบใกล้ศูนย์สูตรเช่นประเทศไทย ยกเว้นเสียแต่จะมีพายุสุริยะที่รุนแรงมาก ซึ่งก็จะต้องได้รับรายงานเห็นในที่ละติจูดที่สูงกว่าเช่นกัน รายนี้ก็ตกไปเช่นกัน
ความเป็นไปได้เดียวที่หลงเหลืออยู่ ก็คือแสงที่มนุษย์สร้าง ซึ่งหากพิจารณาจากว่าในริมชายฝั่งประเทศไทยมีการประกอบการประมงใช้ "เรือไดหมึก" ซึ่งปล่อยแสงสีเขียวสว่างจ้าไปทั่วท้องฟ้ากันเป็นประจำ คำอธิบายที่ชัดเจนและง่ายที่สุดก็คือแสงจากเรือไดหมึกนั่นเอง ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้กับภาพที่ผมถ่ายเอาไว้เองเมื่อปี 2014 (ภาพบนซ้าย) จะเห็นได้ว่าไม่ต่างอะไรกันมากนัก
อาจจะแค่บังเอิญว่าวันนั้นสภาพอากาศทำให้แสงเรือไดหมึกสะท้อนออกมามากที่สุดก็ได้ ก็เลยดูแปลกตา แตกตื่นกันเป็นพิเศษ แสงสีเขียวเดียวกันนี้เคยทำให้แตกตื่นกันไปถึงในอวกาศทีเดียว เพราะนักบินอวกาศที่ส่องลงมาจากสถานีอวกาศนานาชาติ ก็ต้องอึ้งกับแสงสีเขียวเหนือท้องทะเลไทยเช่นกัน (ภาพขวา)[2]
แต่สุดท้าย ทั้งหมดนี่ก็เป็นแค่แสงจากเรือไดหมึก ปริศนาไขกระจ่างแล้ว ปิดคดี จบข่าว แยกย้าย
(อัพเดต: ล่าสุดมีรายงานว่าแหล่งแสงที่มนุษย์สร้างอีกแหล่ง อาจจะมาจากประเทศเพื่อนบ้านครับ ซึ่งก็เป็นไปได้เช่นกัน และอาจจะทำให้เกิดแสงสว่างส่องไปบนเมฆได้อย่างที่เห็น แต่จะเก็บเนื้อหาเกี่ยวกับเรือไดหมึกเอาไว้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน)
แต่มาถึงตรงนี้เราอาจจะถามอะไรกันต่อ ว่าแต่ว่า แล้วทำไมต้องสีเขียว??? แสงสีเขียวมีความพิเศษอย่างไร? อันนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจ และไม่ได้ตอบกันง่ายๆ ต้องพิจารณากันหลายแง่มุม เป็นคำถามที่ส่งเสริม STEM ศึกษาอย่างแท้จริง
เราอาจจะเริ่มจากคำตอบในเชิงฟิสิกส์ แสงสีเขียวมีคุณสมบัติพิเศษอย่างไรหรือไม่กับน้ำทะเล? เป็นช่วงความยาวคลื่นพิเศษที่ส่องได้ดีหรือเปล่า? ปรากฏว่าแสงสีเขียวนั้นไม่ได้มีความพิเศษอะไร อยู่ตรงกลางๆ ของสเปกตรัม น้ำทะเลนั้นจะดูดกลืนแสงความยาวคลื่นมากได้ดีกว่า เป็นเหตุผลว่าทำไมน้ำทะเลจึงเป็นสีน้ำเงิน และเพราะเหตุใดสัตว์ใต้ท้องทะเลลึกจึงเป็นสีแดง เพราะแสงสีแดงนั้นไม่ตกถึงพื้นทะเลเลย ซึ่งถ้าพูดเช่นนั้นแล้วเราก็น่าจะอนุมานได้ว่าแสงสีน้ำเงินน่าจะส่องทะลุทะลวงได้ดีกว่า แล้วทำไมถึงไม่ใช้แสงสีน้ำเงิน??
ถัดไปเราอาจจะลองหาคำตอบเชิงชีววิทยาดูบ้าง เป็นไปได้ไหมที่แสงสีเขียวนี้เป็นแสงที่ตอบสนองได้ดีที่สุดในสัตว์จำพวกหมึก ว่าแต่ว่าทำไมไฟมันถึงล่อหมึกได้? มันจะพุ่งเข้ามาหาพระแสงอะไร?
ซึ่งคำตอบหลังนี้นั้นตอบได้ยากกว่ามาก ในงานวิจัยทีตีพิมพ์ในปี 1979 ได้ตั้งสมมติฐานการตอบสนองต่อแสงในสัตว์กลุ่ม Cephalopodd เอาไว้ 7 ประการด้วยกัน ได้แก่ 1) positive phototaxis 2) intensity preference
(brightness) 3) wavelength preference (color response) 4) conditioned or unconditioned response where light is associated with
food 5) curiosity6) photic disorientation and 7) hypnosis อย่างไรก็ตาม งานวิจัยดังกล่าวไม่สามารถยืนยันได้ว่าเพราะเหตุใดหมึกจึงพุ่งมาหาแสงไฟ
สำหรับแมลงบนบกนั้น เราพอจะทราบว่าสาเหตุทื่ "แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ" นั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะพวกมันพยายามใช้แสงจันทร์ในการนำทาง ดังที่เคยเขียนเอาไว้แล้ว[4] เป็นไปได้ว่าสัตว์น้ำอาจจะใช้วิธีเดียวกัน นอกจากนี้ เราทราบว่าเหล่าแพลงก์ตอนนั้นอาจจะถูกดึงดูดเข้าสู่แสงไฟ (แพลงก์ตอนส่วนหนึ่งก็เป็นผู้ผลิตที่สังเคราะห์แสง) และอาจจะล่อฝูงปลาขนาดเล็กตามมา ซึ่งล่อนักล่าลำดับถัดไปในห่วงโซ่อาหาร เช่น หมึก ให้ตามมาอีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถทราบเหตุผลที่แน่ชัดที่ดึงดูดหมึกมาได้ (เว้นแต่จะลองไปถามหมึกดูเอาเอง)
อย่างไรก็ตาม เราทราบว่าทั้งแพลงก์ตอนและหมึก ต่างก็ถูกล่อได้ด้วยทั้งแสงสีฟ้า และสีเขียว ไม่ต่างกัน ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะใช้แสงสีอื่น เช่นแสงจากหลอดโซเดียมที่มีสีเหลือง เราก็จะพบว่าแสงเหล่านั้นก็จะยังสามารถกระตุ้นเซลล์รับแสงของเหล่าสัตว์ทะเลได้เช่นเดียวกัน และปัจจัยที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ความสว่างเสียมากกว่าสเปกตรัมที่ใช้[5]
หรือว่าคำตอบอาจจะอยู่ในวิชาคณิตศาสตร์/เศรษฐศาสตร์? เป็นไปได้ไหมว่าหลอดไฟสีเขียวนั้นเป็นหลอดไฟที่มีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด? ซึ่งก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน เพราะว่าค่าไฟ หรือปริมาณพลังงานที่ใช้ไปในการปล่อยแสงไฟนั้น คิดเป็นส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับค่าน้ำมัน ค่าเรือ และค่าแรงที่ต้องใช้ไป
สุดท้าย คำตอบเพียงคำตอบเดียวที่อาจจะอธิบายแสงสีเขียวได้ดีที่สุด อาจจะอยู่ในวิชาสังคมศาสตร์ เราใช้แสงสีเขียว เพียงเพราะว่ามันเป็นแสงที่ "ฮิต" หรือได้รับความนิยมมากที่สุด เพียงเท่านั้นเอง และหากเราไปพิจารณาดูอุตสาหกรรมในการตกหมึกทั่วโลก เราก็จะพบว่าแต่ละประเทศนั้นมีสีที่ได้รับความนิยมที่แตกต่างกันออกไป
อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
[1] https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_5207937
[2] https://earthobservatory.nasa.gov/images/92152/fishing-in-green-living-in-yellow
[3] https://www.aoml.noaa.gov/general/lib/CREWS/Cleo/St.%20Croix/salt_river11.pdf
[4] https://www.facebook.com/matiponblog/photos/a.255101608033386/580687202141490/
[5] https://en.wikipedia.org/wiki/Fishing_light_attractor