ในวงสนทนาอายุเฉลี่ยประมาณ 'ครึ่งชีวิต' ผมนั่งฟังวิชาจากผู้อาวุโสผู้ผ่านชีวิตมามากกว่าระหว่างถกกันว่า "อายุ 50 ปีแล้วจะทำอะไรต่อ" พี่โจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ เป็นผู้จุดประเด็นคำถามนี้ขึ้นมาลับสมอง
ในโลกปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยี โควิด และเศรษฐกิจย่ำแย่ โอกาสที่คนรุ่น 40-50 ปี จะได้รับผลกระทบ เช่น หล่นยุค ถูกลดเงินเดือน ถูกให้ออกจากงาน มีมาก
พี่โจ้บอกว่า เบบี้บูมเมอร์สอาจเป็นวัยที่สะสมเงินมาพอสมควรแล้ว รอดปัญหาไปได้ เจนเอ็กซ์กับวายต้นๆ นี่เองที่เป็นประชากรที่มีหนี้อยู่มาก ส่วนหนุ่มสาวที่เพิ่งจบนั้นพบอีกปัญหาคือไม่มีหนี้แต่ก็ยังไม่มีรายได้ ซึ่งหนทางหางานทำก็ไม่ง่ายนัก
แต่ด้วยความที่พวกเขาโตมาในโลกดิจิทัล เวทีจึงเป็นของพวกเขา แม้ยังหางานยาก แต่จำนวนไม่น้อยก็พอหาลู่ทางทำมาหากินได้ ตั้งแต่ขายของออนไลน์ ดูดวงออนไลน์ และอีกหลายสิ่งที่คนแก่กว่าคิดไม่ออก
คนรุ่น 40-50 นี่เองที่เป็นพนักงานเงินเดือนสูง แต่บทบาทในโลกเทคโนโลยีฉับไวค่อยๆ ลดน้อยลงเรื่อยๆ พูดง่ายๆ ว่า ความคุ้มต่อองค์กรมีน้อยลงทุกวัน เมื่อเทียบกับเด็กๆ ที่เก่งกาจแคล่วคล่องหลายสิ่งอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ แนวโน้ม 'หมดอายุ' จะยิ่งเร็วขึ้นไปอีก เช่น อีกหน่อย 40 ปีอาจจะเริ่มก้นร้อนๆ แล้วก็เป็นได้
มองไปที่เศรษฐกิจหลังโควิด ต่างคาดการณ์กันว่าต้นปีหน้าจะเริ่มเห็นอาการ ห้างร้านขนาดเล็กที่ไปต่อไม่ไหว การปลดพนักงาน ลดเงินเดือน เงินในตลาดที่น้อยลง แน่นอนว่า คนในวัย 'หมดอายุ' หรือมีบทบาทน้อยย่อมเสี่ยงอย่างยิ่ง
พี่โจ้ชวนคิดว่า อายุ 50 ปี เป็นช่วงเวลาที่จะเกษียณก็เร็วไป แต่จะไล่ตามสิ่งใหม่ๆ ก็ไม่ค่อยไหวแล้ว จะมีทางออกอย่างไรบ้างให้สามารถทำงานได้อยู่ รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า สามารถเลี้ยงชีวิตต่อไปโดยไม่เป็นภาระ พี่ๆ ทั้งโต๊ะโยนคำตอบกันสนุกสนาน ซึ่งจะว่าไปก็เหมือนคิดเผื่อตัวเองด้วย ผมลองจำมาเล่าต่อดังต่อไปนี้
1. ถ้าจะรอดในโลกใบเดิม ต้องทันสมัยอยู่เสมอ เปิดรับ-เรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยความสนุกและพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ
2. ไม่งั้นก็ reskill เรียนรู้ทักษะใหม่ในครึ่งชีวิตหลัง พอพ้นอายุ 40 ให้เตรียมเกษียณจากอาชีพที่ทำมาเนิ่นนาน แล้วเตรียมตัวทำอาชีพที่สองของชีวิตเอาไว้เลย
3. สำคัญ อย่าเป็นหนี้ หรือเคลียร์ให้หมดก่อน 50 มิฉะนั้นการตัดสินใจเลือกหลายอย่างในชีวิตจะยากขึ้นเพราะติดเงื่อนไขนี้
4. อย่ายึดติดกับวิถีชีวิตแบบเดิม บางคนอาจเคยเงินเดือนสูง ต้องปรับตัวให้อยู่ง่ายกินง่ายขึ้น ไม่ยึดตัวเลขเดิม ถามตัวเองว่า เท่าไหร่จึงจะพอเลี้ยงตัวเองได้ ใช้ชีวิตแบบมีความสุข
5. ยืดหยุ่น ไม่ยึดติดหัวโขน ความเป็นหัวหน้า ตำแหน่ง ความเท่ที่สะสมมา ทดลองทำสิ่งใหม่ ขายของออนไลน์ ขับ Grab หรืออะไรที่สามารถทำได้
6. ในแง่สังคม เมื่อสวัสดิการไม่ดี คนที่ขาดรายได้ก็ลำบากเช่นนี้เอง จะว่าไปถ้ามีงานที่รองรับคนวัยนี้เหมือนในญี่ปุ่นก็อาจพอช่วยได้
7. ก่อนจะไปถึงวันนั้น อย่าใช้เงินเพลิน ตระหนักเสมอว่า ถ้ารายได้ของตัวเองเป็น active income คือต้องทำอะไรสักอย่างจึงได้มา ไม่ใช่ passive income ที่เกิดจากค่าเช่า ค่าลิขสิทธิ์ ฯลฯ ต้องระวังว่า ถ้าวันหนึ่งเราไม่สามารถ active ได้แล้ว เงินก็จะหายไปด้วย ต้องเก็บออมเผื่อไว้
8. หาช่องทางสำรองไว้เสมอ เพราะอาชีพที่เราทำอยู่อาจหายวับไปในวันใดวันหนึ่ง โควิดทำให้เห็นว่า บางอาชีพที่มั่นคง อยู่มาวันหนึ่งก็ได้รับผลกระทบอย่างคิดไม่ถึง เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว กัปตันเครื่องบิน แอร์โฮสเตท ฯลฯ มิต้องนับว่า เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงทักษะของคนทำงานไปอีกมาก
9. เป็นพนักงานที่มีคุณค่ามาก-ปัญหาน้อย พัฒนาตัวเองเพื่อทำงานให้ได้ประสิทธิภาพ นิสัยน่ารัก ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน สร้างปัญหาให้น้อย เพื่อให้เรายังติดอยู่ในรายชื่อ 'คนที่ต้องรักษาไว้' ขององค์กร
10. รักษาเพื่อนและมิตรภาพ และคบหาคนที่หลากหลาย การมีเพื่อนฝูงจะทำให้เราเกิดไอเดียทำนู่นนี่อยู่เสมอ ยิ่งคนหลากหลายวงการ หลากหลายช่วงวัยก็ยิ่งทำให้เราคิดสิ่งใหม่ออก และไม่หล่นยุคง่ายๆ คนที่เปิดกว้าง อัตตาเล็กๆ ฟังคนอื่นมากๆ เรียนรู้จากคนต่างวัยต่างความสนใจอยู่เสมอจะมองเห็นลู่ทางใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ เช่นกัน
เก็บตกจากวงสนทนา (ที่ไม่ค่อยจะมีสาระ) มาฝากกันครับ ทั้งจากไอเดียของพี่ๆ และบางอย่างก็สังเกตเองแล้วเติมเข้าไป (แฮ่ๆ) หากเพื่อนพี่น้องมีคำแนะนำเพิ่มเติมว่า "50 แล้วไปไหน" หรือ "ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อน 50" สามารถแนะนำกันได้ในคอมเมนต์เลยครับ อยากได้ไอเดียเยอะๆ ก่อนจะ 50 นี่ก็ใกล้ขึ้นทุกวัน (ฮ่าฮ่า)
ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนในภาพด้วยครับ สำหรับผมแล้ว สิ่งสำคัญของคนอายุ 50 คือมิตรภาพที่ดี ซึ่งได้รับจากพี่ๆ เสมอ แม้ผมจะยังไม่ 50 ก็ตาม (ฮ่าฮ่า)
ดูดวงออนไลน์ 在 แม่นเหมือนนั่งอยู่ใต้เตียง ! 6 ช่องดูดวงออนไลน์ ไม่เสียเงินซักบาท แต่ ... 的推薦與評價
แนะนำช่องดูดวงออนไลน์ใน Youtube ดูให้ครบทุกเรื่องทั้งเรื่องการงาน การเงิน และความรัก แถมยังมีให้เลือกทั้งรายปักษ์ รายเดือน และรายปี ... ... <看更多>