ก่อนคิดจะดูดไขมัน ศึกษาข้อดีข้อเสียก่อนดีไหม?
#การทำศัลยกรรมทุกอย่าง...
ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ล้วนมีโอกาสเกิดปัญหาแทรกซ้อนขึ้นได้เสมอ อย่างที่หมอเขียนเสมอว่าการผ่าตัดจริงล้วนมีความเสี่ยง เพียงแต่ความเสี่ยงจะน้อยมากหากเรามีการระวังและเตรียมตัวไว้ก่อน
#ในมุมมองของคนไข้
การดูดไขมันเหมือนจะเป็นตัวช่วยสำหรับการมีรูปร่างสัดส่วนที่ดีขึ้น บางคนอาจจะเข้าใจไปไกลถึงกับคิดว่าถ้าอ้วน ไขมันเยอะ ก็ไปให้หมอดูดออกเสียก็สิ้นเรื่อง ไม่เห็นน่าจะยากเลย แต่ในความเป็นจริงทางการแพทย์ เราจะไม่ได้ใช้การผ่าตัดดูดไขมันเพื่อช่วยลดน้ำหนัก เราจะพิจารณาใช้การดูดไขมันเพื่อช่วยในการกระชับสัดส่วนมากกว่า
#เคสแบบไหนที่เหมาะสำหรับการใช้การดูดไขมันช่วยปรับรูปร่าง?
ตามหลักการทางการแพทย์ คนไข้ที่จะมารับการดูดไขมันและหวังผลที่ดีอย่างยั่งยืนคนไข้จะต้องมีพฤติกรรมพื้นฐานก่อนอย่างน้อย 3 อย่างคือ
1. Life style change คือพฤติกรรมต้องเอื้อต่อความสำเร็จของการดูดไขมันด้วย ถ้าเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกาย ชอบทานอาหารที่มีcalories สูง ทานอาหารไม่เป็นเวลา นอนพักผ่อนไม่พอ และโรคประจำตัวมากมาย หากมีพฤติกรรมแบบนี้ก็จะมีความเสี่ยงต่อปัญหาหลังผ่าตัดมาก
2. Regular exercise คือต้องเป็นคนออกกำลังกายเป็นประจำ หากทั้งวันแทบจะไม่ได้ออกแรงหรือนั่งอยู่หน้าจอคอมตลอด หลังจากดูดไขมันไปไม่นาน ไขมันก็จะกลับมาสะสมเหมือนเดิม
3. Well-balanced diet หรือต้องทานอาหารที่มีแคลอรี่ที่พอดีและมีสัดส่วนของสารอาหารที่ครบถ้วน ถ้าเป็นคนชอบทานแป้ง ขนม ของหวาน ของทอด ซึ่งมีแคลอรี่สูงเป็นทุนเดิม หลังผ่าตัดไม่นานไขมันก็จะกลับมาสะสมเหมือนเดิม
4. Body contouring ถ้าทำสามข้อข้างบนได้ และร่างกายมี BMI หรือดัชนีมวลกายที่เหมาะสม แบบนี้จึงจะเหมาะสมสำหรับการดูดไขมัน ตรงนี้หมอคิดว่าเป็นประเด็นที่สำคัญมากที่แพทย์ที่จะทำการดูดไขมันควรจะบอกคนไข้ให้รู้ก่อน เพราะไม่เช่นนั้นโอกาสที่ดูดไขมันไปแล้ว ผลออกมาไม่ดีหรือกลับมามีปัญหาเหมือนเดิมน่าจะสูง
หากประวัติทุกอย่างผ่านหมด #ก่อนการผ่าตัดดูดไขมันแพทย์จะต้องตรวจอะไรก่อนบ้าง?
เนื่องจากการดูดไขมันมักจะเป็นการผ่าตัดที่ใช้เวลานานและมีการดูดไขมันออกจากส่วนเกินเป็นปริมาตรพอสมควร ดังนั้นการตรวจเช็คก่อนการผ่าตัดจึงสำคัญมาก นอกจากการตรวจร่างกายทั่วไปแล้ว สิ่งที่แพทย์มักจะต้องดูเป็นพิเศษก็จะมี
1. ประวัติการทานยาและอาหารเสริมทั้งหมด เพื่อจะดูว่ายาตัวไหนที่เพิ่มความเสี่ยงของการผ่าตัดไหม อาหารเสริมบางอย่างจะมีส่วนทำให้เลือดหยุดยากและจะทำให้การผ่าตัดมีโอกาสเสียเลือดได้ แบบนี้ต้องบอกแพทย์ให้ละเอียด ปกติอาหารเสริมหรือยาต้านเกร็ดเลือดมักจะแนะนำให้หยุดก่อนผ่าตัดประมาณ 1 เดือน
2. ประวัติโรคประจำตัวทุกอย่าง หรือถ้าไม่เคยตรวจร่างกายหรือไม่ได้ตรวจเป็นประจำก็ต้องบอกด้วย เพราะหลายครั้งที่หมอถามว่ามีโรคประจำตัวไหม แล้วคนไข้ตอบว่าไม่มี หมอจะต้องถามต่อว่าตรวจสุขภาพครั้งสุดท้ายเมื่อไร เพราะหลายครั้งที่ให้ไปตรวจใหม่กลับกลายว่าเจอโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไขมันในเลือดสูง ฯลฯ ซึ่งไม่เคยมีอาการมาก่อน ตรงนี้จะอันตรายมากหากแพทย์ไม่ได้ซักประวัติหรือไม่ได้ตรวจซ้ำก่อนผ่าตัด เพราะหากมีโรคประจำตัวซ่อนเร้นอยู่ก็จะอันตรายมาก
3. ประวัติการสูบบุหรี่ ตรงนี้สำคัญมาก เพราะการสูบบุหรี่จะเพิ่มโอกาสเกิดปัญหาแทรกซ้อนหลังผ่าตัดได้มากมาย เช่นหากว่าดมยาสลบ ก็จะมีโอกาสเกิดปัญหาทางปอดได้มากกว่าคนปกติหลายเท่า แผลผ่าตัดก็ติดเชื้อง่าย และมักมีปัญหาเลือดแข็งตัวผิดปกติ เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ ดังนั้นส่วนตัวหมอเองจะไม่ทำศัลยกรรมในคนไข้ที่สูบบุหรี่เลย แต่หากแพทย์ยอมผ่าตัดให้ก็ต้องเช็คให้ละเอียดก่อน และมักจะต้องให้หยุดบุหรี่อย่างน้อย 1 เดือน หากใครที่สูบบุหรี่จัดและเข้ารับการดูดไขมัน ก็เตรียมใจรับปัญหาหลังผ่าตัดไว้ได้เลย
4. ประวัติการผ่าตัดอื่นที่มีมาก่อน เพราะอาจเป็นอุปสรรคต่อการดูดไขมันได้ เช่นการที่เคยดูดไขมันมาก่อน เคยผ่าตัดคลอด ผ่าตัดไส้เลื่อน หรืออะไรก็ตาม ต้องบอกแพทย์ให้หมด
#ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังผ่าตัดดูดไขมัน ที่แพทย์ควรจะบอกก่อนเสมอ
แม้ว่าเราจะตรวจร่างกายอย่างละเอียด เช็คทุกอย่างดีแล้ว แต่โอกาสเกิดปัญหาหลังการผ่าตัดยังมีได้เสมอ แม้จะน้อยมากแต่แพทย์ที่รักษาควรจะต้องแจ้งก่อนเสมอ หมอเองจะบอกคนไข้ทุกคนว่าแม้จะผ่าตัดกับแพทย์ที่ชำนาญขนาดไหน โอกาสเกิดปัญหามีได้เสมอ แต่โอกาสเกิดปัญหาจะน้อยมากหากเราระวังและเคร่งครัดกับการปฎิบัติตัวหลังผ่าตัด
ปัญหาที่พบได้คือ
1. เสียเลือด ฟกช้ำ ตรงนี้บางคนก็ช้ำง่าย เส้นเลือดไม่แข็งแรงแตกง่าย ตรงนี้ส่วนใหญ่จะป้องกันได้
2. แผลอักเสบติดเชื้อ ตรงนี้อาจเกิดได้หากมีโรคประจำตัวเช่นเบาหวาน หรือสูบบุหรี่ หรือสถานที่ผ่าตัดไม่มาตรฐาน หรือดูแลตัวเองหลังผ่าตัดไม่ดี
3. ปวดแผลและมีการบาดเจ็บของส่วนที่ดูดไขมันที่เกิดจากการใช้พลังงานในการสลายไขมันมากเกินไป เช่นในการใช้ VASER หรือจากการดูดไขมันทีไม่ชำนาญ
4. ปัญหาน้ำเหลืองคั่ง บวมบริเวณที่ดูดไขมัน ตรงนี้มักจะป้องกันโดยการใส่ชุดรัดบริเวณที่ดูดไขมันทันทีก็จะพอช่วยได้
5. ปัญหาชาบริเวณที่ดูดและผิวไม่เรียบ ก็มักจะเกิดจากการดูดที่ค่อนข้างตื้น และใช้อุปกรณ์การดูดที่ไม่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามไขมันคนไข้บางคนก็ดูดยากจริงๆ การที่เกิดความไม่เรียบของส่วนที่ดูดก็อาจจะมีได้บ้าง
#การผ่าตัดดูดไขมัน จะฉีดยาชา ฉีดยาให้ง่วงหรือหลับ หรือจะต้องดมยาสลบนอนโรงพยาบาลดี?
ปกติแพทย์จะพิจารณาตามความยากง่ายและเวลาที่คิดว่าจะใช้ในการผ่าตัด เช่นหากดูดเฉพาะส่วนไม่มาก ใช้เวลาไม่นานอาจจะแค่1-2 ชม แบบนี้ก็สามารถจะใช้การฉีดยาชาหรือร่วมกับการฉีดยาให้เคลิ้มหลับไปได้ แต่ถ้าหากต้องดูดไขมันหลายจุด ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง และดูดเป็นปริมาณมาก แบบนี้ก็อาจจะปลอดภัยกว่าถ้าจะทำการ block หรือการดมยาสลบไปเลย ซึ่งแบบนี้ก็มักจะต้องทำในสถานที่ค่อนข้างจะพร้อมเช่นโรงพยาบาล
#การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดสำคัญมาก
หากเป็นการผ่าตัดที่ดูดไขมันเป็นปริมาณมากหรือดูดหลายจุด ส่วนใหญ่แพทย์มักจะให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลหนึ่งคืนก่อน เพราะการดูดไขมันแบบนี้จะมีการให้น้ำเกลือค่อนข้างมากระหว่างการผ่าตัด จึงปลอดภัยกว่าถ้าจะอยู่ใกล้แพทย์เพื่อจะดูแลได้อย่างใกล้ชิด ส่วนการใส่ชุดเพื่อการกระชับบริเวณที่ดูดไขมันก็สำคัญมากในการป้องกันไม่ให้บวมหลังผ่าตัด หลังผ่าตัดแพทย์ก็จะแนะนำให้คนไข้ขยับตัวเดินไปมาได้เลย และใส่ชุดกระชับสัดส่วนไว้อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ รูปทรงที่เปลี่ยนไปมักจะเห็นหลังจากที่อาการบวมลดลงแล้ว ซึ่งมักจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ส่วนการออกกำลังกายก็ควรรอให้ทุกอย่างเข้าที่ให้ดีก่อน
#ปัญหาที่ร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการดูดไขมัน
ปัญหาเหล่านี้โอกาสเกิดน้อยมาก แต่ถ้าหากเกิดแล้วมักจะซีเรียสมากเช่น
• การดูดไขมันบริเวณท้องและทะลุเข้าไปข้างในช่องท้องจนทะลุลำไส้ไม่รู้ตัว อันนี้ก็จะคล้ายคนถูกแทงลำไส้เลย ซึ่งปัญหาอันนี้จะร้ายแรงมากหากเกิดขึ้น
• มีการให้สารน้ำจำนวนมากระหว่างผ่าตัดจนกระทั่งเกิดภาวะน้ำเกินและหัวใจวายหลังผ่าตัด อันนี้ก็ต้องป้องกันตั้งแต่แรกโดยการตรวจและระวัง เพราะหากเกิดขึ้นจะทำให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนที่ร้ายแรง
• ปัญหาเส้นเลือดดำอุดตัน (DVT) หลังผ่าตัดเนื่องจากการผ่าตัดใช้เวลานานและร่างกายไม่ได้มีการขยับ หากคนไข้มีความเสี่ยงอยู่แล้วก็อาจจะทำให้เลือดเกิดการแข็งตัวจนกลายเป็นลิ่มเลือดไปอุดตันอวัยวะสำคัญ ปัจจุบันโรงพยาบาลทุกแห่งจะระวังปัญหานี้มาก เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงก็จะทำให้มีอาการแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้
• ปัญหาการติดเชื้ออย่างรุนแรงจนเนื้อเยื่อเสียหาย ปัญหานี้เกิดขึ้นได้ยากมาก หากทำการผ่าตัดในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีการให้ยาปฎิชีวนะและการป้องกันการติดเชื้อตามมาตรฐาน เพราะหากเกิดการติดเชื้อชนิดรุนแรงขึ้นจริง มักจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงและอาจเสียชีวิตได้เช่นกัน
#สรุปเรื่องการดูดไขมัน
เนื่องจากการดูดไขมันเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะทุกคนอยากจะมีรูปร่างสัดส่วนที่ดี และหากมีการเตรียมตัวอย่างดี ผ่าตัดกับแพทย์ที่ชำนาญ ผลก็มักจะออกมาดีและไม่ค่อยมีปัญหา แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรู้ด้วยว่า ไม่มีการผ่าตัดอะไรที่จะสามารถบอกว่าจะต้องออกมาดีไม่มีปัญหา100% เพียงแต่ถ้าทั้งแพทย์และคนไข้ ร่วมมือกัน แพทย์ให้การรักษาตามมาตรฐาน สถานพยาบาลได้มาตรฐาน คนไข้ปฎิบัติตัวดี ปัญหาหลังผ่าตัดจะน้อยมาก ส่วนปัญหาที่ร้ายแรงจนกระทั่งเสียชีวิตแม้จะเกิดขึ้นได้ แต่ก็น้อยมากหากมีการระวังป้องกันอย่างดี แต่แน่นอนว่าการผ่าตัดทุกอย่างย่อมมีความเสี่ยง ดังนั้นก่อนจะทำการผ่าตัดทุกอย่าง ต้องยอมรับความจริงข้อนี้ด้วยเสมอ
Search