BNB จะไปกี่เหรียญ ?! การประมาณการณ์ราคาเหรียญ binance ในอนาคต
กระดานเทรดเหรีญคริปโต binance กระดานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับกระโยชน์จากที่ล่าสุด coinbase ได้เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ
โดยตัวเหรียญ bnb ได้ถูกปล่อยออกมาตั้งเเต่ปี 2017 เเละ ได้ทำผลตอบเเทนไปกว่า 1000% นับตั้งเเต่ต้นปี ซึ่งการเติบโตเเบบนั้นมาจากหลายปัจจัย เพราะตัวเหรียญมีประโยชน์ใช้สอยค่อนข้างเยอะ ทั้งการไปทำ farm ก็ต้องใช้ ค่า gas เป็น bnb บน binance smart chain หรือ มีประโยชน์ในการลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเหรียญใน เเพลตฟอร์มตัวเอง
ในตอนนี้ยังสามารถนำ busd (เหรียญที่ backโดย us dollar บน binance) เพื่อซื้อขาย stock token ได้ด้วย
จะเห็นว่าตัวเเพลตฟอร์มมีการพัฒนา product ใหม่ๆมาอยู่เรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง จึงทำให้มีศักยภาพการเติบโตสูงเเละน่าเชื่อถือในโลกคริปโตพอสมควร
นอกจากนี้ ตัวเหรียญ bnb ยังมี การควบคุม ระบบเศรษฐกิจของเหรียญ ด้วย การนำผลประกอบการมาเผาเหรียญอยู่เสมอ เพื่อลด supply ในตลาด นับว่าได้ผลตอบรับที่ยอดเยี่ยม เพราะ demand ในการนำเหรียญไปใช้สูงขึ้นเรื่อยๆ ในขนาดที่ supply ค่อยๆลด ทำให้ตัวเหรียญ ค่อยๆเพิ่มมูลค่าไปเรื่อยๆ
โดยการวิเคราะห์ จาก coinpedia มองว่า ตัวเหรียญ สามารถ เทรดในระดับ 15,000บาทได้ ในปี 2021 เเละจะไปถึง 24,000บาท ในปี2022 เเละสามารถไปถึง 30,000 ในปี2025
ในฝั่ง Wallet investor มองว่า ในปี2021 จะยืนได้ในระดับ 21,000 บาทได้ เเละจะไปถึง 30,000บาทในปี 2025
จะเห็นว่าหลายๆฝ่ายวิเคราะห์ว่า 30,000บาทใน 5ปีค่อนข้างเป็นไปได้ เเต่จะมีบางส่วนที่ มองบวกมากๆ (bullish) ว่าจะถึง 54,000บาทได้เลยทีเดียว!(Digital Coin Price วิเคราะห์)
........................................
ติดตามข้อมูล เศรษฐกิจ การลงทุนในต่างประเทศ ในไทย ได้ที่คุยการเงินกับที
........................................
Ref : https://www.nasdaq.com/articles/binance-coin-bnb-price-predictions%3A-where-will-bnb-go-after-the-coinbase-ipo-2021-04-14
Trin T
「supply chain ในอนาคต」的推薦目錄:
supply chain ในอนาคต 在 KIM Property Live Facebook 的最佳解答
วางใจไม่ได้! นักวิเคราะห์เตือน Tech War ยังไม่จบในยุคไบเดน
เหลืออีกเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้นก่อนที่โจ ไบเดนจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ พร้อมกับความคาดหวังจากคนทั่วโลกว่านโยบายของเขาจะช่วยประสานรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับประเทศต่าง ๆ
โดยเฉพาะความขัดแย้งกับจีนที่เรียกว่าคุกกรุ่นอย่างหนักในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เกิดทั้ง Trade War, Tech War, Capital War หรือจะเป็นการพัฒนาด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทำให้หลายคนกังวลว่าอาจพัฒนาไปเป็น Hot War ในอนาคต
ซึ่งการเข้ามาของโจ ไบเดนนั้นก็น่าจะช่วยให้ปัญหาเหล่านี้ไปในทิศทางที่คลี่คลายลงและประนีประนอมกันมากขึ้น
แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันจะไม่ง่ายแบบนั้น โดยเฉพาะเรื่อง Tech War ที่ล่าสุดทรัมป์ทิ้งทวนโดยการสั่งแบนแอพลิเคชันการชำระเงินของจีน เช่น Alipay, Tencent QQ หรือ WeChat Pay ด้วยเหตุผลว่าแอพเหล่านี้อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐ
ทำให้ทาง Financial Times ได้ไปสัมภาษณ์ Dan Wang นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีของ Gavekal ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับบริษัทเทคฯ ในจีนเมากที่สุดคนหนึ่ง ว่ามีความคิดเห็นเกี่ยวกับสงครามเทคโนโลยีหรือ “Tech War” ระหว่างจีนกับสหรัฐในอนาคตอย่างไร?
Dan Wang บอกว่าในภาพรวมนั้นสถานการณ์ยังดูไม่สดใส เพราะโจ ไบเดนไม่สามารถล้มกระดานแล้วเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ได้
หลาย ๆ ข้อตกลงที่เกิดขึ้นเพื่อการกีดกันจีนในสมัยของทรัมป์ มีเหตุผลเรื่องความมั่นคงจึงทำให้ไม่สามารถยกเลิกได้ง่าย ๆ ต้องมีขั้นตอนและกระบวนการเห็นชอบจากหลายหน่วยงาน อย่างกฎหมายการควบคุมปริมาณการส่งออกเทคโนโลยีอาวุธสงครามและเทคโนโลยีที่พึ่งถูกคิดค้นได้ใหม่ ๆ ที่เป็นการรักษาความได้เปรียบด้านความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐเอาไว้
อย่างไรก็ตาม Wang มองว่าแม้ภาครัฐของสหรัฐกับจีนจะมีความขัดแย้งกันมากเพียงใด แต่มันไม่ได้ส่งผลต่อมุมมองของภาคเอกชนหรือนักลงทุนที่ให้ความสำคัญในเรื่องศักยภาพในการทำกำไรมากกว่า พูดง่าย ๆ คือรัฐบาลทะเลาะกัน ไม่ได้ทำให้เอกชนทะเลาะกันไปด้วย
โดยปัจจุบันจีนถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัยจนได้รับการหมายตาจากนักลงทุนและผู้ประกอบการบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ อย่างเช่นอีลอน มัสก์ที่ตอบรับการร่วมมือในการพัฒนา EVs จาก Tencent
ทำให้ยอดการส่งออกของสหรัฐไปจีนในปีที่แล้วสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ และรายได้ของบริษัทจากสหรัฐทั้งหมดที่เข้าไปลงทุนในจีนยังสูงถึง 6 แสนล้านดอลลาร์ ท่ามกลางโควิด19 และปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
แต่คำถามสำคัญคือ แล้วในระยะยาวอีก 5-10 ปี หาก Tech War ยังคงดำเนินต่อไป จะทำให้จีนประสบปัญหา เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ของสหรัฐย้ายฐานการผลิตออกจากจีนมายังประเทศอื่น ๆ อย่างอินเดีย ,เวียดนาม และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนหรือไม่?
Wang มันเป็นคำถามที่ตอบยาก แต่สำหรับเขาแล้ว เขาคิดว่ามันขึ้นอยู่กับประเภทของอุตสาหกรรม ถ้าเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ได้มีความซับซ้อนของ Supply Chain มากก็จะย้ายได้ง่ายอย่างเช่นหลายบริษัทที่ย้ายเซิร์ฟเวอร์ออกไปตั้งที่ไต้หวัน เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกแทรกแซงของรัฐบาลจีน
แต่ถ้าเป็นอุตสาหกรรมที่มี Supply Chain ซับซ้อนนั้น การย้ายฐานการผลิตออกจากจีนนั้นจะเป็นการเพิ่มต้นทุนอย่างมหาศาล เพราะด้วยความที่ตอนนี้โรงงานอุตสาหกรรมเทคฯ ชั้นนำส่วนใหญ่นั้นตั้งอยู่ในจีน ส่งผลให้จีนความได้เปรียบด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการผลิตอย่างมาก
พูดง่าย ๆ ว่าจีนยังคงเป็นผู้ผลิตที่ดีที่สุดในโลก ยกเว้นว่าทุกบริษัทจะพร้อมใจกันย้ายออกจากจีน ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ (ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่ Supply Chain ซับซ้อนอย่าง “รถยนต์” ที่ผลิตชิ้นส่วนจากหลายโรงงาน แล้วไปประกอบอยู่อีกที่หนึ่ง จากนั้นก็ไปตีแบรนด์ขายที่อื่น)
ส่วนในกรณี Huawei ที่โดนแบนให้ไม่สามารถใช้ไมโครชิฟจากทางสหรัฐที่มีเทคโนโลยีนำหน้าทางจีนอยู่มาก ทำให้อนาคตของ Huawei ยังคงถูกตั้งคำถามและหลายคนมองว่านี่อาจเป็นจุดจบของ Huawei
แต่ Wang บอกว่าเขาไม่คิดว่า Huawei จะล้มละลาย แต่พวกเขาปรับตัวไปเติบโตในธุรกิจอื่น ๆ อย่างเช่นอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า เครนไฟฟ้า หรืออุตสาหกรรมบันเทิง เป็นต้น เพราะ Huawei ยังคงเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีของจีนที่สามารถนำไปสร้างความได้เปรียบในอุตสาหกรรมอื่น ๆ นอกจากสมาร์ทโฟน
สรุปแล้ว Dan Wang มองว่าสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐ (Tech War) จะยังคงดำเนินต่อไปและเป็นความเสี่ยงที่คุณต้องระวัง แต่มันจะไม่ถึงขั้นรุนแรงจนทำให้โลกถูกแบ่งเป็น 2 ขั้ว เนื่องจากภาคเอกชนยังคงได้ประโยชน์มากกว่าจากการพึ่งพาซึ่งกันและกันของทั้ง 2 ประเทศ
เนื่องจากจีนได้สร้างสิ่งแวดล้อมในประเทศให้เหมาะแก่การเป็นแหล่งผลิตและพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งเป็นศักยภาพที่ถูกทดแทนได้ยากเนื่องจากต้องใช้ทุนและเวลาในการสั่งสมที่ยาวนานหลายทศวรรษ ทำให้จีนกลายเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก รวมถึงนักลงทุนจากสหรัฐที่พยายามฝ่ากำแพงเข้าไป
อย่างไรก็ตามทั้งหมดก็เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวจากนักวิเคราะห์เท่านั้น ซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ แล้วเพื่อน ๆ คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐ จะดีขึ้นหรือแย่ลง คอมเมนท์มาแลกเปลี่ยนกันครับ
.
แอดปุง
supply chain ในอนาคต 在 ทิศทาง Supply Chain 2021 ep.4 การปรับตัว Supply ... - YouTube 的推薦與評價
บทสรุปของการปรับตัว Supply Chain จะส่งผลอย่างไรกับอนาคตของธุรกิจไทยรับฟังแนวคิด และมุมมองเกี่ยวกับทิศทาง ในอนาคต ของ Supply Chain 2021 ... ... <看更多>
supply chain ในอนาคต 在 IFS Capital (Thailand) PCL. - 6 เทคโนโลยีโลจิสติกส์ที่บริษัท ... 的推薦與評價
นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โลจิสติกส์และซัพพลายเชนอาจเป็นหนึ่งในส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ... ... <看更多>