"ผมรู้ว่าภาพนี้มันอาจจะดูยาก!!!"
แต่แชร์เก็บไว้ครับ
วันนึงมันจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องทุกคน
ที่ค้าขาย หรือทำธุรกิจบนโลกOnline
ชาว1YearClub และชาว iClass
หลายคนที่ชีวิตเปลี่ยน
ก็ได้รู้ข้อมูลล่วงหน้าพวกนี้
ที่ผมกับพี่อั๋นมักสอนก่อนใครในคลาส
ได้รู้ข้อมูลที่คนยังไม่ตระหนัก
ได้รู้Trendล่วงหน้า
พอทำก่อนทำไว มักได้เปรียบเสมอ
ใครยังไม่เคยเข้ามาในiClass หรือ 1YearClub
ก็ไม่เป็นไร
ผมเข้าใจเหตุผลของแต่ละคน
แต่เก็บข้อมูลอันนี้ไว้ครับ
มันจะเป็นประโยชน์แน่นอน
แต่ก็อย่างที่บอกมันอาจจะดูยากในวันนี้
ที่จะรู้เรื่องพวกนี้ที่คนยังไม่พูดถึงกัน
แต่....
มันจะเป็นสิ่งที่อีก2-3ปี
คนค้าขายทุกคนต้องเข้าใจ
จากคู่หูของผม Un+ Chirdpong - อั๋น เชิดพงษ์
Lead / Conversion
และเรื่องที่ คนทำธุรกิจ Online ทุกคน
ควรที่จะ เข้าใจ
-----
ธุรกิจ Online จะเติบโตแค่ไหน
จะอยู่ที่ 2 ปัจจัยนี้เสมอ
1. New Lead - ว่าที่ลูกค้าใหม่ๆ ที่เข้ามา
2. Conversion - อัตราเปลี่ยนว่าที่ลูกค้า ให้เป็นลูกค้า (เช่น เดินเข้ามา 100 - ซื้อ 20 = 20% Conversion )
---
และนี้คือ ประเด็นหลายๆ เรื่อง ที่อยากให้พวกเรารู้
1. Process หา Leads กับ Process เพิ่ม Conversion จะแยกกัน หา lead ก็หา - Conversion ก็ส่วน Conversion.
2. หา Leads เช่น Facebook Ads, Google Ads, Affiliate,
3. Conversion เช่น e-mail, Webinar, Retarget (FB), ...
4. เมืองไทย น่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ใช้ FB เป็นทั้งหา Lead และ ทำให้เกิด Conversion (เกิดการซื้อ)
5. เวลาไปดูคนดังๆ ของต่างประเทศอย่าง Russel Brunson, Grant Cardone, Frank Kern, Jeff Walker - อย่าเพิ่งไปบอกว่า ทำไม เค้าทำ Marketing ได้ไม่เก่งเลย Facebook ไม่มี engagement เลย .... นั่นเพราะ เค้าใช้ Facebook แค่ สร้าง Leads - แล้วเค้า ไป Follow up ต่อ ทำให้เกิดการซื้อที่ e-mail
6. เพราะฉะนั้น Post สร้าง lead ของพวกเค้า หลายๆ ครั้งเป็นแค่ ads Post หรือ Dark post - เพื่อเก็บ e-mail เท่านั้น
7. อัตราการ Conversion สูง ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด คือ Webinar - ยังไม่เคยเห็นคนไทยทำ
8. ใช้ Facebook สร้าง lead ให้คน register Webinar - เราอาจจะเห็นทำไม Facebook เค้าเงียบๆ - ที่ไหนได้ ยอดเพียบ
9. การตลาดของเค้า กับ บ้านเราตอนนี้ มันเทียบกันแบบตรงไป ตรงมา ไม่ได้
10. แล้วทำไม เมืองไทยไม่เป็นแบบ เมืองนอก.. ?
11. จริงๆ ทำได้ ผมเริ่มเห็น คนไทยทำหลายคนแล้ว แต่ยังไม่เห็นมีใครทำแบบจริงๆ จีง 100%
12. iClass ก็เล็งมา 2-3 ปีแล้ว จนตอนนี้ก็ จะ จะ จะ แต่ก็ยังไม่ได้ทำ เพราะว่า...
13. คนไทย ยังไม่ถึง 50% ที่ใช้บัตรเครดิต (1-2 ปีหลังเริ่มมากขึ้นแล้ว, 2-3 ปีก่อนจะเน้นโอนกันเยอะมาก) ขณะที่บัตรเครดิตซื้อของ online - ขณะที่เมกานี่คือ 99.99%
14. และคนไทย ยังชอบทัก admin ถามราคาและรายละเอียด ( ทั้งๆ ที่มีเขียนไว้หมดแล้ว ในเพจ หรือ ใน เวป )
15. ถ้าทำระบบ auto ไป มันจะเป็นเหมือนไม่เต็ม - ไม่จ่ายผ่าบัตรก็เลยต้องทัก admin , หรือ แม้แต่จะจ่ายผ่านบัตร ก็ยังต้องทัก admin ถามราคา ถามรายละเอียด ทั้งๆ ที่มีรายละเอียดหมดแล้วหน้า web,
16. และ payment Gateway ก็ยังไม่เชื่อมกับ Stripe ยังคงเชื่อมได้แต่กับ Paypal ที่ ผมไม่ค่อยอยากฝากความหวังไว้กับเค้าเท่าไหร่นัก
17. นั่นเลย เป็นเหตุผลที่ Auto ยังไม่มา ( เพราะไม่อยากเสียเวลาทำ ทำทั้งที แล้วใช่ได้แค่ 10-15% )
18. เพราะฉะนั้น ก็ยังจะเห็น iClass ใช้ Facebook ทำ 2 หน้าที่ ทั้ง สร้างLead และ ทำ Conversion ซึ่ง ฝรั่งเค้าบอกกับผมเสมอว่า... You ทำได้ยังไง ! ?
19. ถ้า auto มาเมื่อไหร่ ธุรกิจของไทย โดยเฉพาะ Knowledge Business จะโตขึ้นอีกอย่างน้อย 4-5 เท่า
20. Lead Gen - Webinars - e-mail - upsell - downsell - มาแน่นอน
21. นั่นหมายความว่า ฝรั่ง ส่วนมาก ทำคลิป Video แค่สั่นๆ เพื่อ ดึง Attention ( ความสนใจ) คน เพื่อสร้าง Lead - เพื่อ ดึงคน Register Webinar หรือ เพื่อ Follow up ด้วย e-mail ต่อ
22. Video สั้นๆ ของพวกเค้า เลยไม่ได้มีไว้เพื่อขาย
23. โดยสถิติ Facebook จะสร้าง อัตราการมองเห็นได้ ในต้นทุนที่ถูกที่สุด - แต่ เป็น Conversion ได้แย่ที่สุด เพราะฉะนั้น เค้าเลยเลือก ทำ way ใช้ Facebook เพื่อเก็บ Leads และ ใช้วิธีอื่น Follow up เพื่อให้เกิด Conversion.
24. ฝรั่งเค้าทึ่งเรามาก ที่ เราทั้งสร้าง Lead และ ทำ Conversion ได้บน Facebook
25. และฝรั่งเค้าทึ่งกว่า คือ เราสร้าง Lead และ ทำ Conversion ได้ ด้วย Video สั้นๆ 4-5 นาที
26. ฝรั่งเค้าเข้าใจว่า สินค้ากระแส หรือ นวัตกรรมที่ มันเห็นแล้ว ว้าว มัน สามารถ ทำคลิปสั้นๆ แล้วขายได้เลย แต่หลายๆ อย่าง เช่น คลาสเรียน... เค้าบอกว่า มัน Amazinq มาก You ทำได้ยังไง !?
27. แต่ที่ยังทำได้ เพราะว่า... ตลาดเมืองไทย คนยังไม่เยอะ เรื่องไหนที่เป็นเรื่องใหม่ ฟังแล้วยัง Wow หรือ ยังเป็นกระแสอยู่ คลิปสั้นๆ 4-5 นาที เลยยังขายได้
28. ของต่างประเทศจะขายได้อย่างเร็ว ต้องเป็น Webinar ยาว 1 - 2 ชม.
29. เพราะ ฉะนั้น หลังจากนี้ คือ ประโยคสำคัญ
30. เวลา Global สถิติออกมา ว่า.. Video ต้องทำ 1-2 นาทีพอ เพราะว่า มากกว่านั้นคนไม่ดู --> นั่นคือ Video เพื่อ Leads ไม่ใช่เพื่อขาย
31. เพราะถ้าตลาดเริ่มเยอะ คู่แข่งเริ่มมาก โอกาสที่จะขายคนแปลกหน้า ใน 2-3 นาที ยากมากๆๆๆ
32. เค้าเลยใช้ Video สั้น ดึงคนเข้า Webinar (ยาว 1-2 ชม.) หรือ Follow up ด้วย e-mail ไล่ Funnel จนซื้อ
***33. เค้าไม่ได้ ลดความยาวของ video ขายลง ให้สั้น! เพื่อ Facebook แต่ เพราเค้ารู้ เค้าเข้าใจ พฤติกรรมคน เลยใช้มันแค่สร้าง Leads
34. ส่วนเรา ถ้าเราไม่ได้มี Webinar หรือ e-mail Follow up..
35.เราจะเอา Facebook มาสร้าง Conversion
36. เราต้องมี Video แบบ Webinar (ยาว 1-2 ชม.) หรือ Video เพื่อ Follow up บน Facebook !
37. ไม่ใช่มีแต่ Video สั้นๆ
38. เวลามี Facebook Expert เค้าคุยกับเรา เค้าก็จะบอกให้ทำแต่ Video สั้นๆ ตามสถิติ !
39. ใช่ เพราะนั่นคือ สถิติของการสร้าง Attention หรือ การสร้าง Lead แต่ไม่ไช่การสร้าง Conversion !
40. Video บาง Video จริงที่อาจจะคน Like คนแชร์ไม่เยอะ คนดูไม่จบ แต่ นั่นคือ Video ที่ทำหน้าที่สร้าง Conversion ไม่ใช่ สร้าง Lead
41. สรุป คือ ระวังในเรื่องการใช้สถิติ หรือ คำแนะนำจากใคร โดยที่เราไม่ได้เข้าใจจริงๆ ว่า สถิตินั้นมีที่ไปที่มา และวิธีคิดอย่างไร
42. ไม่อย่างนั้น เราก็จะทำตามสถิติ โดยที่ไม่รู้วิธีคิดจริงๆ ของมัน แล้วสุดท้าย เราก็จะงงๆ ว่า ทำไม มันไม่ได้ผลลัพธ์เหมือน คนอื่นๆ ....
ลุย !
10x
Un+Chirdpong (อั๋น เชิดพงษ์)
russel brunson 在 Money Coach Facebook 的最佳貼文
วันหยุดเสาร์อาทิตย์ หาความรู้เติมสมองกันครับ!!
.
คนที่กำลังจะเริ่มต้นธุรกิจ หรือทำธุรกิจมาสักพักแต่ยังไม่โต ผมเชียร์เล่มซ้าย "อินโนเซ็นต์ สมูทตี้บันลือโลก" ครับ เหมาะทั้งกับคนมีฝันและคนที่กำลังทำกิจการอยู่
.
ผู้เขียนเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทอินโนเซ็นต์ จากร้านแผงลอยสมูทตี้ในงานคอนเสิร์ต สู่ธุรกิจนำ้ผลไม้ที่ขายได้ 2 ล้านขวดต่อสัปดาห์ และภายหลัง โคคา-โคล่า เข้ามาซื้อหุ้นไป และกลายเป็นธุรกิจหลายล้านปอนด์ในที่สุด
.
หนังสือเล่าเรื่องตั้งแต่คิดสร้างธุรกิจ ลองแล้ว ลองอีก จนได้ไอเดีย และเริ่มทำ เริ่มสร้างกิจการ เล่าเรื่องการแก้ปัญหา ทั้งเรื่องคน การผลิต (เมื่อต้องขยายกิจการ น้ำผลไม้เก็บไม่ได้นาน) การตลาด การรับมือกับลูกค้าที่ไม่เห็นด้วย (ตอนขายให้โคคา-โคลา) และอื่นๆ เหมือนได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมๆกับเรื่องราวในหนังสือ
.
เรื่องราวเขียนอ่านง่าย คนทำธุรกิจอ่านแล้วจะรู้สึกว่า เออ! หวะ เราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้!!
.
ส่วนเล่มขวา "สูตรลับดอทคอม" เล่มนี้สายแข็งเลย จับแนวการทำตลาดแบบ Direct Marketing ที่คนไทยไม่ค่อยกล้าทำ มาตีแผ่ แฉวิธีการทำแบบหมดเปลือก เหมือนเข้าเรียนวิชาการตลาดกันใหม่ แต่เล่มนี้เรียนกับคนทำจริง Russel Brunson คนนี้เก่งจริง แล้วก็ปล่อยหมด
.
วิธีอ่านเล่มนี้ให้เกิดประโยชน์ คือ อ่านจบหนึ่งบท แล้วทำการบ้านกับธุรกิจของคุณ เอาไปใช้ทีละขั้นละตอน รับประกัน Traffic เพิ่มแบบน่าตกใจ และ Conversion Rate หรือการเปลี่ยนคนเข้าชมเป็นยอดขายก็ก้าวกระโดดไปด้วย (ก็บอกแล้วว่า Direct Marketing เน้นขายกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม)
.
เล่มนี้เป็นแนวเทคนิคนิดหน่อย แต่อ่านไม่ยาก แต่ไม่เหมาะกับการอ่านเอาความรู้ ต้องอ่านแล้วทำ อันนี้มันส์แน่ๆ รับรอง!!
.
ฝากไว้ในอ้อมใจทั้งสองเล่มครับ!!
.
หาซื้อได้ที่ร้านซีเอ็ดทุกสาขา หรือจะสั่งออนไลน์ก็สะดวกดี inbox ไปที่ www.facebook.com/liverichsociety ได้เลยครับ
russel brunson 在 Money Coach Facebook 的最佳解答
เย็นนี้เลิกงาน แวะไปโดนกันได้ครับ ที่โซน C ชั้น 2 บูธ Q51
.
คนที่ทำธุรกิจ ผมเชียร์เล่มซ้าย "อินโนเซ็นต์ สมูทตี้บันลือโลก" ครับ เหมาะทั้งกับคนมีฝันและคนที่กำลังทำกิจการอยู่ ผู้เขียนเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทอินโนเซ็นต์ จากร้านแผงลอยสมูทตี้ในงานคอนเสิร์ต สู่ธุรกิจนำ้ผลไม้ที่ขายได้ 2 ล้านขวดต่อสัปดาห์ และภายหลัง โคคา-โคล่า เข้ามาซื้อหุ้นไป และกลายเป็นธุรกิจหลายล้านปอนด์ในที่สุด
.
หนังสือเล่าเรื่องตั้งแต่คิดสร้างธุรกิจ ลองแล้ว ลองอีก จนได้ไอเดีย และเริ่มทำ เริ่มสร้างกิจการ เล่าเรื่องการแก้ปัญหา ทั้งเรื่องคน การผลิต (เมื่อต้องขยายกิจการ น้ำผลไม้เก็บไม่ได้นาน) การตลาด การรับมือกับลูกค้าที่ไม่เห็นด้วย (ตอนขายให้โคคา-โคลา) และอื่นๆ เหมือนได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมๆกับเรื่องราวในหนังสือ
.
เรื่องราวเขียนอ่านง่าย คนทำธุรกิจอ่านแล้วจะรู้สึกว่า เออ! หวะ เราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้!!
.
ส่วนเล่มขวา "สูตรลับดอทคอม" เล่มนี้สายแข็งเลย จับแนวการทำตลาดแบบ Direct Marketing ที่คนไทยไม่ค่อยกล้าทำ มาตีแผ่ แฉวิธีการทำแบบหมดเปลือก เหมือนเข้าเรียนวิชาการตลาดกันใหม่ แต่เล่มนี้เรียนกับคนทำจริง Russel Brunson คนนี้เก่งจริง แล้วก็ปล่อยหมด วิธีอ่านเล่มนี้ให้เกิดประโยชน์ คือ อ่านจบหนึ่งบท แล้วทำการบ้านกับธุรกิจของคุณ เอาไปใช้ทีละขั้นละตอน รับประกัน Traffic เพิ่มแบบน่าตกใจ และ Conversion Rate หรือการเปลี่ยนคนเข้าชมเป็นยอดขายก็ก้าวกระโดดไปด้วย (ก็บอกแล้วว่า Direct Marketing เน้นขายกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม)
.
เล่มนี้เป็นแนวเทคนิคนิดหน่อย แต่อ่านไม่ยาก แต่ไม่เหมาะกับการอ่านเอาความรู้ ต้องอ่านแล้วทำ อันนี้มันส์แน่ๆ รับรอง!!
.
ฝากไว้ในอ้อมใจทั้งสองเล่มครับ!!