ADMIN REVIEW: The Lighthouse
มีสปอยเบาบางเป็นกลิ่นอาย
.
อันที่จริงแล้วมันอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นในหนังเลย นอกจากพลังแห่งความเงี่ยน ความอิจฉา ผสานฤทธิ์สุรา มันอาจจะไม่มีผีทะเล อสูรกายใต้น้ำ วิญญาณ ทุกอย่างสามารถสรุปได้ว่าเป็นอาการอุปาทานจากภาวะตัดขาดสังคม จนจิตมโนขึ้นเป็นคุ้งเป็นแคว และหนังทั้งเรื่องสามารถเล่าได้เป็นประโยคบอกเล่าราบเรียบว่า "ชายสองคนพยายามยึดครองแสงไฟประภาคารเป็นของตัวเอง"
.
Willem Dafoe รับบทเป็นเจ้าของประภาคาร ส่วน Robert Pattinson คือลูกจ้างคนใหม่ของอาคารหลังนี้ หนังไม่ใคร่ให้รายละเอียดปูมหลังของตัวละครมากไปกว่านี้ในตอนต้น พวกเขาเปรียบเสมือนหน่วยสิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยในเกาะร้างอันโดดเดี่ยวกลางทะเล คนดูจะค่อย ๆ ถูกดูดซึมให้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ผ่านตัวลูกจ้างเป็นหลัก เราจะเริ่มค่อย ๆ รู้ว่าเขาเป็นคนจรหมอนหมิ่น ที่อพยพผลัดถิ่นเป็นแรงงานขาจรไปเรื่อย ๆ ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตเช่นนี้ ทำให้เขาไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับสถานที่ใด การมาเยือนเกาะแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนการก้าวสู่โลกใบใหม่ที่เขาไม่คุ้นเคย เขาไม่เข้าใจธรรมเนียมของชาวเล (การอวยพรก่อนกินข้าว) ไม่ตระหนักถึงสัญญาณ และลางบอกเหตุจากธรรมชาติ (นกนางนวล, ทิศทางของลม) ในขณะที่ชายแก่คือทุกอย่างที่อยู่ตรงข้ามกับเขา ความเจนจัดรอบรู้ต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบ เหนือสิ่งอื่นใด ชายแก่คือบุคคลเดียวที่สามารถขึ้นไปเชยชมแสงไฟบนยอดประภาคาร อันเปรียบเสมือนแหล่งแสงสว่างเพียงอย่างเดียวท่ามกลางดินแดนทมิฬ ในขณะที่ชายแก่เปรียบเสมือนกษัตริย์บนบัลลังก์ เขาเป็นเพียงกุลีที่ต้องทำงานหลังคดหลังแข็ง คอยรับใช้ตามคำสั่งของกษัตริย์ที่กดขี่ และควบคุมเขาทุกทาง "ถ้าฉันสั่งให้แกถอนตะปูออกจากไม้ทุกตัวมาขัดจนเลือดอาบ แกก็ต้องทำ ถ้าฉันสั่งให้แกมีความสุข แกก็ต้องมีความสุข"
.
ไม่มีใครแน่ใจได้ว่าแสงไฟบนยอดประภาคารมีอะไร แต่ดูเหมือนชายแก่จะหวงแหนไม่ยอมให้ชายหนุ่มขึ้นไป ในขณะที่ชายหนุ่มก็เสี้ยนกระส่ายอยากเข้าไปสัมผัสความสุกสกาวจากสมบัติบนหอคอยงาช้างแห่งนี้ สิ่งใดที่ถูกหวงห้ามไว้ สิ่งนั้นย่อมยั่วเย้าเสมอ
เปล่าประโยชน์ที่จะมานั่งตีความว่ามีอะไรในแสงไฟ นกนางนวลสื่ออะไร นางเงือกมาจากไหน เพราะนี่ไม่ใช่พื้นที่เป็นมิตรสำหรับคนนอกอย่างชายหนุ่ม หรือคนดู ไม่ว่าพวกเราจะพยายามทำความคุ้นเคยแค่ไหน องค์ความรู้เหล่านั้นก็อยู่สูงเกินกว่าเราจะทำความเข้าใจได้ - - ด้วยองค์ประกอบดังกล่าวที่เล่ามา สอดคล้องกับความสยองในแนวทาง H.P. Lovecraft ยอดนักเขียนแนวแฟนตาซีผู้ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกงานเขียนแนว Cosmic Horror อันมีแก่นว่าด้วยความไร้ค่าด้อยสติปัญญาของมนุษย์ เมื่ออยู่ท่ามกลางจักรวาลอันยิ่งใหญ่ที่ยังมีมิติอีกมากมายที่ไม่สามารถได้รับคำอธิบายเป็นตรรกะเหตุผลได้ งานของ Lovecraft มักใช้ความแปลกแยก ความโดดเดี่ยวกระตุ้นความกลัวส่วนลึกในจิตใจมนุษย์ (มีการสันนิษฐานจากงานเขียนของ Lovecraft ว่าเขาเป็นพวกอนุรักษ์นิยมที่เชิดชูความเป็นคนผิวขาว และที่มาของความกลัวนึงของเขามาจากช่วงชีวิตที่ได้พำนักใน Brooklyn เมืองที่เต็มไปด้วยคนต่างด้าว และผู้อพยพ) ในขณะเดียวกันความกลัวก็เป็นตัวปลุกเร้าให้มนุษย์ออกค้นหาความหมายของสิ่งต่าง ๆ ซึ่งบ่อยครั้งตัวละครของเขามักต้องพบจุดจบในเชิงวิกลจริต หรือสูญเสียสติสัมปัชชัญญะไปเมื่อเขาใกล้คำตอบของความจริงที่อยู่เหนือกว่าสติปัญญาของมนุษย์.... "คนงานเก่าของฉันเสียสติไป และเอาแต่พร่ำเพ้อถึงแสงสว่าง" บทบรรยายในหนังกล่าวไว้ประมาณนี้ ตอนชายแก่เล่าให้ชายหนุ่มฟังถึงชะตากรรมของกุลีคนก่อน
.
หนังให้ภาพของตัวละครชายแก่ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่อย่างชัดเจน ทั้งการให้ภาพแทนตัวชายแก่เป็นประภาคารเรืองแสง และจ้าวสมุทรผู้มาพร้อมหนวดปลาหมึกยั้วเยี้ย ไม่ว่าชายหนุ่มผู้ด้อยค่าของเราจะพยายามต่อกรเพื่อเอาชนะอำนาจอันยิ่งใหญ่เพียงใด แต่สุดท้ายมนุษย์ก็เป็นเพียงธุลีด้อยค่าไร้ความหมาย และไม่มีวันเอาชนะธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ไกลโพ้นได้อยู่ดี
.
The Lighthouse ไม่ใช่หนังที่ถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองความบันเทิงของคนดูทั่วไป แต่เป็นงานระทึกขวัญที่ไว้ดื่มด่ำให้กับความอ่อนแอของมนุษยชาติในระดับ into the unknown!
.
ถือเป็นความหาญกล้าของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายที่กล้าผลักดันเอาหนังแบบนี้เข้าโรง
ขอคารวะ!
House Samyan
「ทิศทางของลม」的推薦目錄:
ทิศทางของลม 在 horrorclub.net Facebook 的最讚貼文
ADMIN REVIEW: The Lighthouse
มีสปอยเบาบางเป็นกลิ่นอาย
.
อันที่จริงแล้วมันอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นในหนังเลย นอกจากพลังแห่งความเงี่ยน ความอิจฉา ผสานฤทธิ์สุรา มันอาจจะไม่มีผีทะเล อสูรกายใต้น้ำ วิญญาณ ทุกอย่างสามารถสรุปได้ว่าเป็นอาการอุปาทานจากภาวะตัดขาดสังคม จนจิตมโนขึ้นเป็นคุ้งเป็นแคว และหนังทั้งเรื่องสามารถเล่าได้เป็นประโยคบอกเล่าราบเรียบว่า "ชายสองคนพยายามยึดครองแสงไฟประภาคารเป็นของตัวเอง"
.
Willem Dafoe รับบทเป็นเจ้าของประภาคาร ส่วน Robert Pattinson คือลูกจ้างคนใหม่ของอาคารหลังนี้ หนังไม่ใคร่ให้รายละเอียดปูมหลังของตัวละครมากไปกว่านี้ในตอนต้น พวกเขาเปรียบเสมือนหน่วยสิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยในเกาะร้างอันโดดเดี่ยวกลางทะเล คนดูจะค่อย ๆ ถูกดูดซึมให้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ผ่านตัวลูกจ้างเป็นหลัก เราจะเริ่มค่อย ๆ รู้ว่าเขาเป็นคนจรหมอนหมิ่น ที่อพยพผลัดถิ่นเป็นแรงงานขาจรไปเรื่อย ๆ ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตเช่นนี้ ทำให้เขาไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับสถานที่ใด การมาเยือนเกาะแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนการก้าวสู่โลกใบใหม่ที่เขาไม่คุ้นเคย เขาไม่เข้าใจธรรมเนียมของชาวเล (การอวยพรก่อนกินข้าว) ไม่ตระหนักถึงสัญญาณ และลางบอกเหตุจากธรรมชาติ (นกนางนวล, ทิศทางของลม) ในขณะที่ชายแก่คือทุกอย่างที่อยู่ตรงข้ามกับเขา ความเจนจัดรอบรู้ต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบ เหนือสิ่งอื่นใด ชายแก่คือบุคคลเดียวที่สามารถขึ้นไปเชยชมแสงไฟบนยอดประภาคาร อันเปรียบเสมือนแหล่งแสงสว่างเพียงอย่างเดียวท่ามกลางดินแดนทมิฬ ในขณะที่ชายแก่เปรียบเสมือนกษัตริย์บนบัลลังก์ เขาเป็นเพียงกุลีที่ต้องทำงานหลังคดหลังแข็ง คอยรับใช้ตามคำสั่งของกษัตริย์ที่กดขี่ และควบคุมเขาทุกทาง "ถ้าฉันสั่งให้แกถอนตะปูออกจากไม้ทุกตัวมาขัดจนเลือดอาบ แกก็ต้องทำ ถ้าฉันสั่งให้แกมีความสุข แกก็ต้องมีความสุข"
.
ไม่มีใครแน่ใจได้ว่าแสงไฟบนยอดประภาคารมีอะไร แต่ดูเหมือนชายแก่จะหวงแหนไม่ยอมให้ชายหนุ่มขึ้นไป ในขณะที่ชายหนุ่มก็เสี้ยนกระส่ายอยากเข้าไปสัมผัสความสุกสกาวจากสมบัติบนหอคอยงาช้างแห่งนี้ สิ่งใดที่ถูกหวงห้ามไว้ สิ่งนั้นย่อมยั่วเย้าเสมอ
เปล่าประโยชน์ที่จะมานั่งตีความว่ามีอะไรในแสงไฟ นกนางนวลสื่ออะไร นางเงือกมาจากไหน เพราะนี่ไม่ใช่พื้นที่เป็นมิตรสำหรับคนนอกอย่างชายหนุ่ม หรือคนดู ไม่ว่าพวกเราจะพยายามทำความคุ้นเคยแค่ไหน องค์ความรู้เหล่านั้นก็อยู่สูงเกินกว่าเราจะทำความเข้าใจได้ - - ด้วยองค์ประกอบดังกล่าวที่เล่ามา สอดคล้องกับความสยองในแนวทาง H.P. Lovecraft ยอดนักเขียนแนวแฟนตาซีผู้ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกงานเขียนแนว Cosmic Horror อันมีแก่นว่าด้วยความไร้ค่าด้อยสติปัญญาของมนุษย์ เมื่ออยู่ท่ามกลางจักรวาลอันยิ่งใหญ่ที่ยังมีมิติอีกมากมายที่ไม่สามารถได้รับคำอธิบายเป็นตรรกะเหตุผลได้ งานของ Lovecraft มักใช้ความแปลกแยก ความโดดเดี่ยวกระตุ้นความกลัวส่วนลึกในจิตใจมนุษย์ (มีการสันนิษฐานจากงานเขียนของ Lovecraft ว่าเขาเป็นพวกอนุรักษ์นิยมที่เชิดชูความเป็นคนผิวขาว และที่มาของความกลัวนึงของเขามาจากช่วงชีวิตที่ได้พำนักใน Brooklyn เมืองที่เต็มไปด้วยคนต่างด้าว และผู้อพยพ) ในขณะเดียวกันความกลัวก็เป็นตัวปลุกเร้าให้มนุษย์ออกค้นหาความหมายของสิ่งต่าง ๆ ซึ่งบ่อยครั้งตัวละครของเขามักต้องพบจุดจบในเชิงวิกลจริต หรือสูญเสียสติสัมปัชชัญญะไปเมื่อเขาใกล้คำตอบของความจริงที่อยู่เหนือกว่าสติปัญญาของมนุษย์.... "คนงานเก่าของฉันเสียสติไป และเอาแต่พร่ำเพ้อถึงแสงสว่าง" บทบรรยายในหนังกล่าวไว้ประมาณนี้ ตอนชายแก่เล่าให้ชายหนุ่มฟังถึงชะตากรรมของกุลีคนก่อน
.
หนังให้ภาพของตัวละครชายแก่ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่อย่างชัดเจน ทั้งการให้ภาพแทนตัวชายแก่เป็นประภาคารเรืองแสง และจ้าวสมุทรผู้มาพร้อมหนวดปลาหมึกยั้วเยี้ย ไม่ว่าชายหนุ่มผู้ด้อยค่าของเราจะพยายามต่อกรเพื่อเอาชนะอำนาจอันยิ่งใหญ่เพียงใด แต่สุดท้ายมนุษย์ก็เป็นเพียงธุลีด้อยค่าไร้ความหมาย และไม่มีวันเอาชนะธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ไกลโพ้นได้อยู่ดี
.
The Lighthouse ไม่ใช่หนังที่ถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองความบันเทิงของคนดูทั่วไป แต่เป็นงานระทึกขวัญที่ไว้ดื่มด่ำให้กับความอ่อนแอของมนุษยชาติในระดับ into the unknown!
.
ถือเป็นความหาญกล้าของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายที่กล้าผลักดันเอาหนังแบบนี้เข้าโรง
ขอคารวะ!
House Samyan
ทิศทางของลม 在 การวัดทิศทางลม การวัดอัตราเร็วลม - YouTube 的推薦與評價
Go to channel · เรื่อง ของลม กับบ้าน | คุยกับลุงช่าง. คุยกับลุงช่าง•62K views. ... <看更多>
ทิศทางของลม 在 SCG Brand - 🌪🌪🌪 ทิศทางลมจะพัดผ่านไม่เหมือนกันในแต่ละฤดู ... 的推薦與評價
ทิศทางลม จะพัดผ่านไม่เหมือนกันในแต่ละฤดู ฤดูร้อน (มค.-พค.) ลมมาทางทิศใต้ เป็นลมที่ดี ช่วยลดความร้อน ฤดูฝน ( ... ... <看更多>
ทิศทางของลม 在 เรื่องของลมกับบ้าน | คุยกับลุงช่าง - YouTube 的推薦與評價
ใครมีประสบการณ์ในการใช้งานแบบไหนมาบ้าง มาแชร์กันได้ครับ สั่งซื้อหนังสือ 69 เทคนิคดูแลบ้าน Click : https://bit.ly/2Vcl1h6 ... ... <看更多>