🔥👍 การันตีได้ว่าทุกคนเป็นเหมือนกันหมด
เวลานั่งแก้ปัญหาอะไรตั้งนาน
แบบคิดจนสมองจะระเบิด ก็คิดไม่ออกซะที
เช่น การเขียนโปรแกรม แล้วติดบั๊ก ติด error
.
แต่พอเราลืมเรื่องนั้นไปซะ!
เปลี่ยนไปอาบน้ำ ดูทีวี เดินเล่นสวีตกับแฟน
อยู่ดีๆ ดันปิ๊งแว็บคิดแก้ปัญหานั้นออกมาได้ซะงั้น
:
:
จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เป็นโรคนี้
คนทั่วโลกก็เป็นเช่นเดียวกับคุณ
:
ถ้าเราจะเข้าใจอาการพวกนี้
ต้องใช้วิทยาศาสตร์ด้านสมองมาอธิบายโดยตรง
ตามทฤษฏี สมองมนุษย์มีการเรียนรู้อยู่ 2 โหมด ได้แก่
"โหมดเซียน" กับ "โหมด 9 หาง"
...อ้าวผิดเรื่อง ...อันนั้นมัน นารูโตะ
.
การเรียนรู้สมองมี 2 โหมดได้แก่
👉 1) โหมด FOCUSED
เป็นโหมดของสมองที่กำลังโฟกัส
หรือมีสมาธิเพื่อคิดทำบางสิ่งบางอย่างอยู่
โหมดนี้ สมองจะใช้แนวทางเดิมๆ เพื่อแก้ปัญหา
ทำให้เรามุ่งมั่นหาทางแก้ปัญา หรือพยายามค้นหาปัญหาให้ได้โดยไว
.
😀 ข้อดี ทำให้เรามีสมาธิ มุ่งที่จะบรรลุงานนั้นๆ ให้สำเสร็จโดยไว
เช่น กำลังเขียนโปรแกรมอยู่ ต้องโฟกัส จดจ่อเพื่อให้งานเสร็จ
.
😱 ข้อเสีย จะเกิดการวนลูปทางความคิด
เช่น ตอนเจอบั๊กในโปรแกรม
เราก็จะวนลูป ใช้วิธีเดิมแก้ไปหาซ้ำๆ อยู่นั้นแหละ
พยายามกดคีย์บอร์ดด้วยวิธีการเดิมๆ
จนนิ้วจะแทงทะลุแป้นพิมพ์อยู่แล้ว
ก็แก้บั๊กไม่ได้เสียที ...จนอยากร้องไห้
.
ที่เป็นเยี่ยงนี้ก็เพราะสมองไม่ยอมมองหาทางออก
ไม่ออกจากกรอบคิดแบบเดิมๆ นั่นเองครับ
นับเป็นข้อเสียของสมองโหมดนี้
.
👉 2) โหมดที่สองคือ โหมด DIFFUSED
เป็นโหมดของสมองที่กำลังคิด
เมื่ออยู่ในภาวะผ่อนคลาย หรือพักผ่อน
เช่นตอนที่เราเดินเล่น ขับรถ ฟังเพลง อาบน้ำ เข้าส้วม หรือกระทั่งนอนหลับ ฯลฯ เป็นต้น
.
ถ้านึกไม่ออก ก็นึกถึงตอนที่เราติดปัญหาอะไรซะอย่าง
พอหัวเราจะแตะถึงหมอนอยู่แล้ว ดันคิดออกมาได้เฉยเลย
หรือบ่อยครั้งที่นอนหลับไป
พอตื่นขึ้นมาหา ไอเดียแก้ปัญหาดันปิ้งแว็บออกมา
.
😀 ข้อดี โหมดนี้เอาไว้ใช้แก้ปัญหาที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน หรือยากที่จะเข้าใจ
สามารถใช้คิดพวกไอเดีย หรือคอนเซ็ป ความคิดสร้างสรรค์แปลกๆ ใหม่ๆ ทำให้เราคิดนอกกรอบเดิมได้
.
เช่น ช่วยหาทางแก้บั๊กในโปรแกรม
ในมุมหนึ่งที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน
ช่วยให้แหกกฏเกณฑ์เดิมที่เราติดปัญหาอยู่ได้
.
😱 ข้อเสีย โหมดนี้มันทำงานเมื่อเราผ่อนคลาย
เช่น โปรแกรมเมอร์ตอนกลางวัน
แก้บั๊กแทบตายทั้งวัน แก้ไม่ได้สักที
พอเลิกงานกลับบ้านปุ๊บ
กำลังจะงีบหลับ ดันคิดออกมาได้ ...โธ่ชีวิต
.
หรือบางคนมีสกิลพิเศษ แก้บั๊กในความฝันได้
จนต้องสะดุ้งตื่น
จากโปรแกรมเมอร์ กลายร่างเป็นนกฮูก
ไม่ยอมหลับยอมนอน เขียนโปรแกรมจนเสร็จ
:
:
+++++++++++++++++++
ถ้าเราเข้าใจคอนเซปต์ของสมอง 2 โหมดนี้ละก็
- ตอนแก้ปัญหาไม่ออกก็สลับไปใช้ โหมด DIFFUSED ซะ
- เมื่อได้ไอเดียมาแล้ว ก็สลับไปใช้โหมด FOCUSED ต่อ
:
แต่ทั้งนี้เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่า
มนุษย์โลกทุกคนไม่สามารถใช้ 2 โหมดนี้ได้พร้อมกัน ...เศร้า
ต้องเลือกระหว่างโหมด FOCUSED หรือโหมด DIFFUSED
เลือกให้ทำงานโหมดใดโหมดหนึ่งเท่านั้น
:
ดังนั้นเราต้องหัดสลับสมอง 2 โหมดให้เป็นนะครับ
:
ซึ่งวิธีสลับโหมดของสมอง
มันมีประโยชน์ตอนทำงาน
หรือจะตอนอ่านหนังสือสอบก็ได้
.
วิธีสลับโหมด ผมขอเสนอ 2 วิธีแล้วกัน
👉 1) ใช้เทคนิคคือ "Pomodoro Technique"
คือให้ทำงานไป 25 นาที (โหมด FOCUSED)
แล้วผ่อนคลายอีก 5 นาที (DIFFUSED)
.
แต่วิธีนี้อาจไม่เหมาะ ตอนเอาไปใช้ในทำงานจริงเท่าไร
...เพราะถ้าหัวหน้างานเห็นเราทำแบบนี้
คงคิดว่าเราอู้งาน ทำไป หยุดไป
เราอาจดัดแปลง ทำไปได้สักชั่วโมง สองชั่วโมง
เมื่อสมองล้า ก็พักเบรกเสียบ้าง จิบกลางแฟ แชทคุยกับแฟน
เล่นเกมคลายเครียด เดินยืดเส้นยือดสาย เข้าไปนั่งในส้วมเล่นๆ
ทำสัก 5-10 นาที พอ
...แต่ทั้งนี้หัวหน้างานต้องเข้าใจนะ ว่าเรากำลังผ่อนคลาย
...เป็นเทคนิคการคิดงานโดยใช้สมองโหมด DIFFUSED
.
👉 2) หรือเราจะปล่อยให้คิดงานทั้งวันไปเลย
แล้วถ้าพระอาทิตย์ตกดิน ยังคิดไม่ออกละก็
อย่าไปซีเรียส ให้กลับบ้านเข้านอนโดยไว
เพื่อให้สมองเข้าสู่โหมด DIFFUSED โดยธรรมชาติ
เป็นการรีเซทความคิดใหม่ พอตื่นขึ้นมาสมองโล่งคิดออก
รุ่งเช้าค่อยกลับมาเข้าโหมด FOCUSED เพื่อทำงานต่อไป
:
:
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์
ถ้าชอบกระทืบ like ....มันชอบอย่าด่ากันเยอะมันเจ็บ
เขียน โดยโปรแกรมเมอร์ไทย thai programmer
.
++++
อ้างอิง
https://staciechoice1010.wordpress.com/…/focused-vs-diffus…/
https://www.themetalearners.com/how-to-utilize-both-brains…/
https://www.instructables.com/id/Learning-How-to-Learn/
.
.
.
.
++++++++++++++++++++++++++++
<ประชาสัมพันธ์ ขายหนังสือ/>
“โปรแกรมเมอร์ก็รวยได้ ด้วยเส้นทางเอาท์ซอร์สสายดำ”
ความยาว 176 หน้า กระดาษ A5 (≈ 41,002 คำ)
แบ่งเป็น 2 เวอร์ชั่น
.
👉 1) เวอร์ชั่นพิเศษเป็น PDF
ปรินต์ออกมานอนเกาพุงอ่านได้ ราคา 330 ฿
ติดต่อสั่งซื้อไดที่ไลน์ @269aibvq (เฉพาะ PDF)
.
👉 2) เวอร์ชั่นอีบุ๊กอ่านผ่านโปรแกรมของเว็บ mebmarket
ไม่มีแจก PDF ปรินต์ออกมาไม่ได้
ราคาถูกลงมาหน่อย 250 บาท ฿
กับ 279 บาท ฿ (ซื้อผ่านระบบ Apple)
ซื้อได้ที่ 👇
https://www.mebmarket.com/web/index.php…
.
สำหรับตัวอย่างหนังสือ ดาวน์โหลดได้ตามลิงก์ข้างล่าง 👇
https://drive.google.com/open…
.
✍ เขียนโดย โปรแกรมเมอร์ไทย thai programmer
🔥👍 Guarantee that everyone is the same.
When I sit to solve something for a long time.
I can't even think about it. My brain explodes.
For example, programming and getting hooked on error.
.
But when we forget about it!
Changed to take shower, watch tv, walk in sweat with my girlfriend.
I suddenly think that I can solve that problem.
:
:
To say this is not strange at all
Not you the only one who has this disease
People around the world are just like you.
:
If only we would understand these symptoms
It takes brain science to explain directly.
In theory, the human brain has 2 modes of learning.
′′ Sienna mode ′′ and ′′ 9 tail mode ′′
... Oh, it's wrong... That one is Naruto.
.
There are 2 modes of brain learning.
👉 1) FOCUSED mode
It's a mode of the brain that is focused.
Or concentrate on thinking about doing something.
This mode, the brain will use the same old way to solve problems.
Make us determined, find a solution, or try to find the problem quickly.
.
😀 Advantages make us concentrate on achieving those tasks quickly.
For example, programming, focus to get the job done.
.
😱 Disadvantages will be a thought loop.
Like when I found a buck in the program.
We are going to loop the same way. We are going to find it again.
Trying to press keyboard the same old way
My fingers are going to penetrate through the keyboard.
I can't fix my buck... I want to cry.
.
The reason I'm like this is because my brain doesn't want to look for a way out.
I don't leave the frame. I think the same way.
It's a disadvantage of brain mode.
.
👉 2) Second mode is DIFFUSED mode.
Is a mode of thinking brain
When resting or resting
For example, when we walk, drive, listen to music, shower, toilet or even sleep etc etc.
.
If I can't imagine, I think of when I'm in trouble.
When my head hits the pillow, I just think about it.
Or often sleep over.
When I wake up, I find an idea to solve problems. I push them out.
.
😀 This mode of advantages to solve problems you have never seen before or difficult to understand.
Can be used to think about ideas or concepts of innovative innovations. It makes us think outside the same box.
.
For example, help figure out a way to fix a bug in the program.
In a corner I never thought of before.
Help to break the same rules we are in trouble.
.
😱 Disadvantage. This mode works when we relax.
Such as a daytime programmer
I can't fix a buck all day. I can't fix it.
When I finish work, I go home.
About to take a nap. I figured it out... Oh life.
.
Or someone has special skills to fix the buck in their dreams.
Until I start to wake up.
From a programmer to an owl.
I don't want to sleep. Programming is done.
:
:
+++++++++++++++++++
If we understand these 2 modes of brain concepts.
- When I can't solve problems, I switch to DIFFUSED mode.
- When I get an idea, I switch to FOCUSED mode.
:
But we have to understand first.
All human worlds can't use these 2 modes simultaneously... Sad
Must choose between FOCUSED mode or DIFFUSED mode.
Choose to work in one mode only.
:
So we need to learn to switch brain 2 modes to be.
:
Which way to switch mode of brain
It's useful while working.
Or when I read the exam book.
.
How to switch mode. I would like to offer 2 ways.
👉 1) Technique is ′′ Pomodoro Technique ′′
Well, let's work for 25 minutes (FOCUSED mode)
Then relax for 5 mins (DIFFUSED)
.
But this method may not be suitable when you use it for real work.
... Because if the supervisor sees us doing this.
I guess I'm ooh. My work is done. Stop it.
We could be modified for an hour or two.
When my brain is tired, I take a break. Sip in the middle of a coffee chat with my boyfriend.
Playing games, relaxing, walking, stretching, hanging out, sitting in the toilet for fun.
Do it for 5-10 minutes. Enough.
... But the supervisor needs to understand that we are relaxing.
... It's a brain-thinking technique. DIFFUSED mode.
.
👉 2) or we'll let it think about work all day.
What if the sunset hasn't figured out yet?
Don't be serious. Go home. Get bed early.
In order to get the brain into DIFFUSED mode naturally.
It's a reset of new thoughts. When I wake up, my brain is clear.
Come back to FOCUSED mode in the morning to work.
:
:
Hope this article is helpful.
If you like to stomp like.... you like it. Don't scold too much. It hurts.
Written by Thai programmer thai coder
.
++++
Reference.
https://staciechoice1010.wordpress.com/2014/08/08/focused-vs-diffused-mode/
https://www.themetalearners.com/how-to-utilize-both-brains-thinking-modes-focused-vs-diffuse/
https://www.instructables.com/id/Learning-How-to-Learn/
.
.
.
.
++++++++++++++++++++++++++++
< Public relations book sale />
′′ Programmers can also be rich with black outsource routes
Length 176 pages h̄n̂ā paper (≈ 41,002 words)
Divided into 2 versions
.
👉 1) Special version as PDF
Princess came out to sleep and scratch my belly. Read it. Price is 330 ฿
Contact Line s̄ạ̀ng sụ̄̂x 269 aibvq (PDF only)
.
👉 2) Ebook version read through the program of mebmarket web.
There is no PDF giving away. Can't print.
The price is cheaper. 250 baht ฿
With 279 Baht ฿ (Buying via Apple System)
Buy it at 👇
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTcyNTQ4MyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEzMTQxMiI7fQ
.
For the book preview, download the link below 👇
https://drive.google.com/open?id=1tAnMozeYd63dcbBGTQmT_ZrpSaamZS3e
.
✍ Written by Thai programmer thai coderTranslated
同時也有17部Youtube影片,追蹤數超過15萬的網紅ロイドごはん,也在其Youtube影片中提到,家系ラーメンを知らない人もきっとまた食べたくなる一杯!蒲田で話題No.1の家系ラーメン店『飛粋』に久しぶりに伺いました。こちらはオープンして間もない頃からその美味しさで話題を呼び、今なお高評価を獲得し続けるお店です。その味はこれまでの家系ラーメンの客層とは異なる層をも巻き込み「家系ラーメン」の枠にと...
「time reference frame」的推薦目錄:
- 關於time reference frame 在 โปรแกรมเมอร์ไทย Thai programmer Facebook 的最佳解答
- 關於time reference frame 在 โปรแกรมเมอร์ไทย Thai programmer Facebook 的精選貼文
- 關於time reference frame 在 黃之鋒 Joshua Wong Facebook 的最讚貼文
- 關於time reference frame 在 ロイドごはん Youtube 的最佳貼文
- 關於time reference frame 在 NotebookSPEC Youtube 的最佳解答
- 關於time reference frame 在 一二三渡辺 Youtube 的精選貼文
time reference frame 在 โปรแกรมเมอร์ไทย Thai programmer Facebook 的精選貼文
🔥👍 การันตีได้ว่าทุกคนเป็นเหมือนกันหมด
เวลานั่งแก้ปัญหาอะไรตั้งนาน
แบบคิดจนสมองจะระเบิด ก็คิดไม่ออกซะที
เช่น การเขียนโปรแกรม แล้วติดบั๊ก ติด error
.
แต่พอเราลืมเรื่องนั้นไปซะ!
เปลี่ยนไปอาบน้ำ ดูทีวี เดินเล่นสวีตกับแฟน
อยู่ดีๆ ดันปิ๊งแว็บคิดแก้ปัญหานั้นออกมาได้ซะงั้น
:
:
จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เป็นโรคนี้
คนทั่วโลกก็เป็นเช่นเดียวกับคุณ
:
ถ้าเราจะเข้าใจอาการพวกนี้
ต้องใช้วิทยาศาสตร์ด้านสมองมาอธิบายโดยตรง
ตามทฤษฏี สมองมนุษย์มีการเรียนรู้อยู่ 2 โหมด ได้แก่
"โหมดเซียน" กับ "โหมด 9 หาง"
...อ้าวผิดเรื่อง ...อันนั้นมัน นารูโตะ
.
การเรียนรู้สมองมี 2 โหมดได้แก่
👉 1) โหมด FOCUSED
เป็นโหมดของสมองที่กำลังโฟกัส
หรือมีสมาธิเพื่อคิดทำบางสิ่งบางอย่างอยู่
โหมดนี้ สมองจะใช้แนวทางเดิมๆ เพื่อแก้ปัญหา
ทำให้เรามุ่งมั่นหาทางแก้ปัญา หรือพยายามค้นหาปัญหาให้ได้โดยไว
.
😀 ข้อดี ทำให้เรามีสมาธิ มุ่งที่จะบรรลุงานนั้นๆ ให้สำเสร็จโดยไว
เช่น กำลังเขียนโปรแกรมอยู่ ต้องโฟกัส จดจ่อเพื่อให้งานเสร็จ
.
😱 ข้อเสีย จะเกิดการวนลูปทางความคิด
เช่น ตอนเจอบั๊กในโปรแกรม
เราก็จะวนลูป ใช้วิธีเดิมแก้ไปหาซ้ำๆ อยู่นั้นแหละ
พยายามกดคีย์บอร์ดด้วยวิธีการเดิมๆ
จนนิ้วจะแทงทะลุแป้นพิมพ์อยู่แล้ว
ก็แก้บั๊กไม่ได้เสียที ...จนอยากร้องไห้
.
ที่เป็นเยี่ยงนี้ก็เพราะสมองไม่ยอมมองหาทางออก
ไม่ออกจากกรอบคิดแบบเดิมๆ นั่นเองครับ
นับเป็นข้อเสียของสมองโหมดนี้
.
👉 2) โหมดที่สองคือ โหมด DIFFUSED
เป็นโหมดของสมองที่กำลังคิด
เมื่ออยู่ในภาวะผ่อนคลาย หรือพักผ่อน
เช่นตอนที่เราเดินเล่น ขับรถ ฟังเพลง อาบน้ำ เข้าส้วม หรือกระทั่งนอนหลับ ฯลฯ เป็นต้น
.
ถ้านึกไม่ออก ก็นึกถึงตอนที่เราติดปัญหาอะไรซะอย่าง
พอหัวเราจะแตะถึงหมอนอยู่แล้ว ดันคิดออกมาได้เฉยเลย
หรือบ่อยครั้งที่นอนหลับไป
พอตื่นขึ้นมาหา ไอเดียแก้ปัญหาดันปิ้งแว็บออกมา
.
😀 ข้อดี โหมดนี้เอาไว้ใช้แก้ปัญหาที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน หรือยากที่จะเข้าใจ
สามารถใช้คิดพวกไอเดีย หรือคอนเซ็ป ความคิดสร้างสรรค์แปลกๆ ใหม่ๆ ทำให้เราคิดนอกกรอบเดิมได้
.
เช่น ช่วยหาทางแก้บั๊กในโปรแกรม
ในมุมหนึ่งที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน
ช่วยให้แหกกฏเกณฑ์เดิมที่เราติดปัญหาอยู่ได้
.
😱 ข้อเสีย โหมดนี้มันทำงานเมื่อเราผ่อนคลาย
เช่น โปรแกรมเมอร์ตอนกลางวัน
แก้บั๊กแทบตายทั้งวัน แก้ไม่ได้สักที
พอเลิกงานกลับบ้านปุ๊บ
กำลังจะงีบหลับ ดันคิดออกมาได้ ...โธ่ชีวิต
.
หรือบางคนมีสกิลพิเศษ แก้บั๊กในความฝันได้
จนต้องสะดุ้งตื่น
จากโปรแกรมเมอร์ กลายร่างเป็นนกฮูก
ไม่ยอมหลับยอมนอน เขียนโปรแกรมจนเสร็จ
:
:
+++++++++++++++++++
ถ้าเราเข้าใจคอนเซปต์ของสมอง 2 โหมดนี้ละก็
- ตอนแก้ปัญหาไม่ออกก็สลับไปใช้ โหมด DIFFUSED ซะ
- เมื่อได้ไอเดียมาแล้ว ก็สลับไปใช้โหมด FOCUSED ต่อ
:
แต่ทั้งนี้เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่า
มนุษย์โลกทุกคนไม่สามารถใช้ 2 โหมดนี้ได้พร้อมกัน ...เศร้า
ต้องเลือกระหว่างโหมด FOCUSED หรือโหมด DIFFUSED
เลือกให้ทำงานโหมดใดโหมดหนึ่งเท่านั้น
:
ดังนั้นเราต้องหัดสลับสมอง 2 โหมดให้เป็นนะครับ
:
ซึ่งวิธีสลับโหมดของสมอง
มันมีประโยชน์ตอนทำงาน
หรือจะตอนอ่านหนังสือสอบก็ได้
.
วิธีสลับโหมด ผมขอเสนอ 2 วิธีแล้วกัน
👉 1) ใช้เทคนิคคือ "Pomodoro Technique"
คือให้ทำงานไป 25 นาที (โหมด FOCUSED)
แล้วผ่อนคลายอีก 5 นาที (DIFFUSED)
.
แต่วิธีนี้อาจไม่เหมาะ ตอนเอาไปใช้ในทำงานจริงเท่าไร
...เพราะถ้าหัวหน้างานเห็นเราทำแบบนี้
คงคิดว่าเราอู้งาน ทำไป หยุดไป
เราอาจดัดแปลง ทำไปได้สักชั่วโมง สองชั่วโมง
เมื่อสมองล้า ก็พักเบรกเสียบ้าง จิบกลางแฟ แชทคุยกับแฟน
เล่นเกมคลายเครียด เดินยืดเส้นยือดสาย เข้าไปนั่งในส้วมเล่นๆ
ทำสัก 5-10 นาที พอ
...แต่ทั้งนี้หัวหน้างานต้องเข้าใจนะ ว่าเรากำลังผ่อนคลาย
...เป็นเทคนิคการคิดงานโดยใช้สมองโหมด DIFFUSED
.
👉 2) หรือเราจะปล่อยให้คิดงานทั้งวันไปเลย
แล้วถ้าพระอาทิตย์ตกดิน ยังคิดไม่ออกละก็
อย่าไปซีเรียส ให้กลับบ้านเข้านอนโดยไว
เพื่อให้สมองเข้าสู่โหมด DIFFUSED โดยธรรมชาติ
เป็นการรีเซทความคิดใหม่ พอตื่นขึ้นมาสมองโล่งคิดออก
รุ่งเช้าค่อยกลับมาเข้าโหมด FOCUSED เพื่อทำงานต่อไป
:
:
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์
ถ้าชอบกระทืบ like ....มันชอบอย่าด่ากันเยอะมันเจ็บ
เขียน โดยโปรแกรมเมอร์ไทย thai programmer
.
++++
อ้างอิง
https://staciechoice1010.wordpress.com/…/focused-vs-diffus…/
https://www.themetalearners.com/how-to-utilize-both-brains…/
https://www.instructables.com/id/Learning-How-to-Learn/
.
.
.
.
++++++++++++++++++++++++++++
<ประชาสัมพันธ์ ขายหนังสือ/>
“โปรแกรมเมอร์ก็รวยได้ ด้วยเส้นทางเอาท์ซอร์สสายดำ”
ความยาว 176 หน้า กระดาษ A5 (≈ 41,002 คำ)
แบ่งเป็น 2 เวอร์ชั่น
.
👉 1) เวอร์ชั่นพิเศษเป็น PDF
ปรินต์ออกมานอนเกาพุงอ่านได้ ราคา 330 ฿
ติดต่อสั่งซื้อไดที่ไลน์ @269aibvq (เฉพาะ PDF)
.
👉 2) เวอร์ชั่นอีบุ๊กอ่านผ่านโปรแกรมของเว็บ mebmarket
ไม่มีแจก PDF ปรินต์ออกมาไม่ได้
ราคาถูกลงมาหน่อย 250 บาท ฿
กับ 279 บาท ฿ (ซื้อผ่านระบบ Apple)
ซื้อได้ที่ 👇
https://www.mebmarket.com/web/index.php…
.
สำหรับตัวอย่างหนังสือ ดาวน์โหลดได้ตามลิงก์ข้างล่าง 👇
https://drive.google.com/open…
.
✍ เขียนโดย โปรแกรมเมอร์ไทย thai programmer
🔥👍 Guarantee that everyone is the same.
When I sit to solve something for a long time.
I can't even think about it. My brain explodes.
For example, programming and getting hooked on error.
.
But when we forget about it!
Changed to take shower, watch tv, walk in sweat with my girlfriend.
I suddenly think that I can solve that problem.
:
:
To say this is not strange at all
Not you the only one who has this disease
People around the world are just like you.
:
If only we would understand these symptoms
It takes brain science to explain directly.
In theory, the human brain has 2 modes of learning.
′′ Sienna mode ′′ and ′′ 9 tail mode ′′
... Oh, it's wrong... That one is Naruto.
.
There are 2 modes of brain learning.
👉 1) FOCUSED mode
It's a mode of the brain that is focused.
Or concentrate on thinking about doing something.
This mode, the brain will use the same old way to solve problems.
Make us determined, find a solution, or try to find the problem quickly.
.
😀 Advantages make us concentrate on achieving those tasks quickly.
For example, programming, focus to get the job done.
.
😱 Disadvantages will be a thought loop.
Like when I found a buck in the program.
We are going to loop the same way. We are going to find it again.
Trying to press keyboard the same old way
My fingers are going to penetrate through the keyboard.
I can't fix my buck... I want to cry.
.
The reason I'm like this is because my brain doesn't want to look for a way out.
I don't leave the frame. I think the same way.
It's a disadvantage of brain mode.
.
👉 2) Second mode is DIFFUSED mode.
Is a mode of thinking brain
When resting or resting
For example, when we walk, drive, listen to music, shower, toilet or even sleep etc etc.
.
If I can't imagine, I think of when I'm in trouble.
When my head hits the pillow, I just think about it.
Or often sleep over.
When I wake up, I find an idea to solve problems. I push them out.
.
😀 This mode of advantages to solve problems you have never seen before or difficult to understand.
Can be used to think about ideas or concepts of innovative innovations. It makes us think outside the same box.
.
For example, help figure out a way to fix a bug in the program.
In a corner I never thought of before.
Help to break the same rules we are in trouble.
.
😱 Disadvantage. This mode works when we relax.
Such as a daytime programmer
I can't fix a buck all day. I can't fix it.
When I finish work, I go home.
About to take a nap. I figured it out... Oh life.
.
Or someone has special skills to fix the buck in their dreams.
Until I start to wake up.
From a programmer to an owl.
I don't want to sleep. Programming is done.
:
:
+++++++++++++++++++
If we understand these 2 modes of brain concepts.
- When I can't solve problems, I switch to DIFFUSED mode.
- When I get an idea, I switch to FOCUSED mode.
:
But we have to understand first.
All human worlds can't use these 2 modes simultaneously... Sad
Must choose between FOCUSED mode or DIFFUSED mode.
Choose to work in one mode only.
:
So we need to learn to switch brain 2 modes to be.
:
Which way to switch mode of brain
It's useful while working.
Or when I read the exam book.
.
How to switch mode. I would like to offer 2 ways.
👉 1) Technique is ′′ Pomodoro Technique ′′
Well, let's work for 25 minutes (FOCUSED mode)
Then relax for 5 mins (DIFFUSED)
.
But this method may not be suitable when you use it for real work.
... Because if the supervisor sees us doing this.
I guess I'm ooh. My work is done. Stop it.
We could be modified for an hour or two.
When my brain is tired, I take a break. Sip in the middle of a coffee chat with my boyfriend.
Playing games, relaxing, walking, stretching, hanging out, sitting in the toilet for fun.
Do it for 5-10 minutes. Enough.
... But the supervisor needs to understand that we are relaxing.
... It's a brain-thinking technique. DIFFUSED mode.
.
👉 2) or we'll let it think about work all day.
What if the sunset hasn't figured out yet?
Don't be serious. Go home. Get bed early.
In order to get the brain into DIFFUSED mode naturally.
It's a reset of new thoughts. When I wake up, my brain is clear.
Come back to FOCUSED mode in the morning to work.
:
:
Hope this article is helpful.
If you like to stomp like.... you like it. Don't scold too much. It hurts.
Written by Thai programmer thai coder
.
++++
Reference.
https://staciechoice1010.wordpress.com/2014/08/08/focused-vs-diffused-mode/
https://www.themetalearners.com/how-to-utilize-both-brains-thinking-modes-focused-vs-diffuse/
https://www.instructables.com/id/Learning-How-to-Learn/
.
.
.
.
++++++++++++++++++++++++++++
< Public relations book sale />
′′ Programmers can also be rich with black outsource routes
Length 176 pages h̄n̂ā paper (≈ 41,002 words)
Divided into 2 versions
.
👉 1) Special version as PDF
Princess came out to sleep and scratch my belly. Read it. Price is 330 ฿
Contact Line s̄ạ̀ng sụ̄̂x 269 aibvq (PDF only)
.
👉 2) Ebook version read through the program of mebmarket web.
There is no PDF giving away. Can't print.
The price is cheaper. 250 baht ฿
With 279 Baht ฿ (Buying via Apple System)
Buy it at 👇
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTcyNTQ4MyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEzMTQxMiI7fQ
.
For the book preview, download the link below 👇
https://drive.google.com/open?id=1tAnMozeYd63dcbBGTQmT_ZrpSaamZS3e
.
✍ Written by Thai programmer thai coderTranslated
time reference frame 在 黃之鋒 Joshua Wong Facebook 的最讚貼文
【《金融時報》深度長訪】
今年做過數百外媒訪問,若要說最能反映我思緒和想法的訪問,必然是《金融時報》的這一個,沒有之一。
在排山倒海的訪問裡,這位記者能在短短個半小時裡,刻畫得如此傳神,值得睇。
Joshua Wong plonks himself down on a plastic stool across from me. He is there for barely 10 seconds before he leaps up to greet two former high school classmates in the lunchtime tea house melee. He says hi and bye and then bounds back. Once again I am facing the young man in a black Chinese collared shirt and tan shorts who is proving such a headache for the authorities in Beijing.
So far, it’s been a fairly standard week for Wong. On a break from a globe-trotting, pro-democracy lobbying tour, he was grabbed off the streets of Hong Kong and bundled into a minivan. After being arrested, he appeared on the front pages of the world’s newspapers and was labelled a “traitor” by China’s foreign ministry.
He is very apologetic about being late for lunch.
Little about Wong, the face of Hong Kong’s democracy movement, can be described as ordinary: neither his Nobel Peace Prize nomination, nor his three stints in prison. Five years ago, his face was plastered on the cover of Time magazine; in 2017, he was the subject of a hit Netflix documentary, Joshua: Teenager vs Superpower. And he’s only 23.
We’re sitting inside a Cantonese teahouse in the narrow back streets near Hong Kong’s parliament, where he works for a pro-democracy lawmaker. It’s one of the most socially diverse parts of the city and has been at the heart of five months of unrest, which has turned into a battle for Hong Kong’s future. A few weekends earlier I covered clashes nearby as protesters threw Molotov cocktails at police, who fired back tear gas. Drunk expats looked on, as tourists rushed by dragging suitcases.
The lunch crowd pours into the fast-food joint, milling around as staff set up collapsible tables on the pavement. Construction workers sit side-by-side with men sweating in suits, chopsticks in one hand, phones in the other. I scan the menu: instant noodles with fried egg and luncheon meat, deep fried pork chops, beef brisket with radish. Wong barely glances at it before selecting the hometown fried rice and milk tea, a Hong Kong speciality with British colonial roots, made with black tea and evaporated or condensed milk.
“I always order this,” he beams, “I love this place, it’s the only Cantonese teahouse in the area that does cheap, high-quality milk tea.” I take my cue and settle for the veggie and egg fried rice and a lemon iced tea as the man sitting on the next table reaches over to shake Wong’s hand. Another pats him on the shoulder as he brushes by to pay the bill.
Wong has been a recognisable face in this city since he was 14, when he fought against a proposal from the Hong Kong government to introduce a national education curriculum that would teach that Chinese Communist party rule was “superior” to western-style democracy. The government eventually backed down after more than 100,000 people took to the streets. Two years later, Wong rose to global prominence when he became the poster boy for the Umbrella Movement, in which tens of thousands of students occupied central Hong Kong for 79 days to demand genuine universal suffrage.
That movement ended in failure. Many of its leaders were sent to jail, among them Wong. But the seeds of activism were planted in the generation of Hong Kongers who are now back on the streets, fighting for democracy against the world’s most powerful authoritarian state. The latest turmoil was sparked by a controversial extradition bill but has evolved into demands for true suffrage and a showdown with Beijing over the future of Hong Kong. The unrest in the former British colony, which was handed over to China in 1997, represents the biggest uprising on Chinese soil since the 1989 pro-democracy movement in Beijing. Its climax, of course, was the Tiananmen Square massacre, when hundreds, perhaps thousands, of people were killed.
“We learnt a lot of lessons from the Umbrella Movement: how to deal with conflict between the more moderate and progressive camps, how to be more organic, how to be less hesitant,” says Wong. “Five years ago the pro-democracy camp was far more cautious about seeking international support because they were afraid of pissing off Beijing.”
Wong doesn’t appear to be afraid of irking China. Over the past few months, he has lobbied on behalf of the Hong Kong protesters to governments around the world. In the US, he testified before Congress and urged lawmakers to pass an act in support of the Hong Kong protesters — subsequently approved by the House of Representatives with strong bipartisan support. In Germany, he made headlines when he suggested two baby pandas in the Berlin Zoo be named “Democracy” and “Freedom.” He has been previously barred from entering Malaysia and Thailand due to pressure from Beijing, and a Singaporean social worker was recently convicted and fined for organising an event at which Wong spoke via Skype.
The food arrives almost immediately. I struggle to tell our orders apart. Two mouthfuls into my egg and cabbage fried rice, I regret not ordering the instant noodles with luncheon meat.
In August, a Hong Kong newspaper controlled by the Chinese Communist party published a photo of Julie Eadeh, an American diplomat, meeting pro-democracy student leaders including Wong. The headline accused “foreign forces” of igniting a revolution in Hong Kong. “Beijing says I was trained by the CIA and the US marines and I am a CIA agent. [I find it] quite boring because they have made up these kinds of rumours for seven years [now],” he says, ignoring his incessantly pinging phone.
Another thing that bores him? The media. Although Wong’s messaging is always on point, his appraisal of journalists in response to my questions is piercing and cheeky. “In 15-minute interviews I know journalists just need soundbites that I’ve repeated lots of times before. So I’ll say things like ‘I have no hope [as regards] the regime but I have hope towards the people.’ Then the journalists will say ‘oh that’s so impressive!’ And I’ll say ‘yes, I’m a poet.’ ”
And what about this choice of restaurant? “Well, I knew I couldn’t pick a five-star hotel, even though the Financial Times is paying and I know you can afford it,” he says grinning. “It’s better to do this kind of interview in a Hong Kong-style restaurant. This is the place that I conducted my first interview after I left prison.” Wong has spent around 120 days in prison in total, including on charges of unlawful assembly.
“My fellow prisoners would tell me about how they joined the Umbrella Movement and how they agreed with our beliefs. I think prisoners are more aware of the importance of human rights,” he says, adding that even the prison wardens would share with him how they had joined protests.
“Even the triad members in prison support democracy. They complain how the tax on cigarettes is extremely high and the tax on red wine is extremely low; it just shows how the upper-class elite lives here,” he says, as a waiter strains to hear our conversation. Wong was most recently released from jail in June, the day after the largest protests in the history of Hong Kong, when an estimated 2m people — more than a quarter of the territory’s 7.5m population — took to the streets.
Raised in a deeply religious family, he used to travel to mainland China every two years with his family and church literally to spread the gospel. As with many Hong Kong Chinese who trace their roots to the mainland, he doesn’t know where his ancestral village is. His lasting memory of his trips across the border is of dirty toilets, he tells me, mid-bite. He turned to activism when he realised praying didn’t help much.
“The gift from God is to have independence of mind and critical thinking; to have our own will and to make our own personal judgments. I don’t link my religious beliefs with my political judgments. Even Carrie Lam is Catholic,” he trails off, in a reference to Hong Kong’s leader. Lam has the lowest approval rating of any chief executive in the history of the city, thanks to her botched handling of the crisis.
I ask whether Wong’s father, who is also involved in social activism, has been a big influence. Wrong question.
“The western media loves to frame Joshua Wong joining the fight because of reading the books of Nelson Mandela or Martin Luther King or because of how my parents raised me. In reality, I joined street activism not because of anyone book I read. Why do journalists always assume anyone who strives for a better society has a role model?” He glances down at his pinging phone and draws a breath, before continuing. “Can you really describe my dad as an activist? I support LGBTQ rights,” he says, with a fist pump. His father, Roger Wong, is a well-known anti-gay rights campaigner in Hong Kong.
I notice he has put down his spoon, with half a plate of fried rice untouched. I decide it would be a good idea to redirect our conversation by bonding over phone addictions. Wong, renowned for his laser focus and determination, replies to my emails and messages at all hours and has been described by his friends as “a robot.”
He scrolls through his Gmail, his inbox filled with unread emails, showing me how he categorises interview requests with country tags. His life is almost solely dedicated to activism. “My friends and I used to go to watch movies and play laser tag but now of course we don’t have time to play any more: we face real bullets every weekend.”
The protests — which have seen more than 3,300 people arrested — have been largely leaderless. “Do you ever question your relevance to the movement?” I venture, mid-spoonful of congealed fried rice.
“Never,” he replies with his mouth full. “We have a lot of facilitators in this movement and I’m one of them . . . it’s just like Wikipedia. You don’t know who the contributors are behind a Wikipedia page but you know there’s a lot of collaboration and crowdsourcing. Instead of just having a top-down command, we now have a bottom-up command hub which has allowed the movement to last far longer than Umbrella.
“With greater power comes greater responsibility, so the question is how, through my role, can I express the voices of the frontliners, of the street activism? For example, I defended the action of storming into the Legislative Council on July 1. I know I didn’t storm in myself . . . ” His phone pings twice. Finally he succumbs.
After tapping away for about 30 seconds, Wong launches back into our conversation, sounding genuinely sorry that he wasn’t there on the night when protesters destroyed symbols of the Chinese Communist party and briefly occupied the chamber.
“My job is to be the middleman to express, evaluate and reveal what is going on in the Hong Kong protests when the movement is about being faceless,” he says, adding that his Twitter storm of 29 tweets explaining the July 1 occupation reached at least four million people. I admit that I am overcome with exhaustion just scanning his Twitter account, which has more than 400,000 followers. “Well, that thread was actually written by Jeffrey Ngo from Demosisto,” he say, referring to the political activism group that he heads.
A network of Hong Kong activists studying abroad helps fuel his relentless public persona on social media and in the opinion pages of international newspapers. Within a week of his most recent arrest, he had published op-eds in The Economist, The New York Times, Quartz and the Apple Daily.
I wonder out loud if he ever feels overwhelmed at taking on the Chinese Communist party, a task daunting even for some of the world’s most formidable governments and companies. He peers at me over his wire-framed glasses. “It’s our responsibility; if we don’t do it, who will? At least we are not in Xinjiang or Tibet; we are in Hong Kong,” he says, referring to two regions on Chinese soil on the frontline of Beijing’s drive to develop a high-tech surveillance state. In Xinjiang, at least one million people are being held in internment camps. “Even though we’re directly under the rule of Beijing, we have a layer of protection because we’re recognised as a global city so [Beijing] is more hesitant to act.”
I hear the sound of the wok firing up in the kitchen and ask him the question on everyone’s minds in Hong Kong: what happens next? Like many people who are closely following the extraordinary situation in Hong Kong, he is hesitant to make firm predictions.
“Lots of think-tanks around the world say ‘Oh, we’re China experts. We’re born in western countries but we know how to read Chinese so we’re familiar with Chinese politics.’ They predicted the Communist party would collapse after the Tiananmen Square massacre and they’ve kept predicting this over the past three decades but hey, now it’s 2019 and we’re still under the rule of Beijing, ha ha,” he grins.
While we are prophesying, does Wong ever think he might become chief executive one day? “No local journalist in Hong Kong would really ask this question,” he admonishes. As our lunch has progressed, he has become bolder in dissecting my interview technique. The territory’s chief executive is currently selected by a group of 1,200, mostly Beijing loyalists, and he doubts the Chinese Communist party would ever allow him to run. A few weeks after we meet he announces his candidacy in the upcoming district council elections. He was eventually the only candidate disqualified from running — an order that, after our lunch, he tweeted had come from Beijing and was “clearly politically driven”.
We turn to the more ordinary stuff of 23-year-olds’ lives, as Wong slurps the remainder of his milk tea. “Before being jailed, the thing I was most worried about was that I wouldn’t be able to watch Avengers: Endgame,” he says.
“Luckily, it came out around early May so I watched it two weeks before I was locked up in prison.” He has already quoted Spider-Man twice during our lunch. I am unsurprised when Wong picks him as his favourite character.
“I think he’s more . . . ” He pauses, one of the few times in the interview. “Compared to having an unlimited superpower or unlimited power or unlimited talent just like Superman, I think Spider-Man is more human.” With that, our friendly neighbourhood activist dashes off to his next interview.
time reference frame 在 ロイドごはん Youtube 的最佳貼文
家系ラーメンを知らない人もきっとまた食べたくなる一杯!蒲田で話題No.1の家系ラーメン店『飛粋』に久しぶりに伺いました。こちらはオープンして間もない頃からその美味しさで話題を呼び、今なお高評価を獲得し続けるお店です。その味はこれまでの家系ラーメンの客層とは異なる層をも巻き込み「家系ラーメン」の枠にとどまらず、多くのお客さんを魅了しています。まだ行かれていない方もぜひご覧になって参考にしていただければと思います。それでは早速ご覧ください!
*実際のトッピングと異なる場合があります。
*感染対策を徹底して撮影を行っています。
*撮影に際しては、お店の方や周りのお客様に充分配慮して撮影をおこなっています。
Even people who don't know Iekei Ramen will want to eat it again! I visited Kamata's No. 1 Iekei Ramen shop "Hiiki" for the first time in a while. This is a restaurant that has been a hot topic for its deliciousness since it was just opened and continues to be highly evaluated. Its taste is not limited to the frame of "Iekei Ramen", such as involving a different layer from the customers of Iekei Ramen so far, and attracts many customers. If you haven't been there yet, please take a look and use it as a reference. Please have a look!
* It may differ from the actual topping.
* We take thorough measures against infection.
* When shooting, we take the shop and the customers around us into consideration.
いつもありがとうございます!( ´ ▽ ` )
高評価&チャンネル登録もよろしくお願いいたします!
#家系ラーメン #飛粋 #東京 #ロイドごはん #フラメンコロ
—————《サブチャンネルもよろしくお願いします!》—————————————
【メロンシートジャーニー】
https://www.youtube.com/channel/UCwNlBAUziFWkJZFY_u3t65A
【フラメンコロイド】
https://www.youtube.com/channel/UCsFJHNg3SR41R2a3vctUInw
—————《本日の店舗情報》—————————————————
『らーめん 飛粋』https://tabelog.com/tokyo/A1315/A131503/13217922/
—————《ロイドごはんオススメの動画! ROIDGOHANs’ Recommended video》———————————
78才おじいちゃん屋台ラーメンの朝『幸っちゃん』夜明けの銀座【飯テロ】Old Style Ramen Stall Yatai Japanese Street Food
https://youtu.be/YHiWYvhxUI4
【家系ラーメン特集!】
https://www.youtube.com/playlist?list=PL6yW17uB9uIVUmOS8qnXrRwcBu8W-uRYZ
神回【ラーメン二郎の貴重映像】全増しが出来るまで一部始終を大公開!【ラーメン二郎 ひばりヶ丘店】ramen
https://youtu.be/mBFcdMHyaxA
—————《オリジナルサイトの情報》—————————————————
★ロイドwalker《人生をドラマチックに彩る旅とグルメと温泉図鑑》
https://ramenjapan.net/
★メロンシート《フラメンコギターの世界一の旅》
https://pordiotama3.xsrv.jp
★フラメンコロイド 《フラメンコロイドの神話と伝説》
https://flamenkoroid.net
—————《twitter》—————————————————————
★ロイドごはん
https://twitter.com/roidgohan
★メロンシート
https://twitter.com/meloncito310
★フラメンコロイド
https://twitter.com/flamenkoroid
—————《instagram》———————————————————-
★ロイドごはん
https://www.instagram.com/roidgohan
★メロンシート
https://www.instagram.com/satoshimelo...
★フラメンコロイド
https://www.instagram.com/flamenkoroid
time reference frame 在 NotebookSPEC Youtube 的最佳解答
ถ้าคุณต้องเจอกับเกมเมอร์ที่สูสีกัน ฝีมือไม่ต่างกันมาก แต่คุณต้องการชัยชนะที่เด็ดขาด นอกจากการฝึกฝนให้หนักขึ้น ฮาร์ดแวร์ที่ดีที่ทำให้คุณเล่นได้ลื่น ไม่สะดุด คืออีกหนทางแห่งชัยชนะ
Frame Win Game หรือ ความสำคัญของเฟรมเรตที่มีผลต่อการเล่นเกม ที่ทาง nVIDIA ให้เป็นนิยาม สำหรับเกมเมอร์ที่มีเป้าหมายและเป็นตัวกำหนดชัยชนะ จังหวะที่เกมสะดุดเพียงไม่กี่วินาที คุณอาจส่องเฮดช็อตหรือร่ายเวทย์ใหญ่ใส่คู่ต่อสู้ให้นอนตาย หรือกลายเป็นคุณเองที่ต้องมาเริ่มเกมใหม่ได้เช่นกัน ดังนั้นหากฝีมือสูสี จังหวะการเล่นที่ใกล้เคียงและอาวุธที่ใช้ไม่ได้ต่างกันมาก ความลื่นไหลของเฟรมเรต จะเป็นตัวกำหนดชัยชนะได้เลย
https://www.nvidia.com/en-us/geforce/campaigns/frames-win-games/
การ์ดจอ GIGABYTE AORUS RTX 3070 MASTER 8G
แนวความคิด - ตัวการ์ดเน้นความเป็นดิจิตอล ทั้งการวางฟังก์ชั่นแสง และดีไซน์ของตัวการ์ด ดูสวยงามลงตัว และให้ประสิทธิภาพที่โดดเด่น
การระบายความร้อน - ใช้พัดลมขนาด 100mm จำนวน 3 พัดลม 2 ตัวซ้าย-ขวา หมุนทวนเข็มนาฬิกาและตัวกลางหมุนตามเข็ม ด้วยการหมุนซ้อนกันแบบนี้ จึงช่วยให้ลมไม่หมุนชนกัน แต่เพิ่มแรงดันให้สามารถผลักดันความร้อนได้ดียิ่งขึ้น
หน้าจอแสดงผล ที่รายงานอุณหภูมิของการ์ดได้อีกด้วย เรียกว่า LCD EDGE VIEW มีให้เลือก 5 โหมดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ENTHUSIAST, Text, Image, GIF และ Chibi time โดยปรับแต่งได้บนซอฟต์แวร์ RGB FUSION 2.0 นั่นเอง
RGB FUSION 2.0 - ยังช่วยให้คุณสามารถ Synchronize แสงไฟบนตัวการ์ดและเมนบอร์ดได้อีกด้วย ปรับแต่งโหมดแสงไฟได้แบบล้ำๆ บนพื้นฐาน 8 โพรไฟล์
Backplate - แบบเต็มด้านหลังการ์ด เพิ่มช่องระบายอากาศด้านหลัง เพื่อดันลมร้อนออกไป สบายๆ
นอกจากนี้ยังเพิ่มพลังด้วยการโอเวอร์คล็อกความเร็วสัญญาณนาฬิกา เพื่อรีดเฟรมเรตไปได้แบบสุดๆ สำหรับเกมที่คุณชื่นชอบได้อีกด้วย
สเปคที่ใช้ในการทดสอบ
ซีพียู Intel Core i5-10600K 6 core/ 12 thread บูสท์ได้ถึง 4.80GHz เป็นแบบ Unlocked โอเวอร์คล็อกได้สนุก
เมนบอร์ด GIGABYTE Z490-UD Ultra Durable ลูกเล่นเยอะ ฟีเจอร์แน่น เน้นประสิทธิภาพและการเชื่อมต่ออุปกรณ์ความเร็วสูง มาพร้อมภาคจ่ายไฟ 12-phase, มี Backplate I/O ด้านหลังมาในตัว, สล็อตที่มี Armor เสริมแกร่งเข้ามาให้ สำหรับใส่การ์ดจอตัวใหญ่ได้สบาย, รองรับ SSD M.2 PCIe ได้อีก 2 ชุด และการปรับ XMP บนแรมได้ถึง 4500MHz รวมถึงสนับสนุน PCIe 4.0 อีกด้วย และเทคโนโลยีที่จัดเต็มมาในทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็น Smart Fan 5, RGB FUSION 2.0 และบรรดา ภาพจ่ายไฟ คาปาซิเตอร์คุณภาพสูง เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน
แรม HyperX DDR4 3200 16GB
SSD Kingston 1TB
PSU 850W
Specification GIGABYTE AORUS RTX 3070 MASTER 8G
Core Clock - 1845 MHz (Reference Card: 1725 MHz)
CUDA® Cores - 5888
Memory Clock - 14000 MHz
Memory Size - 8 GB
Memory Type - GDDR6
Memory Bus - 256 bit
Memory Bandwidth (GB/sec) - 448 GB/s
Card Bus - PCI-E 4.0 x 16
time reference frame 在 一二三渡辺 Youtube 的精選貼文
Came to visit me from Australia
FY 1975 125cc champion
https://youtu.be/aEk4CkhLTuo
Yes SRX500 is owned,
Always "best in class" machine in the mission was born Mach SS
500SS
Was always conscious of the world's fastest "KAWASAKI", the supremacy of Power [Mach series was developed to meet the needs of North America. After all features are "two-stroke three-cylinder" peculiar layout. At that time [two-cylinder model was mainly 』, each cylinder is small, compact and can reduce vibration cooling mission, from the technical superiority of" three-cylinder two-cycle piston reed valve "was adopted. In fact, "two-cylinder two-stroke Rotaridisukubarubu" The development plan at the same time, the development had been good results with both the actual proposal. But, ultimately, can appeal and innovative design with an innovative technology, "three-cylinder two-stroke piston reed valve" proposal which was adopted.
』[The 500SS 3 Mach Mach (H1), including, 750SS (H2), 400SS (S3), 350SS (S2), 250SS (S1) and had many variations. The emergence of avant-garde high-power machines, the riders were attracted a lot of them ironically are therefore [the supremacy of Power "is fast, unyielding, unstoppable" "and never an easy ride to palaver machine say "we would be described as such. Moreover, machines were invented after the name of "Z1" 討Chitonari chasing the appearance of the wave of the future gradually (4-cylinder air-cooled 4) is swallowed, and was short-lived. Mach series, however, "Mach" The basic layout is unchanged, 400SS · 250SS 1976 to "KH400" "KH250" but changed its name, and was also a longtime production until 1980.
The model had short-lived indeed, and that accelerates like a rocket, an exhaust air-cooling metal fins rugged play is only in the Mach different world. The unruly "horse," I domesticate domesticated, meaning that [the status of motorcyclists 』whether or not then? The Kawasaki but in recent years," Mach strike 4 "and Xanthus as Z1000 also as someone rolled out to.
Madly in love on sight synonymous with Mach-[』will continue to attract many riders still, we fight against Han Mach no end.
Has been developed seeking the seat of the world's fastest 500SS "3 Mach"
"Speed" made a thorough commitment to "Mach" is, Z1 was born six years ago, in 1966, "bigger, more powerful!" Was developed based on the concept in 1969 . Domestic standard is "Tank" Black appeared in. [From the shape of the future born of design, bold! Were] attached a copy of the catch. (Incidentally, the export specification "navy blue stripes on white body" was.)
"Air-cooled two-stroke three-cylinder" layout is peculiar, "Mach" not just an impression, and it was in technical innovation? ... The two-cylinder engine each cylinder from the mainstream of the time it can be reduced, and so compact vibration reduction mission of improving the cooling effect is also the layout is also considered a number of technical advantages. In fact, repeated experiments in parallel with development of various engine layout too, it's also an established style. The first production car "CDI ignition system" was also adopted, and this is the Mach 3.
Multiply the world 放Tta Mach Kawasaki prestige, world-class performance and powerful acceleration, but had high-speed performance, maneuverability is also a good compliment. However, this is why we ride bikes more, "Mach horse," challenging to fight for the ride, the saga created a number of them. "3-speed to leave the wheelie!" Etc., a number of Mach Legend 』is produced, and went around the world to attract more riders. It was also released around the same time "CB750FOUR" It was also cheaper than other performance cars, one reason may be popular. ("CB750FOUR" is 385,000 yen, "500SS" is 298,000 yen.) ... Easier to obtain than the giants sit in a row, you can achieve if they run beyond 乗Rikonasere yet. Many riders would be attracted to such a valiant figure.
Supplement is, in fact, show special effects in TV series was popular a year from 1972 Fuji "Android Kikaider" hero Kikaida sidecar carrying this "Mach 3", respectively. Moreover, spec racer (Nira) is rather surprising from a special machine built in the frame! In addition, the nemesis "Hakaider" The Love Machine H2 (750SS), respectively. The 1970 Tokyo Motor Show is "Kawasaki Mach III special sidecar GT500" had been exhibited as a reference.