ช่องโหนกระแสสมองไหล 在Facebook 的評價

Question

Accepted Answer

เช้าวันนี้ผมกดย้อนดู “วันนี้ในอดีต” บน FB ส่วนตัวของตัวเอง สิ่งที่พบคือ รูปที่ผมถ่ายกับหนังสือเล่มแรกคู่กับน้ำโกโก้เย็น ในวันที่ผมเริ่มอ่านหนังสือครั้งแรก ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งหน้ามหาวิทยาลัยสมัยที่ผมเรียนอยู่ ปี 4 ในปี 2561
.
ผมพูดกับตัวเองอย่างภาคภูมิว่า “ครบรอบ 2 ปีเต็มแล้ว ที่ตัดสินใจเริ่มอ่านหนังสือ มองย้อนกลับไปวันนั้น วันนี้เรามาไกลมากเหมือนกันนะ อยากขอบคุณตัวเองจริงๆ”
.
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า “ถ้าเราลงทุนในเรื่องใดก็ตาม อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 1 ปี จะต้องเกิดอะไรดีๆ ขึ้นกับชีวิตอย่างแน่นอน”
.
ผมเริ่มอ่านหนังสือครั้งแรกวันที่ 27 กันยายน ปี 2561 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมเรียนอยู่ปี 4 และทำธุรกิจเปิดโรงเรียนสอนเทควันโดอยู่
.
ซึ่งผมเปิดไปแบบไม่ได้มีความรู้เรื่องธุรกิจอะไร ความรู้เดียวที่ผมมีคือ เรื่องกีฬาเทควันโด
.
ช่วงนั้นทางมหาวิทยาลัยเปิดรับสมัครนักศึกษาในโครงการ PSU Startup idea challenge โดยให้นักศึกษานำไอเดียธุรกิจไปแข่งกัน โดยก่อนการแข่งจะมีนักธุรกิจที่เป็น Startup มาให้ความรู้ และ เวิร์คช็อป เรื่องโมเดลธุรกิจก่อน
.
ซึ่งกิจกรรมในวันนั้นมันเปิดโลกผมมาก สิ่งที่ผมรู้ทันทีคือ ความรู้ในห้องเรียนของเรา โลกธุรกิจจริงเขาแทบไม่ใช้กันแล้ว และได้เรียนรู้การทำธุรกิจจริงๆ จากนักธุรกิจตัวจริง
.
หลังจากจบการแข่งขันในวันนั้น ผมกลับมาด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 กลับมา พร้อมกับแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจแบบเต็มหัวใจ
.
ผมเริ่มศึกษาเรื่องธุรกิจจากการดูคลิปต่างๆ จนเห็นว่าคนสำเร็จทุกคนเขาอ่านหนังสือกันหมดเลย
.
ผมจึงเริ่มจากการซื้อหนังสือเสียงมาฟังก่อน เพราะตัวเองเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ ซึ่งหนังสือเสียงเล่มนั้นคือ “เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร” ของพี่พอล ภัทรพล แต่พอฟังจบก็อยากหาหนังสือเสียงเล่มต่อไปมาฟังต่อ
.
แต่ทว่าหนังสือเสียงในประเทศไทย มันไม่ได้มีเยอะแยะขนาดนั้น ผมจึงตัดสินใจว่า จะลองอ่านหนังสือเล่มดู
.
ผมจึงเดินเข้าไปในห้องนอนของน้องชาย เพื่อไปหาหนังสืออ่าน เนื่องจากน้องชายผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ซึ่งมีอยู่ช่วงนึงที่น้องคนนี้พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง มันเลยชอบเก็บตัวอ่านหนังสือคนเดียวอยู่ในห้องคนเดียว ซึ่งวันนี้ผมก็คุยกับมันรู้เรื่องแล้ว และเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงคุยกับใครไม่รู้เรื่อง
.
ผมเดินไปที่ชั้นหนังสือ แล้วเปิดอ่านหนังสือของน้องชายทีละเล่ม แล้วสะดุดกับ “หนังสือคิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก” ผมจึงขอน้องชายมาอ่านเล่มนึง
.
หลังจากที่ผมอ่านจบไป 1 เล่ม เล่มที่ 2 เล่มที่ 3 ก็ตามมา ในขณะเดียวกัน ทัศนคติ และ วิสัยทัศน์ ผมก็เปลี่ยนไปด้วย
.
ผมเริ่มเป็นคนมองภาพกว้างขึ้น ใจเย็นขึ้น ความคิดเฉียบคม พูดอะไรก็มีสาระ เป็นชิ้นเป็นอันไปหมด จนบางทีเพื่อนก็บ่นว่า “ผมเป็นคนหลักการเยอะ”
.
ผมนำความรู้ที่ได้จากการอ่านไปต่อยอดธุรกิจ ผมได้รับโอกาสจากหนังสือมากมาย
.
เริ่มจากการทำงาน ผมได้รับการเสนองาน ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เพราะตอนที่ผมฝึกงาน ผมอ่านหนังสือตลอด เขาเห็นผมเป็นคนชอบศึกษา จึงเสนองานให้
.
ผมรู้จักกับพี่คนหนึ่งที่เป็นเจ้าของเพจไปให้ถึง100ล้าน ผู้เขียนหนังสือ CONTENT 101 ก็เพราะวันแรกที่เราเจอกันตอนพี่เขามาเทรนนิ่งฝ่ายการตลาดที่บริษัทในช่วงที่ผมฝึกงาน พี่เขาสังเกตเห็นวิธีการพูดของผม แล้วก็ถามผมว่า ผมอ่านหนังสือใช่ไหม เพราะสิ่งที่ผมพูดเหมือนในหนังสือที่เขาเคยอ่าน ซึ่งผมเอาชั้นหนังสือมาดู ผมกับพี่เขามีชั้นหนังสือที่เหมือนกันเป๊ะๆ
.
พออ่านหนังสือเหมือนกัน เราก็คุยกันถูกคอ จนพี่เขาให้โอกาสผมเยอะมาก สอนผมเขียนบทความ สอนผมทำเพจ ให้คอร์สดีๆ ผมเรียน จนผมมีเพจสมองไหลในวันนี้
.
ผมรู้จักกับพี่ปิ๊ก ผู้เขียนหนังสือวิชาธุรกิจ ที่ชีวิตจริงเป็นคนสอน ก็เพราะผมขายหนังสือของพี่เขา จนวันนี้เรารู้จักกันเป็นการส่วนตัว และพี่เขาก็กำลังจะมอบโอกาสครั้งใหญ่อย่างหนึ่งให้ผม ซึ่งผมยังขอไม่บอกตอนนี้
.
ผมรู้จักกับโค้ชแบงค์ เจ้าของเพจ รู้รอบตอบโจทย์ธุรกิจ ก็เพราะเมื่อสามวันก่อน เราบังเอิญเจอกันที่งาน Dtac แล้วผมเขียน Content ถึงหนังสือของเขา
.
ผมรู้จักกับพี่คนหนึ่งที่ทำงานอยู่บริษัท อมรินทร์ จนทำให้ผมได้ ดีลราคาหนังสือที่ดีที่สุดมาขาย
.
และผู้คนอีกมากมาย ที่วันนี้มันกลายมาเป็น “คอนเนคชั่น”
.
รวมถึงโอกาสที่ผมได้รับเชิญจากทางมหาวิทยาลัย ไปเป็นอาจารย์พิเศษสอนในห้องเรียนที่ผมเคยเรียนเมื่อปีที่แล้ว โอกาสที่ได้รับเกียรติเป็นกรรมการพิจารณาหลักสูตรของคณะ
.
โอกาสที่ได้รับเชิญไปออกรายการทีวี ช่องโหนกระแส กับ พิธีกรอันดับต้นๆ ของเมืองไทยอย่าง คุณหนุ่ม กรรชัย
.
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาหาประสบการณ์ในกรุงเทพฯ ตัวคนเดียว โดยไม่มี “คอนเนคชั่น” อะไรเลย
.
แต่วันนี้ผมเป็นคนที่มี “คอนเนคชั่น” ที่เหนียวแน่นคนหนึ่งเพราะ “หนังสือ”
.
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า อย่าอ้างว่าไม่มีทางทำอะไรสำเร็จเพราะไม่มี “คอนเนคชั่น” ถ้าคุณยังทำตัวไม่คู่ควรกับมัน เพราะไม่มี “คอนเนคชั่น” ที่ไหน เขาอยากให้โอกาสคนที่ไม่มีผลงาน ไม่ลงมือทำอะไรเลย ให้ตัวเองต้อง “ขายหน้า” หรอก
.
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากจะได้อะไร ก็ต้องทำตัวให้คู่ควรกับมันเสียก่อน
.
วันนี้ 2 ปีเต็ม ผมอ่านหนังสือไปแล้ว 60 เล่ม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 20,000 บาท พอๆ กับเงินเดือนจากงานประจำ เพียง 1 เดือน
.
แต่ผลตอบแทนจากเงิน 20,000 บาท ที่ผมลงทุนไป วันนี้มันทำให้ผมทำเงินได้ 1 แสนบาท/เดือน ในวัย 23 ปี และยังไม่นับรวมกับโอกาสใหญ่ๆ อีกมากมายที่เข้ามาซึ่งประเมินเป็นมูลค่าไม่ได้
.
หลายคนอาจพูดกันว่า หนังสือแค่สองสามเล่ม มันจะไปเปลี่ยนชีวิตใครได้
.
แต่สำหรับผมมันแสดงให้เห็นแล้วว่า หนังสือแค่ไม่กี่เล่มนี่แหละที่เปลี่ยนชีวิตผมมาแล้ว และอยากบอกทุกคนว่า อย่าดูถูก “พลังของหนังสือ” นะครับ
.
ทุกวันนี้ผมมีหนังสือ เป็นทั้งครู เพื่อนร่วมทาง และคู่คิด ถึงขนาดที่เพื่อนสมัยเรียนของผมหลายคนทักมาปรึกษาผมทางอินบ็อกซ์ และเห็นผมเป็นไอดอลไปแล้ว จนทำให้พวกเขาหันมาเริ่มอ่านหนังสือกันหลายคน
.
และอยากให้บทความนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนหันมาอ่านหนังสือกันเถอะครับ “เพราะมันเปลี่ยนชีวิตคนได้จริงๆ”
.
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น
ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
แต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน
ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล

關於 ช่องโหนกระแส ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

「ช่องโหนกระแส」的推薦目錄：

ช่องโหนกระแส 在 สมองไหล Facebook 的最讚貼文

About author

你可能也想看看

搜尋相關連結