เคล็ดลับการทำธุรกิจ "ให้เชื่อมั่นในตัวเองและเข้าใจผู้อื่น " จาก Kong Story
.
การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ ไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากน้อยแค่ไหน กล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองให้ได้มากกว่าครอื่นได้หรือไม่ และการทำธุรกิจก็ต้องรู้จักตัวเองและเข้าใจผู้อื่นให้มากได้อีกด้วย ถึงจะทำให้ธุรกิจของคุณได้เปรียบมากกว่าธุรกิจอื่นใด ๆ วันนี้ขอมอบ 4 เคล็ดลับที่ไม่ใช่สูตรตายตัว แต่สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้กับทุกคน
.
1.ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง แค่เชื่อก็สำเร็จได้
ความเชื่อ เป็นพื้นฐานที่สำคัญต่อความสำเร็จ ที่ถ้าทุกคนรู้เท่าทันความคิดตัวเอง ก็มีโอกาสชนะมากกว่าคนอื่น ๆ ความเชื่อคนเราเปลี่ยนได้ และสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง
.
ถ้าเชื่อว่าทำได้ เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์จากจิตใต้สำนึก ก็สามารถทำอะไร ๆ ในชีวิตได้มากกว่าเดิม ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?
.
ยกตัวอย่าง ในสมัยก่อนมีคณะละครสัตว์ในอเมริกา ฝึกเห็บม้าด้วยการให้กระโดดในขวดโหลที่ปิดฝา เมื่อเห็บกระโดดไปชนฝาก็จะตกลงมา และปรากฎว่าเมื่อเอาไปโชว์งานแสดงละครสัตว์ เขาจะเปิดฝาโหล แล้วเห็บตัวนี้ก็จะกระโดดอยู่แค่ในขวดโหล เพราะมันเชื่อว่ากระโดดได้อยู่นี้นั่นเอง
.
ดังนั้นถ้าหากอยากจะพัฒนาศักยภาพ ข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ต้องพัฒนาที่ 'ความเชื่อ' ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ 3 วิธี
.
1. ถามตัวเอง หรือหาที่ปรึกษา (Coaching)เพื่อตั้งคำถามให้กับตัวคุณเองว่า คุณทำสิ่งนั้นได้หรือไม่ แล้วสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเอง เช่น ธุรกิจที่กำลังทำอยู่จะประสบความสำเร็จได้ไหม? ธุรกิจนี้สำคัญกับคุณอย่างไร? จะเป็นไปได้ไหมถ้าคุณจะทุ่มเทกับธุรกิจแล้วทำมันให้สำเร็จ?
.
2. หาแรงบันดาลใจดีๆ อยู่กับสิ่งที่ดี ๆ สร้างความเชื่อไปในทางที่เป็นบวก เช่น ฟังเพลง ดูยูทูปเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง หรือพัฒนาธุรกิจ ยกตัวอย่าง ดูรายการอายุน้อยร้อยล้าน 😁
.
3. สิ่งที่ห้ามทำ ควรเลิกคิดหรือมีความเชื่อทางด้านลบ ๆ ว่าตัวเองนั้นทำไม่ได้
-ฉันอ่อนแอเกินไป
-ฉันไม่สามารถตื่นเช้าได้
-ฉันไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
-ฉันค้าขายไม่เก่ง
-ฉันไม่เก่งเรื่องดิจิตอล
-ฉันไม่สามารถทำธุรกิจนี้ได้
.
การสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองได้ ต้องมีความเชื่อจากตัวของเราเองก่อนว่า "ฉันทำได้" เพราะถ้าเราไม่เชื่อว่าเราทำได้ ก็ไม่มีใครสามารถบอกว่าเราทำได้เช่นกัน ดังนั่นหมั่นบอกตัวเองซ้ำๆ และให้กำลังใจตัวเอง ถึงแม้ว่าคุณจะพบกับปัญหามากมายเพียงใด คุณท้อได้แต่ต้องกลับมาเติมพลังใจให้ตัวเอง แล้วเผชิญปัญหาหรือก้าวขีดจำกัดของตัวคุณเองให้ได้
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม :https://youtu.be/dtCYQQ4Oaqg
.
2.ทฤษฎีหมวก 6 ใบกับการทำธุรกิจ
การประชุมของทีมผู้บริหาร หรือแม้แต่การประชุมกับพนักงานในธุรกิจ เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและให้ความสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจ ความขัดแย้งกับความคิดเห็นไม่ตรงกันถือเป็นเรื่องปกติของการประชุม แต่ถ้าเป็นอยู่บ่อยครั้งจนทำให้บรรยากาศของการประชุมไม่ดี ก็เป็นปัญหาได้เช่นกัน
.
Six Thinking Hats เป็นทฤษฎีหมวก 6 ใบ ของ Dr. Edward de Bono ที่เราสามารถนำมาใช้กับสถานการณ์นี้ได้ เพราะช่วยสร้างบรรยากาศการประชุมที่ดี ลดปัญหาความขัดแย้งในที่ประชุม และสร้างความสัมพันธ์ให้ทุกคนช่วยแก้ปัญหาธุรกิจไปได้
.
หมวก 6 ใบ จะประกอบไปด้วย
1. หมวกสีฟ้า เหตุและผล (Thinking)
2. หมวกสีขาว ข้อมูล (Information)
3. หมวกสีแดง ความรูู้สึก (Feeling)
4. หมวกสีเขียว ความคิดสร้างสรรค์ (Creative)
5. หมวกสีเหลือง ผลประโยชน์ (Benefits)
6. หมวกสีดำ การตัดสิน (Judgement)
.
จะเห็นได้ว่าหมวกทั้ง 6 ใบ แบ่งออกเป็น 6 บทบาทที่มีความแตกต่างกัน หากนัดประชุมกันโดยที่มีความคิดแยกกันไปคนละทาง ก็สามารถทำให้เกิดความขัดแย้ง บรรยากาศในที่ประชุมก็ไม่ดี
.
ยกตัวอย่าง เหตุการณ์จำลอง
หมวกสีเขียว (Creative): เราจะทำรายการออนไลน์สำหรับ SMEs เพื่อช่วยเหลือคนทำธุรกิจเป็นประโยชน์กับสังคม
หมวกสีเหลือง (Benefits): รายการนี้ทำแล้วจะคุ้มมั้ย แล้วทำรายการกี่วัน คิดว่าจะต้องใช้งบเท่าไหร่
หมวกสีเขียว (Creative): คุ้มแน่นอน จะผลิตรายการทุกวัน เพราะรายการนี้ดี ช่วยเหลือ SMEs ใช้งบเยอะหน่อยเพราะต้องใช้ทีมงานหลายคน
หมวกสีแดง (Feeling) : ทำรายการทุกวันเลยเหรอ ไม่มีวันหยุดทำไม่ไหวนะ มันเหนื่อยเกินไป
หมวกสีขาว (Information) : รายการนี้มีคนทำหรือยัง มีข้อมูลให้ดูบ้างหรือป่าว
หมวกสีฟ้า (Thinking) : ช่วงนี้สถานการณ์โควิด หากช่วยคนทำธุรกิจได้เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่จะออกไปถ่ายรายการได้หรือป่าว
หมวกสีดำ (Judgement) : ช่วยบอกหน่อย ทำไมถึงต้องทำรายการนี้ ข้อดีข้อเสียอย่างไหนมากกว่ากัน ถ้าทำแล้วคนจะดูไหม
.
จากเหตุการณ์จำลองสังเกตได้ว่า ถ้าการประชุมครั้งนี้คุยกันคนละแกนความคิด ขัดแย้งกันได้แน่นอน การแก้ไขปัญหาคือ การให้ทุกคนสวมหมวกเป็นบทบาทเดียวกันทุกคน แล้วพูดแต่ในสิ่งที่ได้รับบทบาทนั้น แล้วค่อยสลับหมวกเปลี่ยนรอบเป็นบทบาทอื่น ๆ
.
วิธีนี้จะช่วยให้การประชุมสามารถสื่อสารในทิศทางเดียวกัน เข้าใจความคิดเห็นของผู้อื่นได้มากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถช่วยกันระดมสมอง แก้ปัญหาธุรกิจไปด้วยกันและรักกันมากยิ่งขึ้น
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม :https://youtu.be/yDPA9eUjebM
.
3.Enneagram คน 9 ประเภท
Enneagram ทฤษฎีคน 9 ประเภทที่ใช้ได้กับทุกคน สู่นักธุรกิจที่รู้ใจพนักงานและเข้าใจความต้องการของลูกค้า ให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ
.
ถ้าเราเข้าใจคนเยอะขึ้น ก็สามารถทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเรามารู้จัก คน 9 ประเภท ที่ทำให้นักธุรกิจทุกคนได้รู้จักทีมงานของเรา และเข้าใจความต้องการของลูกค้าเราได้
.
1.คนสมบูรณ์แบบ (The Perfectionist) เป็นกลุ่มคนที่ติดความเพอร์เฟค ผิดไม่ได้เลย ชอบความเนี้ยบความสมบูรณ์แบบ หากมีพนักงานที่เป็นคนประเภทนี้ ต้องใช้งานที่เป็นงานรายละเอียด งานที่มีความประณีต เขาจะใช้เวลาไปความความสมบูรณ์ของงาน แต่ถ้าเป็นลูกค้าให้แนะนำหรือช่วยเหลือในสิ่งที่เขากังวลใจ
.
2.ผู้ช่วยเหลือ (Helper) เป็นกลุ่มคนที่ชอบช่วยเหลือคน โดยเฉพาะแคร์ความรู้สึกของคนใกล้ตัว ถ้าทำงานกับคนประเภทนี้ เขาต้องการคำชมเพื่อเป็นพลังสำหรับพวกเขา แต่ถ้าหากเป็นลูกค้าให้คุยด้วยความรู้สึกห่วงใย ทำธุรกิจต้องเป็นผู้ให้กับลูกค้าก่อน ห้ามขายของแบบตรง ๆ
.
3. ผู้ชอบความสำเร็จ (Achiever) เป็นกลุ่มคนที่มีเป้าหมายเป็นหลัก ถ้าได้ผู้บริหารจะเติบโตได้เร็ว หากมีพนักงานประเภทนี้ คุณโชคดีเพราะเขาคือยอดนักรบที่จะมาช่วยคุณในการทำธุรกิจ แต่ถ้ามีลูกค้าแบบนี้อย่าไปสู้กับเขา เน้นการเอาใจ บริการเขาดี ๆ ต้องให้พื้นที่ลูกค้าในการแสดงตัวตน
.
4.อารมณ์ศิลปิน (Artist) เป็นกลุ่มคนที่มีความสุขกับอารมณ์ อารมณ์ขึ้นลงได้ง่าย ถ้าต้องทำงานกับคนประเภทนี้ อย่าไปกดดันเขามาก และเขาจะเป็นคนสนับสนุนที่ดี ถ้ามีลูกค้าประเภทนี้อย่าไปเร่งเขา ให้ดูอารมณ์เขาเป็นหลัก ลูกค้าแบบนี้ต่อให้เราไม่ขายเขาก็จะซื้ออยู่ดี
.
5. นักคิด (Thinker) เป็นกลุ่มที่ชอบใช้ความคิด ถ้ามีพนักงานแบบนี้ ให้บอกงานเขาโดยการสรุปมาเลยว่า อยากได้งานอะไร ผลลัพธ์แบบไหน แล้วจะคุยกันรู้เรื่อง แต่ถ้ามีลูกค้าประเภทนี้ เอาข้อสรุปให้เขาก่อน ส่งข้อมูลแนะนำให้เขาเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง เขาชอบคิดถึงคุ้มค่าในการซื้อ
.
6. ผู้ภักดี (Loyalist) เป็นกลุ่มคนที่มีความซื่อสัตย์ ภักดีสูง ไว้ใจได้ แต่เป็นคนขี้ระแวง ทำให้เป็นคนรอบคอบมาก ถ้าทำงานกับคนประเภทนี้ ควรให้โอกาสให้เขาได้ตัดสินใจอย่าไปเร่งเขามาก แต่ถ้ามีลูกค้าประเภทนี้ ต้องให้ข้อมูลเยอะ ๆ เพราะเขาขี้ระแวง
.
7. ผู้เสพสุข (Adventurer) เป็นกลุ่มคนที่ต้องการความสุข ชอบความลัลลา หลีกหนีความทุกข์ ถ้าทำงานกับคนประเภทนี้ อย่ามอบหมายงานบางเรื่องที่เราคาดหวังเยอะ ๆ แต่ถ้ามีลูกค้าประเภทนี้ ให้คุยภาษาดอกไม้ พูดถึงความสุขที่เขาจะได้รับสินค้าจากเรา อย่าคุยเรื่องความทุกข์กับเขาเด็ดขาด
.
8. ผู้นำ (Maverick) กลุ่มคนประเภทนี้มักจะเป็น CEO หรือผู้บริหารเป็นจำนวนมาก เป็นคนชอบความท้าทาย มีความดุดันและมุ่งมั่นสูง ถ้าทำงานกับคนประเภทนี้ต้องท้าทายเขากลับ เพราะเขาไม่ชอบคนที่แสดงความอ่อนแอ และถ้ามีลูกค้าแบบนี้ แสดงความเจ๋ง ความเก่งเข้าสู้ให้เขาเห็นค่า
.
9. ผู้รักสงบ (Peacemaker) เป็นกลุ่มคนที่รักความสงบ ไม่ชอบทะเลากับใคร หลีกหนีความวุ่นวาย ถ้าต้องทำงานกับคนประเภทนี้ ต้องให้เขารู้ว่าความขัดแย้งมันเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ามีลูกค้าประเภทนี้ ควรแนะนำสินค้าที่ดีต่อใจ หรือสินค้าเพื่อสังคม เช่น สินค้าจากชุมชนชาวบ้าน เขาจะชอบเป็นพิเศษ
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม :https://youtu.be/TPp5tfWHyus
.
4.ทำไปทำไม เหตุผลของการทำธุรกิจ
คนทำธุรกิจต้องตอบให้ได้ เหตุของการทำธุรกิจ ทำทุกอย่างนี้ไปทำไม? ทำไปเพื่ออะไรกัน? จะได้รู้ว่าธุรกิจของคุณรอดหรือร่วง
.
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพราะยอดขายร้อยล้าน หรือเขามีกำไร แต่เป็นเพราะเขา "อึด" อดทนในการทำธุรกิจก็่ทำให้มีโอกาสในความสำเร็จมากกว่า
.
อะไรทำเขาอึดและประสบความสำเร็จ? จนทำธุรกิจให้ไปต่อได้ไม่ร่วง
ก็เพราะว่าเขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ ทำไปทำไม แล้วทำไปเพื่ออะไร ? (Start with Why) หากตอบคำถามนี้ได้จะทำให้มีพลัง อัด ถึก ทนในการทำธุรกิจ
.
ขอยกตัวอย่างคำถามกับ เหตุการณ์สร้างเจดีย์ของ คน 3 ประเภท
คำถาม : ทำอะไรอยู่?
คำตอบ :
นาย A : ผมกำลังก่ออิฐ
นาย B : ผมกำลังก่ออิฐเพื่อสร้างกำแพง
นาย C : ผมกำลังก่ออิฐเพื่อสร้างกำแพงมาทำเป็นเจดีย์ ให้คนมาสักการะ เป็นศูนย์รวมจิตใจของคน
.
จากคำตอบของทั้ง 3 คน จะบ่งบอกได้ถึงความมุ่งมั่น และพฤติกรรมที่แตกต่างกันได้อย่างชัดเจน คนที่คิดว่าจะพยายามทำได้เต็มที่ ยอมอดทนทำเพื่อที่จะให้งานสำเร็จได้มากที่สุด คือนาย C นั่นเอง
.
ดังนั้นการทำธุรกิจ เราควรจะมีคำถามและรู้คำตอบตั้งแต่ที่เริ่มทำธุรกิจเพื่อให้เราอึดและประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น เช่น
-เราทำธุรกิจนี้ไปทำไม
-เราทำธุรกิจไปเพื่อใคร เพื่อตัวเองหรือคนที่เรารัก
-มันเติมเต็มกับชีวิตเราอย่างไร
-มันมีผลดีต่อคนอื่นอย่างไรบ้าง
.
บางครั้งธุรกิจของคุณจะรอดหรือร่วง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัญหาที่เจอ แต่ขึ้นอยู่กับเหตุผลของคุณในการทำธุรกิจ ถ้าหากคุณมีคำตอบที่ชัดเจนมากเท่าไหร่ โอกาสที่ธุรกิจของคุณจะไปต่อและประสบความสำเร็จได้ก็มีมากขึ้นเท่านั้น
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/QTKrZBmx124
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS #อายุน้อยร้อยล้าน #Kongstory #Business #การพัฒนาตัวเอง #100NEWS
同時也有5部Youtube影片,追蹤數超過3,910的網紅ArmFon TV,也在其Youtube影片中提到,ผมเชื่อว่า การออกแบบสามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ ถ้าคุณคือ นักออกแบบ สถาปนิก วิศวกร นักคิด หรือ คนที่มีความใคร่รู้ อยากหาไอเดียสนุกๆ มาพัฒนาตนเองอยู่เสมอ...
「นักคิด」的推薦目錄:
- 關於นักคิด 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
- 關於นักคิด 在 วรัทภพ รชตนามวงษ์ warattapob.com Facebook 的最佳解答
- 關於นักคิด 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於นักคิด 在 ArmFon TV Youtube 的最佳貼文
- 關於นักคิด 在 OUI Youtube 的精選貼文
- 關於นักคิด 在 OUI Youtube 的最佳解答
- 關於นักคิด 在 “ถ้าจักรวาลนฤมิต คือ Metaverse เรากำลังสร้าง Masterverse ... 的評價
นักคิด 在 วรัทภพ รชตนามวงษ์ warattapob.com Facebook 的最佳解答
4 นัก ผลิตผลงาน
1.นักคิด
- กลุ่มนี้จะชอบการเรียนรู้ เป็นคน คิดลึก คิดรอบคอบ เพียงแต่ว่าคิดแล้ว สามารถนำไปถ่ายทอดได้ดีหรือไม่
2.นักเขียน
- กลุ่มนี้จะถ่ายทอดความคิดของตัวเองออกมาเป็นตัวหนังสือ แต่หนังสือเนื้อหาจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการสะสมความคิดและประสบการณ์ที่ผ่านมา
3.นักพูด
- กลุ่มนี้จะพูดเก่ง ถ้าได้คิดไตร่ตรองมาดี ก็จะเป็นคำพูดที่น่าฟัง น่าเชื่อถือ
4.นักทำ
- กลุ่มนี้จะสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองทำ แต่จะสำเร็จมากแค่ไหน ต้องดูจากความคิด
ลองสังเกตดูว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ควรต้องใช้ความคิดเป็นพื้นฐาน จึงจะประสบความสำเร็จระดับสูง
.
.
.
#วรัทภพ #warattapob #หาเงินออนไลน์ #ธุรกิจออนไลน์ #งานออนไลน์ #หางานออนไลน์ง่ายๆ #หาเงินเข้ากระเป๋า #อยากรวยมาทางนี้ #อยากมีเงิน #อยากมีเงินใช้ #business #jobonline #workonline #businessonline #onlinemarketing #online #getmoremoney #onlinebusiness #investment #rich #หาโอกาส #โอกาส #เปลี่ยนความคิด #สายผลิต #ผลงาน #ความสำเร็จ #ประสบความสำเร็จ
นักคิด 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
เบอร์ลิน เมืองเศรษฐกิจซบเซา ที่ก้าวขึ้นมาเป็น ศูนย์กลางสตาร์ตอัป /โดย ลงทุนแมน
เราอาจคุ้นเคยกับความคิดที่ว่า เมืองหลวงของประเทศ
จะเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ
แต่นั่นอาจไม่ใช่สำหรับประเทศเยอรมนี
ศูนย์กลางการเงินและการบินของประเทศนี้ อยู่ที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต
ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ อยู่ที่เมืองมิวนิก ชตุทท์การ์ท และโวล์ฟสบวร์ก
ส่วนเมืองฮัมบวร์กทางตอนเหนือ เป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุด และศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่สำคัญ
แต่กรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของเยอรมนี
กลับไม่โดดเด่นมากนักในแง่เศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ของประเทศ
และยังพ่วงด้วยอัตราว่างงานที่เคยสูงถึงเกือบ 15%
แต่นั่นกำลังจะกลายเป็นอดีต
เพราะในวันนี้ เบอร์ลินคือเมืองที่กำลังคึกคักไปด้วยบริษัทสตาร์ตอัป
เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทระดับโลกอย่าง Delivery Hero เจ้าของแอปดิลิเวอรี Foodpanda และ Zalando สตาร์ตอัปยูนิคอร์นตัวแรก ของเยอรมนี
อะไรที่ทำให้เมืองหลวงแห่งนี้ พลิกฟื้นจากเมืองที่เศรษฐกิจซบเซา
จนก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางสตาร์ตอัปของยุโรป ได้สำเร็จ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
กรุงเบอร์ลิน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศด้วยจำนวนประชากรราว 3.7 ล้านคน
และจัดเป็นรัฐหนึ่งในจำนวน 16 รัฐ ของประเทศเยอรมนี
ครั้งหนึ่งในช่วงสงครามเย็น เบอร์ลินเคยถูกแบ่งออกเป็น 2 เมือง ใน 2 ประเทศ
และถูกแบ่งแยกจากกันด้วยกำแพงเบอร์ลิน
เบอร์ลินตะวันตก อยู่ในเยอรมนีตะวันตก มีเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรี
และเบอร์ลินตะวันออก อยู่ในเยอรมนีตะวันออก มีเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์
เมื่อเยอรมนีตะวันตก และเยอรมนีตะวันออกรวมกันเป็นประเทศเยอรมนีหนึ่งเดียวในปี 1990 เบอร์ลินก็กลับมารวมกันอีกครั้ง และได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงของเยอรมนี
ในช่วงแรกของการรวมเมือง ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูเบอร์ลินฝั่งตะวันออกที่เคยเป็นเขตคอมมิวนิสต์ ในขณะที่ประชาชนในฝั่งตะวันออก ต่างก็อพยพไปทำงานที่เมืองอื่นๆ ในเยอรมนีฝั่งตะวันตก ที่มีเศรษฐกิจดีกว่า เช่น แฟรงก์เฟิร์ต มิวนิก และชตุทท์การ์ท
เนื่องจากเบอร์ลินไม่มีอุตสาหกรรมที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ของเยอรมนี
ประชากรวัยแรงงานของเบอร์ลินจึงอพยพออกจากเมืองไปหาชีวิตที่ดีกว่า
คนที่ยังอยู่ก็ประสบปัญหาว่างงาน เมืองเต็มไปด้วยภาพของความซบเซา
อัตราว่างงานของเบอร์ลินพุ่งสูงเกือบ 15%
ท่ามกลางความสิ้นหวัง สิ่งเดียวที่ฝ่ายบริหารของรัฐเบอร์ลินมองเห็นก็คือ “ศิลปะ”
เบอร์ลินเป็นเมืองเก่าแก่ ก่อตั้งมานานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13
ถึงแม้จะผ่านมรสุมมาหลายยุคหลายสมัย แต่ก็มีพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ โรงละคร
และแกลเลอรีศิลปะมากมาย ศิลปะจึงกลายเป็นนโยบายหลักที่ใช้ส่งเสริมเศรษฐกิจในช่วงแรกของการรวมเมือง
โดยมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับศิลปะหลากแขนง
และที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ก็อย่างเช่น
- Berlin International Film Festival งานนิทรรศการภาพยนตร์ที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1951
ที่นำเสนอภาพยนตร์จากทุกภูมิภาคทั่วโลก จนกลายเป็น 1 ใน 3 งานเทศกาลภาพยนตร์ชั้นนำของโลก
- 48 Stunden Neukölln งานศิลปะที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1999 โดยการเนรมิตย่าน Neukölln ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยของผู้อพยพ ให้กลายเป็นพื้นที่ทดลองสำหรับงานศิลปะประเภทต่างๆ ภายในช่วงเวลา 48 ชั่วโมง
งานเทศกาลศิลปะที่จัดขึ้น กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดศิลปินจากทั่วเยอรมนีและทั่วโลก
จนเบอร์ลินกลายเป็นสวรรค์ของศิลปะแทบทุกแขนง จนเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางความฮิปสเตอร์ของยุโรป
Klaus Wowereit อดีตผู้ว่าการแห่งรัฐเบอร์ลินในช่วงทศวรรษ 2000s
เคยกล่าวคำขวัญเล่นๆ ให้กับกรุงเบอร์ลินว่า “Poor But Sexy”..
เมื่อศิลปะเริ่มเบ่งบาน สิ่งที่ฝ่ายบริหารเริ่มมองหาก็คือ
จะต่อยอดอย่างไรจากการเป็นเมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์
โดยเริ่มต้นคือการมองหาจากสิ่งที่โดดเด่นของเบอร์ลิน แล้วก็พบว่ามีจุดเด่นอยู่ 3 ประการ
ประการที่ 1 ค่าครองชีพถูก
ด้วยความที่เศรษฐกิจซบเซา เมืองแห่งนี้จึงมีแต่ผู้อพยพออก อาคารบ้านเรือน สำนักงานหลายแห่งจึงถูกทอดทิ้งเป็นจำนวนไม่น้อย กลายเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เบอร์ลินมีค่าเช่าถูกกว่าที่อื่น ค่าใช้จ่ายในหลายๆ ด้านของเบอร์ลิน ไปจนถึงค่าครองชีพจึงถูกกว่าเมืองอื่นๆ ในเยอรมนีฝั่งตะวันตกมาก
ประการที่ 2 ทำเลที่ตั้งที่อยู่ใจกลางทวีปยุโรป
เบอร์ลินมีเส้นทางขนส่งเชื่อมโยงกับหลายประเทศ และเชื่อมระหว่างยุโรปตะวันตกกับยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะเมื่อประเทศในยุโรปตะวันออกเข้าร่วมสหภาพยุโรปในปี 2004 เบอร์ลินซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของสหภาพยุโรป จึงดึงดูดแรงงานผู้อพยพจากยุโรปตะวันออก เช่น โปแลนด์ เช็ก และ ฮังการี
ประการที่ 3 ผู้คนเปิดกว้าง และเปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆ
เมื่อเบอร์ลินก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางศิลปะทุกแขนง ก็ยิ่งดึงดูดศิลปิน นักคิด ไปจนถึงผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้มาใช้ชีวิตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับเมืองแห่งนี้
เมื่อมองเห็นจุดเด่น สิ่งที่ฝ่ายบริหารทำเป็นประการแรก คือ การดึงดูดผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้ามาเริ่มต้นธุรกิจในเมือง
โดยเริ่มจากการดำเนินนโยบายแก้ไขทางกฎหมาย เพื่อดึงดูดผู้อพยพที่มีความสามารถ เช่น การผ่อนปรนข้อจำกัดของวีซ่าให้มีขั้นตอนที่สะดวกมากขึ้น ทั้งอายุของวีซ่า ไปจนถึงการขอวีซ่าระยะยาว
การให้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท โดยใช้ภาษาอังกฤษได้
เพื่อเพิ่มความเป็นนานาชาติ และดึงดูดผู้ประกอบการจากประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาเยอรมัน
ในขณะที่องค์กรภายในเมืองก็ได้ร่วมมือกับภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการหน้าใหม่อย่างเต็มที่ในทุกๆ ด้าน
ทั้ง Investitionsbank Berlin ธนาคารเพื่อการพัฒนา ที่ก่อตั้งโดยรัฐเบอร์ลิน ที่คอยให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน และมอบเงินทุนให้กับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีแผนธุรกิจน่าสนใจ
Berlin Partner องค์กรเอกชนที่ภาครัฐก่อตั้งขึ้นมา
เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนา และการตลาดแก่ผู้ประกอบการหน้าใหม่
กระทรวงเศรษฐกิจและพลังงาน คอยให้ความช่วยเหลือด้านการทำตลาดกับต่างประเทศ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีให้พร้อมสำหรับธุรกิจยุคใหม่
นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกันระหว่าง ฝ่ายบริหาร สถาบันการศึกษา และบริษัทเอกชนชั้นนำ เช่น
Technische Universität Berlin, บริษัท Siemens, Deutsche Telekom
เพื่อพัฒนาพื้นที่อาคาร และสำนักงานที่ว่างเปล่าหลายแห่งในเมืองให้เป็น Co-Working Space และ Startup Incubator หรือศูนย์บ่มเพาะบริษัทสตาร์ตอัปในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ
เมื่อปัจจัยทุกอย่างเอื้อให้เกิดการพัฒนา เบอร์ลินจึงค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเมืองแห่งบริษัทสตาร์ตอัป และเริ่มมีบริษัทหน้าใหม่เกิดขึ้น ณ เมืองแห่งนี้ ในช่วงทศวรรษ 2000s-2010s
ยกตัวอย่างเช่น
- Rocket Internet ก่อตั้งในปี 2007
บริษัทให้บริการด้านต่างๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น บริการช่วยเหลือด้าน IT, บริการด้านการตลาดออนไลน์ และเป็น Venture Capital ที่คอยให้เงินทุนกับบริษัทสตาร์ตอัปเล็กๆ รายอื่น
- Zalando ก่อตั้งในปี 2008
สตาร์ตอัปที่ให้บริการด้าน E-Commerce ที่มีผู้ใช้บริการทั่วสหภาพยุโรป
เป็นสตาร์ตอัปที่มีมูลค่ามากกว่า 30,000 ล้านบาท ภายใน 6 ปีหลังก่อตั้ง
ซึ่งนับเป็นสตาร์ตอัปยูนิคอร์นตัวแรกของเยอรมนี
โดยปัจจุบัน Zalando จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต
- Delivery Hero ก่อตั้งในปี 2011 และ Foodpanda ก่อตั้งในปี 2012
แพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ที่ขยายจากในประเทศเยอรมนีไปทั่วโลก
ซึ่งต่อมาในปี 2016 Foodpanda ก็กลายมาเป็นแพลตฟอร์มภายใต้บริษัท Delivery Hero
เมื่อมีกิจการใหม่ๆ มากมาย GDP ต่อหัวของคนในเบอร์ลินก็ค่อยๆ สูงขึ้น
จนตอนนี้ GDP ต่อหัวของผู้คนในรัฐเบอร์ลินอยู่ที่ปีละ 1.5 ล้านบาท
สูงกว่าผู้คนในรัฐนอร์ทไรน์ เวสต์ฟาเลีย ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมเหล็ก และเคมีที่สำคัญของเยอรมนีฝั่งตะวันตกแล้ว
ในขณะที่อัตราว่างงานของผู้คนในเบอร์ลินก็ลดต่ำลงเรื่อยๆ
จากราว 15% ในช่วงปลายทศวรรษ 1990s หลังจากรวมประเทศ
ค่อยๆ ลดลงจนเหลือ 8% เมื่อต้นปี 2020
ทุกวันนี้ เบอร์ลินยังคงเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เข้ามาริเริ่มธุรกิจใหม่ๆ
และกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสตาร์ตอัปที่สำคัญทั้งของเยอรมนีและสหภาพยุโรป
จนเคยมีคำกล่าวว่า ในทุกๆ 20 นาที เบอร์ลินจะมีบริษัทสตาร์ตอัปก่อตั้งขึ้นอย่างน้อย 1 แห่ง
เรื่องราวของเบอร์ลินจึงเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
ฝ่ายบริหารของเมืองสามารถพัฒนาจากเมืองที่เงียบเหงา
ให้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งบริษัทสตาร์ตอัปที่คึกคัก
โดยหัวใจสำคัญที่สุดบนเส้นทางพัฒนาของเมืองหลวงแห่งนี้
คือการมองเห็นข้อดีของตัวเอง และร่วมมือกันเพื่อพัฒนาต่อยอดจากข้อดีเหล่านั้น
แต่หากสังเกตให้ดีๆ แล้ว ข้อได้เปรียบของเบอร์ลินทั้ง 3 ประการ
คือ ค่าครองชีพต่ำ ทำเลที่ดี และผู้คนที่เปิดกว้าง
ก็ล้วนเป็นข้อได้เปรียบ ที่คล้ายคลึงกับเมืองหลวงของประเทศไทย ไม่น้อยเลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.uktech.news/news/berlin-becoming-europes-number-one-tech-hub-20180905
-https://www.entrepreneur.com/article/317079
-https://hexgn.com/moving-to-berlin-a-guide-for-entrepreneurs-and-startups/
-https://www.berlin-partner.de/en/about-us/
-https://www.ceicdata.com/en/germany/registered-unemployment-rate/registered-unemployment-rate-east-germany-berlin
นักคิด 在 ArmFon TV Youtube 的最佳貼文
ผมเชื่อว่า การออกแบบสามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้
ถ้าคุณคือ นักออกแบบ สถาปนิก วิศวกร นักคิด หรือ คนที่มีความใคร่รู้ อยากหาไอเดียสนุกๆ มาพัฒนาตนเองอยู่เสมอละก็....
ห้ามพลาดกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่จะมาเปลี่ยนโลกใบนี้ไปด้วยกันนะครับ
ติดตามกันได้ทุกสิ้นเดือน กับคลิปวีดีโอใหม่ ...
ฝากกดติดตามและ Subscribe กันด้วยนะครับ
มีอะไร Comment มาคุยกันได้เลยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
อาร์ม พิพัฒน์ วิทยาปัญญานนท์
นักคิด 在 OUI Youtube 的精選貼文
นั่งคุยกับแว่นใหญ่ศิลปิน นักร้อง นักเขียนเพลงมากความสามารถ กับมุมมองชีวิตและปรัชญา สาเหตุที่ทำให้อยากไปบวช
นักคิด 在 OUI Youtube 的最佳解答
มุมมองความคิด ชีวิต ศิลปิน นักคิด นักเขียน นักร้อง นักแต่งเพลง นักทดลอง
นักคิด 在 “ถ้าจักรวาลนฤมิต คือ Metaverse เรากำลังสร้าง Masterverse ... 的推薦與評價
เรากำลังสร้าง Masterverse จักรวาล นักคิด ” . ร่วมฟัง รศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร คณบดี คณะพาณิชยศาสต์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สรุปเรื่องราว ... ... <看更多>