[บทวิเคราะห์] เมื่อ Alibaba กำลังถูกอเมริกาพิจารณาแบน ธุรกิจที่โดน อาจเป็น 'Cloud' และ 'ชิป' ท่ามกลางการผลักดันอย่างหนักของจีนต่อการพัฒนาชิป
.
หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำอเมริกา ประกาศเดินหน้าแบน TikTok ไม่อนุญาตให้ดำเนินธุรกรรมและกิจการสร้างรายได้ในอเมริกา อย่างการลงโฆษณาบน TikTok เป็นการกดดันให้ TikTok ขายกิจการในอเมริกาให้แก่บริษัทอเมริกัน
.
และจาก TikTok ก็ส่งผลไปถึง WeChat เพราะ มีแนวโน้มจะแบนด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งแอปฯชื่อดังของจีนที่เริ่มเข้าไปตีตลาดในดินแดนอเมริกามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เท่านี้ยังไม่พอ เมื่อล่าสุดมีข่าวออกมาจากทั้งสื่ออเมริกา สื่อตะวันตก และสื่อจีนเอง พร้อมใจกันนำเสนอข่าวว่า ‘ประธานาธิบดีอเมริกา กำลังพิจารณาแบน Alibaba’ แต่ผลกระทบอาจไม่หนักเท่าไหร่นัก
.
เรื่องราวของการแบน Alibaba เริ่มจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ตอบคำถามสื่อที่ถามว่า ‘กำลังพิจารณาที่จะเพิ่มความกดดันต่อบริษัทจีนบริษัทอื่นๆอีกไหม เช่น Alibaba เป็นต้น’ ทรัมป์ก็ตอบทันทีว่า ‘ใช่’
.
โดยนักวิเคราะห์ อาทิ Liu Gang ผู้อำนวยการสถาบันเศรษฐศาสตร์หนานไค และหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งสถาบันกลยุทธ์การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ของจีน วิเคราะห์ว่า ‘ทรัมป์น่าจะโฟกัสไปที่ธุรกิจ Cloud computing และการผลิตชิปของ Alibaba’
.
แม้ภาพของ Alibaba จะถูกจดจำในภาพของการค้าออนไลน์ แต่ตอนนี้สิ่งที่พวกเขากำลังรุกหนักในตลาดระดับโลก คือบริการทางด้าน Cloud computing โดยพยายามตาม Amazon และ Microsoft สองเจ้าตลาด ณ ขณะนี้ ให้ทัน อย่างไรก็ตาม Alibaba สร้างรายได้จาก Cloud ในอเมริกา เพียง 8% เท่านั้น และการค้าออนไลน์ในอเมริกาเอง ก็ไม่เกิน 10% ดังนั้น หากจะแบน นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญจึงเห็นว่า ไม่ได้กระทบมากมายนัก
.
ส่วนการพัฒนาชิป ถ้าทรัมป์แบนจริงๆ มันเหมือนการตัดไฟแต่ต้นลมเสียมากกว่า เพราะถ้าติดตามสงครามเย็นรอบใหม่ของทั้งสองประเทศมาโดยตลอด เราคงเห็นชัดเจนว่า ‘ชิป’ เป็นหมากตัวสำคัญบนกระดาน เทคโนโลยีการพัฒนาชิปของอเมริกายังนำหน้าจีนอยู่ และ ชิป ถือเป็นฟันเฟืองหลักในการพัฒนา 5G ด้วย
.
เมื่อสองปีก่อน อเมริกาแบน Huawei ก็ยกเรื่องชิปมาเป็นการกดดัน แต่รัฐบาลจีนเองก็แก้เกมทันควันด้วยการประกาศสนับสนุนการพัฒนาชิปของผู้ผลิตภายในประเทศจีนอย่างเต็มที่ อย่างนโยบายยกเว้นภาษีแก่บริษัทผลิตชิปสูงสุด 10ปี โดยเน้นไปที่กระตุ้นให้ผู้ผลิตสามารถพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างน้อยก็ผลิตชิปเทคโนโลยี 28 นาโนเมตร ที่ตอนนี้มีเพียง 2 บริษัทในจีนสามารถทำได้
.
ทางจีนรู้ดีว่า ถ้ายังตามหลังอเมริกาในการพัฒนาชิป เป้าหมาย Made in China 2025 ส่งออกนวัตกรรมจีนไปต่างประเทศ โดยเฉพาะ 5G ก็คงไม่สมบูรณ์ และทรัมป์เองก็รู้ดีเช่นกัน หากปล่อยให้บริษัทจีนเดินหน้าพัฒนาชิปอย่างจริงจังและก้าวมาในอเมริกา ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เลยเป็นไปได้ถ้าทรัมป์จะแบน Alibaba ในธุรกิจการผลิตชิป ทั้งด้านการค้า และร่วมมือกับบริษัทอเมริกันรวมถึงพันธมิตร
.
สิ่งที่เล่าไปข้างต้น เป็นเพียงการวิเคราะห์ ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทางอเมริกาว่า จะแบนอะไรบ้างของ Alibaba รวมถึงแบนบริษัทหรือผลิตภัณฑ์อะไรของทางฝั่งจีนอีกบ้าง
.
อ้างอิงจาก:
https://www.globaltimes.cn/content/1197913.shtml
https://www.nytimes.com/reuters/2020/08/15/business/15reuters-usa-trump-alibaba.html
https://www.scmp.com/news/world/united-states-canada/article/3097535/donald-trump-may-target-more-chinese-companies
https://www.scmp.com/tech/policy/article/3096131/china-unveils-major-tax-incentive-policy-encourage-innovation-domestic
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #จีนอเมริกา #Alibaba
จีนอเมริกา 在 อ้ายจง Facebook 的最佳解答
สื่อจีนเผย ‘ชาวจีนพร้อมเลิกใช้ iPhone‘ หากอเมริกาแบน WeChat ด้านบริษัทวิจัยชี้ ‘คนจีนใช้ iPhone ลดลงมาสักพักใหญ่ๆ จน Huawei แซงเป็นเบอร์1’
.
การประกาศเตรียมแบนแอปจีน อย่าง TikTok และ WeChat ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีอเมริกา เป็นข่าวดังที่ได้รับการจับตามองระดับโลกช่วงนี้ โดยมีแนวโน้มเป็นไปได้ที่ WeChat ถูกเอาออกจาก Apple Store เพราะการแบน ทำให้ตอนนี้หลายสื่อในจีนรวมถึงการพูดถึงบนโซเชียลจีน เริ่มมีการวิเคราะห์ผลเสียต่อ Apple ว่าอาจจะสูญเสียฐานผู้ใช้งานชาวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มค่อนข้างใหญ่ คิดเป็นอัตราส่วน 20% ยอดขายทั่วโลกของ Apple ตามสกู๊ปที่เขียนออกมาโดย GlobalTimes สื่อกระบอกเสียงของทางการจีน
.
โดยในสกู๊ปดังกล่าวของ GlobalTimes ยังระบุอีกว่า มีชาวเน็ตจีนบางคน เช่น ผู้ใช้นามแฝง RoseMingyuejie วางแผนทิ้ง iPhone ไปใช้สมาร์ทโฟนระบบ Android เพื่อใช้งานแอป WeChat และยังเตรียมเรียกร้องค่าเสียหาย เพื่อชดเชยการใช้งาน WeChat บน iOS ไม่ได้ จากทาง Apple อีกด้วย
.
และบางผลสำรวจบนโลกออนไลน์ยังพบ ‘90% ของผู้ตอบโพล เลือกที่ไม่ใช้ iPhone อีกต่อไป หากไม่สามารถใช้ WeChat app บนนั้นได้’ และจะไปใช้ WeChat บน Huawei แบรนด์มือถือจีนแทน
.
WeChat ถือเป็นแอปทรงอิทธิพลในประเทศจีนเป็นอย่างมาก นักวิเคราะห์หลายคนเห็นพ้องตรงกันว่า หากมือถือของชาวจีนไม่สามารถใช้งานแอปนี้ได้ ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไหร่ เพราะคนจีนแทบทุกคนล้วนใช้ WeChat มากกว่าแค่คุยแชท แต่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ใช้จ่ายออนไลน์ อ่านข่าว หาข้อมูล
.
เมื่อมาดูข้อมูลจาก QuestMobile บริษัทวิจัยการตลาดออนไลน์บนแพลตฟอร์มมือถือ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก็ได้เห็นข้อมูลที่สอดคล้องกันว่า ชาวจีนใช้ iPhone ลดน้อยลง จากเดิมที่เคยครองใจเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในแดนมังกรมาโดยตลอด ปรากฏว่า โดน Huawei แซง โดยสัดส่วนตลาดตกลงเหลือ 21% ขณะที่ Huawei อยู่ที่ 26%
.
ไม่ใช่แค่สัดส่วนครองตลาด แต่ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ หรือการตัดสินใจเลือกใช้แบรนด์นั้นต่อไปหลังจากซื้อเครื่องแรก ก็ลดลงเช่นกัน โดยคนจีน มากกว่า 50% เลือกใช้ Huawei ต่อไป เมื่อตัดสินใจซื้อมือถือ-สมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ แต่มีเพียง 45% ที่มองว่า จะเป็นสาวก iPhone ต่อ และจะว่าไป อัตราการรักษาฐานลูกค้าในจีนของ Apple ตกลงทุกปี ในช่วงสองสามปีมานี้ ตั้งแต่มีสงครามการค้าจีนอเมริกา
.
สาเหตุสำคัญที่คนจีนใช้ iPhone ลดลง และเลือกใช้แบรนด์อื่นอย่างยิ่งแบรนด์จีน มาจาก 2 ปัจจัยหลัก อาทิ
.
1. มองว่าฟีเจอร์ที่ได้รับน้อยกว่าราคาที่จ่ายไป เมื่อเทียบกับมือถือจีนที่ให้ฟีเจอร์คุ้มราคากว่า
ทำให้ได้เห็นว่า คนจีนที่มีรายได้ไม่ได้สูงมาก ไม่มอง iPhone เป็นตัวเลือกแรก ดูจากตอนนี้ คนใช้ iPhone มากสุดในจีน เป็นคนจีนในเมืองใหญ่ หัวเมืองหลักและรอง เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้
2. ความชาตินิยมและการอยู่จุดพีคของแอปจีน อย่าง WeChat
คนจีนส่วนใหญ่มองว่า แอปจีน อย่าง WeChat มีความจำเป็นสูง ขณะที่แอปทางฝั่งตะวันตก และที่มีใช้บน iPhone โดยเฉพาะ เช่น iTunes Movies คนจีนก็ใช้ไม่ได้ เลยไม่จำเป็นต้องใช้สินค้าค่ายนี้ ตามการวิเคราะห์ของ Ben Thompson นักวิเคราะห์ผู้คร่ำหวอดในวงการไอที
.
อย่างที่ผมเคยวิเคราะห์ไปก่อนหน้านี้ว่าปัจจุบันสงครามระหว่างจีน อเมริกา อินเดีย และประเทศอื่นๆ เน้นหนักทางสงคราม ‘ตัวแทน’ ใช้ธุรกิจ แอป เทคโนโลยีของประเทศตนเองมาเป็นหมากในการเดินเกม ก็ต้องจับตาดูต่อไปว่าจะไปในทิศทางใดบ้าง
.
อ้ายจงอ้างอิงจาก:
https://www.globaltimes.cn/content/1197128.shtml
https://www.scmp.com/abacus/tech/article/3096001/apples-iphone-loses-out-huawei-china-locals-turn-chinese-smartphone
https://markets.businessinsider.com/news/stocks/apple-stock-price-survey-results-should-be-worry-ubs-2019-5-1028236598
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #จีนอเมริกา #TikTok #WeChat
จีนอเมริกา 在 อ้ายจง Facebook 的最佳解答
สงครามการค้าจีน-อเมริกากลับมาเดือดปุดๆอีกครั้งในสัปดาห์นี้
เมื่อวานนี้ 23 สิงหาคม 2562 ทางรัฐบาลจีนได้ออกมาประกาศมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกามูลค่า 75,000ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะปรับภาษีนำเข้าสินค้า 5-10% ซึ่งจะบังคับใช้ แบ่งเป็น 2 รอบ คือ รอบ1กันยายน และ 15 ธันวาคม
โดยภาษีนำเข้ารถยนต์ และ ชิ้นส่วนรถยนต์ ที่จีนพักการเก็บภาษีนำเข้าเหล่านี้ไปเมื่อเมษายนที่ผ่านมา จีนจะกลับมาเก็บอีกครั้ง โดยคิดเป็นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% และชิ้นส่วนรถยนต์ 5% เริ่มมีผล 15ธันวาคมปีนี้ 2562
การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าระลอกใหม่ของจีนในครั้งนี้ เป็นการตอบโต้แบบ "หมัดต่อหมัด" หลังจากที่ก่อนหน้า ทางสหรัฐอเมริกา โดยการนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน มูลค่า 300,000ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ 1กันยายน และ 15ธันวาคมเช่นกัน
สาเหตุหลักที่ทรัมป์กลับมายกระดับความรุนแรงของสงครามการค้าในครั้งนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าดูเหมือนจะพยายามเจรจากันหลังเจอกันที่การประชุม G20 คือ ทรัมป์มองว่า ประธานาธิบดีไม่ยอมทำข้อตกลงหลายข้อ โดยเฉพาะ "การอำนวยความสะดวกต่อการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรจากอเมริกา และทรัมป์ยังมองว่า อเมริกาเสียเปรียบจากจีน" เป็นที่น่าสังเกตคือ มาตรการของจีนที่ออกมา คือหมัดต่อหมัด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน จริงๆ คือ ทรัมป์ไม่พอใจเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากอเมริกา ในการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้ของจีน ก็เรียกเก็บภาษีสินค้าการเกษตรของอเมริกาด้วย ทำให้การนำเข้าสินค้าเกษตรจากอเมริกาเข้าจีน ดูมืดมนมากขึ้นอีก
ในวันเดียวกันกับที่จีนประกาศภาษีรอบใหม่ ทรัมป์ก็โต้ตอบอีกรอบ ด้วยการประกาศให้อเมริกา ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนเป็น 30% จากเดิมประกาศไว้ 25% สำหรับสินค้าจีนมูลค่ารวม 2.5แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผล 1 ตุลาคมนี้่ และเพิ่มภาษีนำเข้า 15% จากเดิม 10% ของสินค้ามูลค่ารวม 3แสนล้านดอลลาร์ มีผล 1กันยายนนี้
ทรัมป์ยังออกมาบอกอีกว่า ขอเรียกร้องให้บริษัทอเมริกาทั้งหลาย มองหาตลาดใหม่นอกเหนือจากจีน
นอกจากนี้ จีนอเมริกา ไม่ได้ตึงเครียดแค่เรื่องของกำแพงภาษีนำเข้าเพียงอย่างเดียว เพราะจากการตอบโต้ไปมาในครั้งนี้ ช่วงเวลาเดียวกัน ทรัมป์ยังอนุมัติการขาย เครื่องบิน F16V ให้ไต้หวัน 66 ลำ มูลค่า 8พันล้านดอลลาร์ เรียบร้อยแล้วอีกด้วย ตามข้อมูลจาก South China Morning Post
ต้องจับตาดูกันยาวๆสำหรับสงครามการค้าจีนอเมริกา ซึ่งตัวอ้ายจงเองเคยบอกไว้แล้วว่า ไม่สามารถจบได้โดยง่าย โดยสงครามนี้ก็ยืดเยื้อมาเกือบ2ปีแล้ว
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.scmp.com/…/china-announces-fresh-tariffs-us75-b…
https://www.scmp.com/…/china-announces-fresh-tariffs-us75-b…
https://www.cnbc.com/…/china-to-retaliate-with-new-tariffs-…
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน