บทแถม 2
ตอนอนุบาลสองในวิชาเขียนอ่าน ครูคนนึงเขียนเลขบนกระดาษแล้วแจกสมุดมาให้นักเรียนทุกคนเขียนตาม วันนั้นเราต้องเขียนตัวเลขอารบิก 1-10 และเลขไทย ๑ - ๑๐ เราเขียนอยู่นานตามประสาเด็กเขียนไม่คล่อง พอส่งครู ครูลบทั้งหมดและให้มาเขียนใหม่ เราก็ไม่เข้าใจ เขาพูดแค่ “ไปเขียนใหม่” เราก็นั่งเขียนอยู่อย่างนั้นและโดนลบให้กลับมาเขียนใหม่หลายรอบ ลบจนกระดาษขาดก็ยังไม่ผ่าน กระทั่งเลยเวลา เราหิว ง่วง บวกกับไม่รู้จะทำยังไงต่อ เลยร้องไห้
วันต่อมาครูให้หัดเขียนเลขอีก แต่เราก็เป็นเหมือนเดิมคือเขียนไม่ผ่าน พักเที่ยงไปกินข้าวยังโดนจับกลับมานั่งเขียน นั่งร้องไห้อยู่เป็นชั่วโมงไม่มีใครถาม ไม่มีใครสนใจ เป็นแบบนั้นได้สามวัน จนเราไปบอกแม่ไม่อยากไปโรงเรียนเพราะครูไม่ตรวจการบ้าน ครูให้ทำงานเยอะจนไม่ได้เล่นกับเพื่อนๆ แม่ไปคุยกับครู เราเลยรู้ว่าเราแค่เขียนเลข ๘ ผิดตัวเดียว โดนลบทั้งหน้าเขียนใหม่
แต่หลังจากนั้นเราก็ยังถูกครูทำโทษแทบทุกวัน ไม่รู้เพราะตอนเด็กเราไปงี่เง่าใส่ครู ทำไม่ได้ดั่งใจเขา หรือเพราะเขาขี้เกียจสอน เลยเลือกจะตีแทนการพูด ไม้ที่ใช้ตีคือไม้ไผ่เหลาขนาดครึ่งนิ้ว และให้เรานั่งแยกกับเพื่อน นั่งคนเดียว ยืนมุมคนเดียว เราไม่เข้าใจว่าเราทำอะไรผิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยทนไป เงียบ ไม่พูดไม่เล่นกับใคร กลัวการไปโรงเรียนช่วงนั้นมาก
เล่นคนเดียวจนขึ้นอนุบาลสาม ครูคนใหม่เห็นเราไม่ยอมเขียนตัวเลข ครูเลยถามว่าเป็นอะไรบอกครูนะครูจะได้ช่วย เราก็เล่าให้ฟัง ครูเลยหาทางแก้ไขคุยกับพ่อแม่ และคอยบอกเราเขียนแบบนี้นะ อ่านแบบนี้ อันนี้ผิดนะคะ เป็นคนเยียวยาเรา
แต่พอขึ้นปอหนึ่ง ทุกครั้งที่ทำวิชาเลขผิดหรือทำไม่ได้จะถูกตี มันจะตอกย้ำปมที่ไม่เข้าใจตัวเลขและไม่เข้าใจวิชาเข้าไปอีก สมองปิดกั้นทุกอย่าง ไปถึงทุกอย่างที่เกี่ยวกับการไปโรงเรียน โดนตีเพราะท่องสูตรคูณผิดก็ปิดหูร้องไห้เพราะกลัว กลัวไปหมด แค่เห็นชุดนักเรียนก็กรี้ดร้องลั่นบ้าน ไม่อยากไป
ครูอนุบาลสามเขามาเห็นเราเป็นแบบนั้น เลยพาเราไปพบกับแฟนเขา เราถึงได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เราเป็นโรคทางจิต รักษาไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ พ่อแม่เลยลงความเห็นว่าย้ายโรงเรียน คอยสอดส่องทุกวันว่าเราเป็นยังไง
เราตัดสินใจอยู่นานว่าเราจะรื้อฟื้นเรื่องนี้ดีไหม หรือจะมันให้อยู่เงียบๆในความทรงจำต่อไป ทุกวันนี้ถึงมันจะผ่านมานานแต่แผลใจมันไม่เคยหายเลย เรื่องมันเริ่มต้นแค่การเขียนเลขผิดตัวเดียว กลายเป็นว่าเราไม่ชอบวิชาเกี่ยวกับเลข และทุกครั้งที่คิดย้อนกลับไปก็กลายเป็นการตอกย้ำและทำให้แอนตี้ทุกอย่างเกี่ยวกับวิชานั้นไปเลย ไม่ว่าครูคนใหม่จะสอนสนุกซักแค่ไหน
- Beam
#บทเรียนสำคัญที่ฉันเรียนรู้
บทเรียนสำคัญที่ฉันเรียนรู้ 在 Sa-ard สะอาด Facebook 的最佳解答
บทแถม
ตอนนั้นเราอยู่ ป.4 ณ โรงเรียนประจำจังหวัด ที่ทุกเช้าตอนเข้าเสาธง เด็กทุกคนจะต้องเต้นออกกำลังกายทำท่าต่อย เตะ ฟันศอก ตีเข่า ประกอบเพลง คนไทยรึป่าววววว ของพี่แอ๊ดคาราบาว
เราเป็นเด็กเรียนดีได้ 4.00 มาตลอด สลับกันได้ที่หนึ่ง ที่สอง กับเด็กหญิงเหมือนฝัน ชอบเรียนหนังสือ แต่ไม่ค่อยอ่านหนังสือ และมาทำการบ้านตอนเช้าก่อนเข้าเรียนทุกวัน สมุดจดการบ้านก็ปลอมลายเซ็นผู้ปกครอง
เหตุการณ์ที่จำได้ดี เป็นความหลังฝังใจก็คือคาบเรียน กพอ. ของอาจารย์ปราศรัย ปลายภาค อาจารย์มอบหมายงานภาคปฏิบัติให้นักเรียนชั้น ป.4 ทุกคนทำ นั่นคือ การปลูกถั่วเขียวให้กลายเป็นถั่วงอกในกระป๋อง โดยให้เวลาหนึ่งอาทิตย์
เรากลับบ้านไปก็เพาะถั่วงอกในกระป๋องนมข้นตรามะลิตามปกติ ครบกำหนดส่ง ถั่วงอกเราไม่งอกเหมือนของเพื่อนคนอื่น น้องๆ ยังกองอยู่บนทิชชู่เหี่ยวๆ ยังมีเปลือกสีเขียวหุ้มอยู่ ด้วยความกลัวจะไม่ได้คะแนน เราเลยขอแบ่งต้นถั่วงอกมาจากปลิณดาเพื่อนสนิทสามต้นถ้วน
ถึงเวลาส่งงาน เรายื่นกระป๋องให้อาจารย์ปราศรัยดูด้วยความหวาดระแวง
อาจารย์มองไปในกระป๋อง แล้วก็หันมาถามเราว่า ไปเอาถั่วงอกของใครมา ทำไมมันกระจุยกระจายอย่างนี้
เราตอบไปทันทีว่า “ไก่เขี่ยค่ะ”
อาจารย์ถามว่า ทำไมต้องโกหก
นี่ก็ยังยืนยันด้วยเสียงสั่นเครือไปว่า ไม่ได้โกหกนะคะ ไก่เขี่ยจริงๆ พร้อมกับยื่นกระป๋องไปให้ดู อาจารย์ไม่พูดอะไรต่อ ให้เราศูนย์คะแนนสำหรับงานนี้ จบคาบนั้น มารู้ทีหลังว่า มีเพื่อนอีกหลายคนที่ถั่วเขียวก็ไม่ได้งอก แต่อาจารย์ก็ให้คะแนนเต็ม ในค่าของความพยายามและความซื่อสัตย์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้นับเป็นความอับอาย ความรู้สึกผิดของเด็กผู้หญิง แชมป์คณิตคิดเร็วของโรงเรียน ที่ต้องมาตกม้าตายด้วย “ไก่เขี่ยค่ะ”
จบปลายภาค เราได้เกรดสองในวิชา กพอ. เกรดตัวเดียวในชีวิตชั้นประถมที่ไม่ใช่สี่ ขอบคุณอาจารย์ปราศรัยในวันนั้นมากๆ ที่ทำให้เราจดจำบทเรียนสำคัญของชีวิตนี้มาได้ ในเรื่องของการไม่โกหก และการยอมรับความจริง (และเกรดไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต ออกไปเที่ยวเล่นดีกว่า เย้!)
- Jaew
#บทเรียนสำคัญที่ฉันเรียนรู้
#การศึกษาของกระป๋องมีฝัน
บทเรียนสำคัญที่ฉันเรียนรู้ 在 Sa-ard สะอาด Facebook 的最讚貼文
บทสุดท้าย
สมัยประถม มีครูคนหนึ่งชื่อมนทิยา สอนภาษาอังกฤษ หน้ากลมๆ ขาวๆ ผมสั้น เสียงเพราะ พูดสุภาพ เป็นมนุษย์น่ารักประเสริฐเท่าที่ครูคนหนึ่งจะเป็นได้ เด็กๆ รักครู เพราะรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าครูเป็นคนรักเด็ก ไม่ใช่แค่สอนตามหน้าที่ แกชอบมนุษย์จิ๋วๆ จริงๆ
ครูมนทิยาไม่ได้สอนภาษาอังกฤษในห้องเรียนปกติ แต่แกสอนภาษาอังกฤษในห้องแล็บที่มีหูฟัง กลิ่นพรมตุๆ และแอร์เย็นเฉียบด้วย วิชานี้ครูจะเอา lyrics เพลงฝรั่งมาให้ฟังแล้วเว้นช่องให้เติมเนื้อ พวกเพลงของ M2M, Atomic Kitten แล้วที่ติดหูสุดๆ คือเพลง When You Say Nothing At All นอกจากแปลเพลง ครูยังเล่าเรื่องที่มา เรื่องความรักที่สัมพันธ์กับเนื้อเพลง ครั้งหนึ่งเล่าเรื่องลูกชายวัยอนุบาล น่ารักมาก เรียนเสร็จนักเรียนทุกคนจะตัวเย็น เป็นสุข ฮัมเพลงออกจากห้อง ทำให้นักเรียนกลัวภาษาอังกฤษน้อยลง คลาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นให้เราฟังเพลงฝรั่งและพัฒนาภาษาอย่างจริงจัง
มีครูมากมายที่สร้างบาดแผลนับไม่ถ้วนจากเรื่องไร้สาระ แต่ #บทเรียนสำคัญที่ฉันเรียนรู้ คือความอ่อนโยน ความเมตตา และความรักในงานของครู มีความหมายและทิ้งความทรงจำไว้มาก มากพอจะทำให้หัวใจเราเย็นและปล่อยวางแผลเป็นอื่นๆ ในวัยเยาว์
- สตางค์
บทเรียนสำคัญที่ฉันเรียนรู้ 在 #บทเรียนสำคัญที่ฉันเรียนรู้ - Explore | Facebook 的推薦與評價
ตอน ป.1 เวลาเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ นักเรียนต้องเดินไปรอเข้าแถวหน้าห้องคอมพ์ ซึ่งเป็นปกติของเด็ก ป.1 ที่ต้องคุยเจี๊ยวจ๊าวล่ะครับ แล้วครูก็ทำโทษหมู่ ... ... <看更多>