“ทำไมฉันต้องขอโทษที่ตัวเองกลายเป็นปีศาจ
ทั้งที่ไม่เคยมีใครขอโทษที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้”
โจ๊กเกอร์ไม่เคยพูดประโยคนี้ ไม่ว่าจะในหนังเรื่องไหนก็ตาม
เพจ DC เขาอธิบายละ และเพจไหนที่แม่งมั่วเอาประเด็นประโยคข้างบน ไปพยายามอธิบายเพื่อสร้างเหตุผลรองรับการกระทำของคนร้ายกราดยิงเมื่อวาน มึงหยุด
เพราะสิ่งที่มึงทำ คือการสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของมัน
เมื่อเช้ามีคน inbox มาถามว่า คำคมที่ว่า “ทำไมฉันต้องขอโทษที่ตัวเองกลายเป็นปีศาจ ทั้งที่ไม่เคยมีใครขอโทษที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้” อันนี้ Joker พูดจริงๆรึเปล่าครับ คุ้นๆว่าไม่นะ ผมคิดว่าคำคมนี้คาใจคนดูและแฟนๆมาหลายปีแล้วว่า Joker พูดจริงๆเหรอ
.
ที่มา
Quote นี้แพร่หลายอยู่ในเว็บต่างประเทศหลายปีและถูกนำมาแปลไทยใส่ quote โดยต้นฉบับมีข้อความว่า “Why should I apologize for the monster I have become? No one ever apologized for making me this way.” โดยมักจะแปะพร้อมรูปของ Joker ฉบับ Heath Ledger ในภาพยนตร์ The Dark Knight และเมื่อ Joker ฉบับ Joaquin Pheonix ออกฉายก็ไม่วายโดนจับมาใส่อีก ซึ่งคนที่ดูภาพยนตร์ก็น่าจะจำได้ว่า เอ๊ะในหนังมันพูดตอนไหนหว่า ซึ่งก็ไม่มีจริงๆครับในหนัง Joker ไม่เคยพูด
.
คำถามต่อมา แล้วมันอยู่ใน comics รึเปล่าอาจจะอยู่ใน Joker ฉบับการ์ตูนหรืออนิเมชั่นก็ได้นะ จากการค้นหาดูก็ไม่มีครับ แล้วคำถามต่อมาสรุปแล้วคำพูดนี้มาจากไหน คำพูดนี้อยู่ในหนังสือของ Nitya Prakash ที่ชื่อว่า Little LuckNow ที่วางจำหน่ายในปี 2012 เกิดหลังจาก The Dark Knight ฉายในปี 2008 เสียอีก ก็สรุปแล้วเอาเป็นว่าประโยคนี้ Joker ไม่เคยพูด แต่เป็นการจับ quote มาใส่รูป Joker เฉยๆจ้า จนทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่า Joker เป็นคนพูด
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「the dark knight quote」的推薦目錄:
- 關於the dark knight quote 在 Drama-addict Facebook 的最佳貼文
- 關於the dark knight quote 在 Lester 莊正 Facebook 的最佳貼文
- 關於the dark knight quote 在 horrorclub.net Facebook 的最佳貼文
- 關於the dark knight quote 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的最佳貼文
- 關於the dark knight quote 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
- 關於the dark knight quote 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
the dark knight quote 在 Lester 莊正 Facebook 的最佳貼文
【#請你好好放低你個ego】
想分享下一件童年往事。
我細細個已經係個好多意見同好多野講既人(簡稱多管閒事),而我從小習弦樂(後來反叛就無玩了),小學時有玩學校orchestra,有日指揮提出左一個我覺得好有問題既改動,於是我即時表達自己反對既意見,指揮一聽到就話:「我而家有問你意見咩?」
我當堂啞左,好似被人狠狠地摑左一巴咁。
細個個陣最大既感覺就係「無面」,無咁多深入思考,而家大個左諗番,當下應該係覺得自尊被踐踏了,被奚落了。
但係一句咁既野點解會踐踏到我自尊?
因為過大既「我」。
「我」姐係個ego,過大既ego簡單黎講就係:我我我我我我我我我我我我我我我我我我我我我我我我我⋯⋯
呢件往事教訓了我,其實我既意見唔係真係咁重要,其實我個人都唔係咁重要,我會介意只係我ego太強。
好多人都係ego大過天,但除非你有番咁上下斤兩,不然你既ego只係累人累己,而恰巧世界上叻人係佔唔多population,姐係平庸既人先係世界大多數,大家都好大機會係one of the平庸既人,咁你ego放到咁大做乜呢?
我join左唔同既「黃絲」group,每日都見到好多人急不及待要出黎發表意見,因為放得自己太大,佢地睇唔清自己有幾多斤兩,有啲人直頭覺得自己看透世事,出謀獻策,以致於一堆「捉鬼」、鬧人「扮黃」、鬧人「伸手黨」每日發生,而做呢啲野佔據左佢地大部分既時間,所有既精力都係攞黎去拗啲「我咁醒無可能睇錯既」既野,但又唔係真係醒喎。其實有時間不如去閱讀多幾篇有用文,睇下書同電影,沉著一點思考下,多學習,修煉專長。你唔出聲都唔會對個世界有咩影響的,其實無人想知你點睇的。
呢樣野唔止「黃絲」有,放諸於大部份人同群體都一樣,幾乎係人性黎。我舉兩個例子:呢排成日喺啲facebook group見到有人特登出post話群組太政治化喇所以要退群;有次參與業主大會有個睇落年邁70既阿伯走上台大大聲話一定唔會揀後生參選人,都係個句:
無 人 想 知 呀(幻想下周星馳對住個海嗌個幕)。
我知,原來自己係咁唔重要既呢個事實好難接受,亦好難接受原來自己既意見係no one really cares,但係當你肯放低少少個ego去睇下個世界有幾大時,你會知道你只係一粒微塵,你既意見唔重要係好正常,你而家既不安、難受情緒都只係好minor。而喺你想發脾氣屌鳩我講野刻薄之前,不如諗下點解自己會有呢個情緒,嘗試將所有野都放低,停一停,觀照下你既自我。
#抗爭之前你首先係一個人 (好似提得太多次好煩),你必定要去認識自己,清楚知道自己有乜問題,先可以做好一個人,簡稱係「革自己的命」。如我之前既文所講:先自我檢討,追求自我成長,再去講回饋群眾。講到呢到,咁我地而家可以做既係咩呀?謙卑做人,在自己專長上默默耕耘(無既你快啲去發掘!!!),少說話,多做事。做左幾多野唔洗同人交待,唔需要掌聲同喝彩,唔需要好多心心同like,因為我地決定做乜都係與人無尤。將「我」放低,抗爭如是,拍拖如是,番工如是,做人父母如是。
曾經見過某小隊投稿[1],提起《Batman: The Dark Knight》入面Joker講既野,再quote埋DC個Joker既對白,大概意思就係唔想成為condom、佢地做左好多野無人理等等。而我想講既係,Bruce Wayne為了大局,寧願背負殺死Harvey Dant既罪名,隱世八年,佢從來無去怪過其他人,無去怪Gotham既人唔支持自己,無去怪人地唔珍惜自己既付出,只係默默咁做自己認為應該要做既事 — 我希望大家都可以從Batman身上學到「無我」,奉獻既精神同信念,而唔係只在Joker身上自我投射同尋求人格缺陷既認同感。
成功不必我在,功成定必有我。放下ego,認真做事,共勉。
-
參考資料:
[1] 蜘蛛小隊 於PPRN的讀者投稿
https://www.facebook.com/…/a.133481744682…/154130589284741/…
延伸閱讀:
抗爭之前你首先係一個人
https://medium.com/@lifesabitxh.13…/抗爭之前你首先係一個人-222d7523a2a1
革命是在殘軀中仍能奉獻幾多 — 本民前無名手足字
https://www.facebook.com/1546925482228025/posts/2536063456647551/?d=n
-
Medium link:
https://medium.com/@lifesabitxh.13…/請你好好放低你個ego-3c91d73a0401
-
#做人好難
the dark knight quote 在 horrorclub.net Facebook 的最佳貼文
คำให้การของเจมส์ โฮมส์ แอดมินอ่านแล้วขนลุก เพราะนี้คือความเลือดเย็นขนานแท้ นี้ไม่ใช่การฆ่าเพื่อความสะใจ เพื่อความแค้น อย่างเดียว แต่การฆ่าของเค้าไปไกลกว่าเรื่องทางจิต แต่เป็นถ้อยแถลงการณ์ทางการเมือง (ไปไกลกว่า จอนห์ โด ใน SE7EN อีก) การฆ่าของเค้าถูกจัดขึ้นเพื่อกระทุ้ง ปลุกเร้า เสียดสีความเย้ยหยันนิสัยปากว่าตาขยิบ และอาการเหยียดผิวของสังคมอเมริกัน และเพื่อให้ถ้อยแถลงครั้งนี้ทรงพลังจึงจำเป็นจะต้องมีคนบริสุทธิ์สังเวยเพื่อกระชากหน้ากากจอมปลอมของสังคม น่าเศร้าที่สังคมอเมริกันก็ดูจะเป็นตามที่นายคนนี้ว่าไว้ด้วย
ยังไม่เคยเจอคำสัมภาษณ์ของเจมส์ โฮมส์ จากที่ไหน แต่พบ Quote นี้ในเพจของ Open Your Eyes ที่อ้างอิงมาจากเพจของ supremedesignonline.com อีกที ไม่แน่ใจ ว่าเป็นคำพูดของโฮมส์จริงหรือไม่ อาจจะมีใครเขียนประชดเอาไว้เท่านั้น แต่ก็น่าคิดใช่มั้ย
http://www.facebook.com/photo.php…
[มีคนบอกว่า อาจจะเป็นคำพูดของ Anders Behring Breivik ฆาตรกรสังหารหมู่ที่นอร์เวย์ คงต้องตรวจสอบกันอีกที]
เจมส์ โฮมส์ และการสังหารหมู่ในออโรรา เกิดขึ้นในวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) มีมือปืนเปิด ฉากยิงใส่ผู้ชมภาพยนตร์เรื่อง The Dark Knight Rises รอบปฐมทัศน์เที่ยงคืน ที่โรงภาพยนตร์ซินิมาร์ก (Cinemark) ในเมืองออโรรา รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน และบาดเจ็บอีก 58 คน มือปืนสวมชุดเกราะกันกระสุนทั้งตัว และลงมือคนเดียวโดยเดินเข้าไปในโรงภาพยนตร์และปล่อยระเบิดแก๊ส จากนั้นจึงเปิดฉากยิงใส่ผู้ชมภาพยนตร์ด้วยอาวุธปืนหลายประเภท ต่อมามีการระบุตัวตนผู้กระทำการในครั้งนี้ พบว่ามือปืนชื่อเจมส์ อีแกน โฮมส์ การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ยิงกันที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่ สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา[7]
•
เหตุการณ์
การกราดยิงเกิดขึ้นที่โรงภาพยนตร์โรงที่ 9 ในโรงภาพยนตร์เซนจูรีซิกซ์ทีน (Century 16) ที่อยู่ติดกับห้างสรรพสินค้าทาวน์เซนเตอร์แอตออโรรา (Town Center at Aurora) ผู้ลงมือซื้อตั๋วภาพยนตร์แล้วเดินเข้าไปในโรง 9 แล้วเดินออกไปยังทางออกฉุกเฉิน เปิดประตูทิ้งไว้ แล้วไปสวมชุดเกราะกันกระสุนเต็มตัวสีดำ (ประกอบด้วยหมวกเหล็กกันกระสุน เสื้อเกราะกันกระสุน สนับขากันกระสุน ปลอกคอกันกระสุน กระจับ หน้ากากกันแก๊ส และถุงมือจับปืนสีดำ ตามคำพูดของแดน โอตส์ ผู้บัญชาการตำรวจเมืองออโรรา[1][8][9][10]) พร้อมกับเอาอาวุธจากรถของเขาที่จอดอยู่หลังทางออก[6]เขากลับมาทางทางออกฉุกเฉินเมื่อภาพยนตร์ฉายไปแล้วประมาณครึ่งชั่วโมง[11]
โอตส์กล่าวว่าผู้ต้องหาใช้อุปกรณ์บางอย่างจำนวน 2 อันเพื่อหันเหความสนใจของผู้ชมภาพยนตร์ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะปล่อยควันหรือสารทำให้ระคายเคืองชนิดหนึ่งในโรง ภาพยนตร์[12] ก่อนจะใช้ปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติ สมิธแอนด์เวสสัน เออาร์-15, ปืนลูกซองเรมิงตัน โมเดล 870 ขนาด 12 เกจ และปืนพกกล็อกลำกล้องขนาด .40[13] ในการยิงฝูงชนที่อยู่ในโรงภาพยนตร์ ในรถฮุนไดสีขาวของผู้ต้องหา ตำรวจยังพบปืนพกกล็อกกระบอกที่สองอีกด้วย[14][15]
ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่เห็นมือปืนเป็นอันตรายในตอนแรกเมื่อเขาเดินเข้ามาในโรง ภาพยนตร์ เนื่องจากเขาสวมชุดที่ดูเป็นเครื่องแบบ ซึ่งก็มีผู้ชมคนอื่นที่แต่งตัวในลักษณะคล้ายกันเพื่อมาชมภาพยนตร์ จึงคิดกันว่ามือปืนคนนี้แค่แกล้งทำเฉยๆ จนกระทั่งเขาปล่อยระเบิดแก๊สออกมา แล้วเริ่มยิงปืน[11] แต่แม้ถึงตอนนั้น ก็ยังมีผู้ชมบางคนที่คิดว่ามือปืนกำลังทำการโปรโมตภาพยนตร์ และการยิงปืนคือการใช้สเปเชียลเอฟเฟคเพื่อโปรโมตหนังในรอบปฐมทัศน์[16]
ในฉากที่มีการยิงกันฉากแรกในภาพยนตร์ มือปืนที่ตอนนี้สวมหน้ากากแล้วเริ่มเปิดฉากการโจมตีด้วยการปาระเบิดควัน ทำให้ผู้ชมภาพยนตร์มองเห็นไม่ชัด แล้วมือปืนก็หยิบปืนไรเฟิลออกมาเพื่อเปิดฉากยิงใส่ผู้ชมภาพยนตร์ โดยหยุดเพียงเพื่อบรรจุกระสุนใหม่[17] ตอนแรกเขายิงไปที่หลังโรง โดยเล็งไปที่คนที่พยายามหนีออกไปทางแถวที่นั่ง[16] กระสุนบางนัดเจาะทะลุผนังโรงออกไปโดนผู้ชมในโรง 8 ที่อยู่ข้างๆ ซึ่งกำลังฉายภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน[6] ก่อนที่ผู้ชมคนหนึ่งจะหนีออกไป เขาเห็นมือปืนเดินคืบหน้ามาทางประตูทางออก ผู้ชมคนนั้นจึงพยายามสกัดกั้นผู้ร้ายด้วยการปิดประตูแล้วดันขวางไว้ ในขณะที่ผู้ร้ายใช้มือทุบประตู[17]
เวลาที่โทรศัพท์สายแรกโทรไปแจ้งเหตุฉุกเฉินคือเวลา 00.39 น. ตำรวจมาถึงในอีก 90 วินาทีต่อมาและทำการจับกุมผู้ต้องหา[18] ตำรวจทำการสอบปากคำพยานกว่า 200 คนที่อยู่ในเหตุการณ์[19] ตำรวจฝ่ายสืบสวนเชื่อว่ามือปืนลงมือด้วยตัวเอง และไม่ได้มีส่วนในขบวนการก่อการร้ายใดๆ[18] ผู้ต้องหาชื่อเจมส์ อีแกน โฮมส์ โดย 60 วันก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ยิง โฮมส์ซื้อกระสุนมากว่า 6,000 นัด[20][21]โดยทั้งอาวุธและกระสุนที่ใช้ในการยิงครั้งนี้ โฮมส์ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย[22]
เหยื่อ
มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 10 คน อีก 2 คนเสียชีวิตระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาล รวมแล้วมีผู้ถูกยิง 70 คน เสียชีวิต 12 คน และได้รับบาดเจ็บ 58 คน
ผู้บาดเจ็บได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลเด็กโคโลราโด, ศูนย์การแพทย์เดนเวอร์เฮลท์, ศูนย์การแพทย์ออโรรา, โรงพยาบาลพาร์เกอร์แอดเวนทิสต์, ศูนย์การแพทย์โรส, โรงพยาบาลสวีดิชและโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคโลราโด และยังมีการตั้งจุดรักษาพยาบาลชั่วคราว ณ บริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวไปยังโรงเรียนไฮสคูลเกตเวย์เพื่อสอบปากคำ อายุของเหยื่อมีตั้งแต่ 3 เดือนไปจนถึง 45 ปี[4]
ผู้ต้องสงสัย
เจมส์ โฮมส์
เกิด เจมส์ อีแกน โฮมส์[6]
13 ธันวาคม ค.ศ. 1987 (24 ปี)[23]
แซนดีเอโก, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา
สัญชาติ อเมริกัน
การศึกษา โรงเรียนไฮสกูลเวสต์วิว
โรงเรียน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตริเวอร์ไซด์
มหาวิทยาลัยโคโลราโด เดนเวอร์ (ไม่สำเร็จการศึกษาปริญญาดุษฎีบัณฑิต) [24]
หลังเกิดเหตุ
มือปืนผู้ต้องสงสัยคือ นายเจมส์ อีแกน โฮมส์ (เกิดวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1987 ที่ชุมชนแรนโชเพนญาสควิโทส เมืองแซนดีเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย)[23] ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุ เขาถูกพบอยู่ข้างรถของเขา ที่อยู่ในที่จอดรถของโรงภาพยนตร์ โดยการจับกุมเป็นไปอย่างไม่มีการขัดขืน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธหลายกระบอกภายในรถของผู้ต้องหา องค์กรรักษากฎหมายจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สององค์กรบอกกับเอบีซีนิวส์ว่าผู้ต้องสงสัยทำผมสีแดง และเรียกตัวเองว่า "โจ๊กเกอร์" แต่แดน โอตส์ ผบ. ตำรวจออโรราไม่ได้ยืนยันข้อมูลนี้[25]
ที่พัก
เมื่อถูกจับกุม นายโฮมส์บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีระเบิดอยู่ในที่พักของเขา ที่อยู่ทางตอนเหนือของออโรรา[20] ตำรวจจึงทำการเข้าไปตรวจสอบบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไป 8 กิโลเมตร[26] โดยเข้าไปตรวจด้วยความระมัดระวังว่าอาจมีระเบิด[9] เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า โฮมส์บอกกับตำรวจว่าเขาได้ทำการวางกับระเบิดไว้ ในอพาร์ตเมนต์ของตัวเองก่อนที่จะเดินทางไปโรงภาพยนตร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจัดการอพยพคนออกจากอาคาร 5 อาคารที่อยู่ข้างเคียงและทำการเคลียร์บริเวณ[27] เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบระเบิดที่ว่า โดยอธิบายลักษณะของระเบิดว่ามีความซับซ้อนมาก[28] ส่วนอาคารอพาร์ทเมนต์[29] ที่ผู้ต้องหาอยู่อาศัยเป็นอาคารที่มีให้เฉพาะนักศึกษา คนไข้ และเจ้าหน้าที่ของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโคโลราโดเท่านั้น[20] เจ้าหน้าที่เอฟบีไอและ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้บันไดเพื่อขึ้นไปยังห้องพักของโฮมส์ ซึ่งพวกเขาใช้เสาติดกล้องเพื่อตรวจสอบห้อง และยืนยันคำพูดของโฮมส์ เนื่องจากห้องพักดังกล่าวมีกับระเบิดอยู่เต็มห้อง[30]
ในวันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 เจ้าหน้าที่ปลดลวดสะดุดระเบิดและอุปกรณ์ระเบิดชิ้นแรกได้สำเร็จ[31] โดยใช้ตะขอเกี่ยวและรถติดบันไดของตำรวจดับเพลิง เปิดทางให้คนหรือหุ่นยนต์สามารถเข้าไปในห้องพักได้ โดยประตูห้องพักของเขาถูกติดตั้งระเบิดไว้ให้ทำงานถ้ามีใครพยายามจะเปิด ประตูเข้าไป[32]
ประวัติ
โฮมส์เติบโตขึ้นมาในเมืองแซนดีเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย[20] สำเร็จการศึกษาระดับไฮสกูลจากโรงเรียนไฮสกูลเวสต์วิวในชุมชนทอร์รีย์ไฮแลนส์ เมืองแซนดีเอโก ในปี 2006 โดยเล่นกีฬาฟุตบอลและวิ่งระยะไกลก่อนที่จะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย[33][34] ต่อมา เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้วยเกียรตินิยม[35][36] ในสาขาวิชาประสาทวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตริเวอร์ไซด์ ในปี 2010[37] แล้วจึงเข้าสมัครเป็นนักศึกษาในระดับปริญญาเอกในสาขาวิชาเดียวกันที่มหาวิทยาลัยโคโลราโด วิทยาเขตการแพทย์แอนสชุตซ์ ที่เมืองออโรรา ในปี 2012 ผลการเรียนและคะแนนสอบของเขาตกต่ำลง[24] และกำลังอยู่ในกระบวนการถอนวิชาออกจากวิทยาลัย[38] โฮมส์ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน[27]
สื่อต่างๆ รายงานว่าพวกเขาพบร่องรอยในอินเทอร์เน็ตของโฮมส์น้อยมาก นอกจากอีเมล์ของมหาวิทยาลัยและรูปเก่าในมายสเปซเท่านั้น[3
ที่มา
http://th.wikipedia.org/…/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8…