"ทำไม คนบางคนถึงป่วยจากโรคโควิด รุนแรงกว่าคนอื่น ? คำตอบอาจจะอยู่ที่ #ระดับน้ำตาลในเลือด ครับ"
หนึ่งในปริศนาเกี่ยวกับโรคโควิด 19 มาอย่างยาวนานตั้งแต่เริ่มการระบาด คือ ทำไมคนบางคนติดเชื้อไวรัส แล้วไม่มีอาการอะไรหรือมีเพียงเล็กน้อย ขณะที่บางคนติดเชื้อแล้วกลับป่วยรุนแรงมาก ?
งานวิจัยล่าสุด จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อาจจะทำให้เราได้คำตอบนั้น ผ่านการใช้เทคโนโลยี machine learning
ดร. Emmanuelle Logette, และคณะวิจัยในโครงการ the Blue Brain Project ที่สถาบัน École Polytechnique Fédérale de Lausanne (หรือ EPFL) ในกรุงเจนีวา ได้อาศัยฐานข้อมูล CORD-19 มาวิเคราะห์ และพบว่า "ระดับน้ำตาลในเลือด" (blood glucose level) จะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อระดับความรุนแรงของโรคโควิด-19 !
งานวิจัยนี้ ชื่อว่า "A Machine-Generated View of the Role of Blood Glucose Levels in the Severity of COVID-19" ตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Public Health ฉบับวันที่ 28 July 2021 (ดู https://www.frontiersin.org/articles/10.3389/fpubh.2021.695139/full?utm_source=fweb&utm_medium=nblog&utm_campaign=ba-sci-fpubh-covid-19-elevated-blood-glucose-blue-brain) ซึ่งพวกเขาได้ใช้เทคโนโลยี machine learning มาวิเคราะห์ข้อมูลที่ดึงมาจากบทความวิจัยในฐานข้อมูลเปิด (open access) แล้วทำให้ค้นพบบทบาทสำคัญของ "ระดับน้ำตาลที่สูงขึ้น" ในเส้นเลือด ที่มีต่อความรุนแรงของโรค Covid-19
1. ปกติ เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ผู้สูงอายุ นั้นจะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการป่วยหนักจากโรคโควิด .. แต่คนที่อายุน้อย หลายคนก็พบว่า ต้องเข้าโรงพยาบาลจากโรคนี้เช่นกัน
- มีโรคประจำตัวหลายอย่าง ที่ทราบกันว่า มีผลต่อระดับความรุนแรงของโรคโควิด ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูง
- แต่ผลการวิจัยใหม่นี้ ทำให้เห็นว่า ระดับกลูโคสที่สูงขึ้นในเลือด ก็มีผลต่อคนที่ "ไม่ได้เป็น" โรคเบาหวานด้วย
2. คณะนักวิจัยของโครงการ the Blue Brain Project และพัฒนาแบบสำรอง machine learning ที่ขุดข้อมูลจากบทความวิจัยกว่า 240,000 ฉบับ ในฐานข้อมูล CORD-19 (เป็นฐานข้อมูลที่สนับสนุนโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา , มูลนิธิ Chan Zuckerberg Initiative, Microsoft Research และกลุ่มอื่นๆ เพื่อเป็นฮับ hub งานวิจัยเกี่ยวกับโควิด-19)
- ผลการวิเคราะห์ของคณะผู้วิจัย ทำให้พบว่า แนวโน้มที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ ในบทความวิชาการที่ผ่านมาเกี่ยวกับอาการป่วยรุนแรงจากโรคโควิด ก็คือ ระดับน้ำตาลในเส้นเลือดที่สูงขึ้น
- โดยจากข้อมูลกว่า 400,000 ค่า ที่วิเคราะห์ คำว่า "glucose น้ำตาลกลูโคส" ปรากฏขึ้นถึง 6,326 ครั้ง ทำให้คณะผู้วิจัยค้นหาต่อไป ถึงบทบาทหน้าที่ของกลูโคส ที่มีต่ออาการป่วยของโรค ไปจนถึงกลไกทางชีวเคมีในระดับที่ลึกที่สุด
3. เรื่องหลักๆ ที่พวกเขาค้นพบ ได้แก่
- ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น ไปทำให้การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันแรกๆ ของปอดเราแย่ลง ทำให้เกิดสภาวะที่เอื้อต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโรคโควิด
- ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น ทำให้เกิดความผิดปกติในการควบคุมระดับการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะ cytokine storm (การเพิ่มขึ้นอย่างมากและรวดเร็วของสารไซโตไคน์) และภาวะ acute respiratory distress syndrome (อาการอักเสบเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจ หรือ ARDS )
- อาการป่วยต่างๆ ที่ตามมาของโรคโควิด-19 ได้แก่ hyperinflammation (การอักเสบขั้นรุนแรง) และ pro-coagulation (การแข็งตัวของเลือด) ก็เกิดขึ้นตามมาจากการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเช่นกัน
- ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้น นั้น ทำงานร่วมกันกับกลไกของการหยุดการทำงานของ ACE 2 receptor ด้วยเชื้อไวรัสโควิช ไปเพิ่มระดับความรุนแรงของโรค ให้อวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลว และเกิดลิ่มเลือดอุดตัน (thrombotic)
4. การที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นแล้วไปทำให้กลไกแรกๆ ในการต่อสู้กับไวรัสของปอด แย่ลงนั้น เป็นการค้นพบที่สำคัญมาก และได้รับความสนใจน้อยกว่าที่ควร ในฐานข้อมูล CORD-19
- คณะผู้วิจัยระบุว่า การมีระดับน้ำตาลที่สูงขึ้นในเลือดแล้วไปช่วยให้เกิดสภาวะที่เอื้อต่อเชื้อไวรัส ในการเคลือบโปรตีนหนามของมันแล้วผ่านทะลุเข้าระบบภูมิคุ้มกันของปอดได้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่เคยทราบชัดกันมาก่อน
- ก่อนหน้านี้ การรักษาโรคโควิด-19 ในผู้ป่วยบางรายอาจต้องมีการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วย แต่ถ้าสมมติฐานจากงานวิจัยนี้เป็นเรื่องถูกต้อง ต่อไป การจัดการระดับน้ำตาลก็จะกลายเป็นกลยุทธ์หลักอีกอย่าง ในการควบคุมระดับอาการของโรค
- จากรายงานที่ว่า ผู้ป่วยโรค covid-19 ที่อยู่ในห้องไอซียูกว่า 80% นั้น มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง คณะผู้วิจัยจึงเสนอให้เพิ่มการควบคุมระดับน้ำตาลของผู้ป่วย เพื่อให้มีอาการที่ดีขึ้นด้วย
5. ดังนั้น ทางเลือกหนึ่งในการช่วยรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีความเสี่ยงสูง ก็คือใช้ยา metformin เมทฟอร์มิน ที่ได้รับการรับรองจาก FDA แล้วให้ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลได้
- นอกจากจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว ยา metformin ยังมีสรรพคุณต้านการอักเสบด้วย จากการที่ไปลดระดับของโปรตีน C-reactive protein ลง
- ยา metformin ยังช่วยในเรื่องการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ป้องกันการตัวของหลอดเลือด และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
ทิ้งท้ายว่า นอกจากกันใช้วิธีวิเคราะห์ด้วย AI แบบ machine learning อันนี้ จากฐานข้อมูลงานวิจัยขนาดใหญ่แล้ว ก็ยังต้องมีการศึกษาวิจัยในคลินิกอีก เพื่อพิสูจน์ยืนยันว่า ระดับน้ำตาลกลูโคสที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นปัจจัยพื้นฐาน ทำให้เกิดความรุนแรงของโรค covid-19 ขึ้นจริง
ภาพและข้อมูลจาก https://blog.frontiersin.org/2021/07/28/severe-covid-19-elevated-blood-glucose-blue-brain/
同時也有7部Youtube影片,追蹤數超過59萬的網紅Healthy Natural นานา สมุนไพร,也在其Youtube影片中提到,ปลาไหลเผือก ช่วยเสริมสมรรถภาพเพศชาย บำรุงกำลัง คลายอาการปวดเมื่อย ทำให้เลือดไหลเวียนดี สมุนไพรพื้นบ้าน ปลาไหลเผือก คือ รากไม้ของพืชชนิดหนึ่ง เป็นไม้ยื...
「ครั้ง นั้น」的推薦目錄:
- 關於ครั้ง นั้น 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳解答
- 關於ครั้ง นั้น 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳貼文
- 關於ครั้ง นั้น 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於ครั้ง นั้น 在 Healthy Natural นานา สมุนไพร Youtube 的精選貼文
- 關於ครั้ง นั้น 在 Healthy Natural นานา สมุนไพร Youtube 的最佳貼文
- 關於ครั้ง นั้น 在 ZadistiX Youtube 的最佳解答
- 關於ครั้ง นั้น 在 "ครั้งนั้น " Artist : อุ้ย... - เพลงก็เก่า คนแม่งก็แก่ - Facebook 的評價
- 關於ครั้ง นั้น 在 Introducing "once upon a BLOOMING dream". กาลครั้งนั้น...ความ ... 的評價
ครั้ง นั้น 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳貼文
เปิดมหาวิทยาลัยอย่างไรให้ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 : ตัวอย่างจากมหาวิทยาลัย Duke ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศวาระแห่งกระทรวง อย่างชัดเจนว่า ในเทอมปลายนี้ จะเปิดให้เด็กๆกลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนให้ได้ .. โดยพยายามออกมาตรการแนวทางปฏิบัติตัวอย่างเพื่อให้เกิดความปลอดภัยขึ้น โดยเฉพาะที่เด่นที่สุด คือ การระดมฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนในชั้นมัธยมฯ และปวช. รวมถึงมาตรการอื่นๆ เช่น คัดกรองด้วยชุดตรวจ ATK
แต่ในฝั่งของกระทรวง อว. ซึ่งกำกับดูแลมหาวิทยาลัยต่างๆ กลับค่อนข้างเงียบมาก ไม่สร้างความชัดเจน เรื่องการกลับไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยในเทอมปลาย เหมือนกระทรวงศึกษาฯ เลย มีแต่ซุ่มฉีดวัคซีนให้กับนิสิตนักศึกษาไปจำนวนหนึ่ง และออกแทนการเปิดมหาวิทยาลัย ทีละ 25% 50% ให้บุคลากรเข้าไปทำงานได้ โดยที่ไม่ได้เน้นว่า จะกลับมาเรียนหนังสือกันอีกเมื่อไหร่
จริงๆแล้ว มีสารพัดอย่างที่สามารถทำได้ และควรจะต้องวางแผนการทำตั้งแต่วันนี้แล้ว ... อยู่แค่ว่ามีใจกล้าพอ จะเผชิญความจริงของการที่ต้องสอนหนังสือ เรียนหนังสือ แล้วเจอผู้ติดเชื้อบ้าง ..หรือจะเอาแต่ "วิ่งหนีเชื้อโรคเข้าถ้ำ" เหมือนตลอดปีกว่าๆ ที่ผ่านมา
ไปเจอโพสต์ของ Karn Imwattana มิตรสหาย facebook ท่านหนึ่ง ที่เรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย Duke ในประเทศสหรัฐอเมริกา พูดถึงมาตรการของเขา จึงอยากจะเอามาให้เป็นตัวอย่างแนวทาง เพื่อรัฐมนตรีกระทรวง อว. จะพอมีไอเดียในการสั่งการบ้างนะครับ
สรุปความได้ดังนี้
- เกือบทุกคนในมหาวิทยาลัย ได้ฉีดวัคซีน (ความเห็นผม : ของไทยเรา โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล ก็ฉีดกันไปเยอะมากเลยนะครับ คนภายนอกอาจจะไม่ทราบข่าวกัน)
- เปิดการเรียนการสอนเต็มที่แล้ว โดยทุกคนต้องใส่หน้ากากเมื่ออยู่ในอาคาร-ในห้องเรียน ยกเว้นแค่ตอนช่วงกินข้าว (ความเห็นผม : เรื่องใหญ่อีกเรื่องคือ ventilation การเปิดประตูหน้าต่าง ซึ่งในต่างประเทศเขาทำเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ไทยเรา ยังติดนิสัยเรียนในห้องแอร์ และจำเป็นจะต้องมาทบทวนกันใหม่)
- มีการสุ่มตรวจโรคโควิดถี่มาก อาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือบางช่วง อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง (ความเห็นผม : ของไทยเรา ควรตรวจทุกคนก่อนเปิดเทอม 1 ครั้ง และสุ่มตรวจดูเรื่อยๆ ทุกสัปดาห์)
- เทคนิคที่ใช้ตรวจคือ PCR ด้วย ไม่ใช่ ATK (ความเห็นผม : สำหรับประเทศไทยเรา ได้ตรวจ ATK ก็ดีถมแล้ว)
- ที่ตรวจถี่ เพราะจะได้แยกตัวคนที่ติดเชื้อออกมาได้เร็ว ไม่ปล่อยให้ไปแพร่ต่อ (ความเห็นผม : การตรวจหาผู้ติดเชื้อ มีประโยชน์ไม่แพ้ หรืออาจจะจำเป็น ยิ่งกว่าการฉีดวัคซีนด้วยซ้ำ)
- นอกจากใช้แยกผู้ติดเชื้อแล้ว มหาวิทยาลัยยังเอาตัวอย่างที่เป็นบวก ไปทำ whole genome sequencing (การหาลำดับพันธุกรรมทั้งหมดของจีโนมไวรัส) เพื่อใช้ติดตามการระบาดว่าจากคนไหนสู่คนไหน และศึกษาการกลายพันธุ์ของเชื้อโรค (ความเห็นผม : เราไม่จำเป็นขนาดนั้นต้องทำหรอก แต่น่าจะมีหลายมหาวิทยาลัยเลย ที่อาจจะอยากทำ เพื่อการศึกษาวิจัยได้นะครับ)
- จำนวนเคสติดเชื้อในมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ต้องต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศให้มากที่สุด และไม่ให้การแพร่ระบาดต่อๆ กันในมหาวิทยาลัย ต้องหยุดได้ก่อนที่จะบานปลาย (ความเห็นผม : จะเห็นว่าต่างกันมากกับของไทย ที่ผู้บริหารกลัวว่าจะมีชื่อเป็นหน่วยงานที่มีผู้ติดเชื้อปรากฏอยู่ จึงไม่ยอมเปิดการเรียนการสอน เพราะกลัวว่าจะมีข่าวไม่ดีออกไป)
- การที่ ม. Duke เคยมีจำนวนเคสสูงกว่ามหาวิทยาลัยอื่น ก็เพราะทำการตรวจเยอะกว่ามหาลัยอื่นมากๆ
--------
(จาก https://www.facebook.com/100001435461282/posts/4656558651068604/)
วันนี้ได้ไปฟังอาจารย์ที่ภาคพูดสัมมนาเรื่องมาตราการรับมือโควิดของมหาลัย ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาว่า Duke นี่เป็นมหาลัยที่ควบคุมสถานการณ์โควิดได้ดีที่สุดในสหรัฐฯ มหาลัยหนึ่งเลย ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจว่า มหาลัยได้ทำอะไรไปบ้าง
จากประสบการณ์ที่พบเองกับตัว มหาลัยนั้นทำการสุ่มตรวจถี่มาก ในปีการศึกษาที่ผ่านมา โดนบังคับไปตรวจอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง บางอาทิตย์ (ช่วงใกล้ ๆ เปิดเทอม) โดนตรวจสองหรือสามครั้ง (เทคนิคที่ใช้ตรวจคือ PCR ด้วย ไม่ใช่ ATK) เท่าที่ได้ยินมา แทบไม่มีมหาลัยไหนเลย ที่ตรวจถี่ขนาดนี้
ตอนแรกก็คิดว่าที่ตรวจถี่ เพราะจะได้แยกตัวคนที่ติดเชื้อออกมาเร็ว ๆ ไม่ปล่อยให้ไปแพร่ต่อ แต่จากที่ฟังสัมมนาในวันนี้ ก็ได้รู้ว่า ในทุก positive case นั้น มหาลัยได้เอาตัวอย่างไปทำ whole genome sequencing ด้วย ซึ่งข้อมูลที่ได้ ก็มีทั้งก็เอามาใช้ประโยชน์ในระยะสั้น และระยะยาว
ประโยชน์ระยะสั้น ก็เช่น เอามาไล่ตามว่าการระบาด เกิดจากที่ไหน สมมติว่ามีนักเรียนสองคน เรียนในห้องเดียวกัน แล้วติดโควิด ถ้าข้อมูลดีเอ็นเอในไวรัสของนักเรียนทั้งสองคนนั้นใกล้ชิดกันมาก ก็มีโอกาสสูงที่จะมาจากการแพร่เชื้อในห้องเรียน (นั่นหมายความว่านักเรียนคนอื่นในห้อง ก็จะเป็นกลุ่มเสี่ยงไปด้วย) แต่ถ้าข้อมูลดีเอ็นเอนั้นต่างกันพอสมควร ก็เป็นไปได้ที่ว่านักเรียนทั้งสองคน ไปติดเชื้อมาจากที่อื่น แล้วค่อยมาอยู่ในห้องเรียนเดียวกัน ถึงแม้จะไม่สามารถสรุปได้แน่ชัด แต่ก็สามารถบอกถึงแนวโน้ม และใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้
เคยมีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งเมื่อหลายเดือนที่แล้ว ที่จู่ ๆ ก็มีเคสจำนวนมาก ที่ข้อมูลจีโนมไวรัสของแต่ละคนนั้น เกือบจะเหมือนกันเลย ซึ่งก็สามารถตามสืบเรื่องไปได้ว่า เกิดจากการจัดปาร์ตี้แล้วไม่มีการใส่หน้ากาก จำได้ว่าตอนนั้นเป็นแค่ครั้งเดียวที่มหาลัยสั่งยกเลิกการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัวไปอาทิตย์นึง เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย
ประโยชน์ระยะยาว ก็เช่น การเก็บข้อมูลพื้นฐานของการวิวัฒนาการไวรัส การมีข้อมูลจากทั้งจีโนม ทำให้เราสามารถไล่ตามได้ว่า มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นในตัวไวรัสได้บ้าง ทั้งส่วนของ spike protein ที่เราเอามาทำวัคซีน และส่วนอื่น ๆ ของตัวไวรัส ที่อาจจะมีหน้าที่สำคัญอย่างอื่นที่เราไม่รู้ และในอนาคต จะกลายพันธุ์เป็นอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งข้อมูลที่มหาลัยได้มา ก็สามารถเอาไปรวมกับของสถาบันวิจัยอื่น ๆ และใช้ในการวางแผนป้องกันไวรัสชนิดใหม่ในระยะยาวได้
และถึงแม้ในปัจจุบัน เกือบทุกคนในมหาลัยจะฉีดวัคซีนแล้ว แต่ก็ยังมีการสุ่มตรวจอย่างเข้มข้นต่อไปเรื่อย ๆ (Duke อาจจะเป็นเพียงมหาลัยเดียวในประเทศ ที่ยังทำแบบนี้อยู่) ซึ่งการทำแบบนี้ สามารถช่วยให้ข้อมูลได้ว่า ไวรัสสายพันธุ์เดลตา มีการแพร่ระบาดอย่างไร ในคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว และการแพร่ระบาด เกิดจากในห้องเรียน (ที่ทุกคนต้องใส่หน้ากาก) หรือเกิดตอนที่คนมานั่งกินข้าวด้วยกัน (ซึ่งก็ต้องถอดหน้ากาก) หรือในสถาการณ์อื่น ๆ การที่มีข้อมูลเหล่านี้พร้อมอยู่ในมือ ทำให้มหาลัยสามารถปรับเปลี่ยนมาตราการได้ตลอดเวลา ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่า ทุกคนจะปลอดภัย
และ ในขณะเดียวกัน ก็สามารถใช้ชีวิตได้ปกติมากที่สุด
ด้วยข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ก็ทำให้มหาลัยสามารถบอกได้ว่า ถึงแม้จำนวนเคสในประเทศจะยังค่อนข้างสูง แต่ด้วยมาตราการของมหาวิทยาลัย จำนวนผู้ติดเชื้อในหมู่นักเรียนและบุคลากรนั้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศมาก และถึงแม้ปัจจุบันจะเปิดการเรียนการสอนแบบตัวต่อตัวเต็มที่ แต่การที่ทุกคนฉีดวัคซีน และสวมใส่หน้ากากในห้องเรียน ทำให้ไม่มีเหตุการณ์แพร่ระบาดในมหาวิทยาลัยเลย หรือต่อให้มีการแพร่ระบาดเริ่มเกิดขึ้นในอนาคต ก็มีโอกาสสูงที่จะตรวจเจอตั้งแต่เนิ่น ๆ และสามารถหยุดได้ ก่อนที่จะบานปลาย
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Duke โดนเพ่งเล็งว่า มีจำนวนเคสสูงกว่ามหาลัยอื่น แต่เมื่อมาดูตัวเลขจริง ๆ แล้ว พบว่าที่มีเคสเยอะนั้น เพราะ Duke ทำการตรวจเยอะกว่ามหาลัยอื่นมาก ๆ ก็จริงที่ตรวจเยอะ ก็เจอเคสเยอะ และอาจจะทำให้ภาพลักษณ์ดูไม่ดี แต่ก็แลกกับการที่มีข้อมูลอันแม่นยำ และสามารถรับมือกับปัญหาได้อย่างเหมาะสม
เป็นการวางนโยบายโดยอิงจากข้อมูล ไม่ได้ขี้กลัวเกินเหตุและห้ามกิจกรรมทุกอย่าง แต่ก็ไม่ปล่อยปะละเลย จนเกิดการแพร่ระบาด
ชีวิตใน Duke ทุกวันนี้ นอกเหนือจากการโดนสุ่มตรวจ และต้องใส่หน้ากากในอาคาร ทุกอย่างเกือบจะเป็นปกติเลย ซึ่งก็ถือว่าโอเคมาก ๆ แล้ว เมื่อเทียบกับสถานการณ์ในโลกปัจจุบัน
หลายคนอาจจะบอกว่า ใช่สิ ที่อเมริกา มีวัคซีนเหลือเฟือ และ Duke ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่รวยมาก ๆ ซึ่งผมไม่เถียงเลย 5555 แต่นอกเหนือจากปัจจัยสองอย่างนี้ ประเด็นเรื่องการวางแผน การใช้ข้อมูลจริง มาช่วยกำหนดนโยบาย เป็นอะไรที่มหาวิทยาลัย หรือประเทศอื่น ๆ สามารถทำได้ไม่ยาก
แต่ก็นะ ปัญหาสำหรับบางที่อาจจะไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอะไร แต่เป็นเพราะคนมีอำนาจไม่อยากทำในสิ่งที่ควรทำต่างหาก
ภาพประกอบจาก https://today.duke.edu/2020/08/what-dukes-first-day-classes-2020-looks
ครั้ง นั้น 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
“Rolls-Royce” แบรนด์รถหรูอังกฤษ ที่บริษัทรถยนต์เยอรมัน แย่งกันซื้อ /โดย ลงทุนแมน
Rolls-Royce ถือเป็นแบรนด์รถยนต์หรูสัญชาติอังกฤษ ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานเกินกว่าร้อยปี
ซึ่งคู่แข่งของแบรนด์นี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือ Bentley แบรนด์รถหรูที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเดียวกัน
รู้หรือไม่ว่าทั้ง Rolls-Royce และ Bentley เคยถูกควบรวมเข้ามาอยู่ในบริษัทเดียวกัน
แต่ปัจจุบันแบรนด์รถหรูทั้ง 2 แบรนด์ ต่างมีเจ้าของเป็นบริษัทรถยนต์เยอรมัน
โดย BMW เป็นเจ้าของ Rolls-Royce และ Volkswagen เป็นเจ้าของ Bentley
กว่าจะมาเป็นวันนี้ Rolls-Royce เกิดขึ้นได้อย่างไร
แล้วทำไม Rolls-Royce ถึงไปอยู่ภายใต้ BMW ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Rolls-Royce ก่อตั้งโดย ชาวอังกฤษ 2 คน ที่มีความหลงใหลในรถยนต์
คนแรกชื่อว่า Frederick Henry Royce เขาคนนี้เป็นผู้ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม
และด้วยความที่ Royce ไม่พอใจกับรถยนต์แบรนด์ฝรั่งเศสที่เขาใช้อยู่ในขณะนั้น
เขาจึงได้ตัดสินใจผลิตรถยนต์เป็นของตัวเองชื่อว่า “Royce 10hp”
ในปี ค.ศ. 1904 Royce ได้เจอกับผู้ที่คลั่งไคล้รถยนต์เช่นเดียวกับเขาชื่อ Charles Stewart Rolls ซึ่งเขาทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์จากฝรั่งเศส แต่ต้องการขยายธุรกิจ ให้เป็นมากกว่าบริษัทนำเข้ารถยนต์
และเมื่อ Rolls ได้เห็นรถยนต์ของ Royce เขาก็รู้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่เขาตามหา
หลังจากนั้น เขาก็ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันในการจัดจำหน่ายรถคุณภาพสูงสัญชาติอังกฤษไปทั่วประเทศ
ทั้งคู่จึงได้ก่อตั้ง “Rolls-Royce” ขึ้นมาและออกจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรกในปีเดียวกัน ซึ่งผลงานที่สร้างชื่อของแบรนด์ Rolls-Royce คือ การทดสอบวิ่งระยะไกลแบบต่อเนื่องของรถรุ่น 40/50 หรือฉายา Silver Ghost ด้วยระยะทางกว่า 23,000 กิโลเมตร
จากผลงานดังกล่าว ก็ได้ทำให้ Silver Ghost ถูกขนานนามว่าเป็นรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก
ในภายหลัง Silver Ghost ยังถูกเอามาติดตั้งเกราะหนาและปืนกลเพื่อเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 อีกด้วย
ต่อมาในปี ค.ศ. 1925 ก็เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทำให้ยอดขายตกต่ำลงอย่างมาก
Rolls-Royce ต้องเอาตัวรอดด้วยการขายทรัพย์สินบางส่วนไปเพื่อที่จะรักษากิจการให้ผ่านช่วงวิกฤติไปให้ได้
แต่ดูเหมือนว่าด้วยวิกฤติเดียวกันนี้ คู่แข่งที่เทียบคู่กันมาอย่าง Bentley ไม่สามารถแบกรับภาระหนี้ที่มีอยู่ไหว จนสุดท้าย Bentley ก็ได้ขายกิจการให้กับ Rolls-Royce ในปี ค.ศ. 1931
ด้วยความที่ทั้ง 2 แบรนด์เป็นแบรนด์รถหรูทั้งคู่และได้มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน จึงทำให้ช่วงหนึ่งรถของทั้ง Rolls-Royce และ Bentley มีรูปลักษณ์ที่คล้ายกันมาก ถึงขนาดที่ว่ารถบางรุ่นผู้คนเห็นความต่างกันแค่ตะแกรงหน้ารถเท่านั้น
ในช่วงเวลานี้เอง Rolls-Royce ได้เริ่มการผลิตรถยนต์ที่ออกแบบตามการดีไซน์ร่วมกับลูกค้าซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่
ทำให้ราคาขายของรถไม่มีตัวเลขตายตัวอีกต่อไป เพราะราคาจะขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า
ในปี ค.ศ. 1939 สายการผลิตรถยนต์ของ Rolls-Royce ต้องหยุดลงเพื่อไปผลิตเครื่องยนต์ของอากาศยานให้กับกองทัพในช่วงสงครามโลก และด้วยประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่บริษัทผลิต เครื่องบินรบของกองทัพอังกฤษได้ถูกกล่าวขานว่ามีเครื่องยนต์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสงคราม เลยทีเดียว
จุดนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของ Rolls-Royce ที่ได้ขยายธุรกิจจากรถยนต์ สู่เครื่องยนต์อากาศยานในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1971 Rolls-Royce กลับมีปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนักและถูกบังคับให้ล้มละลาย แต่ด้วยความที่ Rolls-Royce ยังเป็นแบรนด์ในความต้องการของเหล่าเศรษฐี และราชวงศ์ทั่วโลก
เมื่อบริษัทมีปัญหา บริษัทแห่งนี้จึงยังคงมีคุณค่าและเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อกิจการจากหลายบริษัท
เริ่มตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1980 Vickers บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมเครื่องยนต์
ได้เข้าซื้อกิจการผลิตรถยนต์ของ Rolls-Royce
อย่างไรก็ตาม Vickers ได้ซื้อไปเพียงธุรกิจยานยนต์และความเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเท่านั้น
สำหรับสิทธิในการเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าและโลโกยังคงอยู่กับบริษัท Rolls-Royce
ณ ตอนนั้น บริษัทจึงเหลือเพียงแค่สิทธิ์ของแบรนด์และกิจการผลิตเครื่องยนต์อากาศยาน
ในปี ค.ศ. 1998 เหล่าผู้ถือหุ้นของ Vickers ก็ได้ตัดสินใจขายธุรกิจยานยนต์ดังกล่าวให้กับ Volkswagen
แต่ในการขายกิจการยานยนต์ของ Vickers ไปให้ Volkswagen นั้น ยังมีผู้ผลิตยานยนต์อีกราย
นั่นก็คือ BMW ที่เข้าร่วมประมูลราคาเพื่อซื้อ Rolls-Royce เช่นกัน แต่ก็ต้องแพ้ประมูลไป
ที่ผ่านมา BMW เป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ให้กับ Rolls-Royce หลายรุ่นและการประมูลดังกล่าว
หลายฝ่ายก็ประเมินกันว่า BMW จะได้เป็นเจ้าของ Rolls-Royce อย่างแน่นอน
และเมื่อ BMW พ่ายแพ้การประมูล ทางบริษัทจึงไม่พอใจและได้ประกาศยกเลิกการผลิตเครื่องยนต์
ให้กับ Rolls-Royce ทันที และเรื่องนี้ก็สร้างความปวดหัวให้กับ Volkswagen ไม่น้อย
แต่ BMW ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Rolls-Royce มาอย่างยาวนานรู้ว่าสิทธิการใช้เครื่องหมายการค้าอยู่กับอีกบริษัท BMW จึงไม่รอช้าและรีบเจรจาขอซื้อสิทธิ์ดังกล่าว
หลังจากเข้าซื้อสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าสำเร็จแล้ว BMW ก็ได้ออกมาประกาศทันทีว่า Volkswagen จะสามารถใช้ชื่อแบรนด์ “Rolls-Royce” ได้จนถึงปี ค.ศ. 2002 เท่านั้น
และก็ดูเหมือนว่า BMW จะเป็นฝ่ายได้เปรียบในทันทีที่ถือสิทธิ์ในชื่อ Rolls-Royce
เพราะหลังจากที่บริษัทประกาศเรื่องดังกล่าวออกไป มันก็ได้ส่งผลกระทบไปยังยอดจองรถของ Rolls-Royce และ Bentley ที่ปรับตัวลดลงถึง 30% ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์
จุดนี้ ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับแบรนด์เป็นอย่างมาก
โดยผู้บริหารของ Volkswagen เองก็ไม่อยากเสี่ยงกับการขายรถ Rolls-Royce
ที่ไม่มีโลโก ไม่มีแบรนด์ของ Rolls-Royce ติดอยู่ นั่นจึงทำให้ในเวลาต่อมา
Volkswagen ยอมเปิดโต๊ะเจรจากับ BMW และก็จบลงที่ว่า Volkswagen
จะขายสิทธิบัตรและสิทธิอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Rolls-Royce ให้ BMW ทั้งหมด
แต่ก็มีข้อแม้ว่า BMW จะต้องดำเนินการผลิตเครื่องยนต์ของ Rolls-Royce ไปจนถึงปี ค.ศ. 2002 และ Bentley ในบางรุ่นตลอดอายุสัญญา
โดยโรงงานผลิตจะตกเป็นของ Volkswagen และจะต้องปรับสายการผลิตทั้งหมดเพื่อผลิตรถ Bentley เพียงอย่างเดียว และ Volkswagen จะได้ครอบครองแบรนด์ Bently
จุดนี้เองก็ถือเป็นทางแยกของทั้ง Rolls-Royce และ Bentley ที่อยู่ร่วมกันมากว่า 70 ปี
ในขณะเดียวกัน บริษัท Vickers ที่เป็นผู้ซื้อกิจการยานยนต์ของ Rolls-Royce ในตอนแรก
ก็ได้ถูกซื้อกิจการโดย Rolls-Royce ฝั่งที่เป็นธุรกิจเครื่องยนต์อากาศยาน
จากนั้น BMW ก็ได้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ ภายใต้แบรนด์ Rolls-Royce ขึ้นมาใหม่
ซึ่งในปัจจุบันรถยนต์ Rolls-Royce มียอดจำหน่ายราว 3,000 ถึง 5,000 คันต่อปี
ในขณะที่ ราคาของรถยนต์ก็มีตั้งแต่หลักสิบล้าน ไปจนถึงหลักหลายร้อยล้านบาท
จนถึงตอนนี้ Rolls-Royce เป็นแบรนด์ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 117 ปี
ผ่านสงครามโลกมาแล้วถึง 2 ครั้ง
และสามารถพลิกฟื้นจากกิจการที่ถูกสั่งให้ล้มละลายมาได้
ทั้งหมดนี้ จึงถือเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ว่า Rolls-Royce เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่แข็งแกร่งระดับโลก..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
Charles Rolls หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Rolls-Royce มีความชื่นชอบในด้านการบินอย่างมาก
เขาเคยได้ลองขึ้นบินกับสองพี่น้องตระกูลไรต์ และได้ซื้อเครื่องบินกลับมาด้วย 1 ลำ
ซึ่งเขายังเป็นคนแรกที่สามารถบินข้ามช่องแคบอังกฤษแบบไป-กลับ โดยไม่หยุดพักอีกด้วย
แต่สุดท้ายแล้ว Charles Rolls ก็ได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตกในปี ค.ศ. 1910 ถือเป็นชาวอังกฤษคนแรกที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางการบิน ทำให้เขาอยู่คู่กับ Rolls-Royce เพียงแค่ 6 ปี เท่านั้น..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.youtube.com/watch?v=MIUB5BhEkR0
-https://www.youtube.com/watch?v=q1nCH7bFDdA
-https://www.bangkoksupercar.com/content/5880/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-rolls-royce
-https://www.southcoasttoday.com/article/19980704/news/307049965
-https://www.cbsnews.com/news/bmw-buys-rolls-royce-brand-name/
-https://www.nytimes.com/1998/07/29/business/international-business-bmw-to-get-rolls-royce-after-all-by-acquiring-the-name.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Charles_Rolls#cite_note-BBC-6
-https://www.fleetnews.co.uk/news/1998/8/5/bmw-buys-rolls-royce-name-from-vw/3744/
ครั้ง นั้น 在 Healthy Natural นานา สมุนไพร Youtube 的精選貼文
ปลาไหลเผือก ช่วยเสริมสมรรถภาพเพศชาย บำรุงกำลัง คลายอาการปวดเมื่อย ทำให้เลือดไหลเวียนดี
สมุนไพรพื้นบ้าน ปลาไหลเผือก คือ รากไม้ของพืชชนิดหนึ่ง เป็นไม้ยืนต้น ประโยชน์และสรรพคุณของปลาไหลเผือก มีมากมาย โดยต้นปลาไหลเผือก นั้น รากใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย เป็นที่นิยมของคนเดินป่า เพราะจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง อดทน ช่วยคลายอาการปวดเมื่อย ป้องกันและรักษาไข้ป่าในระหว่างการเดินทาง ใช้ทั้งแก่นและราก นำมาต้มกับน้ำกินวันละ 3-4 ครั้ง และช่วงก่อนนอน สำหรับสุภาพบุรุษเป็นยาโด๊ปชั้นยอด ที่ช่วยบำรุงกำลังและบำรุงสมรรถภาพทางเพศ ทำให้เลือดไหลเวียนดี
........................................................................................................
เคล็ดลับดีๆแบบนี้ ก็อย่าลืม แชร์ให้เพื่อนๆ หรือคนที่เพื่อนๆรักและ ห่วงใยด้วยคะ..
เพราะความสุขที่ยิ่งใหญ่ คือการเป็นผู้ให้ ขอให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ร่ำรวยความสุข ถ้วนหน้ากันทุกท่าน ตลอดไปเลยนะคะ..
อย่าลืม! ถ้าคุณชอบโปรดกด like. ถ้าคุณถูกใจโปรด subscribe! เพื่อเป็นกำลังใจ ให้แก่พวกเราด้วยคะ..ขอบคุณค่า..
Subscribe to Healthy Natural นานา สมุนไพร
Youtube : https://goo.gl/urmvNp
Follow us on Twitter : https://goo.gl/HKZaG4
Like us on Facebook : https://goo.gl/urmvNp
Follow us on Google Plus : https://goo.gl/E1ku0J
Follow us on pinterest : https://goo.gl/TB7RkC
ครั้ง นั้น 在 Healthy Natural นานา สมุนไพร Youtube 的最佳貼文
หยุดอ่านสักนิด!! น้ำต้ม เดือดแล้วเดือดอีก เป็นอันตรายต่อชีวิต คนชอบดื่มชา กาแฟ อย่าชะล่าใจ!!
หลายคนเชื่อว่า ความร้อน สามารถเอาชนะเชื้อโรคร้ายต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือน้ำดื่ม หากปรุงสุกด้วยความร้อนสูง หรือต้มจนเดือด ก่อนจะนำมารับประทาน ก็จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างเด็ดขาด ซึ่งนั้นก็ถือว่าไม่ใช่ความเชื่อที่ผิด แต่อาจไม่ทั้งหมด เมื่อสิ่งที่เราให้ความร้อนกับมันอย่าง น้ำในกาต้มน้ำ เมื่อทำซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง โดยไม่เปลี่ยนน้ำในกา น้ำที่คิดว่าสะอาด ปลอดภัย กลับให้โทษแก่ร่างกายหากดื่มเข้าไป เพราะ “น้ำ” ที่เราใช้ดื่มกินในปัจจุบัน มักผสมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ หลายชนิด หากมีการต้มจนเดือดแล้วเดือดอีกหลายๆ ครั้ง จะทำให้น้ำระเหย กลายเป็นไอตามทฤษฎีปกติอยู่แล้ว แต่ก็จะไม่ระเหยทั้งหมด ซึ่งในน้ำส่วนที่เหลืออยู่นั้น ก็จะมีปริมาณแร่ธาตุชนิดต่างๆ ที่ปะปนมาเหลืออยู่ในจำนวนที่เข้มข้นมากขึ้น และที่สำคัญจะหลงเหลืออยู่เกินมาตรฐานที่จะนำมาบริโภคได้ โดยปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นขณะน้ำเดือดนานๆ นั้น ก็จะส่งผลให้ไอออนของ ซิลเวอร์ไนเตรท ที่มีอยู่ในน้ำ จะเปลี่ยนเป็น ซิลเวอร์ไนไตรท ซึ่งเป็นสารที่ให้โทษแก่ร่างกาย ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือกและทางเดินหายใจ อาจทำให้ปอด อาจถูกทำลายได้ รวมไปถึงดวงตา ประสาทและเลือด นอกจากนี้ยังรวมถึงแร่ธาตุอื่นๆ ก็จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น เพราะการระเหยของน้ำ ซึ่งอาจมากจนเกินขีดจำกัดความสามารถของร่างกาย ในการกำจัด ขับถ่ายออกมาเป็นของเสียได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ได้ระบุไว้ว่า ผู้ที่ชอบดื่มกาแฟ และผู้ที่ใช้กระติกน้ำร้อน พึงระวัง เพราะหากน้ำ ที่คุณใช้ต้มนั้นเป็นน้ำธรรมชาติ เช่น น้ำบาดาล น้ำบ่อ หรือน้ำประปา ที่เป็นกรดในหม้อโลหะแล้วนั้น หากต้มหลายๆ ครั้งก็จะยิ่งทำให้น้ำนั้นงวดและเกิดเป็นก้อนแข็งๆ ยึดเกาะตามผิวของกาหรือกระติกน้ำร้อน หรือที่เรียกว่า ตะกรันธาตุ ตกปนลงมาในน้ำมากขึ้น รวมถึง “น้ำแร่” แบบที่เศรษฐีชอบดื่มกัน เพราะคิดว่าสะอาดก็ต้องระวัง เพราะต้มนานๆ ไป ก็จะได้ตะกรันแถมเช่นกัน
ดังนั้น จึงไม่ควรดื่มน้ำที่ต้มเดือดแล้วหลายๆ ครั้ง ทางที่ดี ควรต้มน้ำแต่ละครั้งให้พอดีกับที่ใช้ดื่ม และจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำทุกครั้งหากต้องต้มน้ำให้เดือดใหม่ สำหรับกาต้มน้ำ ที่ใช้ชงกาแฟก็ไม่ควรตั้งกาต้มน้ำร้อน ไว้ให้เดือดตลอดเวลา เพราะอาจจะทำให้โลหะกร่อนลงมาปนได้ หมั่นเปิดฝากาดู หากเห็นมีคราบตะกรันติด ควรล้างกาในทันที
เพียงเท่านี้ ความร้อนก็จะไม่สามารถ นำพาสิ่งแปลกปลอมที่เป็นโทษต่อร่างกาย มาทำร้ายสุขภาพเราได้อย่างแน่นอน
เกร็ดความรู้ ตะกรัน คือ ธาตุที่มารวมตัวกันเป็นก้อนแข็งยึดเกาะตามผิวของอุปกรณ์ซึ่งมีความร้อน โดยปกติ ธาตุเหล่านี้จะละลายอยู่ในน้ำ เมื่อผ่านผิวของอุปกรณ์ที่มีความร้อน จะเกิดการเปลี่ยนสถานะก่อตัวยึดกันแน่น ตามผิวของอุปกรณ์ เกิดเป็นตะกรันแข็งขึ้นมา ทั้งนี้ ตะกรันสามารถจำแนกออกได้หลายชนิด อาทิ ตะกรันแคลเซียม(หินปูน),ตะกรันสนิมเหล็ก,ตะกรันเกลือ ฯลฯ ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ กรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า ซิลเวอร์ไอออนเป็นพิษสำหรับ สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในน้ำ , แบคทีเรีย , สำหรับไนเตรทอาจเป็นปัจจัยทำให้น้ำขาดออกซิเจนเป็นอันตรายต่อน้ำดื่ม , ปลา และมีชื่อทางเคมีว่า IUPAC: Silver nitrate (สารซิลเวอร์ไนเตรท) (International Union of Pure and Applied Chemistry)
เคล็ดลับดีๆแบบนี้ ก็อย่าลืม แชร์ให้เพื่อนๆ หรือคนที่เพื่อนๆรักและ ห่วงใยด้วยคะ..
เพราะความสุขที่ยิ่งใหญ่ คือการเป็นผู้ให้ ขอให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ร่ำรวยความสุข ถ้วนหน้ากันทุกท่าน ตลอดไปเลยนะคะ..
อย่าลืม! ถ้าคุณชอบโปรดกด like. ถ้าคุณถูกใจโปรด subscribe! เพื่อเป็นกำลังใจ ให้แก่พวกเราด้วยคะ..ขอบคุณค่า..
Subscribe to Healthy Natural นานา สมุนไพร
Youtube : https://goo.gl/urmvNp
Follow us on Twitter : https://goo.gl/HKZaG4
Like us on Facebook : https://goo.gl/urmvNp
Follow us on Google Plus : https://goo.gl/E1ku0J
Follow us on pinterest : https://goo.gl/TB7RkC
ครั้ง นั้น 在 ZadistiX Youtube 的最佳解答
มาแปลกกับแชมป์เปี้ยนตัวใหม่ ปกติมาทีละ 1 ตัว ครั้งนี้มาแพ๊คคู่ 2 เลย
Xayah และ Rakan คู่รักเผ่า Vastayan ครึ่งคนครึ่งสัตว์ ขาโหดเลนล่าง
ทั้ง 2 ตัวจะมีความสามารถพิเศษ ถ้าเล่นพร้อมกันอย่างเช่น Recall จะกลับ
บ่อเกิดพร้อมกันได้ โดยคนใดคนนึงต้องกำลังวาปและอีกคนเข้าไปแจม
กด B ด้วยไม่งั้นจะไม่ถือว่ากลับไปด้วยกัน และท่า W ที่ Xayah จะเพิ่ม
ความเร็วในการโจมตีให้ตัวเองเป็นเวลา 4 วินาที แต่ถ้าใช้ใกล้ๆ Rakan
ก็จะได้ผลไปด้วยทั้งคู่ คลิปนี้ขี้เกียจแยกทำ 2 ตัว 2 คลิปก็เลยรวบมาให้
ภายใน 1 คลิปไปเลย ได้น้องติงลี้จาก Silent Night มาช่วยเล่นอีกแรง
Xayah ท่า Passive ติดตัว หลังจากใช้สกิล ท่าโจมตีพื้นฐานจะกลายเป็น
ปาขนนกทะลุเป็นหมาย และตรึงไว้อยู่ประมาณ 6 วินาที เป้าหมายแรกที่
โดนป่ารับความเสียหาย 100% หลังจากนั้น 50% หมด จำนวน 3 ครั้ง
ท่า Q ของ Xayah จะปาขนนกออกไป 2 อัน ทะลุเป้าหมายและตรึงไว้
เหมือนเงื่อนไข Passive อยู่ 6 วิและ 100/ 50 เหมือนกัน
ท่า W จะเพิ่ม Attack speed ของ Xayah ถ้าโจมตีแชมป์เปี้ยนศัตรู จะได้
เพิ่มความเร็ว Movement speed อีกด้วย กดใช้จะให้ Rakan ด้วยเช่นกัน
ท่า E จะเป็นการเรียกขนนกที่ตรึงไว้กลับมาทั้งหมด ใครที่โดน 3 อันขึ้นไป
จะถูกตรึงอยู่กับที่ 1 วินาที ท่านี้เอา AD + Critical มาเป็นความเสียหาย
ท่า R ไม้ตาย Xayah จะกระโดดไปบนอากาศและปาขนนกเป็นทรงโคน
สร้างความเสียหายและตรึงขนนกไว้ 5 อัน ตอนกระโดดสามารถเคลื่อนที่
ได้และสามารถหลบท่าสกิลของแชมป์เปี้ยนได้ เช่น Zed, Fizz และ Jhin
ส่วนของ Rakan เป็น Support ที่มีลูกเล่นเยอะมากๆถ้าอยู่ใกล้เพื่อนในทีม
ท่า Q จะปาขนนกออกไป ถ้าโดนแชมป์เปี้ยนหรือ Epic monster ในป่า
ภายใน 3 วินาทีจะฮิลตัวเอง ถ้าวิ่งไปหาเพื่อนให้โดนวงจะฮิลทันที
ท่า W นั้น Rakan จะพุ่งไปยังพื้นที่เป้าหมายและกระโจนลากศัตรูขึ้นไปบน
อากาศ ทำให้เสียจังหวะ 1 วินาที ความเร็วในการพุ่งขึ้นอยู่กับความเร็วเดิน
ท่า E เป็นท่า Shield 2 ครั้ง Rakan จะพุ่งไปหาเพื่อนในทีมและชิลให้ สามารถกดใช้ได้ 2 ครั้งภายในเวลากำหนด จะพุ่งไกล 2 เท่าถ้าเป็น Xayah
ท่า R ไม้ตาย Rakan จะวิ่งเร็วขึ้นและ Charm ใส่ศัตรูทีวิ่งชนให้เดินตามเป็น
เวลา 2 วินาที บอกเลยว่า Gayyyyy โครตๆ เหมาะกับ Ezreal และ Taric
Items ก็เหมือนพวก ADC และ Support ทั้วไปเลย คอมโบก็ตามคลิป
-----------------------------------------------------------------------------------------
Game Casting มือใหม่แนะนำ ติชมได้นะครับ
ถ้าชอบก็อย่าลืมกด Like,Subscribe & Share
ขอบคุณครับ
ZadistiX
ครั้ง นั้น 在 Introducing "once upon a BLOOMING dream". กาลครั้งนั้น...ความ ... 的推薦與評價
Dec 8, 2015 - 29 Likes, 1 Comments - 100% Certified Natural Makeup (@onefinedaymakeup) on Instagram: “Introducing "once upon a BLOOMING dream". กาลครั้งนั้น ... ... <看更多>
ครั้ง นั้น 在 "ครั้งนั้น " Artist : อุ้ย... - เพลงก็เก่า คนแม่งก็แก่ - Facebook 的推薦與評價
"ครั้งนั้น " Artist : อุ้ย รวิวรรณ จินดา Album : รุ้งอ้วน /พ.ศ.2528 "จะยังขอจำจดไป ว่าเคยรักเคยผูกพัน ดังเพื่อนดังดวงใจ ดังสองเราเป็นหนึ่ง ถึงจะแสนนาน... ... <看更多>