วิธีแก้หนี้ที่ดีที่สุด
“ไม่มีใครทำให้เรารวยได้
ถ้าเราไม่อยาก
และไม่มีใครทำให้เราจนได้
ถ้าเราไม่ยอม”
สำหรับคนที่เป็นหนี้หนักจนเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง รายรับไม่พอรายจ่าย คำแนะนำทางการเงินที่ดีที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น ลดรายจ่าย และ เพิ่มรายได้
ทั้งนี้คนเราควรเลือกลดรายจ่ายก่อน เพราะเป็นเงินที่อยู่ในมือเรา สามารถจัดการได้ง่ายกว่าการหารายได้ ที่ต้องใช้ความคิด ความพยายาม รวมไปถึงอาจมีการลงทุนสร้างสินค้าและบริการ เพื่อดึงดูดเงินคนอื่นเข้ากระเป๋า
อย่างไรก็ดี เวลาพูดถึงการลดรายจ่าย หลายคนมักจะคิดถึงการลดรายจ่ายทั่วไป เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายข้าวของส่วนตัว ฯลฯ ซึ่งการลดรายจ่ายพวกนี้ก็พอจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับเราได้ แต่ก็ทำได้แค่ประคองชีวิตเท่านั้น ไม่ใช้การแก้ปัญหาให้หายขาด เพราะตราบใดที่เรายังค้างหนี้เขาอยู่ หนี้ที่เราค้างก็จะสร้างรายจ่ายคงที่ให้กับเราทุกเดือน ต่อให้เดือนนี้กินอยู่ประหยัดแค่ไหน เดือนหน้าก็ยังต้องกัดฟันกินอยู่อัตคัดต่อไปจนกว่าหนี้จะหมด
คิดง่าย ๆ หากใครสร้างหนี้เกินตัว ออกรถมาใช้ทั้งที่ไม่พร้อม ทำให้เงินรายรับไม่พอรายจ่าย แล้วเลือกกัดฟันกินอยู่ประหยัด กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่ซื้อเสื้อผ้า ลดเกรดข้าวของเครื่องใช้ ฯลฯ แต่ไม่จัดการที่ตัวหนี้ตรง ๆ แบบนี้ก็ต้องกัดฟันกันไปยาว ๆ อีก 60 เดือนเลย
ไม่ได้บอกว่าเป็นหนี้แล้วไม่ต้องประหยัดนะครับ แต่ต้องประหยัดให้ถูกทาง
ที่บอกว่าประหยัดให้ถูกทาง หมายถึง เราต้องมุ่งไปที่การลดค่าใช้จ่ายคงที่ที่เกิดจากหนี้ (ผล) โดยโฟกัสไปที่ตัวหนี้แต่ละก้อน (เหตุ) ไม่ใช่ปรับลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างเดียว ควรทำควบคู่กันไป จะให้ผลลัพธ์ที่ดี และเร็วกว่า
ตัวอย่างเช่น ถ้าผ่อนหนี้รถไม่ไหว การเข้าไปคุยกับบริษัทลีซซิ่งที่เรากู้ซื้อรถมาใช้ เพื่อขอยืดระยะเวลาผ่อน ลดค่างวดลง หรือขายทิ้งออกไปก่อน เป็นการปลดภาระรายเดือนได้เร็วกว่าการบีบชีวิตตัวเอง ด้วยการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น
นอกจากการลดรายจ่ายจากหนี้แล้ว สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป ก็คือ การหารายได้เพิ่ม เพื่อนำเงินไปโปะชำระหนี้
เพราะการลดค่าใช้จ่าย สุดท้ายเราจะลดได้ถึงระดับหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุของเงินรายได้ที่มีจำกัด ดังนั้นหากต้องการออกจากปัญหาหนี้ให้ไว จึงจำเป็นต้องมีเงินเข้ามาเพิ่มครับ
และถ้าจะให้ดี ควรเป็นรายได้เสริมหรือรายได้เพิ่ม ที่มาจากทุนชีวิตที่มีอยู่เดิม อาทิ ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ งานอดิเรก เครือข่ายคนรู้จัก และไอเดีย ฯลฯ เนื่องจากเป็นสิ่งที่เรามีอยู่กับตัว ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มมากเกินไป และที่สำคัญ หลายอย่างทำได้เลยทันที
เช่น หากปัจจุบันเราประกอบอาชีพวิศวกร ก็อาจรับจ้างออกแบบหรือรับจ้างคุมงาน หากรู้เรื่องบัญชี ก็อาจรับจ้างทำและตรวจสอบบัญชี หรือใครเคยเรียนเก่งเรียนดี ก็อาจรับจ้างสอนพิเศษให้เด็ก ๆ ใครทำอาหารเป็นลองขายอาหาร วาดการ์ตูนเป็น ก็ลองติดต่อสำนักพิมพ์รับจ้างวาดการ์ตูน หรืออาจวาดขายเป็นสติกเกอร์ในไลน์เลยก็ได้
คิดง่าย ๆ คือ หยิบทักษะ หรือสิ่งที่พอทำได้ ไปลองทำการตลาดดู
ยิ่งในยุคนี้มีช่องทางออนไลน์ ให้เราโฆษณาผลงานผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ง่าย ๆ สบาย ๆ สำคัญคือ เริ่มต้นเท่าที่ทำได้ และลงมือทำให้สม่ำเสมอ
หรือถ้ายังไม่แน่ใจว่า ตัวเราเองมีความสามารถอะไรบ้าง ลองใช้ตารางในภาพในการวิเคราะห์ต้นทุนทางปัญญาและโอกาสของตัวเองกันดู ก็ได้ประโยชน์ดีครับ
สิ่งสำคัญมีเพียงข้อเดียวเลยครับ .. คือ ต้องไม่ดูถูกตัวเอง ดูแคลนความสามารถที่มี ว่าทำมาหากินไม่ได้ บางเรื่องมันก็ต้องฝึกฝนเพิ่มเติมกันทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่ทำครั้งแรกแล้วดีเลย ตั้งใจทำ ทำให้ต่อเนื่อง ให้กำลังใจตัวเอง ท้อหรือเหนื่อยเมื่อไหร่ ถามตัวเองว่า “อยากหลุดพ้นปัญหาจริงหรือเปล่า?”
ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ก็ต้องสู้ ก็ต้องคิดให้ออก คิดให้ได้ครับ
นอกจาก ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ อีกหนึ่งวิธีที่ผมใช้ในการแก้ปัญหา ซึ่งนอกจากจะทำให้ปลดหนี้ได้แล้ว ยังช่วยทำให้เรามีอิสรภาพการเงินได้อีกด้วย ก็คือ การสร้างทรัพย์สิน ครับ
ทั้งนี้หลักการก็คือ ถ้าเราสร้างทรัพย์สินในวันที่เราเป็นหนี้ได้ ทรัพย์สินจะสร้างรายได้หรือกระแสเงินสด ที่เรียกกันว่า Passive Income ให้กับเรา
ในวันที่เราเป็นหนี้ รายได้จากทรัพย์สินจะช่วยผ่อนหนี้ให้กับเราทุกเดือน เป็นเหมือนเครื่องทุนแรง ทำให้เราไม่ต้องออกไปหางานทำทุกวัน และเมื่อผ่อนหนี้หมด ทรัพย์สินจะยังคงอยู่กับเรา และยังคงสร้างกระแสเงินสดจากทรัพย์สินได้ต่อ ช่วยจัดการรายจ่ายในแต่ละเดือน และวันหนึ่งที่รายได้จากทรัพย์สินมากกว่ารายจ่ายรวม ชีวิตของคุณก็จะมีอิสรภาพการเงินในทันที
แนวทางในการสร้างทรัพย์สินระหว่างที่เป็นหนี้ก็คือ มองหาไอเดียหรือโอกาสในการสร้างทรัพย์สิน (asset) โดยใช้เงินตัวเองให้น้อยที่สุด เพื่อให้ทรัพย์สินสร้างรายได้ หรือกระแสเงินสดให้เราทุกเดือน
แล้วอะไรบ้างล่ะที่เป็นทรัพย์สินที่สามารถสร้างขึ้นมาได้โดยไม่ต้องใช้เงินตัวเองมากนัก
1. ธุรกิจ อันนี้ช่องทางมากมายครับ ลองหาไอเดียที่คนต้องการ แก้ไขปัญหาให้คนได้ แต่ให้พยายามคิดเริ่มต้นแบบเล็ก ๆ ก่อน แล้วค่อยหาทางขยับขยาย
2. อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านเช่า หรือคอนโดให้เช่า เราสามารถใช้เครดิตการเงินของเรา หรือของคนในครอบครัวเราลงทุนได้ โดยใช้เงินตัวเองไม่มาก
3. งานที่มีลิขสิทธิ์ เช่น การเขียนหนังสือ แต่งเพลง ฯลฯ งานแบบนี้เหนื่อยในช่วงแรก แต่งานออกมาแล้วก็มีรายได้ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังมีคนสนใจงานเราอยู่ ยิ่งในปัจจุบันมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น จากค่าโฆษณาทั้งในเฟซบุ๊กและยูทูป ขอแค่มีไอเดีย ก็สร้างรายได้ที่ได้ต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือนได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกก่อนว่า การสร้างทรัพย์สินเป็นงานที่ต้องอาศัยความอดทนสูง ในช่วงแรกของการสร้างอาจยังไม่มีรายได้เข้ามา เหมือนการปลูกต้นมะม่วง ที่อาจต้องใช้เวลาพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ใส่ใจ กว่าจะได้กินผลอร่อยของมัน แต่เป็นงานที่สร้างแล้วสามารถเก็บกินระยะยาวได้ ซึ่งต่างกับการทำงานแลกเงิน ที่เปรียบได้กับการปลูกถั่วงอก ทำแล้วรอไม่นาน ก็เก็บกินเก็บขายได้เลย แต่ก็ต้องปลูกใหม่ทดแทนอยู่เรื่อย ๆ
แนวทางแก้หนี้ทั้งหมดที่ผมเล่าให้ฟังในบทนี้ ทั้งการ ลดและควบคุมรายจ่าย หางานพิเศษทำสร้างรายได้เพิ่ม และอดทนสร้างทรัพย์สินไปด้วยควบคู่กันไป” ผมเรียกแบบเก๋ ๆ ของผมเองว่า แนวทางปลดหนี้แบบ 300%
มันจะไหวเหรอ ทำทั้งสามอย่างพร้อมกัน จะเอาเวลาที่ไหน ทุกวันนี้แค่หนี้ที่มียังหาใช้เขาไม่พอเลย วิธีที่โค้ชพูดมา ไม่ใช่ว่าทุกคนหรอกนะที่จะทำได้ ... หลายท่านอาจคิดแบบนี้
จริงครับ ... คนธรรมดา ๆ ทำไม่ได้หรอก มันต้องคนพิเศษ คนที่รักชีวิตของตัวเอง ไม่ยอมให้ชีวิตจมปลักอยู่กับความทุกข์นาน ๆ และพยายามยืนหยัดสู้ทุกหนทางเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นเท่านั้น ถึงจะทำได้
แต่ข่าวดีที่อยากจะบอกคนเป็นหนี้ทุกคน ก็คือ คนพิเศษที่ว่านี้ ในอดีตก็เป็นคนธรรมดาเหมือนคุณนั่นแหละ!!! ถ้ามีคนบนโลกสักคนหนึ่งทำได้ แล้วมันมีเหตุผลอะไรหนักหนาที่เราจะทำแบบเขาไม่ได้เล่า
ที่มา: หนังสือ "เปลี่ยนหนี้เป็นอิสรภาพการเงิน" เขียนโดย โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過31萬的網紅THE MONEY COACH,也在其Youtube影片中提到,[โค้ชหนุ่ม แนะนำหนังสือ "สร้างรายได้เสริม"] เรากำลังเดินทางเข้าสู่ยุค "งานเสริม คือ ทางรอด ไม่ใช่ ทางเลือก" แบบเต็มตัว สิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับ "งานเ...
「จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หนังสือ」的推薦目錄:
- 關於จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หนังสือ 在 Money Coach Facebook 的最佳解答
- 關於จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หนังสือ 在 Money Coach Facebook 的最佳貼文
- 關於จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หนังสือ 在 Money Coach Facebook 的精選貼文
- 關於จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หนังสือ 在 THE MONEY COACH Youtube 的最佳貼文
- 關於จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หนังสือ 在 Live Rich Books สำนักพิมพ์ ลีฟริช - หนังสือที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ... 的評價
- 關於จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หนังสือ 在 aomMONEY Millionaire Mindset EP.2 : โค้ชหนุ่ม - จักรพงษ์ เมษ ... 的評價
จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หนังสือ 在 Money Coach Facebook 的最佳貼文
รวยได้ … ไม่ต้องใช้เงิน
“‘เงิน’ มองไม่เห็นด้วยตา
แต่เห็นได้ด้วยความคิด
จะสร้างเงิน อย่าเริ่มต้นที่เงิน
ต้องเริ่มต้นที่ ‘ความคิด’”
แม้ว่าการเป็นหนี้จะทำให้เราไม่มีเงิน แต่การไม่มีเงิน ไม่ใช่ข้อจำกัดของการลงทุน
นี่คือความจริงที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ …
10 กว่าปีก่อน ผมเริ่มต้นลงทุนสร้างธุรกิจแรกด้วยเงินลงทุนเพียง 2,500 บาท หุ้นกันกับเพื่อนอีกสองคน ทำธุรกิจฝึกอบรม และธุรกิจที่ปรึกษาโรงงานอุตสาหกรรม
เงินทุน 7,500 บาทของพวกเราที่ลงขันกัน นำไปลงทุนซื้อเครื่องแฟกซ์หนึ่งเครื่อง ราคา 3,600 บาท ซื้อชื่อโดเมนและเช่าโฮสต์สำหรับทำเว็บไซต์ 800 บาท
หนึ่งในหุ้นส่วนของผมเขียนเว็บไซต์ได้ เราจึงทำเว็บไซต์โดยมีรายละเอียดเพียงสองหน้า หน้าข้อมูลสัมมนาหนึ่งหน้า หน้ารับสมัครอีกหนึ่งหน้า เราติดต่อวิทยากรเก่ง ๆ มาบรรยายให้ (ยังไม่ต้องจ่ายเงิน เพราะจ่ายวันสอนเสร็จ) เราติดต่อจองสถานที่สัมมนา (ยังไม่ต้องจ่ายเงิน ยกเลิกได้ล่วงหน้า 2 สัปดาห์) เราติดต่อลงโฆษณากับหนังสือพิมพ์ธุรกิจ (ยังไม่ต้องจ่ายเงิน จ่ายหลังโฆษณาแล้ว)
ธุรกิจของเรารับเงินสด ได้เงินทันที่มีคนสมัครเรียนเข้ามา ธุรกิจที่ปรึกษา ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะในช่วงเริ่มต้นเราใช้ตัวเองทำงาน ไม่มีค่าใช้จ่ายออฟฟิศ เพราะเรานั่งประชุมกันที่ฟู้ดคอร์ทของห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน
ทั้งสองธุรกิจจ่ายเงินให้กับคู่ค้าหลังจบการให้บริการ จากวันนั้นถึงวันนี้ 10 กว่าปีของการทำธุรกิจ ผมยังมีส่วนแบ่งรายได้หลักล้านสำหรับกินใช้ได้ทุกปี
นี่คือ การลงทุนโดยไม่ต้องใช้เงิน หรือใช้เงินให้น้อยที่สุด
และที่สำคัญ เป็นการสร้างธุรกิจในช่วงที่เป็นหนี้
ลูกศิษย์ผมคนหนึ่ง ทำธุรกิจสั่งซื้อของจากต่างประเทศมาขาย เขาถ่ายภาพสินค้ามาลงโฆษณาบนเฟสบุ๊ค จากนั้นก็เปิดให้ลูกค้า Pre-order โดยโอนเงินมาก่อนครึ่งหนึ่ง เมื่อได้คำสั่งซื้อจำนวนหนึ่ง ก็สั่งซื้อของจากต่างประเทศ โดยใช้บัตรเครดิต เมื่อเรียกเก็บเงินลูกค้าได้ ก็นำเงินไปชำระบัตรเครดิตเต็มจำนวน ไม่มีหนี้คงค้าง
เป็นอีกธุรกิจที่แทบไม่ต้องลงทุนอะไรไปก่อนเลย แต่สามารถสร้างกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
ในปัจจุบันธุรกิจประเภทนี้ใช้ระบบให้ลูกค้าโอนเงินเต็มจำนวนเลยด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่า เจ้าของธุรกิจรับหน้าที่เป็นผู้จัดหาสินค้า โดยแทบไม่มีความเสี่ยงใด ๆ เลย แรก ๆ อาจจะยังมีลูกค้าบางกลุ่มไม่มั่นใจ แต่ทำไปนานเข้าสะสมชื่อเสียงและความเชื่อถือไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งสร้างโอกาสทำรายได้ที่มากขึ้นได้
ลูกศิษย์อีกคนหนึ่งไม่ค่อยมีเงิน เก็บเงินได้ก้อนหนึ่งไม่กี่พัน ก็นำไปสมัครเรียนคอร์สการเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
หลังเลิกงาน เขาแบ่งเวลาไปหาทรัพย์สินดี ๆ มาเก็บไว้ในพอร์ต แล้วช่วยลูกค้าโฆษณา ทุกครั้งที่ขายบ้านได้ เขาได้ส่วนแบ่ง 3 เปอร์เซ็นต์ หลังทำได้ 3 ปี เครดิตการเงินเริ่มดี กลับมากู้ได้ เลยหาทรัพย์ดี ๆ กู้ลงทุนเองเลย เพราะอยู่ในตลาดมานาน เก่งและเก๋าพอจะลงทุนด้วยเครดิตตัวเองได้
นี่ก็เป็นการเริ่มต้นสร้างธุรกิจโดยไม่ต้องใช้เงิน
ในโลกของการลงทุนการไม่มีเงินไม่เคยเป็นข้อจำกัด จริงอยู่ที่การลงทุนจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ก็ไม่มีกติกาใดในโลกที่บอกว่า เราต้องใช้เงินของเราเอง เราสามารถใช้เงินคนอื่น (OPM-Other People’s Money) หรือทรัพยากรคนอื่น (Other People’s Resources) ได้ อาทิ ความรู้ เวลา คำปรึกษา เครื่องจักรอุปกรณ์ ไปยันถึงเงินลงทุน ฯลฯ
คนที่เป็นหนี้ หากรู้จักบริหารความคิดของตัวเอง ไม่เอาใจไปจดจ่อกับทุกข์มากจนเกินพอดี ก็มีโอกาสที่จะมองเห็นช่องทางการลงทุนได้
หลักคิดง่ายๆ ก็ในเมื่อไม่มีเงินแล้ว ก็จงลืมเรื่องเงินไป มองหาช่องทางการลงทุนให้เจอเสียก่อน แล้วถ้าต้องใช้เงินในการเริ่มต้นโอกาสนั้นก็ค่อยมาคิดกันอีกทีว่าเราจะหาเงินมาจากไหน
ปิดท้ายกันอีกสักตัวอย่าง ...
ผมมีบ้านเช่าอยู่หลังหนึ่ง เป็นบ้านเช่า 2 ชั้น ย่านซอยลาซาน เขตบางนา เจ้าของเดิมกั้นห้องเพิ่มเพื่อปล่อยเช่า ขนาด 5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ เก็บค่าเช่าได้เดือนละ 12,000 บาท
ตอนนั้นเจ้าของประกาศขาย 1,600,000 บาท เพราะต้องการนำเงินไปลงทุนอะพาร์ตเมนต์ ถ้าผมกู้ 100 เปอร์เซ็นต์ก็จะผ่อนธนาคารตกเดือนละ10,000 บาท มีส่วนต่างเล็กๆ 2,000 บาท (ค่าเช่าหักเงินผ่อน)
ผมเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ได้ตอนที่ข้อมูลเครดิตของผม ยังมีรายการผิดนัดชำระหนี้เต็มไปหมด (ที่พวกเราชอบเรียกกันว่า “แบล็คลิสต์” นั่นแหละ) แถมยังตกงานอีกต่างหาก
คำถามคือ ผมซื้อบ้านหลังนี้ได้อย่างไร
จะใช้เงินคนอื่น (Other People’s Money - OPM) โดยการกู้เงินธนาคารมาซื้อก็ไม่ได้ เพราะสลิปเงินเดือนไม่มี แถมคดีอีกเพียบ
คิด คิด คิด ...
อย่างที่บอกครับ ออกไปหาโอกาสให้เจอก่อน เมื่อเจอโอกาสแล้ว สมองคุณจะคิดออกเองว่าต้องทำอย่างไร อย่าใช้เงินเป็นข้อจำกัด แต่จงใช้โอกาสเป็นแรงผลักในการหาคำตอบ
สุดท้ายเคสนี้ ผมให้แฟนกู้ครับ ตอนนั้นแฟนทำงานประจำ มีสลิปเงินเดือน เครดิตก็ดี ไม่มีปัญหา
ใช้สลิปตัวเองไม่ได้ ก็ใช้สลิปคนอื่นแทน (Other People’s Slip)
แก้ปัญหาง่ายๆ ได้บ้านมาหนึ่งหลัง มีคนผ่อนให้ แถมได้ค่าขนมอีกเดือนละ 2,000 บาท ครบ 3 ปี รีไฟแนนซ์เอาเงินส่วนต่างไปลงทุนต่อ
อย่าให้การเป็นหนี้และการไม่มีเงิน เป็นข้อจำกัดสู่การมีอิสรภาพทางการเงินนะครับ
อย่างที่บอกให้ฟังแล้วหลายครั้ง ความฉลาดทางการเงินคือคำตอบเสมอครับ
ที่มา: หนังสือ “เปลี่ยนหนี้เป็นอิสรภาพการเงิน” เขียนโดย โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์
หมายเหตุ: ยังมีช่องทางในการใช้เงินลงทุนอื่น ๆ อีกมากมาย โดยไม่ต้องพึ่งพาสลิปเงินเดือน หรือข้อมูลเครดิตการเงิน เช่น เงินกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ การดึงเงินมัดจำจากลูกค้า การกู้ยืมสินเชื่อหรือระดมทุนจากคนใกล้ชิด (ต้องมีแผนชำระคืนที่ดีด้วย) ฯลฯ
จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หนังสือ 在 Money Coach Facebook 的精選貼文
บ่อน้ำแห่งความหวัง
“จะเจ็บจะจนแค่ไหน อย่าให้เงินกับทุกคนบนโลก จนลืมให้ตัวเอง”
ช่วงเวลาที่กัดฟันต่อสู้กับปัญหาหนี้ ผมพบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้ตัวผมยืนหยัดต่อสู้กับหนี้ได้ ไม่ใช่เงิน แต่มันคือ “ความหวัง” และ “กำลังใจ”
ชีวิตในช่วงนั้น ผมทำงานประจำวันจันทร์-ศุกร์ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น หลังเลิกงานก็ไปขายของบ้าง สอนพิเศษบ้าง ขายประกันบ้าง กว่าจะได้กลับมานอนก็เที่ยงคืน วันเสาร์อาทิตย์ ผมรับงานเป็นที่ปรึกษาโรงงาน ช่วงที่ไม่มีงานก็ขายของ หรือไม่ก็เป็นนายหน้าขายบ้าน
เป้าหมายเพียงอย่างเดียว คือ หาเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อเอามาชำระหนี้เดือนนึงร่วมสองแสนบาท ทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ ด้วยหวังว่าจะให้มันหมดเร็วที่สุด จะได้พ้นทุกข์และเริ่มต้นชีวิตของตัวเองเสียที
แต่ที่แย่ก็คือ แม้ผมจะพยายามแค่ไหน รายได้ก็ได้แค่ 6-7 หมื่นบาท มีบางเดือนที่แตะหลักแสนได้บ้าง แต่ก็ไม่พอใช้หนี้ ได้เงินมาเท่าไหร่ก็ใช้หนี้ไปเกือบหมด เหลือไว้กินนิดหน่อย ที่จ่ายไม่ได้ก็ผัดผ่อนเขาไปเรื่อย
เวลาผ่านไปเจ็ดปี หนี้ก็ลดลงไปพอสมควร แต่ที่แย่ก็คือ เหมือนพลังชีวิตของตัวเองหมด และอ่อนแรงลงไปด้วย
ก็จะไม่ให้หมดได้ยังไง ทำงานอาทิตย์ละ 7 วัน หาเงินได้เท่าไหร่ก็เอาไปใช้หนี้หมด มันแย่มากนะครับ ที่พอนึกขึ้นได้ว่า ขยันไปเท่าไหร่สุดท้าย ก็จะมีคนมารอเอาเงินเราไปแทบทุกบาททุกสตางค์ ถ้าเทียบกับคนในวัยเดียวกัน ในช่วงชีวิตเดียวกัน ผมหาเงินได้มากกว่าเพื่อน ๆ แต่สุดท้ายจบสิ้นเดือน ผมไม่เหลืออะไรเลย เงินเก็บหลักพันยังไม่มีกับเขาเลย
มันเหมือนพยายามตักน้ำด้วยถังที่รั่ว ยิ่งวิด ยิ่งตัก ก็ยิ่งเหนื่อย
สุดท้ายได้ค้นพบหลักคิดที่ใช้เป็นคำสอนตัวเองในช่วงเวลานั้นว่า “จะเจ็บจะจนแค่ไหน อย่าให้เงินกับทุกคนบนโลก จนลืมให้ตัวเอง” เพราะคนเรามีชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวัง แม้วันจะเป็นเพียงความหวังเล็ก ๆ ก็ตาม
คิดดูสิ หาเงินมาได้ร่วมแสน ให้รัฐบาล (ภาษี) ให้ธนาคาร (เงินผ่อน) ให้เจ้าหนี้นอกระบบ (ดอกเบี้ย) ให้ร้านข้าว (ค่าข้าว) ให้ห้างสรรพสินค้า (ข้าวของเครื่องใช้) ฯลฯ ทุกคนได้เงินจากน้ำพักน้ำแรงเราหมด คนเดียวที่ไม่ได้ คือ คนออกแรง
เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมจึงเริ่มหักเงินที่หามาได้ สะสมทุกเดือน ๆ ละ 3,000 บาท (เงินไม่พอจ่ายเจ้าหนี้ ค่อยคิดหาวิธีเอา) ฝากใส่บัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน (สมัยนั้นยังไม่รู้จักกองทุนรวม) คิดแบบตื้น ๆ ว่า เดือนที่หนึ่งเอาเงินฝากเข้าไป เดือนที่สองและสามก็ฝากเข้าไป พอเดือนที่สี่ เงินที่ฝากเดือนแรกก็จะได้ดอกเบี้ย วนไปอย่างนี้เรื่อย ๆ แล้วก็ขยับอัพเดทสมุดบัญชีบ่อย ๆ เพราะอยากเห็นสมุดบัญชีเต็มไวไว (มีความโรคจิตนิด ๆ)
จน เจ็บ แต่อยากเห็นเงินในบัญชีโตขึ้นทุกเดือน บอกตัวเองว่า “ไม่ว่ายังไงจะไม่ถอนเงินจากบัญชีนี้ออกมาใช้จ่ายเด็ดขาด” ใครไม่เคยไม่รู้ ใครไม่เคยย่อมไม่เข้าใจ เวลาคนเราเห็นสมุดบัญชีตัวเองมีแต่เงินฝากเข้าบัญชี ไม่มีถอนออกมาเลย แถมยังมีดอกเบี้ยเข้าบัญชีทุก ๆ 3 เดือน มันสร้างความสุขและพลังให้กับชีวิตเรามากแค่ไหน (ใครเหนื่อยกับหนี้อยู่ ผมชวนให้คุณลองดูครับ)
แม้ดอกเบี้ยที่ได้รับจะไม่มากไม่มายอะไร แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรามีสิ่งที่เรียกว่า “ทรัพย์สิน” เหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง หมดแรงหมดพลัง ก็หยิบสมุดบัญชีขึ้นมาดู เพื่อเตือนตัวเองว่า เรายังมี เรายังเหลือ เรายังไม่สิ้นเนื้อประดาตัว
ที่สำคัญ … คนเรานั้นพอสร้างความสำเร็จเล็ก ๆ ให้ชีวิตได้ ก็จะเริ่มเชื่อว่า ตัวเองสามารถสร้างความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้นได้
พอเริ่มเก็บเงินหลักพันได้ ก็จะเชื่อว่า เงินหมื่นเป็นไปได้
พอเก็บเงินหลักหมื่นได้ ก็จะเชื่อว่า เงินแสนเป็นไปได้
และพอเก็บเงินหลักแสนได้ ก็จะเริ่มเชื่อว่า เงินล้านเป็นไปได้
ความเชื่อของคนเราสร้างกันแบบนี้ ไม่ใช่เสกหรือขอกันได้ แต่มันเชื่อเพราะเราค่อย ๆ สร้างความสำเร็จ ความภูมิใจให้กับตัวเองทีละน้อย
สุดท้ายจากเงินเก็บเงินเริ่มต้น 3,000 บาทในการเปิดบัญชีเงินฝากประจำครั้งแรก ทำแบบอัตโนมัติ ทำแบบไม่ต้องคิดอะไร สุดท้ายบัญชีเงินฝากดังกล่าว ก็กลายมาเป็นเงินดาวน์บ้านหลังที่ผมอยู่อาศัยจนถึงปัจจุบันนี้
ฟังเรื่องของผมมาเยอะแล้ว มาฟังเรื่องของลูกศิษย์ผมกันบ้าง
ลูกศิษย์ผมคนหนึ่งเป็นชาวขอนแก่น เขาประสบปัญหาหนี้หนัก และได้มาศึกษาเรื่องการเงินกับผม ตัวเขาเองประกอบอาชีพค้าขาย แต่ละวันได้รายได้มา ก็จะทำตัวเลขรายรับรายจ่าย และจัดสรรกำไรส่วนหนึ่งลงทุนให้ตัวเอง
ตัวอย่างเช่น ถ้าวันนี้ขายของมีกำไร 749 พรุ่งนี้เช้าเขาจะแบ่ง 49 บาท ไปซื้อกองทุนรวมหุ้น SET50 วันถัดมามีกำไร 812 บาท ก็จะแบ่งลงทุน 12 บาท ทุกวันเขาจะแบ่งเงินกำไรหลักสิบไปลงทุนทุกวันไม่เคยขาด
เงินหลักสิบลงทุนผ่านกองทุน SET50 เหมือนซื้อหุ้น 50 ตัวด้วยเงินเพียงเล็กน้อย เก๋ดีเหมือนกันนะครับ
ผมถามเขาว่าลงทุนด้วยเศษเงินแบบนี้ อาจต้องใช้เวลานานหน่อยนะ กว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นกอบเป็นกำ สิ่งที่เขาตอบกลับมาน่าสนใจมาก เขาบอกกับผมว่า เขาไม่ได้หวังรวยจากเงินหลักสิบที่แบ่งไปลงทุนทุกวัน แต่เขาต้องการให้กำลังตัวเอง เพราะแต่ละวันที่ต่อสู้กับหนี้นั้นเหนื่อยมาก หันหลังกลับไปมองที่ไร แอบหมดแรงแอบท้อ แต่พอจบวัน เขาได้ลงทุนบ้าง ได้มองไปข้างหน้าบ้าง ก็รู้สึกดี รู้สึกว่าจบหนึ่งวัน เราได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง
คนเราขาดอะไรก็ขาดได้ แต่อย่าขาด “ความหวัง” และ “กำลังใจ”
ไม่ต้องรอให้หนี้หมด ก็เริ่มออมเริ่มลงทุนได้ทันที เริ่มเท่าไหร่ก็ได้ ขออย่างเดียวคือ ความสม่ำเสมอ
ข้อดีที่ได้จากการแบ่งเงินมาออมหรือลงทุน ในช่วงที่ยังเป็นหนี้ นอกเหนือไปจากความหวังเล็ก ๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้า ก็คือ การสะสมนิสัยการออม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของคนรวย (วันนี้ยังไม่รวย ก็ซ้อมรวยไปก่อน)
หลายคนอาจคิดต่างว่า ถ้าพอจะเก็บออมได้บ้าง ทำไมไม่เอาไปใช้หนี้ การออมอย่างมากก็ให้ดอกเบี้ยแค่ 1-2% หรืออย่างกองทุน SET50 ผลตอบแทนเฉลี่ยในระยะยาวก็แค่ 7-8% สู้เอาเงินไปชำระหนี้ก่อนดีกว่ามั้ย เพราะดอกเบี้ยจากหนี้สูงถึง 18-28% เลย
อย่างที่บอกไปครับ ใครไม่เคยมีชีวิตจมกองหนี้หนัก ๆ ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกมันเป็นอย่างไร เราตัดเงินเล็กน้อยมาออมมาลงทุน เพื่อความหวัง เพื่อกำลังใจ และที่สำคัญ เพื่อเรียกความมั่นใจและความภาคภูมิใจในชีวิตกลับคืนมา ไม่ใช่เพื่ออัตราผลตอบแทน
ก็แล้วทำไมคนที่ผิดพลาดต้องมองแต่อดีตเล่า เราแก้ปัญหาในอดีตไปพร้อมกันกับการสร้างอนาคตควบคู่กันไปไม่ได้เหรอ คนเราเวลาขับรถ ใครเขามองกันแต่กระจกมองหลังกันเล่า เขามองไปข้างหน้า มองผ่านกระจกมองหน้า กระจกมองหลังเขาใช้มองเป็นครั้งคราว รถมันถึงเคลื่อนไปได้ไม่ใช่เหรอ
ดังนั้น โฟกัสให้ถูก โฟกัสให้ดี ว่าชีวิตเราควรมองทางไหน ยังไง
วันนี้ใครเจ็บใครจนอยู่ อย่าลืมสร้างอนาคตไปพร้อมกันกับการแก้ไขอดีต เริ่มต้นสร้าง บ่อน้ำแห่งความหวัง ตั้งแต่วันนี้ จำไว้ว่า ชีวิตคนเราอยู่ได้ด้วยความหวัง เป็นหนี้มากแค่ไหน ก็เริ่มต้นสร้างความมั่งคั่งในอนาคตไปพร้อม ๆ กัน กับการปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้นในอดีตได้ครับ
ที่มา: หนังสือ “เปลี่ยนหนี้เป็นอิสรภาพการเงิน” เขียนโดย โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์
ปล. 1: ภาพ “บ่อน้ำแห่งความหวัง” เขียนโดย ศิลปิน-นักวาดภาพ ออร์แกนิค เจ้าของผลงานวาดภาพประกอบวรรณกรรม “ความสุขของกะทิ” เธอมอบภาพนี้ไว้ให้ผม เมื่อพฤศจิกายน ปี 2562 ปัจจุบันเธอจากโลกนี้ไปแล้ว ผมสัญญาว่าจะเก็บภาพนี้ไว้ตลอดไปครับ
ปล. 2: กองทุนรวม SET50 คือ กองทุนที่รวมเงินผู้ลงทุนไปลงทุนในหุ้นใหญ่และมีสภาพคล่องสูง 50 อันดับแรกของตลาดหลักทรัพย์ โดยปัจจุบันมีบางบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่ให้ลงทุนในกองทุน SET50 ได้ แบบไม่มีขึ้นต่ำ
ปล. 3: การลงทุนในกองทุน SET50 เป็นการลงทุนที่มีความผันผวนสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจ เรื่องความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หนังสือ 在 THE MONEY COACH Youtube 的最佳貼文
[โค้ชหนุ่ม แนะนำหนังสือ "สร้างรายได้เสริม"]
เรากำลังเดินทางเข้าสู่ยุค "งานเสริม คือ ทางรอด ไม่ใช่ ทางเลือก" แบบเต็มตัว
สิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับ "งานเสริม" ก็คือ ให้ทั้งรายได้ และความสนุกสนาน เพลิดเพลิน (นี่คือ สิ่งที่งานเสริม ต่างจากงานอดิเรก)
หนังสือ 100 ไอเดียปั้นงานเสริม เพื่อเติมเงิน โดย Chris Guillebeau
รวมรวมหลักคิดหลักการในพัฒนาทักษะ งานอดิเรก และไอเดีย ของคุณ ให้กลายเป็นงานสร้างรายได้
พร้อมแนะนำตัวอย่างหลากหลายอีก 100 ตัวอย่าง ทั้งเรียบง่าย และไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นงานเสริมได้
แนะนำให้อ่านกันครับ รับประกันว่าได้ไอเดียดีๆ แน่นอน!!
สั่งซื้อหนังสือ 100 ไอเดียปั้นงานเสริม เพื่อเติมเงิน
http://bit.ly/39jQnV2
หรืออยากอ่านภาคแรก "งานเสริม เติมชีวิต" ควบคู่ไปด้วย เพื่อพัฒนาไอเดีย
http://bit.ly/2H7T6oh
***หรือสนใจแบบแพ็คคู่ ก็สั่งซื้อได้ครับ
http://bit.ly/3785oI1
หรือจะซื้อที่ร้านหนังสือซีเอ็ด ก็มีทุกสาขาครับ
#100ไอเดียปั้นงานเสริม #งานเสริมเติมชีวิต #การสร้างรายได้เสริม #อยากมีอาชีพเสริม
จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หนังสือ 在 aomMONEY Millionaire Mindset EP.2 : โค้ชหนุ่ม - จักรพงษ์ เมษ ... 的推薦與評價
วันนี้ คุณหนุ่ม - จักรพงษ์ เมษพันธุ์ เจ้าของเพจ Money Coach จะมาบอกเล่าเรื่องราวและประสบการณ์การลงทุนของตัวเองอย่างเจาะลึก ... ... <看更多>
จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หนังสือ 在 Live Rich Books สำนักพิมพ์ ลีฟริช - หนังสือที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ... 的推薦與評價
บางครั้งคนเราก็มีหนังสือดี ๆ ที่อ่านแล้วเปลี่ยนชีวิต ไม่เว้นแม้แต่โค้ชการเงินอย่าง "โค้ชหนุ่ม" จักรพงษ์ เมษพันธุ์ ซึ่งมีหนังสืออยู่ 4 เล่ม ... ... <看更多>