👩🏻💻【科技融入長者生活】(5/6)
// Tech becomes the norm for Seniors //
Tech For Good Asia Webinar – Bridging the Digital Divide for the Elderly
Tech For Good Asia, along with Solis Strategy, co-organised a webinar to discuss the difficulties that the elderly encountered during the pandemic and how technology could help them overcome the barriers and stay connected.
Session 2 – How technology can support the elderly during the pandemic?
The social distancing measures and travel restrictions have disrupted everyone’s ordinary routine. It was particularly hard for the elderly to adapt to such drastic changes. In this session, we have invited speakers from AlipayHK, Facebook and the medical sector to share with us how new technology could improve the quality of life of the elderly during the pandemic.
In this part, Mr. Simon Leung (Head of Business Development, AlipayHK) and Ms. Maggie Tam (Public Policy Manager, Facebook) further discussed some examples on their platforms of how Seniors and others make use of their technology tools to stay healthy and provide psychological support during the pandemic and even lockdown periods.
*****
Tech For Good Asia 接軌智慧時代全社會動員網上研討會:
「Tech For Good Asia」及與合作夥伴「Solis Strategy」合辦了網上研討會,這研討會透過錄影製作,並會剪輯成六個部份去了解去年疫情下長者面對的困難以及解決方法。
環節二:以科技支援長者在疫情中的生活
在疫情間香港實施出入境近乎封關、保持社交距離及相關限制措施等都突如其來的改變了大家的生活,當中長者更難適應這個急速的改變。我們在這部分邀請到AlipayHK、Facebook以及醫療界別的講者為大家講述如何以科技支援長者在疫情中的生活。
在這部分,AlipayHK電子支付平台總監梁溢堅先生和Facebook香港公共政策經理譚雋蘭女士繼續提出了例子,討論他們的平台和服務能如何協助長者們,即使在疫情下仍能保持身體及精神健康。
#StayDigitallyTuned #長者生活 #科技融入社區
#ElderlySupport #ElderlyDuringPandemic
#TechForGoodAsia #TFGA #SCHSA #SolisStrategy #AliPay #Facebook
同時也有19部Youtube影片,追蹤數超過83萬的網紅serpentza,也在其Youtube影片中提到,I like to talk from experience and now that I have experienced Surgery I can tell you what I think are the plusses and minuses of getting Surgery done...
travel policy 在 Facebook 的最佳解答
👁️【點為真假訊息定分界?】(4/6)
// Truth or misinformation, that’s the question! //
Tech For Good Asia Webinar – Bridging the Digital Divide for the Elderly
Tech For Good Asia, along with Solis Strategy, co-organised a webinar to discuss the difficulties that the elderly encountered during the pandemic and how technology could help them overcome the barriers and stay connected.
Session 2 – How technology can support the elderly during the pandemic?
The social distancing measures and travel restrictions have disrupted everyone’s ordinary routine. It was particularly hard for the elderly to adapt to such drastic changes. In this session, we have invited speakers from AlipayHK, Facebook and the medical sector to share with us how new technology could improve the quality of life of the elderly during the pandemic.
In this part, Ms. Maggie Tam (Public Policy Manager, Facebook) flagged out the importance of information during the pandemic. Facebook has been working with Centre for Health Protection and other third party verification centres to ensure that their users gain access to updated and reliable information relating to Covid-19 and vaccination. Dr. Derek Wong (Specialist in Neurosurgery) highlighted the challenges patients who were seniors faced in finding the right medical information and the advances in remote diagnostics during the pandemic.
We have extracted some of the discussions in the following videos. We hope that this webinar could let community to understand better how technology could let the elderly stayed digitally connected during this difficult time.
*****
Tech For Good Asia 接軌智慧時代全社會動員網上研討會:
「Tech For Good Asia」及與合作夥伴「Solis Strategy」合辦了網上研討會,這研討會透過錄影製作,並會剪輯成六個部份去了解去年疫情下長者面對的困難以及解決方法。
環節二:以科技支援長者在疫情中的生活
在疫情間香港實施出入境近乎封關、保持社交距離及相關限制措施等都突如其來的改變了大家的生活,當中長者更難適應這個急速的改變。我們在這部分邀請到AlipayHK、Facebook以及醫療界別的講者為大家講述如何以科技支援長者在疫情中的生活。
在這部分,Facebook香港公共政策經理譚雋蘭女士表示疫情的資訊傳播特別重要,為了減少平台上有關新冠疫情的不實訊息及其傳播,Facebook與衛生防護中心及第三方查核中心合作,著力投放資源於幫助用戶獲得最新、最可靠的資訊。腦神經外科專科黃秉康醫生介紹了科技對診斷流程和步伐所產生的正面影響,並分享了長者接收正確醫學資訊的需要和時面對的挑戰。
#StayDigitallyTuned #長者生活 #科技融入社區
#ElderlySupport #ElderlyDuringPandemic
#TechForGoodAsia #TFGA #SCHSA #SolisStrategy #AliPay #Facebook
travel policy 在 หมอๆ ตะลุยโลก Facebook 的精選貼文
เส้นทางชีวิตหลังจบแพทย์แล้ว เป็นอย่างไร
วันนี้ขอมาเล่าเรื่องอะไรเล็กน้อย เกี่ยวกับชีวิตของแพทย์นะครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ให้กับผู้อ่านได้ในหลายๆส่วน โดยเฉพาะกับคำถามที่ว่า
“หลังจากจบแพทย์ 6 ปีแล้ว หมอแบบพวกเรา ไปอยู่ส่วนไหนของสังคมกันบ้าง”
อย่างที่ทุกๆคนทราบเหมือนกันว่าการเรียนแพทย์นั้นใช้เวลาเรียน 6 ปี หลังจากจบชั้น ม.6 ในระบบภาคการศึกษาปกติของประเทศไทย เข้ามหาวิทยาลัยตอนอายุ 17-18 ปี ตอนจบอายุจะประมาณ 23-24 ปี แตกต่างกันไปในแต่ละคน
พอมาถึงจุดนี้บางส่วนก็จะเลือกที่จะอยู่ในโรงเรียนแพทย์ต่อและเรียนต่อเฉพาะทางในทันที ก็จะจบออกมาเป็นแพทย์เฉพาะทางตั้งแต่อายุยี่สิบปลายๆ ส่วนอีกทางก็อาจจะเลือกออกไปทำงานชดใช้ทุนตามสัญญาที่มีกับภาครัฐ สั้นบ้าง ยาวบ้าง แล้วแต่สัญญา อยู่ในระหว่าง 1-5 ปี
หลังจากนั้นก็จะกลับมาเรียนต่อเฉพาะทาง
พอถึงจังหวะเรียนต่อเฉพาะทาง ก็จะกลับมาเรียน หมออายุรกรรม หมอผ่าตัด หมอตา หมอหู หมอสูติ หมอเด็ก หมอห้องฉุกเฉิน ฯลฯ จะใช้เวลาราวๆ 3-5 ปีแล้วแต่สาขา
หลังจากนั้นพอจบเฉพาะทางเสร็จแล้ว ก็จะมาต่อเฉพาะทางต่อยอด เป็น หมอหัวใจ หมอไต หมอตับ ฯลฯ ว่ากันไปอีก 1-2 ปี แบบนี้
อันนี้คือภาพการเดินทางของหมอในเส้นทางที่เราจะรู้จักและเข้าใจกันดี ให้ผมอธิบายต่อในอีกหนึ่งมุมมองของหมอที่ไม่ได้ทำงานในโรงพยาบาลครับ ซึ่งเทียบสัดส่วนแล้วอาจจะไม่ได้มาก แต่อาจจะเป็นทางเลือกสำหรับใครหลายๆคน
ก่อนอื่นเนื่องจากการที่ตัวเนื้องานไม่ได้อิงกับโรงพยาบาล นั่นแปลว่า ภาระงานส่วนใหญ่ก็อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลหรือรักษาคนที่ป่วยโดยตรง แต่จะออกไปในรูปแบบต่างๆ หรือออกไปในแนวทางของการทำวิจัย (research) หรือ ป้องกันโรคมากยิ่งขึ้น (preventive)
ถ้าเราได้ลองมองสาขาวิชาเฉพาะของเวชศาสตร์ป้องกัน (preventive medicine) ที่มีในเมืองไทยตอนนี้ จะมีอยู่ดังนี้ครับ
• ระบาดวิทยา (Epidemiology) เป็นนักระบาดวิทยา ถ้าในยุคโควิดก็จะเห็นภาพชัดเจนที่สุด คือแพทย์ส่วนใหญ่ที่ทำงานในกรมควบคุมโรค มีหน้าที่สอบสวนโรค ส่วนใหญ่แล้วจะทำงานกับภาครัฐเพราะถือเป็น policy maker สามารถขึ้นไปทำงานในองค์กรระหว่างประเทศอย่าง องค์กรอนามัยโลกหรือสำนักงานขององค์กรอนามัยโลกภาคพื้นเอเชีย (SEARO) แบบนี้ ประเทศไทยจะมีหลักสูตรการสอนที่ชื่อว่า FETP ที่มีหมอจากต่างชาติมาเรียนด้วยครับ
• เวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว (Travel Medicine) ดูแลนักเดินทาง (ที่ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยว) ก่อนเดินทางก็ดูแลและหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดโรค ณ สถานที่ปลายทางที่เดินทางไป เช่น จะไปแทนซาเนีย 1 เดือน ควรต้องเตรียมตัวอย่างไร หรือ ถ้ากลับมาจากการเดินทางแล้วป่วย จะสงสัยโรคอะไร เพราะแต่ละประเทศจะมีสาเหตุของการเกิดโรคที่อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนกันได้ แม้จะมาด้วยอาการที่ใกล้เคียงกัน
• เวชศาสตร์การบิน (Aviation Medicine) ดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวกับการแพทย์ที่อยู่เหนือพื้นดินครับ ยกตัวอย่างให้พอเห็นภาพจะมีแพทย์ที่เรียกว่า Flight surgeon ที่ไม่ใช่ศัลยแพทย์นะครับ แต่เป็นแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยระหว่างที่มีการเคลื่อนย้ายทางอากาศ เช่น จำเป็นต้องมีการย้ายผู้ป่วยข้ามประเทศทางเครื่องบินพยาบาล (air ambulance) หรือในเครื่องบินพาณิชย์
• เวชศาสตร์ทางทะเล (Maritime Medicine) ดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวกับทางทะเล ตั้งแต่เวชศาสตร์ใต้น้ำ (underwater) ดูแลเครื่องความดันบรรยากาศสูง (hyperbaric chamber) ซึ่งเรามักจะเข้าใจว่าเอาไว้ภาวะน้ำหนีบในนักดำน้ำ แต่จริงๆเอาไว้ใช้รักษาโรคอื่นได้อีกมากมาย ดูแลคนที่ทำงานในทะเล เพราะในทะเลจะมีระบบกฎหมายการทำงานทางสุขภาพที่แตกต่างของผู้ที่ทำงานบนฝั่งแบบนี้ครับ
• เวชศาสตร์ป้องกันคลินิก (Clinical Preventive Medicine) เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการป้องกันโรคจะพบได้ในคณะแพทยศาสตร์ เนื่องจากเป็นอาจารย์แพทย์ที่จะทำการสอนด้านเวชศาสตร์ป้องกันให้กับนักศึกษาแพทย์หรือแพทย์ประจำบ้านอีกครั้ง
• สาธารณสุขศาสตร์ (Public health)
• สุขภาพจิตชุมชน (Community Mental Health) แพทย์ที่ดูแลด้านสุขภาพจิตในเชิงของการป้องกัน (จิตแพทย์จะลงลึกไปในเรื่องของการรักษาซึ่งเน้นกันคนละจุดครับ)
• อาชีวเวชศาสตร์ (Occupational Medicine) เป็นแพทย์ที่ดูแลและป้องกันโรคภัยที่เกิดจากการประกอบอาชีพ มองให้เห็นภาพคือ การจะมีโรงงานอุตสาหกรรมที่คนทำงาน ทำแล้วไม่เกิดปัญหาทางกาย หมอคนนี้คือคนที่ดูแลและป้องกันครับ เช่น โรงงานทำแร่ใยหิน ก็จะจัดการเรื่องแร่ใยหินให้ถูกต้อง ป้องกันไม่ให้เกิดโรคจากแร่ใยหินแบบนี้
• เวชศาสตร์การจราจร (Traffic Medicine) สาขานี้พึ่งจะเริ่มต้นมีประเทศไทยครับ
นอกจากนี้แล้ว จริงๆแล้ว ยังมีสาขาอื่นๆอีก ที่น่าสนใจแต่ยังไม่ได้มีรายละเอียดในบ้านเรามากนักครับ แพทย์ที่ทำงานในด้าน IT โดยเฉพาะ ที่เรียกว่า Medical Informatician ครับ ซึ่งการเรียนการสอนในสาขานี้ เท่าที่ทราบคือยังไม่มีในเมืองไทย ต้องไปเรียนที่ต่างประเทศ
หรือแพทย์ที่ทำงานอยู่ในสายของนักวิจัย เพราะจบทางด้านวิทยาศาสตร์มาพร้อมๆกัน เช่น ด้านเภสัชวิทยา สรีรวิทยา ภายวิภาคศาสตร์ ฯลฯ ส่วนใหญ่ผู้เชี่ยวขาญสาขานี้จะอยู่ในคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทย์อยู่ และเป็นผู้ที่ทำการสอนนักศึกษาแพทย์ในช่วงขั้น ปีที่ 2-3 หรือถ้าออกไปทำงานในบริษัทยาก็อาจจะเป็นนักวิจัยยา (Pharmaceutical Researcher)
หรืออาจะเป็นแพทย์ที่ไปทำงานในหน่วยงานของเอกชนที่มีหน่วยงานของแพทย์อยู่ ทำงานเป็นแพทย์ที่เป็นผู้ประสานงานทางการแพทย์ (Medical Coordinator)
ทำงานในบริษัทเอกชนในตำแหน่ง Corporate physician หรือในบริษัทประกัน (Insurance) หรืออาจจะเป็นผู้แทนของบริษัทยา Medical Sales Representative
หรือบางคนอาจจะออกไปโลดแล่นกับหน่วยงานระหว่างประเทศเลย เช่น องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (Médecins Sans Frontières)
หรืออาจจะมาในอาชีพที่คนทั่วไปก็เข้าถึงได้เช่น นักเขียน นักเล่าเรื่อง (medical writer) หรือจะออกมาเริ่มต้นทำธุรกิจในสายงานสุขภาพ (Medical startup entrepreneur) ซึ่งทั้ง 2 อย่างหลังนี้ มีตัวอย่างของผู้ทบุกเบิกไว้ให้เห็นภาพพอสมควรแล้ว
สุดท้ายนี้ ก็ที่เขียนบทความนี้ขึ้นมา ก็อยากให้ทุกคนได้เห็นภาพในอีกด้านหนึ่งของอาชีพที่อาจจะช่วยเป็นแนวทางให้คนหลายๆคน (รุ่นน้องนักศึกษาแพทย์ หรือเพื่อนร่วมวิชาชีพ) หรือผู้ที่สนใจได้ครับ ว่าสามารถมีทางเลือกอะไรที่มีความเป็นไปได้บ้างในตอนนี้
travel policy 在 serpentza Youtube 的最讚貼文
I like to talk from experience and now that I have experienced Surgery I can tell you what I think are the plusses and minuses of getting Surgery done in the USA...
For a deeper dive into China's Propaganda influence and soft power, watch our live show ADVPodcasts: https://www.youtube.com/advpodcasts
DOCUMENTARY LINKS:
Conquering Southern China:
https://vimeo.com/ondemand/conqueringsouthernchina
Conquering Northern China:
https://vimeo.com/ondemand/conqueringnorthernchina
Stay Awesome China (my new documentary): https://vimeo.com/ondemand/stayawesomechina
For Motorcycle adventures around the world, and a talk-show on two wheels go to ADVChina every Monday 1pm EST
https://www.youtube.com/advchina
For a realistic perspective on China and world travel from an American father and a Chinese mother with two half-Chinese daughters go to Laowhy86 every Wednesday 1pm EST
https://youtu.be/mErixa-YIJE
For a no-nonsense on the street look at Chinese culture and beyond from China's original YouTuber, join SerpentZA on Friday at 1pm EST
https://www.youtube.com/serpentza
Support Sasha and I on Patreon: http://www.patreon.com/serpentza
Join me on Facebook: http://www.facebook.com/winstoninchina
Twitter: @serpentza
Instagram: serpent_za
under the knife
travel policy 在 CelloKoko 柯柯來了 Youtube 的最讚貼文
終於回台灣啦!這次紀錄了從美國舊金山回台灣機場的現況,飛機上情形和入境檢疫流程,包括填表格、辦理台灣手機(詳細文字敘述如下)、防疫計程車,供大家參考,但是規定也隨時在更新,大家還是需要去網頁上查詢喔!也特別謝謝地勤、空服員以及防疫人員!大家都辛苦了!
1. 14天不能出門
14 days of quarantine, you can’t go out
2. 早晚量體溫
Check the temperature twice a day
3. 不舒服 打1922
Call 1922 if you are not feeling well
4. 手機開機 電話要接
Keep your cellphone on, answer all the calls
*檢驗14天必須有台灣手機 他們會關心追蹤
During the 14 days of quarantine, They will call and track you everyday. That’s why you need a local phone number
*下機後馬上有辦理手機處 所以沒有台灣SIM卡不必擔心,有台灣手機號碼的直接等最後的確認信
(SIM卡辦理15天700元,30天1000元)
You can get a local phone number at the airport
*辦完SIM卡後再上衛福部的網頁填一次正確的當地台灣電話
When you get the SIM card, fill out the Quarantine System for Entry form again
*收到確認訊息後即可出關
Wait for the confirmation message then you are good to go
Q:如果有台灣手機在家裡 沒有在目前的裝置上怎麼辦?
A:可以請家人收到確認信後,傳那封確認信到你現在的手機上 ,要有那封確認信才可以出關
What is it like to fly during the pandemic? Today I am flying from San Francisco to Taiwan - Going back home!!🤩 Here’s the situation at the airport, on the airplane and entry process /quarantine procedures for entering Taiwan! (The policy might change anytime, please check out the most recent information on their official website!) Special thanks to the flight attendants, airport assistants and everyone who makes our hometown safe!
**規定隨時會更新 還是請上官網查詢最新規定喔**
Please check the official website for the updated information
cellokoko Instagram:https://www.instagram.com/cellokoko/
cellokoko 臉書專頁: https://www.facebook.com/cellokoko/
合作信箱:thecellokoko@gmail.com
#台灣機場 #入境流程 #檢疫 #搭飛機 #防疫計程車 #美國機場 #入境 #Taiwan #entry #Sanfrancisco #airport #SFO #airplane #travel #musician #cellist #大提琴 #防疫 #隔離
travel policy 在 王炳忠 Youtube 的最讚貼文
🔥支付寶打賞:13581883245
🔥王炳忠今日頭條:搜索「王炳忠台灣」
🔥王炳忠臉書粉專:https://www.facebook.com/bingzhong.wang
♦♦♦
“Are you helping or harming us?” This is my serious question to you American politicians, including those in the Trump administration and in the Congress. As the spokesperson for the New Party, one of Taiwan’s political parties, and also a young man who has lived in Taiwan for more than 32 years since my birth, I should tell you that the answer decides our future without doubt. In other words, the very fact I must confirm is whether you support Taiwan independence instead of the One-China policy or just deploy Taiwan as your pawn to bargain with Beijing. To be honest, as you always take it for granted to sacrifice others for your benefits, it is quite important for us to make sure in advance.
As we all know, the US Congress usually tends to challenge China’s sovereignty over Taiwan because of the impact of the military-industrial complex and the lobbies hired by the Taiwan government. The Taiwan Travel Act and the TAIPEI Act are the late instances. However, without the administration’s implementation, these are only lip service. Thus, the administration’s attitude is crucial indeed. So, let’s see the Department of State. As Secretary Pompeo stated last March, the US is now using every tool in its tool kit to prevent China from isolating Taiwan through diplomatic channels. This year, after shifting blames for its neglect of the pandemic prevention by attacking China and the WHO, the Department of State recently expressed support for Taiwan’s participation in the WHA. The above really triggered my curiosity: The establishment of the US-Taiwan formal diplomatic relations is just the most useful tool, isn’t it? Why does the US not use that? Besides, since Taiwan should become a formal member of the UN before entering the WHO, why does the US not recognize Taiwan as a sovereign state or the ROC government in Taiwan as the only legal government of China instead of the PRC?
The answer to my question seems that your real intention is not to support Taiwan’s real independence but only to trouble Beijing. Just as Pompeo said at a congressional hearing, the Trump administration’s way of viewing the US-Taiwan relations can consider the threat of China’s rise more than the predecessors, which reveals that Taiwan is only a chess piece for Washington to play with Beijing. Furthermore, since the US has no will to have Taiwan as a formal ally, Taiwan is just a pawn you can sacrifice anytime. Consequently, Taiwan must suffer the worsening of cross-strait relations at our own cost while the US just plays Taiwan to bargain with Beijing for your own interests. The outcome is so predictable that Taiwan should go through a depression for its large economic dependence on mainland China which you are unable and unwilling to make up. Besides, we should even consider the most serious situation that a war occurs in the Taiwan Strait. The scenario of Taiwan military is holding on alone within two to three weeks in order to wait for the US military aid. Nevertheless, as the former AIT chairman Richard Bush said, the implied commitment of the US to come to Taiwan’s defense has never be absolute. In other words, we should risk engaging a war with Beijing resulted from your dangerous game, sacrificing our lives for your lies.
As I already told you earlier, the real threat to the US is not China’s rise but the loss of your self-confidence. Moreover, you have weakened the stability across the Taiwan Strait by inciting Taiwan to deny the 1992 consensus and intervening in Taiwan’s campaign last year, which destroys the status quo and your interests indeed. Certainly, as what Secretary Pompeo has told us, “We lied, we cheated, we stole,” how can we bet our future on the US “glory” of lying, cheating, and stealing? In fact, as you once betrayed us in 1978 even though the ROC government in Taiwan and your government was formal alliance then, it is much easier for you today to abandon us when the deal has been done.
In conclusion, as your government declared plainly in the U.S.-PRC Joint Communique (1972), the US had its interests in a peaceful settlement of the Taiwan question by the Chinese themselves. Accordingly, since you are not willing to recognize either Taiwan as an independent state or the ROC as the legal government of China, we have no choice but to deal with the question of reunification with Beijing by the Chinese ourselves. Helping instead of harming us, you could stop intervening in the Taiwan question, otherwise it will only strengthen the risk across the Taiwan Strait and put us in jeopardy. Thank you if you release your hands.