Outside the Wire (2021) สามารถดูได้ใน Netflix
• เห็นคะแนนตอนแรกก็ว่าจะไม่ดู แต่ลองเปิดสุ่มผ่าน ๆ ไปเจอฉากหนึ่งแล้วรู้สึกมันดูไม่น่าแย่ขนาดนั้น เลยลองเปิดตั้งแต่ต้น ก็รู้สึกว่าชอบในแง่ฉากแอ็คชั่นและเซ็ตติ้ง ส่วนพล็อตไซไฟเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้น ก็เพลิน ๆ ดี
• ฉากแอ็คชั่นที่เป็นบู๊ระยะประชิดมันถ่ายฉับ ๆ ไวไปหน่อย อารมณ์เหมือนดู John Wick เร่งสปีด แต่พวกฉากทหารกับหุ่นยนต์โดนรุมถล่มยิงนี่รัวกระหน่ำได้ถึงใจ แล้วอาวุธที่เอามาใช้มันเก๋ดี แบบมีระเบิดแม่เหล็กพุ่งหาหุ่นยนต์งี้
• ประเด็นของหนังมันพูดเรื่องการยอมเสียส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนมากว่าเป็นแนวคิดที่ถูกต้องหรือไม่ อย่างเสียทหาร 2 คน เพื่อรักษา 38 คนที่เหลือ แต่ถ้าสเกลมากกว่านั้นล่ะจะตัดสินใจอย่างไร แล้วใครมีอำนาจตัดสินใจเช่นนั้น
• ช่วงท้ายมันดร็อปลงมาเยอะหน่อย เส้นเรื่องค่อนข้างมีชั้นเชิงหลอกล่อคนดู แต่พอช่วงท้ายมันเล่าซะหมดชั้นเชิงไปเฉยเลย
• ถ้าอยากดูให้สนุกต้องเปิดโหมดดูหนังแอ็คชั่น อย่าไปคิดมากเรื่องพล็อตไซไฟแล้วกัน
-------------------------------------
โลกอนาคตอันใกล้ รัสเซียกำลังทำสงครามแย่งชิงพื้นที่ยูเครน โดยมีกองทหารของสหรัฐฯ เข้ามาเป็นผู้รักษาความสงบ จนกระทั่งวันหนึ่ง 'ฮาร์พ' (Damson Idris) นักบินโดรนได้ตัดสินใจขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาด้วยการยิงโดรนถล่มศัตรู เขาตัดสินใจยอมเสียทหารอเมริกัน 2 คน เพื่อให้ 38 คนที่เหลือรอดชีวิต ส่งผลให้ถูกทำโทษด้วยการให้ไปลงพื้นที่สงครามกับ 'ลีโอ' (Anthony Mackie) ทหารดรอยด์ที่มีภารกิจกำจัดแม่ทัพใหญ่ของกลุ่มกบฏ
.
พอดูหนังเป็นหนังแอ็คชั่นเลยค่อนข้างชอบ เซ็ตติ้งการใช้หุ่นยนต์ติดอาวุธมาลงสนามรบทำให้พวกฉากดวลกระหน่ำกลางสมรภูมิ ยิงกันหูดับตับไหม้ แล้วหุ่นยนต์มันไม่ได้แข็งแกร่งจนเว่อร์เกินไป โดนรัวยิงก็เซได้ โดนระเบิดก็พังได้ หนังใช้หุ่นยนต์มาออกแบบฉากต่อสู้เยอะดี ค่อนข้างชอบเลยนะ แล้วแอนโธนี่ แมคคีย์ ก็เป็นคนที่เล่นสตั๊นท์ได้ พวกฉากระยะประชิดเลยให้อารมณ์ John Wick เวอร์ชั่นแข็งแกร่งกว่า ถ้าดูแต่แอ็คชั่นคิดว่าไม่น่าผิดหวังอะไร
.
ส่วนพล็อตปัญญาประดิษฐ์มีแผนการปกป้องโลกของตัวเอง มันเล่าบันเทิงอยู่นะ เพียงแต่หนังให้ข้อมูลหรือรายละเอียดของหุ่นดรอยด์น้อยไปมาก จนถึงแม้จะเก็ตแผนการใหญ่ก็แอบรู้สึกว่าแหม่ง ๆ อยู่ ตรงที่จุดประสงค์ของการสร้างหุ่นดรอยด์คลุมเครือขึ้นมาเฉยเลย แล้วมันจะตัดสินใจแบบนั้นได้ก็ไม่ใช่ไอเดียใหม่ เพราะหนังไซไฟปัญญาประดิษฐ์หลายเรื่องก็เคยใช้มุกนี้กันมาหมดแล้ว แต่เล่าได้เคลียร์กว่าเยอะ
.
ดังนั้นถ้าดู ควรเคลียร์สมองก่อนว่านี่คือหนังแอ็คชั่นโลกอนาคตไม่ล้ำมาก แล้วน่าจะบันเทิงอยู่
Director: Mikael Hafstrom
story: Rob Yescombe
screenplay: Rob Yescombe, Rowan Athale
Genre: action, sci-fi
7/10
Search