ใครคือผู้ก่อตั้ง TSMC ผู้ผลิตชิป ให้คนครึ่งโลก /โดย ลงทุนแมน
แม้ว่าระบบปฏิบัติการ iOS ของแอปเปิลและ Android ของกูเกิล จะเรียกได้ว่าเป็นคู่ปรับตลอดกาล
แต่รู้หรือไม่ว่า ชิปเซต หรือ สมองของสมาร์ตโฟนที่อยู่บนสมาร์ตโฟน เช่น ชิป A-Series ของแอปเปิล หรือชิป Snapdragon หลายรุ่นบน Android กลับถูกผลิตขึ้นโดยบริษัทเดียวกันที่ชื่อว่า Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC
ซึ่งนอกจากชิปบนสมาร์ตโฟนแล้ว TSMC ยังมีส่วนแบ่งการตลาดชิปเซตทั้งหมดบนโลกมากถึง 55.6% หรือเรียกได้ว่าชิปเกินกว่าครึ่งโลก ถูกผลิตขึ้นจากบริษัทแห่งนี้
ปัจจุบัน TSMC มีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านล้านบาท เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดอันดับที่ 9 ของโลกและมีมูลค่าเป็นอันดับที่ 2 ในเอเชีย เป็นรองเพียง Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย
แล้ว TSMC มีที่มาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
สำหรับผู้ก่อตั้งบริษัท TSMC ก็คือ “Morris Chang”
Morris Chang หรือ มอร์ริส จาง เกิดที่เมือง Ningbo
ซึ่งเป็นเมืองทางตะวันออกของประเทศจีน ในปี ค.ศ. 1931
แม้จางจะเรียกได้ว่าเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง แต่ชีวิตในวัยเด็กของเขากลับไม่ได้สุขสบายมากนัก นั่นก็เพราะว่าเขาต้องเจอกับสงครามถึง 3 ครั้งด้วยกัน ได้แก่
- สงครามกลางเมืองในจีน ช่วงปี ค.ศ. 1927 ถึง 1949
- สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่สอง ช่วงปี ค.ศ. 1937 ถึง 1945
- สงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี ค.ศ. 1939 ถึง 1945
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ครอบครัวของเขาต้องทำการย้ายไปมาอยู่บ่อยครั้ง
จนในปี ค.ศ. 1948 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามกลางเมืองในจีน กำลังร้อนระอุ
จางในวัย 17 ปี พร้อมกับครอบครัว จึงได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่ ฮ่องกง
แม้ในช่วง 17 ปีแรกของชีวิต จางจะได้รับผลกระทบจากสงครามเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากสงคราม ก็คือ เขาต้องขยันและทำงานหนัก โดยสิ่งหนึ่งที่คุณพ่อของเขาคอยสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ ก็คือ “เรื่องการเรียน” ด้วยเหตุนี้ จางจึงสามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Harvard ได้สำเร็จ
หลังจากเข้าเรียนได้เพียง 1 ปี เขาก็ได้ย้ายไปเรียนที่ Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT และเขาก็ได้จบการศึกษาในสาขาวิศวกรรมเครื่องกล ทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท
งานแรกของ มอร์ริส จาง เริ่มต้นขึ้นที่ Sylvania Semiconductor เป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้กับบริษัทแม่ Sylvania Electric Products อีกทีหนึ่ง
แต่หลังจากทำงานได้ 3 ปี เขารู้สึกว่าแนวทางของบริษัทในอนาคต ไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิด
แนวทางของบริษัทคือ การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าหลาย ๆ ชนิด
ซึ่งต่างจากเป้าหมายของจางที่ต้องการโฟกัสไปที่ การพัฒนาตัวเซมิคอนดักเตอร์เป็นหลัก
เรื่องดังกล่าว จึงทำให้จางตัดสินใจออกจากบริษัท Sylvania Semiconductor เพื่อมาเริ่มงานใหม่ที่ Texas Instruments ในปี ค.ศ. 1958 และด้วยความสามารถของเขาทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมของบริษัท ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี
หลังจากนั้น เขาได้ไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนได้รับตำแหน่ง รองประธานในการดูแลฝ่ายเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในช่วงปี ค.ศ. 1980
บริษัท Texas Instruments ต้องการที่จะขยายธุรกิจเข้าไปสู่ลูกค้ารายย่อยมากขึ้น
โดยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่น TI-99/4
ซึ่งเดิมทีโมเดลธุรกิจหลักของ Texas Instruments คือเป็นซัปพลายเออร์ให้กับบริษัทอื่น
ไม่ได้ทำการค้าขายกับลูกค้ารายย่อยโดยตรง ซึ่งทางบริษัทก็ได้มอบหมายหน้าที่การขายสู่ลูกค้ารายย่อยให้กับจาง
หลังจากใช้เวลาไป 2 ปีครึ่ง ผลงานภายใต้การบริหารของจางกลับไม่ได้เป็นไปตามที่บริษัทคาดหวังเนื่องจากในช่วงนั้นมีผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งที่แข็งแกร่งมากมาย เช่น คอมพิวเตอร์ Apple 2 ในยุคของ สตีฟ จอบส์
แม้ตำแหน่งในบริษัทของเขายังคงเป็นรองประธานก็ตาม
แต่จากผลงานที่ค่อนข้างแย่ เขาจึงถูกทางบริษัทลดตำแหน่งลง
เหตุการณ์นี้เอง ก็ได้สร้างความผิดหวังให้กับจางเป็นอย่างมาก
เพราะที่ผ่านมา เขาได้สร้างผลงานมากมายให้บริษัทเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี
ในปี ค.ศ. 1983 จางในวัย 52 ปี จึงตัดสินใจลาออกจาก Texas Instruments
ซึ่งทันทีหลังจากที่เขาลาออก ก็ได้มีหลายบริษัทติดต่อเขาให้เข้าไปทำงานมากมาย
หนึ่งในนั้นคือ General Instrument Corporation หรือ GIC
บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านเซมิคอนดักเตอร์และเคเบิลทีวี
ซึ่งเขาได้เลือกทำงานในบริษัทนี้ ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
ด้วยเหตุผลที่ว่า GIC ก็ถือเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ แม้จะไม่เท่า Texas Instruments
แต่ก็ตรงกับเป้าหมายของเขา ที่อยากเป็น CEO ของบริษัทระดับโลก
แต่หลังจากเข้าทำงานที่ GIC ได้ไม่ถึง 1 ปี เขาพบว่า
GIC เป็นบริษัทที่มีแนวทางการเติบโต จากการควบรวมกิจการอื่น ๆ
ต่างจากแนวทางการเติบโตแบบ Organic Growth ที่เขาตั้งใจไว้
ทำให้ระยะเวลาไม่นาน จางจึงได้ตัดสินใจลาออกอีกครั้ง
และแล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ. 1985
ในช่วงนั้น รัฐบาลไต้หวันต้องการเสริมสร้างความสามารถในการผลิตสินค้าของประเทศ
ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะสินค้าไอที
และหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ถูกผลักดัน ก็คือ “อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์”
สิ่งที่รัฐบาลไต้หวันทำในตอนนั้นคือ
มีการจัดสรรเงินทุนเพื่อก่อตั้ง “สถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม”
หรือ Industrial Technology Research Institute (ITRI)
สิ่งที่ยังขาดไปสำหรับ ITRI ของไต้หวัน คือ “ผู้นำ” ที่จะพาให้โครงการนี้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง
และด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของจาง เขาจึงได้รับข้อเสนอจากทางรัฐบาลไต้หวัน ให้เข้ารับตำแหน่งประธานของ ITRI ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องการความสามารถของเขาในการพัฒนาและสร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมในประเทศ
หลังจากที่เขาตกลงรับข้อเสนอในครั้งนี้ ทางรัฐบาลไต้หวันได้ให้โจทย์กับเขาว่า
ต้องการยกระดับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน ผ่านการตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา
จางจึงได้เริ่มวิเคราะห์ โมเดลธุรกิจที่จะทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ
ซึ่งเขาพบว่าไต้หวันในตอนนั้นมีจุดอ่อนเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยและพัฒนา
การออกแบบ และการตลาด ไต้หวันไม่มีความสามารถมากพอ
ที่จะสู้กับทาง Intel หรือ Texas Instruments ซึ่งเป็นเจ้าตลาดอยู่ได้เลย
จุดแข็งเดียวที่พอมี คือ “การผลิต” และจากการวิเคราะห์ จุดอ่อน จุดแข็ง
ทำให้คำตอบของโจทย์นี้ออกมาเป็น “จัดตั้งบริษัทรับจ้างผลิตให้กับบริษัทอื่น”
แม้ความคิดนี้จะโดนคัดค้านในตอนแรก เนื่องจากในตอนนั้นยังไม่มีบริษัทที่มีโมเดลแบบ Fabless หรือ ไม่มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง เช่น Apple หรือ Nvidia ในปัจจุบัน จึงทำให้ไม่มีตลาดรองรับ
แต่จากประสบการณ์ทำงานในวงการมาอย่างยาวนานเกือบ 30 ปี เขาสังเกตเห็นว่า
ทุก ๆ ปี จะมีพนักงานหลายคนของ Texas Instruments หรือ Intel ที่มีความคิด อยากออกมาสร้างธุรกิจเกี่ยวกับ ชิปเซตเป็นของตัวเอง
แต่ทุกครั้งความคิดนี้ต้องล้มเลิกไป เพราะการที่จะสามารถดำเนินธุรกิจ ชิปเซต ได้นั้น จำเป็นต้องมีโรงงานการผลิตเป็นของตัวเอง
ทำให้ยุคนั้นยังไม่มีบริษัทไหนที่ทำโมเดลธุรกิจรับจ้างผลิตเลย เพราะการสร้างโรงงานจำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาล ซึ่งต้นทุนในการสร้างโรงงานใหม่ถ้าคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่หลักแสนล้านบาทเลยทีเดียว
ในปี ค.ศ. 1987 Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC จึงได้ถูกก่อตั้งขึ้นมา
ซึ่งมีโมเดลการดำเนินธุรกิจ รับจ้างผลิตชิปเซตให้กับบริษัทอื่นโดยไม่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง ซึ่งนับเป็นบริษัทแรกของโลกที่มีโมเดลแบบนี้เกิดขึ้น
โดยในช่วง 3 ปีแรก บริษัทมีลูกค้าเพียงไม่กี่ราย ส่วนใหญ่มาจากภายในประเทศ
แต่หลังจากนั้นในช่วงปี ค.ศ. 1991 เป็นต้นมา สิ่งที่จางคิดไว้ในตอนแรกก็เริ่มเป็นจริง
เพราะเริ่มมีบริษัทที่ต้องการชิปเซตเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากแต่ไม่มีทุนสร้างโรงงานผลิต
บริษัทเหล่านี้จึงได้กลายมาเป็นลูกค้าของ TSMC และได้ทำให้บริษัทเติบโตขึ้น
เหตุผลที่ทำให้หลายบริษัทเข้ามาเป็นลูกค้าของ TSMC เพราะบริษัทมีเทคโนโลยีในการผลิตที่มีความซับซ้อนสูง สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ ซึ่งเป็นผลจากนโยบายการลงทุนในเรื่องการวิจัยและพัฒนา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ในปี ค.ศ. 2020 TSMC มีมูลค่าในการวิจัยและพัฒนาสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท คิดเป็น 8.5% เมื่อเทียบกับรายได้ทั้งบริษัท ซึ่งมากกว่า Apple หนึ่งในเจ้าแห่งนวัตกรรมที่มีสัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 6.8% เสียอีก
โดย TSMC มีลูกค้ารายใหญ่คือ Apple, Nvidia และ Qualcomm และมีส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ มากถึง 55.6% เลยทีเดียว
ปัจจุบัน TSMC มีมูลค่าบริษัท สูงถึง 20 ล้านล้านบาท มากกว่า Intel ที่มีมูลค่า 7 ล้านล้านบาท และ AMD ที่มีมูลค่า 4 ล้านล้านบาท ซึ่งนับเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดทั่วโลกอีกด้วย
จากเรื่องทั้งหมดนี้จึงทำให้ตัวเจ้าของบริษัทอย่าง มอร์ริส จาง มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 93,000 ล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 15 ของไต้หวัน
ถ้าถามว่าแนวคิดอะไร ที่ทำให้จางประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้
เราน่าจะสรุปได้เป็น 2 ข้อ
1. มีเป้าหมายที่ชัดเจน
จากเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่า มอร์ริส จาง เป็นคนที่มีเป้าหมายชัดเจนมาก
หากเขารู้สึกว่างานที่เขาทำอยู่ไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่เขาต้องการ
เขาก็พร้อมออกมาเพื่อตามหาสิ่งที่ตรงกับเป้าหมายของเขาเสมอ อย่างเช่น ตอนที่เขาออกจาก Sylvania Semiconductor และ GIC เพราะเขาต้องการงานที่โฟกัสไปที่การพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์เป็นหลัก
2. ความไม่ยอมแพ้
แม้หลายคนจะไม่เห็นด้วยกับการก่อตั้ง TSMC ให้เป็นบริษัทรับจ้างผลิตชิป แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้และเชื่อมั่นในแนวคิดของตนเอง ก่อนที่จะก่อตั้งบริษัทจนสำเร็จ
จากการมีเป้าหมายที่ชัดเจนบวกกับการไม่ยอมแพ้ของจาง จึงไม่แปลกใจเลยที่ในวันนี้เขาสามารถพา TSMC ให้ประสบความสำเร็จจนมีมูลค่าบริษัท 20 ล้านล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดอันดับที่ 9 ของโลกไปแล้ว นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/TSMC
-https://en.wikipedia.org/wiki/Morris_Chang
-https://www.longtunman.com/27349
-https://www.longtunman.com/27702
-https://sahilbloom.substack.com/p/the-amazing-story-of-morris-chang
-https://www.yourtechstory.com/2018/08/16/morris-chang-chip-industry-tsmc/
-https://www.semi.org/en/Oral-History-Interview-Morris-Chang
-https://www.forbes.com/profile/morris-chang/?sh=7eb878d45fc4
-https://en.wikipedia.org/wiki/Sylvania_Electric_Products
-https://www.investopedia.com/articles/markets/012716/how-taiwan-semiconductor-manufacturing-makes-money-tsm.asp
-https://en.wikipedia.org/wiki/Semiconductor_fabrication_plant
-https://en.wikipedia.org/wiki/Texas_Instruments
-https://www.counterpointresearch.com/global-smartphone-share/
同時也有15部Youtube影片,追蹤數超過10萬的網紅小尾巴,也在其Youtube影片中提到,相信各位已經耳聞辛普森家庭對於現實世界的預測能力 看了許多網路分析後 我也有許多新發現 我與你分享這些發現 也許我們會離未來的智慧又更接近一點 --- 【參考資料】 美國卡通竟然有預言的能力!? | 馬臉姐 https://youtu.be/djBQpAedTEs Did ‘The Simpsons...
「smartphone history」的推薦目錄:
- 關於smartphone history 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於smartphone history 在 Lee Hsien Loong Facebook 的最佳貼文
- 關於smartphone history 在 Trí Minh Lê Facebook 的最佳解答
- 關於smartphone history 在 小尾巴 Youtube 的最讚貼文
- 關於smartphone history 在 詩歩の絶景vlog Youtube 的精選貼文
- 關於smartphone history 在 Trắng Youtube 的最佳貼文
- 關於smartphone history 在 History of Mobile Phones - Pinterest 的評價
smartphone history 在 Lee Hsien Loong Facebook 的最佳貼文
Enjoyed this short video on a fascinating artifact called the Antikythera Mechanism. Nowadays we think of a computer as something with a silicon chip inside. But this was a mechanical computer, made by the ancient Greeks. It had intricate precision gears, like a fancy Swiss watch, but is more than 2,000 years old!
The device was discovered in an ancient shipwreck off Antikythera Island in 1901 (hence the name). But only fairly recently could scientists look inside the device, using advanced 3D x-ray and modelling technology. They were astonished to find the device did astronomical calculations, to track the movements of the sun, moon and (maybe) planets, and even predict eclipses!
Today, anyone can download smartphone apps that accurately track galaxies, stars, planets, asteroids and more. But nobody imagined the ancient Greeks had the technology and engineering to conceive and create such a sophisticated device!
We are not cleverer than previous generations, but stand on their shoulders. We too should aspire to create and leave something for future generations to marvel at. – LHL
smartphone history 在 Trí Minh Lê Facebook 的最佳解答
SNEAKER GAME NGÀY NAY – NHIỀU CHUYỆN ĐỂ NÓI
Dựa vào một câu nói của anh Trương Ngọc Anh (như trong hình) trong thời gian gần đây thì có vẻ, à mà không có vẻ nữa, mà nó là thực trạng. “Sneakergame” giờ là “Flexgame”? Liệu điều này có đúng không?
Để trả lời câu hỏi này, chúng ta hãy cùng bước lên “Cỗ máy thời gian” của Doraemon – thực hiện cú nhảy để trở về Việt Nam những năm 2012-2015. Sneakergame lúc đó gặp rất nhiều khó khăn hơn so với bây giờ. Không có Facebook, Internet chưa phổ biến qua smartphone (Muốn đọc cái gì mới là phải chạy ra net nè) – cũng chẳng có Instagram. Việc tiếp nhận những thứ mới – những văn hóa du nhập đều từ những forum hoặc các cuộc meet-up/ gặp mặt trực tiếp. Từ đó, những người chơi giày bắt đầu từ đó. (1)
Cái thời mà hạn hẹp về kiến thức, thị trường thì không có nhiều nguồn cung giày như ngày nay. Không nhiều sellers cũng không nhiều các cửa hàng phân phối chính hãng tại Việt Nam, có thì toàn là xách tay về hoặc những người đi du học thi thoảng mua dùm. Hiếm lắm, quý lắm. Nhưng điều đó sẽ thúc đẩy về sự thèm khát, sự quan tâm tới các đôi giày. (2)
Từ (1) và (2) thì tình yêu với các đôi giày rõ ràng là đậm sâu rất nhiều (Nếu so sánh với bây giờ). Tình yêu được truyền qua từ những lời nói chuyện trực tiếp sẽ tạo được cảm hứng, động lực và mức độ tin tưởng cao hơn rất nhiều so với các bài viết trên mạng, những mẩu tin tức hay các bài phân tích như mình hay làm (Đó là điểm mạnh của Word of Mouth). Cho nên so với các anh/chị/bạn bè nào trưởng thành từ những nền văn hóa “Truyền miệng” đó, mọi thứ thật gần gũi – đầy chất xúc tác và cộng đồng lúc đó thật vui.
THẾ CÒN BÂY GIỜ THÌ SAO?
Để giải thích cho việc “Sneakerhead bây giờ chỉ thi nhau mua xem giày ai đắt hơn để Flex” thì đây không phải là một thứ “Đùng 1 cái diễn ra ngay” mà nó là “hệ quả dây chuyền” của những điều xảy ra từ trước và theo đúng dòng chảy của đại chúng.
(1) Bây giờ mọi thứ quá dễ tiếp cận. Hình ảnh đôi giày mới, của hãng nào đều có đủ trên Internet và dễ tiếp cận qua các nền tảng Facebook/Instagram. Một thời đại nhanh – mì ăn liền, ngay cả giới hạn chữ giải thích trong Insta (phần Description/caption/status) hay nội dung bó hẹp của Tiktok hoặc để tiếp cận nhiều hơn thì FB cũng suggest là hình ảnh + 1 đoạn văn ngắn miêu tả. Mà dĩ nhiên không thể nào truyền tải hết mọi thứ (Câu chuyện về đôi giày, blah bloh – trước đó có những collection nào tiền nhiệm trước rồi). Mọi thứ chỉ ngắn gọn Màu gì, Của ai làm, Size của Nam hay cho Nữ và đặc biệt là ngày phát hành và GIÁ TIỀN.
Đúng – mức thu thập thông tin đa phần của những người chơi giày trẻ sẽ nằm ở phần “Do ai làm” “Do ai đi” và “Giá tiền là bao nhiêu”. Cộng thêm những title “Đôi giày có giá resell cao ngất ngưởng?” “Đôi giày được bán giá cao nhất trong lịch sử” để thu hút người xem đã “Đánh tráo khái niệm” về 1 “Real Sneakerhead”. Giới trẻ chỉ đập vào mắt “Đôi giày” và “Giá tiền” mà bỏ qua mất (và cũng không có nhu cầu tìm hiểu lắm) “Background History” của đôi sneaker. (Điều này là mặt bằng chung chứ không phải chỉ mỗi cộng đồng sneaker).
(2) Do dễ dàng quá tiếp cận nên nhu cầu về những buổi meetup, những cuộc trò chuyện gây cảm hứng đã không còn “mặn nồng” như trước. Vì có meet-up chắc cũng đa phần là những người thuộc thế hệ trước, thế hệ trẻ tham gia là đề Flexing đôi giày mà thôi. Cái cảm hứng rất quan trọng trong việc định hướng cộng đồng sẽ phát triển như thế nào? Song song, có quá nhiều kênh phân phối giày – từ chính thống đến các resellers. Và các resellers rất biết cách “làm giá” đôi giày để tăng độ thu hút và giá trị của đôi giày nhằm thu hút người mua nó. Có bao giờ các bạn thấy một resellers nào bán giày mà đi kể câu chuyện văn hóa của đôi giày đó không, độ hiếm của nó và vì sao nó hiếm. Khá hiếm thấy, chỉ cô đọng là “Giày hot/ Giày Hype – được Celeb A/B/C đi, giá hiện tại là xxx.xxx.xxx đồng. Không mua thì hết”. Xong! Và giá trị tiền của đôi giày được cộng đồng thu nhận như 1 thứ để “Cạnh tranh” với những người chơi giày khác.
(3) Không còn chỉ ở Việt Nam mà trên quy mô toàn thế giới và mong các anh chị phải công nhận điều này. Sneaker isn’t the most important part tho! Đôi giày không còn là phần quan trọng nhất. Từ năm 2017 đến nay, sneaker chỉ đóng 1 vai trò là phần song hành cùng cái quần, chiếc áo để tạo nên bức tranh “Outfit” “Fashion”. Sneaker giờ đây cũng rất đa dạng, không chỉ đơn thuần là các footwear mà đã chuyển sang Highend sneaker – sang boots – sang dép vv.vv. Với 1 số người, đôi giày vẫn quan trọng. Nhưng một điều hơi buồn so với các bạn – đôi giày giờ đây được Gen Z sử dụng đa phần như 1 công cụ flex, tăng giá trị tổng bộ outfit đang mặc trên người. Và đó là do…
(4) HỆ QUẢ CỦA NHỮNG TẤM HÌNH BREAK DOWN OUTFIT.
Một dạng khi có sự kiện nào hot, một MVs mới nổi hay một ai đó “bỗng dưng” nổi tiếng. Rộ lên các cá nhân, các kênh truyền thông “Ra giá” các outfit và lúc nào cũng thu hút một lượng lớn quan tâm. Nội dung mang tới cho người đọc/xem ư – chẳng có gì ngoài “Thương hiệu và GIÁ TIỀN NHIỀU CON SỐ O”. Hết, ngắn gọn. Youtube, một nền tảng cũng thu hút rất nhiều các bạn trẻ quan tâm thì xem các Youtuber làm gì nhé. (Mình đang nói Youtuber Việt Nam thôi). Sneaker Hauls, Unboxing đôi giày chục triệu – trăm triệu – giá bao nhiêu tiền xuất hiện như tiếng ếch sau mưa.Vì thế mới thu hút nhiều người xem.
Nó thấm nhuần vào tư tưởng giới trẻ là phải đi giày nhiều tiền, mặc đồ nhiều tiền mới là “Dân chơi”, mới là “Nổi tiếng”, phải theo “Xu hướng”. Nên cái hệ quả như anh Ngọc Anh nói là “THI NHAU MUA XEM GIÀY AI ĐẮT HƠN ĐỂ FLEX” cũng 1 phần đến từ việc này.
Vì đi theo xu hướng, theo những gì mà những người ảnh hưởng đi nên có mấy ai quan tâm những câu chuyện cũ, những giá trị cũ. Đây là 1 điều rất bình thường nhé, người ta thích thì người ta mua. Cái độ rare/hiếm chỉ nằm ở những người chơi lâu năm hoặc có một nền tảng cố định rồi – còn bây giờ, muốn có fame thì phải theo trend. Chẳng ai quan tâm một người đi đôi Nike Sb Dunk Low “Paris” mặc dù có giá khoảng $100.000 cho size 8-9-10 (Golden size) nhưng nếu người đó Dior x Jordan giá khoảng $7.000 thì ngay lập tức phản ứng của giới trẻ sẽ hoàn toàn khác (Wow, Cool, chất)
Cũng chẳng trách được, ngay cả những ngôi sao mà các bạn trẻ đang theo dõi cũng chẳng khá khẩm gì. Mình hãy coi mấy show Phỏng vấn Rappers/Artists và Tủ giày của họ ở kênh Complex và các Seller Youtuber khác. Những người như Tyga, Chris Brown, Eminem khi được phỏng vấn thì kể rất rõ ràng và đầy cảm hứng về đôi giày mà họ mua, họ có được. Còn hiện tại thì sao, mình từng coi Lil Pump vào 1 tiệm giày và thứ mà khứa nói là “Ở đây có đôi Yeezy nào không? Tao đang nghe nói nó hot” =))))))))))). Lil Pump là idol của mấy bạn trẻ Việt Nam một thời còn như thế thì trách sao được bây giờ.
LIỆU TẤT CẢ CÓ KẾT THÚC?
Không, chẳng có gì là kết thúc cả. Vẫn ở đâu đó, có những người trẻ yêu giày và cặm cụi truyền lửa đam mê đó cho những thế hệ đương đại và tiếp theo. Tuy họ không được quan tâm nhiều nhưng khi đã là đam mê thì mọi thứ ngoại lai sẽ không còn quan trọng. Sneaker Community lại đang thực hiện vòng tròn của mình. Nó phình to quá rồi teo đi, teo còn những nhân tố quan trọng để thành 1 cộng đồng nhỏ, 1 nhóm những người truyền cảm hứng và có lẽ ở thời gian sắp tới – Nó lại “Phình” thêm một lần nữa.
Thông qua bài này, mình xin được cảm ơn Bill Bùi (Admin/Blogger của The Dunkery). Bill là một người có niềm đam mê mãnh liệt với Dunk nói riêng và Sneaker nói chung. Cho đến nay mặc dù người ta không quá mặn mà với các content về giày nói chung, huống chi là các đôi giày đặc biệt – những đôi giày mang dấu ấn lịch sử hay các văn hóa đi kèm. Thì Bill vẫn kiên trì tìm hiểu và ra các bài viết về các đôi Nike SB Dunk đặc biệt mà bạn ấy yêu thích. Đó là minh chứng cho việc tình yêu không bao giờ mất giữa các thế hệ với nhau, chỉ cần ngọn lửa còn thì nó sẽ âm ỉ cháy – cháy tới một lúc sẽ bùng to lại.
Và chỉ cần “Xăng” “Không khí nồng độ 0xi đậm đặc mà thôi”. Nhưng thứ đó đến từ đâu? Chắc có lẽ cơ hội này sẽ đến những tiền bối, những người đàn anh đi trước và các tập đoàn đầu tư cho những người thực sự đam mê.
Ủng Hộ cho Bi tại:
Paypal: https://www.paypal.me/triminhle0808
Banking account: Vietinbank
STK: 104005424124 - Chủ tài khoản: Lê Minh Trí.
momo: https://nhantien.momo.vn/triminhle
smartphone history 在 小尾巴 Youtube 的最讚貼文
相信各位已經耳聞辛普森家庭對於現實世界的預測能力
看了許多網路分析後 我也有許多新發現
我與你分享這些發現 也許我們會離未來的智慧又更接近一點
---
【參考資料】
美國卡通竟然有預言的能力!? | 馬臉姐
https://youtu.be/djBQpAedTEs
Did ‘The Simpsons’ Predict a Donald Trump Presidency?
https://www.snopes.com/fact-check/simpsons-predict-trump/
Did ‘The Simpsons’ Predict President Trump’s Death?
https://www.snopes.com/fact-check/simpsons-predict-trumps-death/?fbclid=IwAR0zS79lkTisz_57Pu0XxZj4Radt7DXIlrJjzTuJWedZDxvtVz4tuSgK35c
The Simpsons can now be watched in 4:3 aspect ratio on Disney+, as nature intended
https://techcrunch.com/2020/05/28/the-simpsons-can-now-be-watched-in-43-aspect-ratio-on-disney-as-nature-intended/
Homer Has A 'Trumptastic Voyage' On 'The Simpsons' | msnbc
https://youtu.be/zV-g6Vnx-Pk
The History and Evolution of the Smartphone: 1992-2018
https://www.textrequest.com/blog/history-evolution-smartphone/
---
YT:https://bit.ly/2ZtkyaF
FB:https://www.facebook.com/kbtiest
IG:https://www.instagram.com/tiest0913
TikTok:https://www.tiktok.com/@kbtiest
Twitch:https://www.twitch.tv/tiest0913
SV:https://streetvoice.com/tiest0913
Paypal:https://paypal.me/tiest0913
smartphone history 在 詩歩の絶景vlog Youtube 的精選貼文
チャンネル登録お待ちしてます! https://www.youtube.com/user/zekkeichannnel
6月中旬、初夏の青もみじが美しい京都の瑠璃光院へ行ってきました。
In mid-June, I visited Rurikouin Temple in Kyoto city, where the green maple leaves are beautiful in early summer.
English subtitles are available!
▼以下から各項目に飛べます
00:09 瑠璃光院へのアクセス|accees to rurikoin
01:26 瑠璃光院の歴史|history
01:38 「机の間」新緑リフレクション|famous “reflection”
02:34 スマホでうまく写真を撮るコツ|How to take photos with smartphone
03:31 写経体験|Sutra experience
03:59 瑠璃の庭|Ruri no niwa (garden)
04:22 臥龍の庭|Garyou no niwa (garden)
05:15 ラーメンの聖地「一乗寺」|hotspot for ramen Ichijyoji
05:46 本日の1枚|Today’s shot
▼瑠璃光院 公式サイト / Rurikoin Official Site
http://rurikoin.komyoji.com/lp/
※緊急事態宣言解除後、平日に混雑を避け、マスクや感染予防対策をした上で拝観しています。
***********************************
コメントやチャンネル登録お待ちしています!
https://www.youtube.com/user/zekkeichannnel
***********************************
Hi, I’m Shiho.
絶景プロデューサーの詩歩と申します( ¨̮ )
これまで日本は全47都道府県、海外は約60カ国を旅してきました。
現在は「絶景プロデューサー」という肩書で、書籍の出版や「絶景」に関する様々な仕事をしています。
https://amzn.to/2u0kul8
累計63万部!書籍「死ぬまでに行きたい!世界の絶景」
https://amzn.to/36fBItB
SNSもぜひよろしくお願いします!
Instagram
https://www.instagram.com/shih0107/
twitter
https://twitter.com/shiho_zekkei
LINE
https://line.me/R/ti/p/%40shiho_zekkei
note
https://note.com/shih0107
tiktok
https://vt.tiktok.com/NmtLn4/
Facebookページ「死ぬまでに行きたい!世界の絶景 」
www.facebook.com/sekainozekkei
Blog「Shiho and…」
http://shiho.me/
Youtube
https://www.youtube.com/user/zekkeichannnel
smartphone history 在 Trắng Youtube 的最佳貼文
Câu chuyện quen thuộc rìu vàng rìu bạc với một phiên bản hoàn toàn mới...
Link mua smartphone giống Tiều Phu: http://bit.ly/2lKPtxc
_______________
#trangtv #nhatanhtrang #vietjohan
?? Tham gia group: Chuyện TRẮNG để chia sẻ câu chuyện của chính bạn và có cơ hội trở thành nhân vật của TRẮNG TV nhé!
https://www.facebook.com/groups/trangtvclub/
___
►TRẮNG TV - Kênh Youtube cảm xúc thật!
►Trắng Fanpage: http://www.facebook.com/trangdentv
►Trắng Fanclub Group: https://www.facebook.com/groups/trangtvclub
==============
Liên hệ tài trợ, hợp tác:
? HOTLINE: 0936.235.998
? Website: http://orionmedia.vn
smartphone history 在 History of Mobile Phones - Pinterest 的推薦與評價
I will look at the history of mobile phones. All the top phones that pushed mobile technology forward. From the first mobile phone invented in 1977 to the ... ... <看更多>