#ผลกระทบของCOVID19ต่อการเติบโตของเด็ก
#เรารู้อะไรจากงานวิจัย
.
ใครๆก็รู้ว่าเด็กที่เติบโตในยุคที่มีการระบาดของโรค COVID19
ต้องได้รับผลกระทบแน่นอน...ไม่เห็นต้องไปอ่านงานวิจัยที่ไหน
แค่หันมามองลูกเราเอง ก็รู้แล้ว😅
.
แต่ข้อดีของการอ่านข้อมูลจากงานวิจัย
ทำให้เรามองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ว่าขนาดของปัญหาที่เราคิดว่า
อาจจะเกิดกับลูกของเรา มันกว้าง มันลึกประมาณเท่าไหร่
และเมื่อรู้ข้อมูลเหล่านี้ เราเองจะมีทางทำให้ดีขึ้นได้บ้างมั้ย
.
1) งานวิจัยแรกที่หยิบยกมาเล่าให้ฟัง
เป็น systematic review( เป็นงานเขียนที่รวบรวมงานวิจัยที่คล้ายๆกันมากลั่นกรองข้อมูลอีกที )
เค้าศึกษาเรื่องผลกระทบของ การระบาด COVID19
ต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการในเด็ก
ความน่าสนใจของงานวิจัยนี้
ไม่ใช่แค่หาข้อมูลเรื่อง COVID เพียงอย่างเดียว
แต่เค้ายังหยิบยกข้อมูลตอนที่เกิด pandemic อื่นๆมาเปรียบเทียบอีกด้วย
ในการศึกษานี้พบว่า
จากจำนวนผู้เข้าร่วมวิจัย 1210 ราย
(คนที่ตอบจะเป็นผู้หญิง เป็นตัวแทนของครอบครัวที่มีสมาชิก 2-5 คน)
53% มีคนในครอบครัวมีปัญหาสุขภาพจิตในระดับปานกลางถึงรุนแรง
โดย 16% มีอาการของซึมเศร้า
29% เป็นโรควิตกกังวล
8% เป็นโรคเครียด
ซึ่งเมื่อเทียบกับ การระบาดของ H1N1 การระบาดของ Ebola, การที่ครอบครัวมีคนติดเชื้อ HIV ในแอฟริกา
จะพบว่าผลกระทบต่อสุขภาพจิต
ที่เกิด COVID19 ระบาด จะส่งผลกว้างกว่า
ซึ่งโดยส่วนตัว หมอคิดว่า ไม่ว่า Pandemic อะไรก็คงส่งผลให้เกิดความเครียดทั้งนั้น มันไม่ใช่แค่ปัจจัยเรื่องตัวโรคเพียงอย่างเดียว
(ไม่ใช่ว่า COVID เครียดกว่า H1N2 หรือ Ebola)
แต่ยังมีเรื่องของสภาพสังคมปัจจุบัน ข่าวสาร
ที่ทำให้เกิดความเครียดได้มากกว่าในยุคก่อน
หรืออีกแง่มุมหนึ่งคือ การเก็บข้อมูลที่ดี ทำได้รวดเร็วกว่าในยุคก่อน ทำให้ข้อมูลเที่ยงตรงมากขึ้น
*** จุดสำคัญของงานวิจัยนี้คือ การที่มีคนในครอบครัวมีปัญหาสุขภาพจิต ก็จะไปส่งผลกระทบโดยตรงต่อพัฒนาการเด็ก เพราะหากเด็กเติบโตในครอบครัวที่ผู้ใหญ่มีความเครียดสูง จะทำให้เกิดความเครียดที่รุนแรง ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของโครงสร้างสมอง (toxic stress)
2) งานวิจัยที่ 2 ทำในประเทศเกาหลีใต้
พ่อแม่ 217 ครอบครัว ของเด็กวัย 7-12 ปี เป็นผู้ตอบคำถามวิจัย
และแบบทดสอบประเมินสุขภาพจิต เด็กในเกาหลีใต้กลุ่มนี้ เรียนออนไลน์ 97%
พ่อแม่บอกว่า มีปัญหาเรื่องการใช้หน้าจอ
โดยพบว่าเด็กใช้ Youtube มาก 87.6%
เล่นเกมส์ 78%
ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากเกินไป มีปัญหาเรื่องพฤติกรรมด้านลบ และมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ ซึ่งเมื่อดูในรายละเอียด พบว่า บ้านที่เด็กมีปัญหาเรื่องพฤติกรรม และเด็กมีปัญหาเรื่องการนอน สัมพันธ์กับแม่ที่มีภาวะซึมเศร้าชัดเจน
3) งานวิจัยที่ 3 ทำในประเทศจีน 1062 ครอบครัว พ่อแม่ตอบแบบสอบถาม 1062 ราย ให้เด็กตอบแบบสอบถามเองได้ 738 ราย
ทำวิจัยในเด็กประถมเช่นกัน พบว่า ทั้งพ่อแม่ และเด็กมีความเครียดเพิ่มขึ้น
18% มีปัญหาด้านพฤติกรรม นอกจากนี้โดยส่วนใหญ่มีสมาธิลดลง และมีปัญหาเรื่องการเรียน
=======================
ตัวอย่างงานวิจัยที่หมอยกมา
ทำให้เรามองเห็นภาพว่า
1) เด็กปฐมวัย (เด็กเล็ก-อนุบาล)
เด็กวัยนี้ เป็นวัยที่สำคัญสุดๆ
เพราะประสบการณ์ในวัยนี้ กำหนด โครงสร้างสมอง
เด็กไม่ได้รับรู้
เข้าใจความเลวร้ายของโรคระบาดดีนัก
เด็กไม่เข้าใจปัญหาเศรษฐกิจ
เด็กไม่เข้าใจปัญหาความล้มเหลวในการบริหารระบบอะไรใดๆ
เด็กเพียงแค่เข้าใจว่าพ่อแม่ #มีหรือไม่มีความสุข เท่านั้น
ถ้าคุณเป็น พ่อแม่ ที่ลูกที่บ้านอายุน้อยกว่า 6 ปี
หมอต้องบอกว่า....เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่ง
เวลาของ COVID19 ผ่านเข้ามา
แล้วสักวันต้องผ่านไป
แต่หากลูกเล็กของเรา
ต้องเติบโตพร้อมกับบรรยากาศที่พ่อแม่ทุกข์ระทม พ่อแม่ทะเลาะกัน มีปัญหาเรื่องปากท้อง คนในบ้านเจ็บป่วย ไม่ได้เล่น ไม่มีรอยยิ่ม (toxic stress) ฯลฯ
2-3 ปีที่ต้องอยู่ในสภาพนี้
จะกำหนดโครงสร้างสมองของลูก
และเค้าต้องอยู่กับสมองที่ได้รับผลกระทบนี้ไปตลอดชีวิต
หมอรู้ว่าปัญหาบางอย่างแก้ไม่ได้ที่ #ระดับตัวเรา
แค่ลองดูว่า ปัญหาที่เราแก้ได้ด้วยตัวเอง เราทำแะไรให้ดีขึ้นบ้างมั้ย
2) พ่อแม่วัยประถม
จะเห็นว่า ไม่ใช่แค่ประเทศเรา
พ่อแม่เด็กวัยนี้จะเป็นกังวลเรื่องการเรียนของลูก
การใช้หน้าจอ ปัญหาความสนใจในเรียนลดลง
ปัญหาสุขภาพแฝงที่มากับการไม่ได้ออกไปเล่นไปปลดปล่อยนอกบ้าน
ความเครียดของแม่ การทะเลาะกันของพ่อแม่กับลูก
หมอเองก็เป็นแม่ของเด็กวัยประถมเช่นกัน
เด็กวัยนี้ เข้าใจสถานการณ์ของสังคมได้ดีพอสมควร
แต่ตามพัฒนาการของเค้า สิ่งสำคัญคือการไปเข้าสังคมกับเพื่อน
การทำงานด้วยกัน เล่นกัน โกรธกัน คืนดีกัน
เพื่อพัฒนาทักษะสำคัญคือ
การเข้าสังคม การปรับตัว การยืดหยุ่น
ซึ่งเค้าไม่ได้ทำสิ่งที่ควรจะทำ ก็เกิดความเครียดได้มากมายแล้ว
สิ่งที่ได้กลับมา
คือ ต้องเรียนหน้าจอที่ไม่สนุก ไม่มีเพื่อน
ถามจริงว่า ถ้าคุณมีหน้าจอกับมือ มีเนื้อหาในหน้าจอที่หน้าเบื่อ กับเนื้อหาสนุกเลือกเองได้ เราจะอยากได้อย่างไหน
ตัวเลขในวิจัยก็ไม่เกินความคาดหมายใช่มั้ย
ถ้าเรามองลูกอย่างเข้าใจ
อย่างน้อย ก็อาจจะให้หงุดหงิดลูกได้น้อยลงบ้างนะคะ
3) พ่อแม่วัยรุ่น
ต้องบอกว่า เราคงทำอะไรไม่ได้มาก
นอกจากจะดูผลแห่งการเลี้ยงดูลูกในอดีตของเราเอง
ถ้าเราหล่อเลี้ยงใจเค้าตั้งแต่ปฐมวัย และประถม
วัยนี้ หมอเข้าใจว่า สิ่งที่เราทำได้คือ เฝ้าดู และบอกลูกว่า แม่อยู่ตรงนี้นะ
ถ้าอยากให้ช่วยเหลือ
===================
ข้อมูลเรื่องการแก้ปัญหา
หมอขออ้างอิง Center on developing child (Havard University)
https://developingchild.harvard.edu/resources/how-to-help-families-and-staff-build-resilience-during-the-covid-19-outbreak/
เรื่องการสร้างเด็กที่ ล้มแล้วลุกได้ไว (Resilience)
ซึ่งหมอเคยได้เขียนไปในบทความก่อนหน้านี้
ปัจจัยสำคัญของการสร้างเด็กที่มี Reilience ต้องการ 4 ข้อ
1. จะต้องมีสายสัมพันธ์ที่มั่นคง กับผู้เลี้ยงดูอย่างน้อย 1 คน
2. จะต้องไม่มี toxic stress กล่าวคือ เหตุการณ์ที่ทำให้สมองหลั่งสารความเครียดอย่างต่อเนื่อง กระทบต่อพัฒนการโครงสร้างสมองโดยตรง
โดยความเครียดที่ว่า เด็ก(รู้สึก)ถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับการตอบสนองเมื่อเค้าตต้องการ พ่อแม่ที่มีภาวะสุขภาพจิตรุนแรง เช่น โรคซึมเศร้า เป็นจิตเภท
ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกล่วงละเมิด เป็นต้น
3. มี positive stress กล่าวคือ มีการฝึกวินัย ที่เด็กต้องบังคับ ฝึกตนเองให้ก้าวผ่านอุปสรรคไปได้ เป็นอุปสรรคที่คาดเดาได้ เช่น
แม่ให้ล้างจมูก ไม่อยากล้าง แต่ก็ต้องทำ
แม่ให้ช่วยทำงานบ้าน ไม่อยากทำ แต่ท้ายที่สุดก็ทำจนเสร็จ
ทำการบ้านได้เสร็จ
เรียนออนไลน์ ไม่สนุกแต่ก็บังคับตัวเองให้เรียนได้
4. เปิดโอกาสให้เด็กได้ทำอะไรด้วยตัวเอง ตามความสามารถที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัย
สำหรับอุปสรรคที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กทั้งโลก
อย่างการระบาดของ COVID19
ในบทความได้เขียนบรรยาย และวาดภาพเอาไว้เข้าใจง่าย
เค้าเปรียบเทียบ สิ่งที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็ก
ในช่วงชีวิตของเด็กจะต้องมีทั้งด้านบวก และด้านลบ
การที่เราจะสร้างเด็กที่มีคุณสมบัติ Resilience ได้
ตาชั่ง ด้านบวกต้องมากกว่า หรือเท่ากับด้านลบ
เราจะทำอย่างไร
1) ลดปัจจัยด้านลบ ที่ส่งผลกระทบต่อเด็ก
ลองกลับไปทบทวนดูว่า ในตอนนี้เราสามารถลดปัจจัยนั้นได้มากน้อยแค่ไหน เช่น หงุดหงิดใส่ลูกบ่อยๆ เพราะเครียดจากเรื่องอื่น เราจะลดได้มั้ย
หรือ รู้ตัวว่าเริ่มมีภาวะซึมเศร้า...เราจะขอความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง
(เห็นแผนภาพแล้วหมอก็เศร้า....เราอยู่ในประเทศ ที่ต้องพึ่งตัวเองเป็นหลักเลยค่ะ...อะไรที่พอทำได้ ก็ต้องทำไปค่ะ เพื่อลูก)
2) เพิ่มปัจจัยด้านบวก
อย่างที่บอก คือ เด็กต้องการเงื่อนไข 4 ข้อ ลองขึ้นไปอ่านด้านบน ว่าเราได้ทำได้หรือยัง ถ้ายัง จะเพิ่มเติมตรงไหนได้อีกบ้าง แต่บอกเลยว่า ข้อ 1 สำคัญที่สุด ถ้าไม่มีข้อ 1 ไม่ต้องคิดถึงข้อถัดๆไป ดังนั้น อย่าไปคิดอะไรไกลตัว...ไม่ต้องไปคิดถึงคะแนนสอบ ไม่ต้องไปคิดว่าเราไม่ค่อยมีเวลาสอนการบ้านลูก.....แค่บรรยากาศในบ้าน ที่ไม่เครียด ลูกยังรู้ว่าเรารักเค้า...นั่นก็ดีพอแล้วค่ะ
.....
หมอแพม
ปล. ไม่ได้เขียนบทความนานมากแล้ว เพราะมาเติมปัจจัย Resilience ของตัวเองและเด็กในบ้าน
同時也有18部Youtube影片,追蹤數超過11萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Youtube影片中提到,การศึกษาที่ดีที่สุดในความคิดของคุณคืออะไร?คุณจะใช้อะไรเป็นตัวชี้วัด อัตราการสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ความเก่ง ดี และ มีอนาคตของนักเรียนที่จบไป หรือ คุณ...
ต้องการ youtube 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
Saverin อยู่กับเฟซบุ๊กปีเดียว แต่มีทรัพย์สิน 6 แสนล้าน /โดย ลงทุนแมน
Mark Zuckerberg เริ่มก่อตั้ง Facebook ในปี 2004 ร่วมกับเพื่อนอีก 4 คน
หนึ่งในนั้นคือรุ่นพี่ที่ชื่อว่า “Eduardo Saverin”
Saverin คือเพื่อนคนแรกที่ Zuckerberg ชวนมาร่วมทีมและเขาคนนี้ยังเป็นคนแรกที่ร่วมลงทุนใน Facebook
แต่ผ่านไปเพียงปีเดียว กลับมีเรื่องราวที่ทำให้เขากลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้งที่ต้องออกจากบริษัทไปเป็นคนแรกเช่นกัน
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับ Saverin ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
“Eduardo Saverin” เกิดที่เมืองเซาเปาลู ประเทศบราซิล ในปี 1982 ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่เมืองรีโอเดจาเนโร
เขาเกิดมาในครอบครัวชาวยิวที่ร่ำรวย โดยพ่อของเขาเป็นนักธุรกิจ ที่เป็นเจ้าของกิจการทั้งการส่งออก เรือขนส่ง ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์
แต่ความมั่งคั่งนี้ ก็เป็นที่ล่อตาล่อใจของแก๊งมาเฟีย ทำให้เมื่อปี 1993 Saverin ในวัย 11 ปี มีชื่ออยู่ในลิสต์เหยื่อที่จะโดนแก๊งลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่
โชคดีที่พ่อของเขาไหวตัวทัน เขาจึงพาครอบครัวอพยพไปตั้งต้นชีวิตในที่ที่ปลอดภัยกว่า อย่างประเทศสหรัฐอเมริกา จน Saverin ได้สัญชาติอเมริกันในปี 1998
หลังจากเรียนจบมัธยมศึกษา Saverin เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
เขาโดดเด่นเรื่องการลงทุนเป็นพิเศษ ทั้งการได้เป็นประธาน Harvard Investment Association และยังเป็นที่เลื่องลือจากการทำกำไรเป็นเงิน 3 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10 ล้านบาท จากการลงทุนในฟิวเจอร์สน้ำมัน
ปี 2003 ขณะที่ Saverin เรียนอยู่ปี 3 รูมเมตรุ่นน้องของเขาที่ชื่อ “Mark Zuckerberg” กำลังพัฒนา TheFacebook.com หรือที่เรารู้จักกันก็คือ Facebook ในปัจจุบัน
เวลานั้น Zuckerberg กำลังมองหาพาร์ตเนอร์มาร่วมทีม ซึ่งเขามองหาคนที่มีเงินทุนและเก่งในด้านที่เขาไม่ถนัด นั่นคือการลงทุนและการทำธุรกิจ ซึ่ง Saverin ก็เรียกได้ว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ Zuckerberg ต้องการ นั่นจึงทำให้เขาถูกชวนมาเป็นพาร์ตเนอร์คนแรก
พวกเขาตกลงว่าจะร่วมทุนกันคนละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5 แสนบาทและแบ่งหน้าที่กัน โดย Zuckerberg โฟกัสการพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ ส่วน Saverin รับผิดชอบด้านการเงินและธุรกิจ
จนในที่สุด TheFacebook.com ก็ได้เปิดตัวในช่วงต้นปี 2004 และได้รับความนิยมไปทั่วมหาวิทยาลัยทันที โดยมีผู้สมัครใช้งานกว่า 4 พันคนภายใน 2 สัปดาห์แรก
พวกเขาเลยชวนรูมเมตอีกคนที่ชื่อ Dustin Moskovitz มาร่วมทีม ซึ่งรับหน้าที่เป็นโปรแกรมเมอร์ และหลังจากนั้นไม่นานก็มีเพื่อนอีก 2 คนมาร่วมทีม
เดือนเมษายน หรือหลังเปิดตัวเว็บไซต์ไปได้ 2 เดือน TheFacebook ก็จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด
โดยมีผู้ถือหุ้นคือ Zuckerberg ถือหุ้น 65%, Saverin ถือหุ้น 30% และ Moskovitz ถือหุ้น 5%
มาถึงช่วงปิดเทอมหน้าร้อนในเดือนมิถุนายน Zuckerberg กับ Moskovitz เดินทางไปที่เมืองพาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของซิลิคอนแวลลีย์ เพื่อเช่าบ้านและโฟกัสกับการพัฒนา TheFacebook.com
ส่วน Saverin เลือกไปฝึกงานกับสถาบันการเงิน Lehman Brothers ที่นิวยอร์ก และ Zuckerberg ได้แบ่งความรับผิดชอบให้เขา 3 อย่าง คือ วางโครงสร้างบริษัท ทำโมเดลธุรกิจ และที่สำคัญคือหาเงินทุน
แต่การเลือกเส้นทางที่แตกต่างกันในครั้งนี้ กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของรอยร้าว
สิ่งที่ Saverin ให้ความสำคัญมากที่สุดในเวลานั้น คือการฝึกงาน
เขาจึงละเลยสิ่งที่ Zuckerberg ฝากให้เขาจัดการทั้ง 3 ข้อ
ทั้งที่ Zuckerberg และคนอื่นในทีม ทุ่มเทกับการต่อยอด TheFacebook.com ซึ่งในตอนนั้นมีจำนวนผู้ใช้งานเติบโตอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่มีใครคาดคิด ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นที่สุดก็คือการหาเงินทุน ซึ่งเป็นหน้าที่ของ Saverin มาตั้งแต่ต้น
แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่รับหน้าที่ในการหานักลงทุนก็คือ Sean Parker ไอดอลแห่งวงการเทคโนโลยี ผู้ก่อตั้ง Napster แพลตฟอร์มแชร์และดาวน์โหลดเพลงออนไลน์ ที่เป็นต้นแบบของ iTunes
ก่อนหน้านี้ไม่นาน Parker ได้รู้จัก TheFacebook.com และรู้สึกสนใจ จึงติดต่อ Zuckerberg เพื่อมาร่วมทีมด้วย
ซึ่ง Parker สามารถโน้มน้าวให้ Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal มาลงทุนใน TheFacebook.com ได้สำเร็จ เป็นเงิน 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 16.6 ล้านบาท
นอกจากนี้ Parker ซึ่งมีประสบการณ์ธุรกิจมาก่อน จึงกลายเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของ Zuckerberg และยังมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่ทุกอย่างที่ Saverin ละเลย
มาถึงตรงนี้ Saverin ที่ให้ความสำคัญกับ TheFacebook.com น้อยกว่าคนอื่น ก็หมดความจำเป็น Zuckerberg เลยคิดจะตัดเขาออกจากทีม แต่ก็ติดปัญหาตรงที่เขาไม่รู้จะใช้วิธีไหน
เพราะ Saverin เป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งและที่สำคัญคือเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท
Parker เลยแนะนำวิธีหนึ่งให้กับ Zuckerberg ซึ่งเป็นทริกที่ Thiel เคยใช้และเรียนรู้ต่อมาจากนักลงทุนระดับตำนานคนหนึ่ง
วิธีการนั้นก็คือ การลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทของ Saverin ลง ด้วยการตั้งบริษัทใหม่ เพื่อมาซื้อบริษัทเดิม หลังจากนั้นก็ออกหุ้นเพิ่ม และจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ให้กับทุกคน ยกเว้น Saverin
Zuckerberg ได้ลองอธิบายแผนการนี้ผ่านทางอีเมลเพื่อขอคำปรึกษาจากนักกฎหมายของเขา ซึ่งนักกฎหมายก็เตือนว่าอาจจะเกิดการฟ้องร้องตามมาได้ แต่สุดท้ายแผนการนี้ก็ยังดำเนินต่อไป
ขั้นตอนแรกเริ่มขึ้นในปลายเดือนกรกฎาคม ทีม Zuckerberg จัดตั้งบริษัทใหม่และใช้บริษัทใหม่นี้ไปซื้อบริษัทเดิม ซึ่งสัดส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่ จะถูกจัดสรรโดยรวมผู้ลงทุนอย่าง Thiel เข้าไปด้วย ดังนี้
Zuckerberg ถือหุ้น 40%
Saverin ถือหุ้น 24%
Moskovitz ถือหุ้น 16%
และ Thiel ถือหุ้น 9%
ส่วนอีก 11% ที่เหลือ เก็บไว้เผื่อแจกเป็นอ็อปชันให้กับผู้ร่วมทีมในอนาคต
ขั้นตอนนี้ ทำให้สัดส่วนหุ้นของ Saverin ลดลงจากเดิม 30% มาเป็น 24%
หลังจากนั้น ทาง Zuckerberg ก็ได้ให้ Saverin เซ็นชื่อในข้อตกลงจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่นี้ในเดือนตุลาคม โดย Saverin ตกลงให้ทรัพย์สินทางปัญญาทุกอย่างของบริษัท รวมถึงสิทธิ์ในการออกเสียงในบริษัท ที่เคยเป็นส่วนของเขา โอนมาเป็นของ Zuckerberg แทน
และเมื่อปิดเทอมหน้าร้อนสิ้นสุด ความสำเร็จเกินคาดของ TheFacebook.com ก็ทำให้ Zuckerberg และ Moskovitz ตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยและอยู่ที่แคลิฟอร์เนียต่อ ขณะที่ Saverin กลับมาเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ดในปีสุดท้าย
ต่อมา ในต้นเดือนมกราคม ปี 2005 บริษัท Facebook ก็ได้ออกหุ้นสามัญเพิ่ม 9 ล้านหุ้น โดยถูกจัดสรรเป็นของ Zuckerberg 3.3 ล้านหุ้น Parker และ Moskovitz ได้ไปคนละ 2 ล้านหุ้น ส่วน Saverin ไม่ได้อะไรเลย
ขั้นตอนนี้ ทำให้สัดส่วนหุ้นของ Saverin ลดลงจาก 24% จนเหลือไม่ถึง 10%
Saverin ผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยก็เพิ่งมารับรู้ถึงวิธีที่เขาโดนลดสัดส่วนการถือหุ้นหลังผ่านไปเกือบ 4 เดือน
ซึ่งในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เขาก็ต้องออกจากบริษัทและถูกลบชื่อออกจากผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท
ความขัดแย้งนี้ก็นำไปสู่การฟ้องร้อง ตามที่นักกฎหมายของ Zuckerberg เคยเตือนไว้
Zuckerberg ยื่นฟ้อง Saverin โดยอ้างว่า Saverin ทำให้บริษัทเสียหาย จากการระงับบัญชีธนาคารของบริษัทเมื่อช่วงปิดเทอมหน้าร้อน รวมถึงอ้างว่าข้อตกลงเรื่องการจัดสรรหุ้นตอนจัดตั้งบริษัทใหม่ไม่มีผลบังคับใช้
Saverin ฟ้อง Zuckerberg กลับ โดยอ้างว่าในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน Zuckerberg นำเงินทุนของบริษัทในตอนแรก ซึ่งเป็นส่วนที่เขาร่วมลงทุนด้วย ไปใช้กับเรื่องส่วนตัว และอีกข้อหาคือเรื่องที่เขาถูกบังคับให้ออกจากบริษัท
แต่สุดท้ายแล้ว ในปี 2009 ทั้งสองฝ่ายก็มาทำความตกลงกันนอกศาล ซึ่งจบที่การยอมความ
และชื่อของ Saverin ก็กลับมาอยู่ในผู้ร่วมก่อตั้งเหมือนเดิม
ตั้งแต่นั้นมา Saverin ก็ย้ายไปอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์
และได้เปลี่ยนสัญชาติจากอเมริกันเป็นสิงคโปร์ ในปี 2011
ซึ่งนอกจากจะแต่งงานและสร้างครอบครัวที่สิงคโปร์แล้ว ในปี 2015 Saverin ได้ร่วมก่อตั้งบริษัท Venture Capital ที่ชื่อ “B Capital” กับเพื่อนสมัยเรียนฮาร์วาร์ดที่ชื่อ Raj Ganguly ซึ่งเคยทำงานในบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจระดับโลกอย่าง McKinsey & Company และ Boston Consulting Group
โดย B Capital จะเน้นให้เงินทุนกับสตาร์ตอัปในเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย อย่างเช่นบริษัทจากอินเดียที่ชื่อ BYJU’S ซึ่งปัจจุบันเป็นสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีการศึกษาที่มูลค่ามากสุดในโลก
แต่เรื่องการเปลี่ยนสัญชาตินี้ก็ได้ทำให้เขาถูกวิจารณ์ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน Facebook ก็เตรียม IPO ในปี 2012 Saverin จึงถูกมองว่าเขาสละสัญชาติอเมริกันเพราะต้องการเลี่ยงภาษีกำไรจากเงินลงทุน
เพราะแม้ว่าการระดมทุนในตลาดหุ้นของ Facebook จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้น Facebook ของเขาลดลงเหลือเพียง 2% ก็คิดเป็นมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าเขาขายทำกำไร เขาจะถูกคิดภาษีกำไรจากเงินลงทุนราว 2 หมื่นล้านบาท
แต่ Saverin ก็ยืนยันว่าเขาตั้งใจจะทำงานและใช้ชีวิตที่สิงคโปร์มาตั้งแต่แรกจริง ๆ
และจากตอน IPO ปี 2012 มาถึงวันนี้ ปี 2021 Saverin ก็ไม่ได้ขายหุ้น Facebook เพื่อทำกำไร ในทางกลับกันเขากลับซื้อเพิ่มอีกเล็กน้อยด้วยซ้ำ
ปี 2012 Saverin มีหุ้น Facebook 53.13 ล้านหุ้น
ปี 2021 Saverin มีหุ้น Facebook 53.46 ล้านหุ้น
ปัจจุบัน Saverin ในวัย 39 ปี ได้กลายเป็นชาวบราซิลที่รวยสุดในโลก และเป็นคนที่รวยสุดเป็นอันดับ 2 ในสิงคโปร์ ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 6.5 แสนล้านบาท ซึ่งความมั่งคั่งเกือบทั้งหมดมาจากการที่เขายังถือหุ้น Facebook โดยที่ยังไม่ได้ขายออกไป
โดยถ้าคิดจากราคา IPO ของ Facebook ที่ 38 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ปัจจุบันราคาหุ้น Facebook อยู่ที่ 355 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น
ซึ่งมูลค่าหุ้นที่ Severin ถืออยู่ตอน IPO ปี 2012 ที่กว่า 6 หมื่นล้านบาท ตอนนี้ได้เพิ่มขึ้นกลายเป็น 6.2 แสนล้านบาทแล้ว
ที่น่าสนใจคือ 6.2 แสนล้านบาทนี้มีจุดเริ่มต้นจากเงินลงทุนหลักแสน
และเขาใช้เวลาอยู่ในบริษัท Facebook เพียงปีเดียว โดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
สิ่งที่เขาทำหลังจากนั้น เป็นเพียงการถือหุ้น Facebook ที่มีอยู่ไปเรื่อย ๆ เท่านั้นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.businessinsider.com/how-mark-zuckerberg-booted-his-co-founder-out-of-the-company-2012-5
-https://www.businessinsider.com/goodbye-america-billionaire-facebook-cofounder-renounces-citizenship-2012-5
-https://www.forbes.com/sites/alexkonrad/2019/03/19/life-after-facebook--the-untold-story-of-billionaire-eduardo-saverins-highly-networked-venture-firm/?sh=21f9b3462c8c
-https://www.forbes.com/sites/briansolomon/2012/05/18/eduardo-saverins-net-worth-publicly-revealed-more-than-2-billion-in-facebook-alone/?sh=47dee32a32ac
-https://www.rollingstone.com/culture/culture-news/the-battle-for-facebook-242989/
-https://www.dailymail.co.uk/news/article-2143764/Facebook-founder-Eduardo-Saverin-risk-kidnapping-moving-US.html
-https://www.forbes.com/profile/eduardo-saverin/?sh=dbbbb3b7bd56
-https://www.sec.gov/Archives/edgar/data/1326801/000132680121000022/facebook2021definitiveprox.htm
ต้องการ youtube 在 Tonhorm Facebook 的精選貼文
บริษัท Ct.studio ต้องการ
Marketing online ต้องการทีมงานรุ่นใหม่ไฟแรง ที่อยากประสบความสำเร็จในสื่อออนไลน์
หน้าที่รับผิดชอบ
1.พัฒนาและจัดการด้านกลยุทธิดิจิตอลมาเก็ตติ้ง
2.วางแผนจัดทำคอนเทนต์ภาพ และวีดีโอทั้งบนเวปไซต์และ social media account ต่างๆ เช่น facebook, line@, youtube, twitter, bingo, TikTok เป็นต้น
3.สามารถใช้ Digital marketing tools ต่างๆได้อย่างชำนาญ Google Analytics, Facebook Analytics, Google Tag, Youtube Analytics, Line@ , ahrefs, neilpatel เป็นต้น
4.สามารถวิเคราะห์ข้อมูลด้าน Digital marketing
5.คอยศึกษากลยุทธของและเทคนิคใหม่ๆอยู่เสมอ
6.ยิงโฆษณาเก่งทั้ง GOOGLE ,LINE ,FACE BOOK
Customers service แอดมิน
คุณสมบัติ
1.หน้าตาดี
2.มนุษยสัมพันธ์ดี
3.รักงานบริการ
4.ทำงานภายใต้ภาวะกดดันได้
5.มีความคิดสร้างสรรค์
6.ถ้าเป็นคนตลกจะได้รับพิจรณาเป็นกรณีพิเศษ
สถานที่ทำงาน the shelter โชคชัย 4
เวลาทำงาน 9.30-17.00
หยุดทุกวันศุกร์ และวันพิเศษของบริษัท
ส่ง resume ได้ที่ nutteetienpairoj@gmail.com
หรือ line @ct.shop
ต้องการ youtube 在 ลงทุนแมน Youtube 的最佳解答
การศึกษาที่ดีที่สุดในความคิดของคุณคืออะไร?คุณจะใช้อะไรเป็นตัวชี้วัด
อัตราการสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ความเก่ง ดี และ มีอนาคตของนักเรียนที่จบไป หรือ คุณภาพการเรียนการสอน
คำว่าคุณภาพของการเรียนการสอน ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัจจัยแห่งความสำเร็จอยู่ที่ตรงไหน
The Briefcase วันนี้จะพาทุกคนมาฟังคำตอบกัน กับ ดร. สาคร สุขศรีวงศ์ ผู้ซึ่งประกาศไว้ว่า จะทำให้ โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ เป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย
โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ ก่อตั้งขึ้นโดยได้รับความร่วมมือจากโรงเรียนคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน ประเทศอังกฤษ (King’s College School, Wimbledon) หนึ่งในโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จด้านการศึกษาสูงสุดในโลก
มาตรวัดนึงที่พิสูจน์ความสำเร็จนี้ คือ จำนวนนักเรียนมากกว่า 90% ที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตนเองเลือกเป็นอันดับแรกทั้งในประเทศอังกฤษ และประเทศสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และมหาวิทยาลัยเยล ได้สำเร็จ
โดยโรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ เป็นโรงเรียนแห่งที่ 3 ในโลกและแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เน้นแนวคำตอบ Lead ไปตอนตอบบอร์ดบริหารว่า ต้องการ อาจารย์ที่เป็นมากกว่าครู
การศึกษาที่ดีที่สุดในโลกปัจจุบันที่ความรู้หาได้ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องการจากโรงเรียนในยุคนี้ไม่ใช่แค่เรื่องวิชาการ คือการเตรียมความพร้อมให้นักเรียน สามารถเป็นคนที่มีคุณค่าของโลกในอนาคต ดังนี้โจทย์ใหญ่ของ KCS คือทำอย่างไร ให้นักเรียน มีทั้งความประพฤติและมารยาทที่นอบน้อม (Good Manners) จิตใจที่เปี่ยมด้วยความเมตตา (Kindness) และจิตวิญญาณแห่งการใฝ่รู้สู่ปัญญา (Wisdom) ภายใต้ Motto หัวใจที่ยิ่งใหญ่ จะสามารถพาให้เด็กๆ เติบโตไปได้ไกลกว่า และครูคือกุญแจสำคัญในการร่วมสร้างคุณค่าเหล่านี้ ให้กับนักเรียน
โดยใช้หลักสูตรที่เน้น 3 แกน Academic Excellence – ด้วย Curriculum หรือหลักสูตรการเรียนการสอนที่แข็งแกร่ง ที่จะทำให้พวกเขามีมันสมองที่เก่งขึ้นในระดับสู้กับคนอื่นได้ / Co-Curricular Program หลักสูตรร่วมผสม ประกอบด้วย Club, Society และกิจกรรมต่างๆ / Pastoral Care – คือการดูแลอย่างใส่ใจ กุญแจสำคัญของแกนนี้อยู่ที่ความใส่ใจในตัวเด็ก ซึ่งทำคู่กันไปทั้ง 2 ทางคือ Tutor System และ House System
ความเชื่อของ ดร.สาคร ที่เชื่อมั่นว่า การศึกษาที่ดีที่สุดในโลกอนาคตนั้น หัวใจสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องวิชาการอีกต่อไป แต่คือ เก้าอี้ 3 ขาที่ต้องการสมดุล ระหว่าง ความเก่ง ความดี และ ต้องมีคุณค่าต่อส่วนรวม
แล้วการศึกษาไทยในวันนี้ เรากำลังสร้างเก้าอี้ 3 ขานี้ให้เยาวชนไทยอย่างสมดุลแล้วหรือยัง..
ลงทุนแมน ลงทุนในความรู้
การลงทุนในความรู้ไม่มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรกด Subscribe @ลงทุนแมน
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website -https://www.longtunman.com/
Blockdit - https://www.blockdit.com/longtunman
Facebook - http://facebook.com/longtunman
Twitter - http://twitter.com/longtunman
Instagram - http://instagram.com/longtunman
Line - http://page.line.me/longtunman
YouTube - https://www.youtube.com/longtunman
Spotify - http://open.spotify.com/show/4jz0qVn1...
Soundcloud - http://soundcloud.com/longtunman
Apple Podcasts - http://podcasts.apple.com/th/podcast/...
Clubhouse - @longtunman
#ลงทุนแมน #ห้องประชุมลงทุนแมน #ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง #BREAKTHROUGH #THEBRIEFCASE #longtunman #ลงทุนแมนORIGINALS #ลงทุนเกิร์ลTALK #ลงทุนเกิร์ล
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/0qg4YW6fBKg/hqdefault.jpg)
ต้องการ youtube 在 HeroAthletes Youtube 的精選貼文
เยี่ยมชมร้านค้า Hero Athletes ใน Shopee ได้เลยที่นี่
https://shp.ee/diecs6f
Code ส่วนลดสิทธิพิเศษสำหรับเพื่อนๆชาว Hero Athletes
Hero Athletes ใช้ Code [Hero10] รับส่วนลด 10%
http://www.heroathletes.com/shop
Bench Fitness ใช้ Code [Hero5] รับส่วนลด 5%
https://benchfitness.com/
Cerberus Strength ใช้ Code [Hero5] รับส่วนลด 5%
https://cerberus-strength-th.com/collections/all-products
Nutrition Depot ใช้ Code [Hero15] ลด 15% สินค้าในหมวด Whey Protein, Mass Gainer
https://nutritiondepot.co.th
The Bricket ใช้ Code [Hero20] รับส่วนลด 20%
http://thebricket-co.page365.net/
Concept Creations ใช้ Code [Hero10] รับส่วนลด 10%
https://conceptcreations.co
ราคาพิเศษปืนนวดกล้ามเนื้อ SND จาก 9,900 บาท เหลือ 3,700 บาท สั่งผ่าน DM - Instagram
https://www.instagram.com/hero_athletes/
ช่องทางการติดตาม Hero Athletes
Facebook : www.heroathletes.com
Instagram : @hero_athletes
Youtube : HeroAthletes
Twitter : @heroathletes
TikTok : @heroathletes
Line@ : @heroathletes
WeChat : chin_hero
Email : Heroathletes@gmail.com
#HeroAthletes
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/WrlZ94mBPOw/hqdefault.jpg)
ต้องการ youtube 在 Good news Youtube 的精選貼文
#ประโยชน์ของน้ำ #วิธีดื่มน้ำอย่างถูกวิธีดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ #ดื่มอย่างไรจึงจะเพียงพอต่อร่างกายต้องการ ขอขอบคุณภาพ ประกอบ และวีดีโอ โดย https://pixabay.com/th/
ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง ให้ใช้ในเชิงพาณิชย์ได้
ขอขอบคุณเสียงประกอบจาก youtube https://www.youtube.com/audiolibrary/music?o=U&ar=3
อนุญาตให้ใช้อย่างถูกต้องในเชิงพาณิชย์ และการสร้างรายได้
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/p5d4kvDjnqQ/hqdefault.jpg)