ทำไม ธุรกิจประกันในไทย ยังมีโอกาสเติบโต /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า ทุกวันนี้ คนไทย 1 คน มีค่าเฉลี่ยถือกรมธรรม์ประกันชีวิตไม่ถึง 1 ฉบับ
นี่เป็นข้อมูลในภาพรวมที่บอกเราว่า
ธุรกิจกลุ่มประกันในประเทศไทย ยังมีโอกาสเติบโตได้อีก
มีเรื่องอะไรที่เราต้องรู้เกี่ยวกับธุรกิจนี้บ้าง
แล้วโอกาสในการเติบโตของธุรกิจประกันมีมากแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
มาทำความรู้จักกันก่อนว่า ธุรกิจประกันถูกจัดประเภทเอาไว้อย่างไร
ปัจจุบัน ธุรกิจประกันจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. การประกันส่วนบุคคล เป็นการทำประกันโดยการซื้อความคุ้มครองการเสียชีวิต ครอบคลุมไปถึงการสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ บาดเจ็บ เจ็บป่วย ภายในเวลาที่กำหนด เช่น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันอุบัติเหตุ
2. การประกันภัยทรัพย์สิน เป็นการทำประกันเพื่อความคุ้มครองทรัพย์สินเมื่อเกิดอุบัติภัยหรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งโดยไม่คาดฝัน เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันรถยนต์ ประกันขนส่ง
3. การประกันภัยเกี่ยวกับความรับผิดตามกฎหมาย เป็นการทำประกันจากการประมาทเลินเล่อของผู้เอาประกันภัย บุคคลในครอบครัว หรือลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยที่ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต เช่น ประกันภัยความรับผิดต่อสาธารณะ ประกันภัยความรับผิดจากผลิตภัณฑ์
อ้างอิงจากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ในช่วงปี พ.ศ. 2553-2562 เบี้ยประกันภัย หรือก็คือจำนวนเงินที่ผู้ซื้อประกันภัยจ่ายให้กับบริษัทประกันภัยในประเทศไทยนั้น เพิ่มสูงขึ้นกว่า 115%
-ปี พ.ศ. 2553 เบี้ยประกันภัยในระบบ 283,843 ล้านบาท
-ปี พ.ศ. 2562 เบี้ยประกันภัยในระบบ 610,170 ล้านบาท
โดยปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจประกันภัยในไทยมีการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ การเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนไทยที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้
พอคนมีรายได้มากขึ้น มีกำลังซื้อมากขึ้น
ก็เริ่มมีการแบ่งเงินบางส่วนมาซื้อประกันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมจะเติบโตในช่วงที่ผ่านมา แต่ต้องถือว่าคนไทยยังทำประกันน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไปเทียบกับประเทศอื่น
เราลองมาดูตัวชี้วัดตัวแรก ซึ่งเรียกว่า สัดส่วนเบี้ยประกันภัยเทียบกับ GDP ของประเทศ
ซึ่งสัดส่วนที่สูง ก็สะท้อนว่าประเทศนั้นมีมูลค่าการทำประกันภัยสูงเมื่อเทียบกับมูลค่า GDP
ในปี พ.ศ. 2562 สัดส่วนเบี้ยประกันภัยเทียบกับ GDP ของประเทศ (Insurance Penetration Rate) ของประเทศไทยเท่ากับ 3.6%
แต่ถ้าเราไปดู Insurance Penetration Rate ของประเทศในเอเชีย อย่างเช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และญี่ปุ่น จากข้อมูลบนเว็บไซต์ Statista
-เกาหลีใต้ 10.8%
-สิงคโปร์ 9.0%
-ญี่ปุ่น 9.0%
ที่สำคัญคือ ค่าเฉลี่ยสัดส่วนเบี้ยประกันภัยเทียบกับ GDP ของโลกนั้น เท่ากับ 7.0% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไทยมีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยเทียบกับ GDP ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกอีกด้วย
อีกตัวเลขที่ยืนยันว่า ตลาดประกันยังมีโอกาสเติบโตในประเทศไทย คือ อัตราผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตของคนไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ยังถือว่าต่ำพอสมควร
รู้ไหมว่า ในปี 2562 อัตราผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตของคนไทย เท่ากับ 39%
หรืออธิบายง่าย ๆ คือ คนไทย 100 คน มีการถือกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่ที่ 39 ฉบับ หรือเฉลี่ยแล้วถือคนละไม่ถึง 1 ฉบับ
แล้วตัวเลขนี้เป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ?
-ญี่ปุ่น ประชากร 100 คน ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่ที่ 322 ฉบับ หรือเฉลี่ยคนละ 3.22 ฉบับ
-สิงคโปร์ ประชากร 100 คน ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่ที่ 267 ฉบับ หรือเฉลี่ยคนละ 2.67 ฉบับ
-เกาหลีใต้ ประชากร 100 คน ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตอยู่ที่ 170 ฉบับ หรือเฉลี่ยคนละ 1.70 ฉบับ
ซึ่งทั้งสัดส่วนการถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตต่อจำนวนประชากรและสัดส่วนเบี้ยประกันเทียบกับ GDP ของประเทศ
สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยยังใช้ประโยชน์จากการทำประกันในการจัดการความเสี่ยงค่อนข้างน้อย
สาเหตุส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะ
-รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนไทยที่ยังไม่สูง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศที่ถูกกล่าวถึง
-คนไทยจำนวนไม่น้อย อาจยังมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประกันไม่มาก หรืออาจไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ประโยชน์จากประกันในการปิดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
-ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ที่ทำให้ครัวเรือนไทยโดยเฉลี่ยมีอัตราการออมที่ลดลง
ซึ่งเรื่องนี้ก็ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ประกันในปัจจุบันเช่นกัน
แต่การที่คนไทยยังทำประกันน้อย ถ้ามองอีกมุม ก็อาจเป็นเรื่องที่ดีสำหรับธุรกิจประกันในไทย
เพราะมันหมายความว่า โอกาสในการเติบโตในอนาคตยังมีอีกมาก ถ้าต่อไปคนไทยเริ่มตระหนักและทำประกันมากขึ้น
ซึ่งถ้าหากถามว่า ในอนาคตธุรกิจไหน ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีก
“ธุรกิจประกัน” ก็คงเป็นหนึ่งในคำตอบของคำถามนี้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.set.or.th/dat/setbooks/e-book/SamplePdf_1524476073512.pdf
-http://statbbi.nso.go.th/staticreport/page/sector/th/18.aspx
-https://www.statista.com/statistics/381174/insurance-penetration-in-selected-countries-worldwide/
-https://thailandinsurancenews.com/knowledge/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3/
-https://www.oic.or.th/th/education/insurance/about/category
-https://www.bot.or.th/App/BTWS_STAT/statistics/BOTWEBSTAT.aspx?reportID=409&language=TH
-https://marketeeronline.co/archives/106253
-https://www.swissre.com/dam/jcr:4a1688f7-13e9-4b79-b5ba-917a00d2ea30/sigma4_2020_extra_Complete.pdf
-https://www.scbeic.com/th/detail/product/6656?utm_source=Influencer&utm_medium=Link&utm_campaign=datainfo_insurance_feb_2020
ญี่ปุ่น ประชากร 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
ถ้าเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ รวมประเทศกัน จะเกิดอะไรขึ้น? /โดย ลงทุนแมน
2 ประเทศที่มีชายแดนติดกัน ผู้คนพูดภาษาเดียวกัน และครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศเดียวกัน
แต่ในวันนี้ กลับกลายเป็น 2 ประเทศที่มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว
เกาหลีเหนือ
ประเทศที่ปกครองแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จจากคนเพียงคนเดียว
ระบบเศรษฐกิจเป็นสังคมนิยมแบบพึ่งพาตนเอง รัฐบาลเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตแทบทั้งหมด
มีการค้ากับต่างประเทศน้อยมาก
ประชาชนยากจนรั้งท้ายของโลก และน้อยคนที่จะมีโอกาสเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
ตรงกันข้ามทุกอย่างกับเกาหลีใต้..
ประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตย ระบบเศรษฐกิจเป็นทุนนิยมสุดโต่ง
ส่งออกสินค้าเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยี
ประชาชนมีรายได้ต่อหัวสูง มีความเป็นอยู่ที่ดี
และเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วสูงที่สุดในโลก
2 ประเทศที่ผู้คนพูดภาษาเดียวกัน
แต่โชคชะตาพาให้มาอยู่ใต้เงาของมหาอำนาจที่มีความขัดแย้งทางการเมือง
จนนำมาสู่การแบ่งแยกประเทศในท้ายที่สุด
หากนับถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 72 ปีแล้ว..
คำถามที่ลงทุนแมน ชวนให้คิดในวันนี้ก็คือ..
แล้วถ้าโชคชะตาเกิดเล่นตลก
นำพาประเทศที่แตกต่างกันทุกอย่าง กลับมารวมกันอีกครั้งหนึ่ง
อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง?
ลงทุนแมนจะจินตนาการให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
คาบสมุทรเกาหลี เป็นคาบสมุทรที่ตั้งอยู่ท่ามกลางมหาอำนาจรอบด้าน ทั้งจีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย
แต่เดิมจีนเคยมีบทบาทในคาบสมุทรนี้
ต่อมาญี่ปุ่นได้เข้ามายึดครองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
แต่หลังจากญี่ปุ่นแพ้สงคราม คาบสมุทรเกาหลีก็ตกอยู่ใต้อำนาจของผู้ชนะสงคราม
นั่นก็คือ สหภาพโซเวียตผู้นำโลกคอมมิวนิสต์ และสหรัฐอเมริกาผู้นำโลกเสรีประชาธิปไตย
ความขัดแย้งทางอุดมการณ์การเมือง นำมาสู่การขีดเส้นขนานที่ 38
แบ่งคาบสมุทรแห่งนี้ออกเป็น 2 ประเทศ ในปี ค.ศ. 1948
ตามมาด้วยสงครามที่คนชาติเดียวกันต้องมารบกันเอง
แม้สงครามจะจบลงไปแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953
แต่ทั้ง 2 ประเทศก็ยังคงมีการกระทบกระทั่งกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ยิ่งเวลาผ่านไป ต่างก็เดินอยู่บนเส้นทางที่แยกห่างกันเรื่อยๆ
ก่อให้เกิดข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกันไป
เกาหลีเหนือ
ประเทศนี้มีพื้นที่ 120,000 ตารางกิโลเมตร
มากกว่าเกาหลีใต้ที่มี 100,000 ตารางกิโลเมตรเล็กน้อย
พื้นที่ที่มากกว่า ทำให้เกาหลีเหนือมีพื้นที่ราบสำหรับการเพาะปลูกมากกว่าเกาหลีใต้
เกาหลีเหนือยังมีแหล่งพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ ทั้งถ่านหิน แร่เหล็ก ทองแดง
ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าอาจมีมูลค่าถึง 180 ล้านล้านบาท
แต่ข้อด้อยของเกาหลีเหนือ คือการขาดระบบโครงสร้างพื้นฐาน
ทั้งการเข้าถึงไฟฟ้า น้ำประปา ถนนหนทาง ระบบราง ท่าเรือน้ำลึก สนามบิน
และที่สำคัญที่สุดคือ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชาชน..
ประชากร 26 ล้านคนของเกาหลีเหนือ มีส่วนน้อยเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรยากจน
ประชากรส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ โดยเฉพาะความรู้ทางเทคโนโลยี
ส่วนข้อดีของเกาหลีใต้
ถึงแม้จะมีพื้นที่เล็กกว่า แต่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครันและมีประสิทธิภาพสูง
ประชากร 51 ล้านคน ล้วนมีการศึกษาสูง มีคุณภาพชีวิตที่ดี
และมีองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า
แต่ประเทศเกาหลีใต้ ก็มีปัญหาเรื่องอัตราการเพิ่มของประชากร
ปี 2019 เกาหลีใต้มีอัตราการเติบโตของประชากรเพียง 0.09%
ทำให้เกาหลีใต้มีแนวโน้มว่าจะขาดแคลนแรงงานในอนาคตอย่างชัดเจน
ในขณะที่อาหารและพลังงาน ก็เป็นสิ่งที่ขาดแคลน จนเกาหลีใต้ต้องนำเข้าเป็นปริมาณมหาศาลในแต่ละปี
คำถามของเรื่องนี้ก็คือ ถ้าทั้ง 2 เกาหลีรวมกัน จะเกิดอะไรขึ้น?
หากทั้ง 2 เกาหลี รวมกัน
จะกลายเป็นประเทศเกาหลีที่มีพื้นที่ 220,000 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 77 ล้านคน
เป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 20 ของโลก แซงประเทศไทย
และมันจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งผลดีและผลเสียในหลายๆ ด้าน ดังต่อไปนี้
เริ่มจากด้านเศรษฐกิจ..
ผลดีที่เด่นชัดก็คือ แรงงานมหาศาลจากเกาหลีเหนือจะช่วยมาเติมเต็มในส่วนที่เกาหลีใต้ขาดแคลน โดยเฉพาะแรงงานในภาคเกษตรกรรม และงานบริการทั่วไป เช่น แม่บ้าน พนักงานขับรถ หรือแคชเชียร์
ถึงแม้ชาวเกาหลีเหนือจะขาดทักษะ แต่ด้วยความที่พูดภาษาเดียวกัน
การฝึกอบรมสักระยะก็จะช่วยให้สามารถเติมเต็มแรงงานที่ขาดหายได้
ส่วนแรงงานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ เช่น วิชาชีพต่างๆ ก็อาจต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
ส่วนพื้นที่เพาะปลูก และทรัพยากรธรรมชาติของเกาหลีเหนือที่มีอยู่ก็จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการของเกาหลีใต้ ทั้งในด้านพลังงานและอุตสาหกรรม
ตอนนี้แค่เกาหลีใต้ประเทศเดียวก็ส่งออกสินค้าเป็นอันดับ 5 ของโลก ถ้ามีการรวมกันของเกาหลี ก็อาจทำให้การส่งออกของเกาหลีเติบโตจนแซงหน้าญี่ปุ่นที่สูสีกัน ขึ้นเป็นอันดับ 4 ของโลก เป็นรองเพียง จีน สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี เท่านั้น
สำหรับผลเสียทางด้านเศรษฐกิจก็คือ
ประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีเงินมากกว่า จำเป็นจะต้องทุ่มเทงบประมาณมหาศาลเพื่อนำมาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในเกาหลีเหนือที่ล้าหลัง
รวมถึงปรับปรุงการศึกษา การรักษาพยาบาล และคุณภาพชีวิตของประชากรเกาหลีเหนือหลายสิบล้านคน
ซึ่งหากมองในแง่การลงทุน
การลงทุนครั้งนี้อาจต้องใช้ระยะเวลาเป็นสิบปี ถึงจะเริ่มเข้าสู่จุดคุ้มทุน
งบประมาณในส่วนนี้ อาจทำให้ประชาชนเกาหลีใต้ไม่พอใจว่าทำไมต้องนำภาษีไปอุ้มคนที่ไม่ได้เสียภาษีในเกาหลีเหนือ
ในขณะที่รายได้ต่อหัวของเกาหลีจะลดลง เมื่อเทียบกับเกาหลีใต้เดิม เพราะคนเกาหลีเหนือมีรายได้ต่อหัวต่ำมาก
และปัญหาความเหลื่อมล้ำที่มีอยู่แล้วของเกาหลีใต้ก็อาจจะยิ่งเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
ทุนนิยมสุดโต่งที่นำโดย กลุ่มแชโบล กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่ครองสัดส่วนกว่า 80%
ของ GDP เกาหลีใต้ จะเป็นกลุ่มหลักที่ได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติมหาศาลในเกาหลีเหนือ
กลุ่มแชโบลจะมีผลผลิตอุตสาหกรรมมากขึ้น ในขณะที่มีต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง
และยิ่งมีรายได้มาก ก็ยิ่งขยายอิทธิพลมากขึ้นเช่นกัน
แต่ความเหลื่อมล้ำอาจทำอะไรชาวเกาหลีเหนือไม่ได้ เพราะคนในเกาหลีเหนืออาจมีชีวิตที่อยู่กับความยากจนอย่างเท่าเทียมกันทุกคนมาเป็นเวลานานแล้ว จึงอาจไม่ได้รู้สึกแย่ไปกว่าเดิม
ในด้านการเมือง
มีความเป็นไปได้อยู่ว่า หากมีการรวมประเทศ
เกาหลีใต้ที่มีทั้งประชากรและขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้น
และถ้าเป็นการรวมประเทศแบบให้รัฐบาลเกาหลีใต้เป็นคนบริหารปกครอง
อาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะถูกพันธมิตรของเกาหลีใต้ฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามาควบคุม
และหากคาบสมุทรเกาหลีเป็นประชาธิปไตย
จะส่งผลมาสู่การเปลี่ยนแปลงของด้านที่ 3 คือ
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ต้องไม่ลืมว่า คาบสมุทรเกาหลีเป็นทำเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเหล่ามหาอำนาจ
ในแง่หนึ่ง การเป็นประเทศประชาธิปไตย ก็เท่ากับยังคงเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา
แต่ในอีกแง่หนึ่ง เกาหลีก็จะกลายเป็นประเทศที่มีพรมแดนติดกับจีนในทันที
และที่สำคัญ ดินแดนนี้จะอยู่ใกล้กับกรุงปักกิ่ง มากกว่าเมืองเซี่ยงไฮ้เสียอีก
แผ่นดินที่เชื่อมถึงกันอาจมีการสร้างถนน ทางรถไฟจากจีนมาถึงเมืองสำคัญของเกาหลี เท่ากับอิทธิพลของจีนจะแผ่มาปกคลุมคาบสมุทรเกาหลีได้ง่ายขึ้น
ยังไม่รวมการมีพรมแดนติดกับรัสเซียทางตอนเหนือ
และปัญหาขัดแย้งในอดีตกับญี่ปุ่นที่ยังไม่คงลืมเลือนไปจากใจคนเกาหลี
เกาหลีจำเป็นที่จะต้องถ่วงดุลอำนาจของประเทศรอบด้านให้ดี
เพราะหากเกิดปัญหาความสัมพันธ์ขึ้นมา
ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การส่งออก และการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ท้ายที่สุดก็อาจลุกลามจนนำมาสู่ผลลัพธ์เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นเมื่อ 72 ปีที่แล้ว
นับเป็นชะตากรรมที่ชาว 2 เกาหลี ไม่สามารถกำหนดเองได้..
คนเชื้อชาติเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน แต่กลับต้องมาแยกออกจากกัน
และยังคงมีการกระทบกระทั่งกันเรื่อยมา
รู้หรือไม่ว่า เกาหลีใต้มีการก่อตั้ง “กระทรวงการรวมชาติ” เพื่อวางแผนและเตรียมการทุกอย่าง
ด้วยความหวังว่าสักวัน คาบสมุทรเกาหลีจะกลับมารวมเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง
แต่ชีวิตของผู้คนที่อยู่ในโลกคู่ขนานกัน มาเป็นเวลา 72 ปี
การรวมชาติ อาจเป็นสิ่งที่ไกลเกินความคาดฝัน
ไม่มีใครรู้ว่า อนาคตของคาบสมุทรแห่งนี้จะเป็นอย่างไร
แต่สำหรับชาวเกาหลีทั้ง 2 ฝ่าย การไม่ต้องสู้รบกันอีกต่อไป
อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดในเวลานี้..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-http://www.worldstopexports.com/worlds-top-export-countries/
-https://worldpopulationreview.com/countries/north-korea-population/
-https://www.businessinsider.com/north-korea-stockpile-minerals-worth-trillions-2017-6
ญี่ปุ่น ประชากร 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
อิสราเอล ประเทศแห่งสตาร์ตอัป / โดย ลงทุนแมน
จีน, สหรัฐอเมริกา, อินเดีย, สหราชอาณาจักร และอิสราเอล
คือประเทศที่มีบริษัทสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์นมากที่สุด 5 อันดับแรกของโลก
ซึ่งเราอาจจะไม่แปลกใจกับ 4 ชื่อแรก เนื่องจากเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
แต่ทุกคนคงประหลาดใจไม่น้อย กับชื่อสุดท้ายอย่าง “อิสราเอล”
เพราะเหตุใด อิสราเอล ประเทศที่มีขนาด GDP เล็กกว่าไทย
ถึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลกได้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
อิสราเอล เป็นประเทศที่อยู่ในแถบตะวันออกกลาง ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1948 หรือ 71 ปีที่แล้ว
ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กลุ่มชาวยิวได้ประกาศเอกราชบนอาณาเขตที่สหประชาชาติแบ่งออกมาจากประเทศปาเลสไตน์
เรื่องนี้เป็นเหตุให้อิสราเอลต้องเผชิญปัญหาความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านชาติอาหรับอยู่บ่อยครั้ง
เพราะสถานที่ตั้งของประเทศนี้ เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์การสู้รบระหว่างความเชื่อทางศาสนา
ในปัจจุบัน เศรษฐกิจอิสราเอล มีมูลค่าอยู่ที่ 11.2 ล้านล้านบาท
สูงเป็นอันดับที่ 34 ของโลก และคิดเป็น 0.7 เท่าของ GDP ประเทศไทย
แต่ที่น่าสนใจก็คือ อิสราเอลถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
เพราะประชากร 8.8 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ยสูงถึง 1.1 ล้านบาทต่อคนต่อปี
ขณะที่ประเทศไทย ประชากร 69 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.9 แสนบาทต่อคนต่อปี
เท่ากับว่า ชาวอิสราเอล รวยกว่าคนไทยเกือบ 6 เท่า
ถ้าถามว่า อะไรเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอิสราเอล ให้ก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้
สิ่งนั้นคือ ธุรกิจด้านเทคโนโลยี
อิสราเอล ได้ถูกยกย่องให้เป็นประเทศแห่งสตาร์ตอัป
เนื่องจากมีธุรกิจสตาร์ตอัปเกิดขึ้น 1 บริษัท เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทุกๆ 1,400 คน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนสูงที่สุดในโลก
โดยช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีสตาร์ตอัปสัญชาติอิสราเอลเกิดขึ้นกว่า 16,000 บริษัท
และ 50% ยังอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งกลุ่มหนึ่ง ได้เติบโตจนธุรกิจมีมูลค่าระดับยูนิคอร์น หรือสูงกว่า 30,000 ล้านบาท
ประเทศที่มีจำนวนสตาร์ตอัปยูนิคอร์นมากที่สุด
อันดับ 1 จีน 206 บริษัท
อันดับ 2 สหรัฐอเมริกา 203 บริษัท
อันดับ 3 อินเดีย 21 บริษัท
อันดับ 4 สหราชอาณาจักร 13 บริษัท
อันดับ 5 อิสราเอล และเยอรมนี 7 บริษัท
นอกจากนั้น ก็มีหลายบริษัทที่ประสบความสำเร็จจนถูกขอซื้อกิจการ หรือขายหุ้นระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ คิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 4.3 ล้านล้านบาท
ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ที่เปรียบเสมือนแหล่งรวมตัวของธุรกิจเทคโนโลยีนั้น
มีบริษัทจากอิสราเอล จดทะเบียนซื้อขายอยู่ 94 ราย ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐอเมริกาและจีนเท่านั้น
เพราะอะไร อิสราเอลถึงพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีให้อยู่แถวหน้าของโลกได้?
ปัจจัยแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน หรือสภาพภูมิศาสตร์ที่แห้งแล้งและขาดแคลนทรัพยากรนั้น ทำให้อิสราเอลต้องพยายามคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ เพื่อความอยู่รอด
คนส่วนใหญ่มักคิดว่า ชาวยิวมีความฉลาดหลักแหลมโดยธรรมชาติ จึงสามารถคิดอะไรแปลกใหม่ได้
แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการวางแผนลงทุนเพื่ออนาคต
ในปี 1993 รัฐบาลอิสราเอลเล็งเห็นว่าอินเทอร์เน็ตจะทำให้การประกอบธุรกิจเปลี่ยนไปจากอดีต จึงได้ออกนโยบายที่มีชื่อว่า Yozma
โครงการนี้จะสนับสนุนการลงทุนรูปแบบ Venture Capital ในกิจการสตาร์ตอัป
โดยให้สิทธิพิเศษทางภาษี รวมทั้งช่วยสมทบเงินทุนเพิ่มเติม
จึงทำให้ เมืองเทลอาวีฟ กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีของภูมิภาค
จนถูกเรียกว่า Silicon Wadi เพื่อเปรียบเทียบกับ Silicon Valley ของสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ อิสราเอลยังให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา (R&D) สูงที่สุดในโลกอีกด้วย
สัดส่วนค่าใช้จ่าย R&D ต่อ GDP
อิสราเอล 4.30%
เกาหลีใต้ 4.29%
ฟินแลนด์ 3.17%
สวีเดน 3.16%
ญี่ปุ่น 3.15%
ด้วยเหตุนี้ อิสราเอลจึงมีความพร้อมทั้งในแง่ของแหล่งเงินทุน และองค์ความรู้ต่างๆ ที่ส่งเสริมให้สตาร์ตอัปเติบโตไปได้อย่างรวดเร็ว
เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่า
มันคงไม่สำคัญว่า เราเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่เท่าไร
ถ้าหากอยากเก่งเรื่องใด เราแค่ต้องลงทุนกับมันอย่างจริงจัง
มองย้อนกลับมาที่ประเทศไทย เรามีค่าใช้จ่าย R&D ต่อ GDP อยู่ที่ 0.4%
สัดส่วนดังกล่าว จะเพียงพอต่อการปรับตัวในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์หรือไม่
เวลาเท่านั้น ที่เป็นคำตอบ
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ
รู้หรือไม่ว่า โปรแกรมแช็ตในตำนานของคนยุค 90 อย่าง ICQ
ถูกคิดค้นขึ้นโดยบริษัทเทคโนโลยีชื่อ Mirabilis จากประเทศอิสราเอล..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://www.timesofisrael.com/hold-for-wed-5-pm-the-growth…/
-https://www.timesofisrael.com/from-1950s-rationing-to-21st…/
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Venture_capital_in_Israel
-https://en.wikipedia.org/wiki/Israel
-https://tradingeconomics.com/israel/indicators
-https://en.wikipedia.org/…/List_of_countries_by_research_an…
-https://www.hurun.net/EN/Article/Details?num=A38B8285034B
-https://www.bangkokpost.com/…/israel-goes-from-startup-nati…
ญี่ปุ่น ประชากร 在 China Xinhua News - ประชากร 'ญี่ปุ่น' ลดลงครั้งใหญ่ เหลือ 125.93 ... 的推薦與評價
ประชากร 'ญี่ปุ่น' ลดลงครั้งใหญ่ เหลือ 125.93 ล้านคน ในปี 2021 . เมื่อวันอังคาร (9 ส.ค.) กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น... ... <看更多>