NEW MG EP มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัย ด้วยกระจังหน้าแบบ Suspended Wing Grille ที่ตกแต่งด้วยโครเมียม และสี Piano Black ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน LED Daytime Running Light พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟท้าย LED แบบ Electric Pulse Design และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ล้ออัลลอยด์ดีไซน์แบบสปอร์ต ขนาด 16 นิ้ว
NEW MG EP ได้รับการตกแต่งภายใน ด้วยวัสดุผิวสัมผัสนุ่ม (Soft Touch) ดีไซน์เส้นสายแบบ CARBOXNYXE แสดงให้เห็นถึงความประณีต ในทุกรายละเอียด เบาะคู่หน้า ออกแบบตามหลัก สรีรศาสตร์ (Anti-Curved Surface Design) ซึ่งโอบรับ กับเส้นสายสรีระได้เป็นอย่างดี นั่งสบายตลอดเส้นทาง อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวก อาทิเช่น หน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอล (Digital Multi-Function Display) ขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงผลได้อย่างสวยงามและชัดเจน พร้อมระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล กระจกมองหลังตัดแสง กระจกไฟฟ้า แบบ One Touch Up-Down ด้านคนขับ ที่จะทำให้การใช้งาน มีความง่ายมากยิ่งขึ้น
NEW MG EP มาพร้อมการติดตั้ง เทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ตามมาตรฐาน โดยแต่ละระบบ จะมีการทำงานผสานกัน ทำให้เกิดความปลอดภัย และมีความมั่นใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-Lock Braking System)
ระบบกระจายแรงเบรก ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBD (Electronic Brake Force Distribution)
ระบบเสริมแรงเบรก ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
ระบบป้องกันการไหลของรถ โดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
ระบบควบคุมการเบรก ในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ไฟส่องนำทาง หลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) จุดยึดเบาะ ISOFIX เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า แบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า กล้องมองหลัง พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และระบบกุญแจนิรภัย แบบ Immobilizer
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ไฟส่องนำทาง หลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) จุดยึดเบาะ ISOFIX เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า แบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า กล้องมองหลัง พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และระบบกุญแจนิรภัย แบบ Immobilizer
NEW MG EP ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยใช้แบตเตอรี่ Lithium-Ion มีความจุรวม ถึง 50.3 kWh ทำให้สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ได้ระยะทางไกล ถึง 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน New European Driving Cycle - NEDC) นอกจากนี้ แบตเตอรี่ของ NEW MG EP ยังได้รับการทดสอบ ตามมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น ระดับ IP67 พร้อมด้วยระบบ ระบายความร้อน แบบ Liquid Cooling System ที่จะช่วยให้แบตเตอรี่ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย ภายใต้สภาวะต่างๆ
ในด้านของสมรรถนะ NEW MG EP ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิด 260 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ไฟฟ้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ภายใน 8.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุด ได้ที่ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมรูปแบบการขับขี่ ทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมด Normal โหมด Eco และ โหมด Sport
NEW MG EP สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 2 แบบ คือ Quick Charge แบบ DC ผ่านหัวชาร์จประเภท CCS Combo 2 โดยชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 80% ในระยะเวลาประมาณ 40 นาที และ Normal Charge แบบ AC ชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 100% ผ่าน MG Home Charger ที่เป็นหัวชาร์จ TYPE II ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จนั้น จะขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่ กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) ด้วย KERS Mode (Kinetic Energy Recovery System) โดยเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับ ได้ถึง 3 ระดับ
ระบบกันสะเทือนของช่วงล่าง แบบ Euro Tuning Suspension เสริมด้วยระบบช่วงล่างหน้า แบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างหลัง แบบทอร์ชั่นบีม ทำให้มั่นใจยิ่งขึ้น เมื่อขับขี่บนทุกสภาพถนน
มาพร้อมกับการดูแลรักษาที่ง่าย และมีค่าใช้จ่ายต่ำ ทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ที่ได้จากการชาร์จ ผ่าน MG Home Charger ง่ายๆที่บ้าน โดยสามารถชาร์จ จาก 0-100% และมีค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นค่าไฟฟ้า ประมาณ 200 บาท*ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง รวมถึงค่าใช้จ่าย ในการบำรุงรักษาตามระยะทาง ตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน จะมีค่าใช้จ่ายรวม ไม่เกิน 8,000 บาท อีกทั้งการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ในระยะยาว MG ยังนำเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ แบบ Module มาใช้ ในกรณีหากจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษา สามารถแยกเปลี่ยนเฉพาะ Module นั้นๆได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุด จึงช่วยลดค่าใช้จ่าย ในระยะยาวได้
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/olkGt8sRISg/hqdefault.jpg)