มะเร็งไม่ได้เกิดจากการกินผัก
"ผักไฮโดรโปนิกส์ (ที่ปลูกได้มาตรฐาน) ไม่ได้เสี่ยงมะเร็งลำไส้ครับ"
เรื่องนี้โดนถามมาบ่อยๆ ว่าตามที่มีงานวิจัยของ ม.เกษตร พบว่า "ผักไฮโดรโปนิกส์" มีการสะสมของสารไนเตรตในผักไฮโดรโปนิกสูง โดยเฉพาะในผักคะน้า ซึ่งอาจเป็นภัยเงียบ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ .... ทำเอาหลายๆ คนที่หวังจะมีสุขภาพดีด้วยการหนีจากผักที่ปลูกทั่วๆ บนดิน หันมากินผักไฮโดรโปนิกส์ที่ไม่ได้ใช้ดินและดูจะสะอาดกว่านั้น กลายเป็นหวาดกลัวไปซะนี่ ... ความจริงแล้ว ยังไม่มีรายงานใดๆ ที่ระบุว่าผักไฮโดรโปรนิกส์จะทำให้เกิดมะเร็งนะครับ !!
เรื่องนี้ จริงๆ เคยโพสต์อธิบายไปนานแล้ว ในหัวข้อ "ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการ "ห้ามกิน ผัก-ปลา ที่มีไนเตรตสูง" (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=862059287258040&set=a.341092282688079.1073741827.100003619303769&type=3&theater) ซึ่งเกี่ยวกับการ"ห้ามกินผักที่มีไนเตรตสูง เช่น ผักโขม ปวยเล้ง กวางตุ้ง ผักบุ้ง คะน้า ฯลฯ รวมถึงผักที่ปลูกแบบไฮโดรโปนิก และห้ามกินกับปลา ห้ามแช่แข็ง ห้ามอุ่นซ้ำ" ซึ่งทั้งหมดนั้น "ไม่จริง" นะครับ (ลองย้อนกลับไปอ่านดูกันได้)
ประเด็นความกังวลเรื่องผักไฮโดรโปนิกส์นั้น มาจากบทความ "วิจัยเสี่ยงมะเร็ง! ผัก‘ไฮโดรโปนิก’เหตุใส่ปุ๋ยหนักมือ" ที่อ้างอิงผลการสำรวจของนักวิจัยจาก สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาการสะสมไนเตรตในพืชผัก ด้วยความกังวลว่า การบริโภคพืชผักที่มีไนเตรตสะสมสูง จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะไนเตรตจะไปรวมตัวกับสารเหนี่ยวนำที่ทำให้เกิดโรค เช่น มะเร็งลำไส้
ผลการสำรวจของเค้า พบว่า ผักไฮโดรโปนิกส์มีการสะสมไนเตรตสูงสุด โดยผักคะน้ามีค่าเฉลี่ยของไนเตรตสูงถึง 4,529 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม ผักบุ้ง มีปริมาณไนเตรต 3,978 มิลลิกรัม ซึ่งเกินกว่าค่ามาตรฐานที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ (ไม่เกิน 2,500 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม) ขณะที่ประเทศไทย ไม่มีข้อกำหนดมาตรฐานค่าไนเตรตในพืชผัก จึงแนะนำให้เอาไปต้มน้ำเดือดหรือนึ่ง 10 นาที จะลดค่าไนเตรตได้ 47% (http://food4change.in.th/…/bad…/394-2010-12-03-06-53-07.html)
แต่ๆๆๆ ความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กลับไปในทางที่เตือนไม่ให้ผู้บริโภคแตกตื่นกับผลวิจัยดังกล่าว โดย กองควบคุมอาหาร ของ อย. ได้บอกว่า ไม่เคยมีผลการวิจัยว่า การรับประทานผักที่มีไนเตรทสะสมอยู่สูงแล้วจะก่อมะเร็งจริง จึงไม่ควรตื่นตระหนก และถ้ากินร่วมกับผักอื่นที่มีวิตามินซี ก็จะช่วยยับยั้งการเปลี่ยนรูปไนเตรทไปเป็นสารก่อมะเร็งได้ (http://www.komchadluek.net/news/scoop/279865)
ซึ่งตรงกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจาก สถาบันโภชนาการ ม. มหิดล ว่ายังไม่มีงานวิจัยยืนยันว่ากินผักแล้วทำให้เป็นมะเร็ง เพราะในผักมีสารธรรมชาติหลายชนิดผสมกันอยู่ มีการช่วยกันยับยั้งการดูดซึม ต่อต้านการแปรรูปของสารเคมี ไม่เหมือนไนเตรทที่ใส่ในเนื้อสัตว์แปรรูปเป็นการรับสารเคมีเข้าร่างกายโดยตรง (http://www.komchadluek.net/news/scoop/279865)
ส่วนผู้เชี่ยวชาญของ กรมวิชาการเกษตร ก็บอกว่า ถึงเกษตรกรจะใส่ปุ๋ยให้ผักมากเกินไป แต่ผักก็จะดูดธาตุอาหารอย่างไนโตรเจนไปได้ในปริมาณจำกัด เท่าที่มันจะใช้ในกเจริญเติบโตเท่านั้น ในขณะที่ปัญหาเรื่องการตกค้างของปุ๋ยเคมีในผักนั้นมักจะเกิดขึ้นในประเทศเมืองหนาวที่มีแสงแดดน้อย ทำให้ไนเตรตที่สะสมในผักระเหยตัวได้น้อย ส่วนประเทศไทยมีแสงแดดจัด จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้างในผัก (https://health.kapook.com/view19328.html)
ความเห็นนี้ ตรงกันกับของ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.เชียงใหม่ ที่ระบุว่า พืชผักที่ปลูกในประเทศไทย หรือประเทศเขตร้อน จะมีความเข้มแสงสูงกว่าแถบยุโรป จึุงมีการสะสมของไนเตรตน้อยกว่า โดยผักไฮโดรโปนิกส์ที่ปลูกในแปลงทดลอง ม.เชียงใหม่ เองมีปริมาณไนเตรทน้อยกว่าค่ามาตรฐานด้วยซ้ำ (http://www.komchadluek.net/news/scoop/279865)
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของทาง ม.เกษตร ที่ให้เกษตรกรไฮโดรโปนิกส์ ระมัดระวังการใส่ปุ๋ยให้ได้มาตรฐาน ไม่ใส่ในปริมาณมากเกินไป เข้มข้นเกินไปนั้น ก็ยังเป็นคำแนะนำที่ถูกต้องแล้วแน่นอนครับ
ดังนั้น กล่าวโดยสรุป ผักไฮโดรโปนิกส์ ที่ปลูกอย่างเหมาะสมนั้น ไม่น่าที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพใดๆ โดยเฉพาะกับเรื่องการเป็นมะเร็งลำไส้ แต่อย่างไร ... จะเป็นอันตรายก็แต่กระเป๋าตังค์แหล่ะ เพราะมันแพงไม่ใช่เล่น 55
---------------
สนใจหนังสือ "อ๋อ! มันเป็นอย่างนี้นี่เอง" ติดต่อสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ สนพ. มติชน http://www.matichonbook.com/…/matichonb…/newbooks/-2997.html
Search