หลักการหนึ่งที่มนุษย์ใช้ในการตัดสินใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตส่วนใหญ่เลยก็คือ “หลักการเปรียบเทียบ” ระหว่าง สิ่งหนึ่ง กับอีก สิ่งหนึ่งเสมอ ซึ่งนักปิดการขายที่เก่งกาจรู้จุดอ่อนข้อนี้ของมนุษย์ดี จึงใช้มันเป็นอาวุธหนักในการปิดการขายอยู่เสมอ
.
เพื่อให้เห็นภาพการใช้หลักการเปรียบเทียบในการตัดสินของมนุษย์มากขึ้น นักจิตฟิสิกส์จึงได้ทำการทดลองหนึ่งขึ้นมา โดยกำหนดถังน้ำไว้ 3 ถัง โดยแต่ละถังจะมีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน
.
ถังที่ 1 : น้ำเย็น
ถังที่ 2 : น้ำอุณหภูมิห้อง
ถังที่ 3 : น้ำร้อน
.
หลังจากนั้นก็ให้ผู้เข้าร่วมการทดลอง เอามือซ้ายจุ่มลงในถังน้ำเย็น ส่วนมือขวาจุ่มลงในถังน้ำร้อน หลังจากนั้นก็ให้เอามือทั้งสองข้างมาจุ่มลงในถังน้ำอุณหภูมิห้องพร้อมกัน
.
ผลปรากฎว่า มือของผู้เข้าร่วมทดลองที่เคยจุ่มในน้ำเย็นมาก่อน เมื่อมาอยู่ในถังอุณหภูมิห้องมันกลับรู้สึกร้อน ในขณะที่มือที่เคยจุ่มในน้ำร้อน พอมาอยู่ในถังอุณหภูมิห้องมันกลับรู้สึกเย็นซะอย่างนั้น แม้ว่ามือทั้งสองข้างจะอยู่ในถังที่มีอุณหภูมิห้องเหมือนกัน
.
นี่คือ ข้อพิสูจน์ว่ามนุษย์ไม่สามารถกำหนดค่าของสิ่งต่างๆ ได้ การจะตัดสินว่า ร้อน หรือ เย็น, สูง หรือ ต่ำ, หนัก หรือ เบา, เร็ว หรือ ช้า หรือแม้กระทั่งของจะราคา ถูก หรือ แพง มนุษย์จะต้องเปรียบเทียบมันกับอีกสิ่งหนึ่งเสมอ
.
ในร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน เขาบอกพนักงานขายว่าต้องการซื้อเสื้อสูท 3 ตัว และ เสื้อกันหนาว
.
ถ้าคุณเป็นพนักงานขายคุณจะเสนอขายอะไรก่อน ระหว่างเสื้อสูทที่ราคาแพง กับ เสื้อกันหนาวที่ราคาถูก
.
หลายคนมักจะบอกว่าควรเสนอขายของที่ราคาถูกก่อน เพราะโดยสามัญสำนึกแล้ว ถ้าเขาใช้เงินเยอะเพื่อซื้อของแพงไปแล้ว เขาอาจจะลังเลที่จะใช้เงินเพิ่ม ที่สำคัญการขายของราคาถูกก่อน ก็น่าจะทำให้เขาซื้อง่ายกว่าของราคาแพงสิ จริงไหม ?
.
แต่เจ้าของร้านขายเสื้อแห่งนี้รู้ดีว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น เขาจึงสั่งกับพนักงานขายทุกคนว่าให้เสนอขายสินค้าที่ราคาแพงก่อน เพราะเมื่อลูกค้าได้เห็นเสื้อสูทที่ราคาแพงถึง 15,000 บาท แล้ว เวลาที่ลูกค้าไปดูเสื้อกันหนาวต่อ แม้ว่าเสื้อกันหนาวตัวนั้นจะเป็นตัวที่ราคาแพงที่สุดในร้านถึง 3,000 บาท ก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับเสื้อสูทแล้ว ราคามันก็ดูไม่แพงนัก
.
การที่ลูกค้าคนนี้ใช้เงินซื้อสูทไปแล้ว 15,000 บาท การจะซื้อเสื้อกันหนาวแค่ 3,000 บาท ก็คงรู้สึกว่ามันไม่ได้ต้องเสียเงินเพิ่มอะไรมากขนาดนั้น
.
แต่ลองคิดดูว่าถ้าคุณพาลูกค้าคนนี้ไปดูเสื้อกันหนาวราคา 3,000 บาท ก่อน เขาคงจะมองว่าเสื้อกันหนาวอะไรราคาตั้ง 3,000 บาท และคงถามหาเสื้อกันหนาวตัวอื่นที่ราคาถูกกว่านี้ แถมการจะจ่ายเงินซื้อเสื้อสูทอีกราคา 15,000 บาท คงจะเป็นอะไรที่ต้องคิดหนัก เพราะมันจะยิ่งดูแพงเข้าไปใหญ่เมื่อเทียบเสื้อกันหนาว
.
เมื่อ 2 เดือนก่อน ผมไปซื้อกล้อง Canon รุ่น eos m50 mark ii เพื่อมาจัดรายการ Live ในเพจสมองไหล ซึ่งผมก็ดูราคาจากเว็บไซต์ไปก่อนแล้ว โดยราคาของมันอยู่ที่ 25,000 บาท แต่พอเอาเข้าจริง ผมกลับเดินออกมาจากร้านด้วยการเสียเงินไป 34,000 บาท
.
สาเหตุที่เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เพราะว่าราคากล้องที่ผมดูในเว็บไซต์กับหน้าร้านต่างกันแต่อย่างใด ราคามันเท่ากันเป๊ะๆ แต่เมื่อผมเข้าไปทดลองกล้องจนพนักงานเห็นว่าผมตัดสินใจเลือกกล้องตัวนี้แล้วแน่ๆ เขาก็เริ่มทำการเสนอขายอุปกรณ์เสริมอย่างอื่น ทั้ง ประกันอุบัติเหตุ, ฟิลเตอร์กันรอย, ไฟ LED สำหรับ Live และ ของเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ ซึ่งราคาของมันแต่ละอย่างก็ประมาณ 2,000 - 4,000 บาท ซึ่งตอนนั้นผมก็ตอบตกลงซื้อหมดเลย กลายเป็นว่ารวมๆ แล้วผมต้องเสียเงินเพิ่มอีก 9,000 บาท แต่ ณ ตอนนั้นผมกลับไม่ได้คิดว่ามันแพงอะไร
.
แต่พอมาลองคิดดูอีกทีที่บ้าน ผมกลับถามตัวเองว่า นี่เราต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์เสริมถึง 9,000 บาท เลยหรอ ?
.
จนผมได้มาอ่านหนังสือ กลยุทธ์โน้มน้าว และ จูงใจคน ของ Robert B.CIALDINI, PH.D. ก็รู้ตัวเลยทันทีว่า เราถูกพนักงานขายใช้จุดอ่อนเรื่องหลักการเปรียบเทียบเข้าแล้ว ตอนนั้นเมื่อผมตัดสินใจซื้อกล้องไป 25,000 บาท พอผมเปรียบเทียบกับอุปกรณ์เสริมที่ราคา 2,000 - 4,000 บาท มันก็เลยดูราคาถูกไปเลย แต่ถ้าให้ผมมาซื้ออุปกรณ์เสริมก่อน ผมคงรู้สึกว่ามันแพงมาก และ ไม่ควักเงินออกมาซื้อง่ายๆ แน่
.
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า คนเราจะตัดสินว่าของสิ่งไหนจะ ถูก หรือ แพง ขึ้นอยู่กับว่า เราเปรียบเทียบมันกับอะไร
.
อีกหนึ่งอาวุธหนักของการเปรียบเทียบที่นักปิดการขายมักใช้กันคือ การ “ตั้งใจ” เสนอของสิ่งหนึ่งเพื่อ “เปรียบเทียบ” ไม่ใช่เพื่อ “ขาย” ตั้งแต่แรก
.
มีนักขายอสังหาริมทรัพย์คนหนึ่งชื่อฟิล ทุกครั้งที่ฟิลพาลูกค้ากลุ่มใหม่ไปดูตัวอย่างบ้าน เขาจะพาลูกค้าไปชมบ้านที่สภาพไม่ค่อยน่าดูก่อนสักสองหลัง ซึ่งเขาไม่ได้ตั้งใจจะขายบ้านสองหลังนี้อยู่แล้ว เพราะทางบริษัทจะเตรียมบ้านสองหลังที่สภาพทรุดโทรม และ ตั้งราคาที่สูงเอาไว้ เป็นบ้านที่เอาไว้ “จัดฉาก”
.
พูดง่ายๆ คือ บ้านเหล่านี้ไม่ได้ตั้งใจมีเพื่อ “ขาย” แต่มีไว้เพื่อ “นำเสนอ”
.
และเมื่อฟิลพาลูกค้าไปดูบ้านที่ตั้งใจจะขายหลังจากที่ได้เห็นบ้านที่สภาพทรุดโทรมมาก่อน ลูกค้าทุกคนจะ “ตาเป็นประกาย” และ ตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว เพราะบ้านหลังนี้จะดูดีมากกว่าปกติ เมื่อเขาได้เปรียบเทียบกับบ้านที่มีสภาพไม่ต่างกับกองขยะ
.
มาถึงตรงนี้คุณคงจะรู้ตัวแล้วว่า ทำไมร้านกาแฟถึงมีแก้วส่มขนาดทั้งที่ราคาต่างกันนิดเดียว
.
ทำไมโทรศัพท์ถึงออกมาหลายรุ่น ทั้งธรรมดา รุ่น Pro และ Pro max
.
และทำไมตอนคุณตัดสินใจซื้อรถยนต์อีโคคาร์ เวลาดูใบเสร็จรับเงินครั้งสุดท้าย ค่าใช้จ่ายมันดันกลายเป็นก้อนโต (ที่ถูกรวมกับอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ) ทั้งที่คุณตั้งใจจะซื้อรถยนต์ราคาประหยัด
.
ดังนั้น หากคุณเข้าใจหลักการเปรียบเทียบนี้ คุณคือคนที่โชคดีมากครับ เพราะคุณสามารถใช้มันเป็นทั้งโล่ป้องกันกระเป๋าเงินของตัวเองไม่ให้ถูกดูดออกไปง่ายๆ และ ใช้มันเป็นอาวุธหนักในการปิดการขายลูกค้าได้อย่างเฉียบคม !!
.
.
#สมองไหล_Business
#สมองไหล
ตาเป็นประกาย คือ 在 KIM Property Live Facebook 的精選貼文
"สำเร็จในแบบคนธรรมดา"
ทุกคนคงเคยได้ยินคำสอนที่ว่า....
"หางานที่คุณรัก แล้วคุณจะไม่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต"
ซึ่งถ้าใครเจอสิ่งที่ตัวเองรัก ผมก็ยินดีด้วย
ส่วนตัว ผมเป็นคนที่ไม่มีโชคเรื่องนี้
....คือ ผมไม่รู้ตัวเองเลยว่า ผมชอบอะไรจริงๆ
ตอนเด็ก คุณครูถามว่า "โตขึ้นจะเป็นอะไร?"
ผมตอบเหมือนเดิมทุกครั้งว่า "คนรวย"
อย่างน้อยผมก็รู้ว่าเป้าหมายของผมคืออะไร
...เเต่ทำอะไร นั้นยังไม่รู้
ดังนั้น ผมไม่ได้เริ่มจากมองหาสิ่งที่ตัวเองรัก
เเต่ ผมมองหาสิ่งที่ได้เงิน
ผมทำมาหลายอย่าง เเต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็สู้คนที่มี passion ไม่ได้
พวกเขา ดูสนุก ตาเป็นประกาย มีชีวิตชีวา
ในทางกลับกัน ผมดูเหมือนคน ที่กำลังพยายามต่อสู้ ดิ้นรน
....ซึ่ง มันดูไม่น่าดึงดูดเลย
ผมอาจจะไม่ได้เก่งเหนือคนอื่น เเต่เรื่องความพยายาม ผมไม่เเพ้ใคร
โชคดีที่เจอ "อสังหาริมทรัพย์"
"อสังหาริมทรัพย์" ไม่ได้ตอบเเทนให้ "ความฉลาด" เเต่ มันตอบเเทนให้ "การทำงานหนัก"
ถ้าคุณได้เข้ามา คุณจะเข้าใจที่ผมพูด
บทความนี้ ผมเขียนเพื่อที่จะบอกว่า...
"ถ้าคุณไม่รู้ว่า งานที่คุณรักคืออะไร มันไม่ใช่ความผิดของคุณ"
พวกเราอยู่ในโลกที่ทุกคนพูดถึงเเต่ Passion ตามหาความฝัน ตามหาสิ่งตัวเองรัก
ยิ่งใน วงการผู้ประกอบการ อย่างผม น้อยคนมากที่จะประสบความสำเร็จ ขึ้นมาโดยที่ไม่มี Passion
ถ้าคุณไม่ได้เป็นอย่างพวกเขา ก็อย่าลงเล่นในเกมส์ของพวกเขา
อย่าเลือกเกมส์ที่คุณไม่มีวันชนะ
จงเลือกเกมส์ที่คุณได้เปรียบ เล่นเกมส์ที่มีโอกาสชนะมากที่สุด
จำคำนี้ไว้...
"ในหมู่คนตาบอด คนที่มีตาเดียวคือพระเจ้า"
จงหาพื้นที่ของคุณ...
พื้นที่ ที่ตัวตนของคุณได้เฉิดฉาย
#พื้นที่ที่ความพยายามของคุณส่งผล
#KIMPropertyLive
#ความสำเร็จของคนธรรมดา
ตาเป็นประกาย คือ 在 แค่มองตาก็รู้ได้แล้ว…ว่าเขาชอบเรารึเปล่า? - YouTube 的推薦與評價
แต่ก็รู้ว่า( เป็น ไปไม่ได้) | Chong Charis. Chong Charis. Chong Charis ... แปลว่าคุณ”ตกหลุมรัก”เข้าให้แล้ว. Chong Charis. Chong Charis. •. •. 70K ... ... <看更多>