คลิปนี้สัมภาษณ์ Okamoto Yoshiki ผู้สร้าง Monster Strike
และเคยเป็น Producer ให้ Street Fighter 2 สมัยอยู่ Capcom
ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความไม่ลงรอยของตัวเอง
กับประธาน Tsujimoto
---------------------------
สมัยอยู่ Capcom เป็นผู้บริหารมีรายได้ปีละ 70 ล้านเยน
แต่ตอนนั้นเหมือนมีนโยบายชีวิตว่า
พอเข้าอายุ 40 แล้วควรจะได้เป็นประธานบริษัท
ก็มีการพูดคุยกันใน Capcom ว่าจะมาเป็นไหม?
ก็เลยมีการลองงานประธานดู
แต่พอเข้าไปลองงานดู
ปรากฏว่าตัวเองไม่ชอบงานประธาน Capcom เอาอย่างมาก
คือต้องห่างจากงานผลิต
และอีกเรื่องคือ กลัวว่าถ้าทำให้ Capcom ล่มจม
จะต้องมาลาออกเพื่อรับผิดชอบตอนอายุสัก 45
แล้วต้องแบกรับตราบาปนี้เอาไว้ตอนตั้งบริษัทเอง
แล้วหุ้นบริษัทนี่ส่วนใหญ่ตระกูล Tsujimoto เขาถืออยู่
ถ้าเราทำงานดี เงินมันก็ไม่ได้มาเข้ากระเป๋าเรา
แต่ถ้าเราทำพลาด เราก็ต้องมารับผิดชอบ
เลยเห็นว่ามันไม่เข้าท่าเอาเลย
การเป็นประธาน
ไม่ได้หมายความว่าตัวเองจะใหญ่เสมอไป
คนที่ใหญ่สุดคือพวกเขาที่เป็นผู้ถือหุ้นอยู่
เลยตัดสินใจออกตั้งแต่ตอนนั้น
ให้การตั้งบริษัทใหม่เป็นในรูปแบบที่มีจุดยืนดีกว่า
----------------------------
และจริงๆแล้วเราเป็นคนพูดตรง
ทำให้มีปัญหากับประธาน Tsujimoto อยู่บ่อยครั้ง
คือหน้าที่ของคนกินเงินเดือนนะ
เป็นการพยายามย่นระยะความห่างทางความสัมพันธ์กับผู้จ้าง
แต่เราทำกับเขาไม่ได้
โดยเดิมที เราทำให้ SF2 ที่เดิมเป็นเกม Arcade เป็นตัวชูโรงให้ Capcom
แต่ตอนนั้นเข้ายุค Bio กับ Onimusha แล้ว
เขาเลยถือว่า การตลาดเกม Arcade ไม่ได้มีค่าเท่า Console
และไม่ค่อยให้ค่ากับเราที่เป็นคนฝั่ง Arcade
เราอยากจะสร้าง Brand IP ใหม่ๆ
แต่ Tsujimoto อยากจะสู้ด้วย Numbering Title ซีรี่ส์ที่มีอยู่
ซีรี่ส์ที่เราเป็นคนเริ่มก็มี Monhun กับ Red Dead Revolver
แล้วเขาก็มากินกับของที่เราเป็นคนเริ่มให้เขาอยู่
แถมยังขาย Red Dead Revolver ให้ Rockstar ไปอีกต่างหาก
ซึ่งอันนี้ก็ขอยอมรับว่า
เขาเชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาต่อยอดซีรี่ส์ที่มีอยู่แล้ว
ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดอะไร
แล้วเขาก็ไม่พอใจเราที่เราทิ้ง Street Fighter ไปหลังเสร็จภาค 3
---------------------
ซึ่งความไม่ลงรอยกันนี่ก็ไม่ได้มีแต่กับ Tsujimoto
กับ Inafune ก็มีด้วย
คือเขาคิดว่า เขาเป็นเอสของบริษัทนะ
ควรจะได้ผลตอบแทนมากกว่านี้สิ
แล้วเราก็บอกว่า คุณไม่ได้เอสถึงขนาดนะ
ข้างบนคุณก็ยังมี Mikami อยู่ไม่ใช่เหรอ?
แต่เขาก็เชื่อว่าเขาอยู่บนกว่า Mikami
เราก็เลยบอกเขาไปว่า
งั้นเพิ่มคุณภาพงานให้ดีกว่านี้สิ
แล้วเขาตอบมาว่า แค่ขายได้ก็พอแล้วต่างหาก
เขาก็เลยพัฒนาแบรนด์ต่อยอดไม่ได้
และเข้าพวกกันกับบอร์ดคนอื่นๆไม่ได้ด้วย
แล้วเขาอยากมีอิสระในการทำงาน
เขาก็เลยออกไป แล้วบอกว่าฉันหากินเองได้
แต่พอออกไป ก็รู้ปัญหากันอยู่
คือเขาทำงานได้ด้วยเงินสปอนเซอร์
แล้วสปอนเซอร์นี่บ่นเรื่องมากกว่าพวกเรากัน
จุดยืนเขาเลยยิ่งแย่เข้าไปแทน
คือถ้ายังอยู่ Capcom ต่อ
จะถูกสั่งให้ทำภาคต่อเกมต่างๆเป็นพอ
จะพัฒนายังไงเขาก็ทำได้
แต่พอไปทำเองแล้วกลับถูกสปอนเซอร์ชี้
ว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้แทน
ตอนนั้นเขามีทางเลือกว่า
จะทำงานเรื่อยๆใน Capcom อย่างไม่มีปัญหาอะไรไป
หรือจะออกไปผจญภัยเสี่ยงทำสิ่งที่อยากทำ
ซึ่งตรงนี้ก็เข้าใจกันอยู่ว่า คนที่มาเป็นคนทำเกมนะ
มันไม่มีพวกคนที่พอใจกันกับการใช้ชีวิตทำงานไปเรื่อยๆหรอก
และเราเองก็เหมือนกัน
คือเราไม่อยากทำ SF 4 5 6 ไปเรื่อยๆ
แต่อยากมาสร้างของใหม่ๆ
ถึงได้ออกจาก Capcom เพื่อก่อตั้งบริษัทเอง
------------------------------
------------------------------
หลังจากนี้มีพูดต่อสักประมาณ 20 นาที
เป็นเรื่องหลังก่อตั้งบริษัทแล้ว
แต่ขอหยุดแปลเท่านี้ อาจมาต่อวันหลังครับ
การตลาดเกม 在 การตลาดฉบับแกร็บ เร่งเกมหนีสงครามราคา - YouTube 的推薦與評價
คุยกับแม่ทัพ การตลาด 'แกร็บ' เบื้องหลัง One Grab Synergy .. “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสพูดคุยกับ “จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม” แม่ทัพ การตลาด แกร็บ ... ... <看更多>
การตลาดเกม 在 #การตลาดเกม - Explore - Facebook 的推薦與評價
explore #การตลาดเกม at Facebook. ... <看更多>