“ดูไบ” จากหมู่บ้านชาวประมง สู่เมืองศูนย์กลางระดับโลก /โดย ลงทุนแมน
50 ปีที่แล้ว น้อยคนบนโลกที่จะรู้จักหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ริมอ่าวเปอร์เซีย
ที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลทรายรกร้างว่างเปล่า
แต่ในวันนี้ “ดูไบ” ดึงดูดให้คนทั้งโลกต้องจับตามอง
ด้วยการปักหมุดตัวเองให้เป็นศูนย์กลางในหลากหลายด้าน..
ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบมีผู้ใช้บริการมากเป็นอันดับ 4 ของโลกในปี 2019
ส่วนท่าเรือ Jebel Ali ในดูไบ ก็ขนส่งสินค้าติด Top 10 ของโลกมาตั้งแต่ปี 2005
ดูไบยังเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุดในตะวันออกกลาง
มีตึกที่สูงที่สุดในโลก คือ เบิร์จคาลิฟา ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางย่านการค้า
เป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาค และศูนย์กลางค้าเพชรอันดับ 2 ของโลก
แต่นั่นยังไม่หมด เพราะเมืองแห่งนี้กำลังเดินหน้าสู่เป้าหมายใหม่
คือการเป็น “ศูนย์กลางการแพทย์ระดับโลก”
เส้นทางกว่าจะมาเป็นวันนี้ของดูไบเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ดูไบคือ 1 ใน 7 รัฐ ที่ประกอบกันเป็นประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ซึ่งแต่ละรัฐ ก็จะมีเจ้าผู้ครองนคร ทำหน้าที่ปกครองรัฐของตัวเอง
รัฐดูไบเป็นรัฐที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากรัฐอาบูดาบีซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ
แต่เป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุด คือราว 3.4 ล้านคน
คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ
แรกเริ่มเดิมที ดูไบเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ผู้คนดำรงชีพด้วยการทำประมง และทำฟาร์มไข่มุก
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงมาสู่การเป็นเมืองใหญ่
คือการค้นพบน้ำมันในช่วงทศวรรษ 1960s
ในปี 1969 ดูไบเริ่มมีรายได้จากการส่งออกน้ำมัน เมืองจึงมีฐานะร่ำรวยอย่างรวดเร็ว
มีการก่อสร้างถนนหนทาง และตึกรามบ้านช่องมากมาย
แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันสำรองของดูไบก็มีไม่มาก เมื่อเทียบกับรัฐอาบูดาบีเพื่อนบ้าน
เจ้าผู้ครองนครดูไบในขณะนั้น คือ เชครอชิด บิน ซาอิด อัลมักตูม
ได้มองเห็นว่า ในวันหนึ่งข้างหน้า น้ำมันสำรองของดูไบก็จะต้องหมดลง
แล้วรายได้มหาศาลจากน้ำมันก็จะหมดลงไปด้วย
นำมาสู่วิสัยทัศน์ที่จะเปลี่ยนจากเมืองที่พึ่งพารายได้หลักจากการขายน้ำมัน
มาสู่เมืองที่มีเศรษฐกิจหลากหลาย
การพัฒนาขนานใหญ่จึงเริ่มต้นจากการมองหาศักยภาพที่ดูไบมี
ซึ่งไม่มีอะไรจะดีไปกว่า “ทำเลที่ตั้ง”
ถึงแม้จะล้อมรอบไปด้วยทะเลทราย แต่ดูไบก็ตั้งอยู่ใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซ
ซึ่งเป็นทางออกสู่ทะเลเพียงแห่งเดียวของหลายประเทศที่ตั้งอยู่รอบอ่าวเปอร์เซีย
ไม่ว่าจะเป็น อิรัก บาห์เรน คูเวต กาตาร์ รวมถึงบางส่วนของอิหร่าน และซาอุดีอาระเบีย
ปี 1972 รัฐบาลดูไบจึงตัดสินใจลงทุนสร้างท่าเรือ Rashid และท่าเรือ Jebel Ali
ตามมาด้วยการตั้งเขตเศรษฐกิจ Free Zone ขึ้นใกล้กับท่าเรือ
เพื่อดึงดูดการลงทุนจากบริษัทต่างชาติ โดยสามารถนำเข้าแรงงานและเงินทุนได้ไม่จำกัด
หลังจากเปิดดำเนินการในปี 1979 ท่าเรือของดูไบก็ค่อย ๆ เติบโตจนก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าสำคัญของประเทศรอบอ่าวเปอร์เซีย พร้อม ๆ กับดึงดูดแรงงานมุสลิมจากเอเชียใต้ เช่น อินเดีย ปากีสถาน และบังกลาเทศ
ประชากรดูไบ เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 2 แสนคนในปลายทศวรรษ 1970s กลายเป็นมากกว่า 1 ล้านคนในช่วงทศวรรษ 2000s
นอกจากการขนส่งทางเรือแล้ว ทำเลที่ตั้งของดูไบยังมีความโดดเด่นอีกประการหนึ่ง
ก็คือ อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ทวีปใหญ่ คือยุโรปและเอเชีย
นำมาสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อมา คือ “การเป็นศูนย์กลางการบิน”
ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย เพื่อรองรับการเป็น Hub ให้กับหลายสายการบินแห่งรัฐดูไบ ซึ่งก็คือ สายการบิน Emirates ที่ถูกจัดตั้งในปี 1985
ด้วยทำเลที่ดี ใช้ระยะเวลาเดินทางจากทั้งยุโรปและเอเชียตะวันออกในเวลาที่ใกล้เคียงกัน
ทำให้ความนิยมในการเดินทางมาท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ และความนิยมของสายการบิน Emirates เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
สายการบินยังมีการลงทุนพัฒนาด้านการบริการ ปรับปรุงเบาะนั่ง ออกแบบตกแต่งห้องผู้โดยสารให้ทันสมัย ลงทุนด้านเทคโนโลยี เปิดเส้นทางการบินใหม่ ๆ
มีพนักงานต้อนรับจาก 120 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสามารถให้บริการได้ถึง 80 ภาษา
ปี 2018 สายการบิน Emirates มีผู้ใช้บริการมากเป็นอันดับ 7 ของโลก
ซึ่งผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ต้องมาทำการเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ
ทำให้สนามบินแห่งนี้เติบโตจนกลายเป็น Hub การบินที่มีผู้ใช้บริการมากเป็นอันดับ 4 ของโลก
แต่ความโดดเด่นด้านทำเลของดูไบ ก็ยังไม่หมดแค่นี้..
ดูไบ ตั้งอยู่ใจกลางระหว่างทวีปแอฟริกาที่เป็นแหล่งแร่เพชร
กับรัฐคุชราตของอินเดีย ที่เป็นศูนย์กลางการเจียระไนเพชร
ดูไบได้มีการสร้างเขตการค้า Dubai Multi Commodities Centre ในปี 2002
เป็นเขต Free Zone เพื่อรองรับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะทองคำและเพชร
เขตนี้เป็นที่ตั้งของตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเพชร Dubai Diamond Exchange (DDE)
ซึ่งเป็นห้องค้าเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก รองรับผู้สนใจมาประมูลซื้อขายไม่ต่ำกว่า 200 ราย
ส่วนในด้านคุณภาพสินค้า ก็ได้มีการลงทุนติดตั้งเตาอุปกรณ์แบบพิเศษ เพื่อทำความสะอาดแร่เพชร ให้มีความบริสุทธิ์มากที่สุดตามความต้องการของผู้ซื้อ
ดูไบเป็นศูนย์กลางการขนส่งอยู่แล้ว ทั้งการขนส่งทั้งสินค้าและผู้คน
พ่อค้าจากทั่วโลกจึงสามารถเดินทางมาซื้อขายกันได้อย่างสะดวก
จนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าเพชรอันดับ 2 ของโลก รองจากเมืองแอนต์เวิร์ป ของเบลเยียม
ทั้งที่เพิ่งตั้งตลาดค้าเพชรหลังจากแอนต์เวิร์ปหลายร้อยปี
การเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าและการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ ถูกต่อยอดมาเป็นธุรกิจการเงิน
ดูไบจัดตั้งศูนย์การเงินนานาชาติดูไบ ในปี 2002 และตลาดหลักทรัพย์ดูไบ
เพื่อวางตัวเองให้เป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาคตะวันออกกลาง
เช่นเดียวกับการเป็นศูนย์กลางการค้าและการเดินทางทางอากาศ
ที่ถูกต่อยอดมาเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ปี 2019 ดูไบต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 16.7 ล้านคน โดยมีสถานที่ดึงดูด คือศูนย์การค้ามากมายหลายแห่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตึกระฟ้า โรงแรมหรูหรา และสนามแข่งขันกีฬาต่าง ๆ
แต่ประโยชน์จากการมีทำเลที่ดีก็ยังไม่หมดแค่นี้..
การท่องเที่ยวที่เติบโต ทำให้ดูไบเล็งเห็นศักยภาพที่จะต่อยอดจากนักท่องเที่ยวทั่วไป
คือการจับกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
หน่วยงานสาธารณสุขของดูไบ ได้พัฒนา Dubai Healthcare City (DHCC) ในปี 2002
ให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีอัตราภาษีต่ำ เพื่อดึงดูดโรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์ต่าง ๆ ให้เข้ามาดำเนินกิจการ
ดูไบอาศัยความได้เปรียบของการเป็นศูนย์กลางการเดินทาง
เพื่อดึงดูดคนไข้ชาวตะวันออกกลางที่มีกำลังซื้อ ให้มารักษาสุขภาพที่นี่ โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงยุโรปหรือเอเชีย
เช่นเดียวกับคนไข้ชาวยุโรปก็ไม่ต้องเดินทางมารักษาไกลถึงเอเชียตะวันออก
และคนไข้ชาวเอเชียตะวันออก ก็ไม่ต้องเดินทางไปรักษาไกลถึงยุโรป..
ปัจจุบันมีศูนย์การแพทย์ใน DHCC มากกว่า 200 แห่ง มีการตั้งสถานศึกษา และสถาบันวิจัยทางการแพทย์เพื่อพัฒนาบุคลากร และต่อยอดการรักษาให้มีประสิทธิภาพ
ในปี 2019 มีจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติกว่า 350,000 คน เดินทางมารักษายังสถานพยาบาลในดูไบ
โดยสัดส่วนของลูกค้า มาจากภูมิภาคเอเชีย 34% ตะวันออกกลาง 28% ยุโรป 17%
แอฟริกา 10% และสหรัฐอเมริกา 10%
ในขณะที่ปี 2020 ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์โรคระบาด
แต่รัฐบาลดูไบก็ได้ออกใบอนุญาตให้กับโรงพยาบาลแห่งใหม่ 45 แห่ง
และคลินิกการแพทย์เฉพาะทางอีก 10 แห่ง เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต
จากการจัดอันดับ Medical Tourism Index จากทั้งหมด 46 แห่งทั่วโลก
ดูไบถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 1 ของภูมิภาคตะวันออกกลาง
ด้วยการกระจายเศรษฐกิจที่หลากหลาย
ในปี 2019 รัฐดูไบมี GDP 3.5 ล้านล้านบาท
เมื่อหารด้วยประชากร จะทำให้ชาวดูไบมี GDP ต่อหัว 1,029,000 บาทต่อปี
ถึงแม้ว่าดูไบจะมี GDP ต่อหัวน้อยกว่ารัฐอื่น ๆ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
หรือประเทศใกล้เคียงที่มีรายได้หลักมาจากการขายน้ำมัน
แต่รู้ไหมว่าสัดส่วนจากการขายน้ำมันของดูไบ มีน้อยกว่า 1% ของ GDP มาตั้งแต่ปี 2017 แล้ว
ดูไบเติบโตมาถึงวันนี้ได้ ด้วยการมีทรัพยากรอย่างน้ำมันเป็นส่วนผลักดัน แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเพราะดูไบมองเห็นข้อจำกัดของตัวเอง และมองเห็นศักยภาพที่จะพัฒนาต่อยอดมาจากจุดนั้น
การมีทำเลที่ดี พัฒนามาสู่การสร้างท่าเรือ เป็นศูนย์กลางขนส่งทางเรือ ทางอากาศ
ต่อยอดเป็นศูนย์กลางการค้าเพชร การเงิน การท่องเที่ยว และบริการทางการแพทย์
เรียกได้ว่า ดูไบ ค่อย ๆ สร้างสิ่งที่ตัวเองยังไม่มี แต่สามารถทำให้ได้เปรียบกว่าคนอื่น
จนในวันนี้ เรียกได้ว่า คนทั้งโลกน้อยคนที่จะไม่รู้จักดูไบ
และในปี 2021 ดูไบก็จะเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo ในเดือนตุลาคม
โดยได้ระดมฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับทั้งชาวเมืองและแรงงานต่างชาติ
เพื่อเตรียมพร้อมต้อนรับผู้มาร่วมงานจากทั่วโลก
และในอนาคตอันใกล้ เราอาจเห็นดูไบ เป็นศูนย์กลางของกิจกรรมอื่น ๆ อีกก็เป็นได้
ซึ่งมันก็คงทำให้เราเห็นได้ว่า เงินมหาศาลจากการขายน้ำมัน อาจเนรมิตให้เงินเข้าประเทศได้ในระยะสั้น
แต่ในระยะยาวแล้ว สิ่งที่จะทำให้ประเทศเจริญได้อย่างยั่งยืน ก็คือ “วิสัยทัศน์”..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.weforum.org/agenda/2019/11/dubai-uae-transformation/
-https://www.dsc.gov.ae/Report/الناتج%20المحلي%20الاجمالي%20بالاسعار%20الثابتة%202019.pdf
-https://www.dsc.gov.ae/Report/DSC_SYB_2019_01%20_%2003.pdf
-https://edition.cnn.com/2019/12/19/business/dubai-diamond-exchange/index.html
-https://healthmanagement.org/c/healthmanagement/issuearticle/dubai-global-healthcare-hub
-https://www.arabianbusiness.com/healthcare/451472-how-dubai-compares-globally-as-medical-tourism-hub
-https://assets.website-files.com/5d8aac42c851d2d6528d50d4/5f0df13e57906e9f895e3767_2020-2021%20Medical%20Tourism%20Index%20Overall%20Ranking.pdf
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過17萬的網紅Mr.Halogogo,也在其Youtube影片中提到,สนับสนุนโดเนทเพื่อเป็นกำลังใจในการทำคลิปให้ผมได้นะครับ *-- บริจากผ่าน paypal : https://twitch.streamlabs.com/halogogo --* *-- บริจากผ่าน truemoney : h...
ภาษา คน ใน 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
ประเทศไทย มีศักยภาพสร้าง Soft Power จากกลุ่มบันเทิง อาหาร ท่องเที่ยว ภาษา วัฒนธรรม ได้เหมือนเกาหลีใต้ วง BTS เป็นตัวอย่างหนึ่งของเรื่องนี้
กรณีศึกษา วง BTS สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ให้กับเกาหลีใต้ 1.5 แสนล้านบาท /โดย ลงทุนเกิร์ล
รู้หรือไม่ ในปี 2018 วง BTS สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับเกาหลีใต้ถึง 1.5 แสนล้านบาท
คิดเป็นประมาณ 0.3% ของ GDP ประเทศ
สำหรับใครที่ไม่รู้จัก BTS
BTS ไม่ใช่รถไฟฟ้า แต่เป็นวงบอยแบนด์จากเกาหลีใต้
ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จสูงสุดในตอนนี้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยนิตยสาร TIME ได้ยกย่องให้ BTS เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลในปี 2019
BTS ย่อมาจาก Bangtan Sonyeondan อ่านว่า บังทัน โซนยอนดัน
ซึ่งแปลว่า “เด็กผู้ชายในเกราะกันกระสุน”
BTS มีสมาชิกทั้งหมด 7 คน เปิดตัวครั้งแรกในปี 2013
เป็นเจ้าของเพลงยอดนิยมอย่าง DNA และ Boy With Luv
BTS อยู่ภายใต้สังกัด Big Hit Entertainment ที่วางแผนจะ IPO ในปีนี้
โดยในปี 2019 บริษัท ทำรายได้ 16,066 ล้านบาท กำไร 2,664 ล้านบาท
ซึ่งตัวเลขกำไรนี้ มากกว่ากำไรของ 3 ค่ายศิลปินใหญ่สุดของเกาหลีใต้ SM, JYP, และ YG รวมกันเสียอีก
อย่างไรก็ตาม BTS ไม่ได้สร้างเม็ดเงินจำนวนมากให้กับบริษัทต้นสังกัดเท่านั้น
แต่ยังสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศมหาศาล
ซึ่งแม้ว่าเกาหลีใต้จะเป็นประเทศที่เน้นการส่งออก “ด้านวัฒนธรรม” มาเป็นระยะเวลานานแล้ว
ตั้งแต่ Bae Yong Joon จากซีรีส์ Winter Love Song ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 8.0 หมื่นล้านบาท
หรือ Psy เจ้าของเพลง Gangnam Style ก็เคยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 2.7 หมื่นล้านบาท
แต่ความสำเร็จนี้ก็ยังไม่เท่ากับ BTS..
ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับเกาหลีใต้ถึง 1.5 แสนล้านบาท
BTS ได้สร้างปรากฏการณ์ในเวทีเพลงระดับโลก
โดยเป็นวงที่มีอัลบั้มขึ้นอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา 3 อัลบั้มในปี 2018
Map of the Soul: Persona
Love Yourself: Tear
Love Yourself: Answer
ซึ่งผู้ที่เคยทำสถิตินี้ได้ มีเพียง The Beatles ในปี 1996 เท่านั้น
และ BTS ยังถือเป็น K-Pop วงแรก ที่สามารถขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ตเพลงของสหรัฐอเมริกาด้วย
การทัวร์คอนเสิร์ตในปีที่ผ่านมาของ BTS กวาดรายได้ไปกว่า 6,400 ล้านบาท
จากการแสดงทั้งหมด 42 ครั้ง และมีคนเข้าร่วมมากกว่า 1.6 ล้านคน
คิดเป็นรายได้จากคอนเสิร์ตมากสุดอันดับ 3 โดยเป็นรองเพียง Ed Sheeran และ P!nk
ซึ่งความนิยมของ BTS ยังส่งผลดีกับวงการเพลงโดยรวมของเกาหลีใต้
ทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลกถึง 22%
ที่สำคัญคือ เป็นการสอดแทรกวัฒนธรรมด้านอื่นของเกาหลีไปในตัว
เพราะเนื้อเพลงส่วนใหญ่ ก็ยังร้องเป็นภาษาเกาหลี
นอกจากด้านวงการเพลงแล้ว BTS ยังส่งผลกระทบเชิงบวก
ต่ออุตสาหกรรมด้านอื่นๆ ของเกาหลีใต้อีกจำนวนมาก
ในด้านการท่องเที่ยว พบว่า BTS ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาที่ประเทศเกาหลีใต้ถึง 790,000 คนในปี 2017 ซึ่งคิดเป็นเกือบ 8% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด
โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ มีความเกี่ยวข้องกับ BTS
เช่น ป้ายรถเมล์ที่ชายหาด Hyangho ในจังหวัดคังวอน
ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายปกอัลบั้ม You Never Walk Alone
หรือหาด Dadaepo ในจังหวัดปูซาน
ซึ่งหนึ่งในสมาชิกวง จีมิน เคยถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียของตัวเอง
เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นในปี 2002 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางตามรอยซีรีส์ Winter Love Song มาที่เกาะนามิมากถึง 650,000 คน
ในด้านสินค้าเพื่อการบริโภคทั่วไป BTS ก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเหล่านี้
ทั้งการบริโภคในประเทศ และการส่งออก
อาหาร คิดเป็นมูลค่า 128,660 ล้านบาท
เครื่องสำอาง คิดเป็นมูลค่า 90,972 ล้านบาท
เสื้อผ้า คิดเป็นมูลค่า 65,825 ล้านบาท
หรือแม้แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่ง BTS เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ให้กับ รถยนต์สัญชาติเกาหลี Hyundai Motor รุ่น Palisade ก็ทำให้บริษัทได้รายได้จากแคมเปญนี้ 16,375 ล้านบาท
ซึ่งก็มีการวิเคราะห์ว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจของ BTS ใน 10 ปี
จะคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท
ซึ่งมากกว่ารายได้จากการจัดงานโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2018 ที่ทำรายได้ 1.1 ล้านล้านบาท
กรณีศึกษาของ BTS ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
จากการใช้ Soft Power หรือการใช้จุดเด่นของประเทศ มาดึงดูดความสนใจของคนทั่วโลก
ซึ่งไม่ได้สร้างผลประโยชน์ให้กับธุรกิจนั้นเพียงอย่างเดียว
แต่ยังส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอื่นในประเทศเป็นลูกโซ่ให้ดีขึ้นทั้งประเทศ..
References:
-https://www.forbes.com/…/bts-were-the-top-grossing-tourin…/…
-https://medium.com/…/the-bts-effect-on-south-koreas-economy…
-https://www.statista.com/…/companies-bts-share-of-south-ko…/
-https://www.koreaboo.com/…/2019-net-profits-bighit-sm-jyp-…/
-https://variety.com/…/bts-big-hit-5-billion-valuation-ipo-…/
-https://variety.com/…/k-pop-korea-showbiz-coronavirus-1203…/
-http://www.bbc.com/…/story/20200309-the-soft-power-roots-of…
ภาษา คน ใน 在 TravelKanuman / คา นู แมน 2เท้าชาวท่องโลก Facebook 的最佳貼文
Chefchaouen / Morocco
เมืองสีฟ้าที่งามที่สุดในโลก
การเดินทาง สายการบิน Turkish airlines บินตรงลงท่าอากาศยานนานาชาติ Istanbul Ataturk Airport จากนั้นต่อเครื่องไปลง Mohammed V International Airport ใน Casablanca แล้วจึงต่อรถบัสไปลงที่ Chefchaouen
ทำไมต้องไปเยือน
เมื่อผู้คนพูดถึงโมรอคโค ส่วนใหญ่ก็มักจะนึกไปถึงเมืองชื่อดังอย่างมาราเกซ หรือคาซาบลังก้า ไม่ก็มองข้ามไปที่การท่องเที่ยวค้างแรมในทะเลทรายซาฮาร่ากันเลย แต่ทางตอนตะวันออกเหนือของประเทศที่หลาย ๆ คนไม่ค่อยได้ไปเยือน มีเมืองอยู่แห่งหนึ่งที่อุดมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวซ่อนอยู่ท่ามกลางเทือกเขา rif นั่นก็คือเมืองสีฟ้านามว่าเชฟชาอูนนั่นเอง
เชฟชาอูนเป็นเมืองขนาดไม่ใหญ่โต มีประชากรรวมทั้งบริเวณเขตรอบนอกอยู่ที่ราว 40,000 คน ถึงปัจจุบันจะไม่ได้เป็นเมืองใหญ่หรือเมืองการค้าหลัก แต่ตามประวัติศาสตร์แล้วที่นี่ถือเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศเลยทีเดียว เพราะก่อตั้งมากว่า 500 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 1471 โดยในตอนแรกเมืองถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการฐานที่มั่นของชาวยิวและชาวมัวร์ที่ถูกขับไล่มาจากเสปน จากนั้นที่นี่ก็ถูกตั้งให้เป็นฐานที่มั่นเพื่อรับผู้อพยพมาจากเสปนเรื่อยมา
ที่จริงแค่ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ก็เพียงพอให้เป็นเมืองที่ควรค่าแก่การมาเยือนแล้ว แต่ในปี 1930 เมืองนี้ก็ยิ่งเพิ่มความพิเศษมากยิ่งขึ้น เมื่อชาวเมืองลงมติให้ย้อมสีของทั้งเมืองเป็นสีฟ้าสดใส สำหรับเหตุผลนั้นก็มีหลากหลายแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน บ้างก็ว่าทาตามความเชื่อในแบบยิวที่นับถือสีฟ้าเป็นสีของเทพเจ้า บ้างก็บอกว่าเป็นสีของท้องฟ้าและน้ำทะเล บางคนก็บอกว่าไม่มีความหมายอะไรหรอก แค่สวยดี แต่จะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่บ้านเรือนทุกหลัง รวมถึงกำแพงและพื้นถนนถูกระบายด้วยสีฟ้า น้ำเงินไปทั้งเมือง เป็นที่มาของชื่อเล่นว่า เมืองไข่มุกสีฟ้า นั่นเอง
ภายในเมืองมีมัสยิดอยู่หลายแห่งรวมถึงจุดชมวิวสวย ๆ ที่ต้องออกแรงเดินขึ้นเขาไปประมาณครึ่งชั่วโมงไปที่บริเวณมัสยิด Mosquée Bouzâafar จากตรงนั้นสามารถมองเห็นเมืองทั้งเมืองจากมุมสูงได้อย่าเต็มตา โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์ตก จะเห็นนักท่องเที่ยวมากมายอยู่รอบบริเวณมัสยิด รับรองว่าคึกคักไม่เปลี่ยวแน่นอน บางคนก็รอกันจนฟ้ามืดเพื่อชมเมืองสีฟ้าช่วงค่ำคืนกันเลยทีเดียว
ถ้ามาที่นี่อยากแนะนำให้พักบริเวณเมืองเก่าจะดีที่สุด เพราะสามารถเดินเที่ยวภายในเมืองสีฟ้าได้อย่างเต็มอิ่ม ตัวเมืองเก่าขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก สามารถเดินได้ทั่วบริเวณ แต่ถ้าหากจะไปที่สถานีรถบัสอาจจะต้องใช้บริการรถTaxi ซึ่งก็ราคาไม่ได้แพงมาก ประมาณรอบละ 50-80 บาทเท่านั้น
ด้วยความที่เคยเป็นเมืองป้อมปราการมาก่อน ตัวเมืองจึงมีลักษณะเป็นเนินสูงชัน บ้านเรือนก็อยู่สูงไต่ระดับตามเนินไปเรื่อย ๆ ใครพักอยุ่สูงหน่อยก็ต้องลากกระเป๋าไกลหน่อย หรือจะเรียกให้โรงแรมมารับก็ได้ แล้วให้ทิปค่าเหนื่อยคนที่มาช่วยยกกระเป๋าเสียหน่อยก็โอเค ที่ด้านล่างของเมืองเก่าเป็นตลาดกลางเมือง สถานที่รวมของนักท่องเที่ยวนานาชาติ มีร้านอาหารเปิดอยู่มากมาย รวมถึงร้านของที่ระลึกต่าง ๆ ด้วย
กิจกรรม
โดนปกติการไปเที่ยวที่นี่กิจกรรมหลักก็ไม่พ้นเดินเล่นภายในตัวเมืองสีฟ้า ถ่ายรูปเก๋ ๆ ซึ่งมุมถ่ายรูปมีมากมายนับไม่ถ้วน รับรองว่าถ่าย 2-3 วันก็ไม่หมด ภายในเมืองมีร้านอาหารน่าสนใจหลายร้านเลย ควรลองอาหารพื้นเมืองชื่อดังอย่างทาจิน เป็นเนื้อสัตว์อบหม้อดินพร้อมกับสมุนไพรแบบโมรอคโค รสชาติจัดจ้านอร่อยมาก ๆ หรือจะลองชีสนมแพะที่มีเฉพาะที่นี่ก็ได้ กินแกล้มกับน้ำผลไม้อร่อยเหมือนกัน
ช่วงเวลาที่ควรไป
เนื่องจากเป็นประเทศในแถบแห้งแล้งและแดดจัด ควรไปเยือนในช่วงฤดูที่อากาศเย็นหน่อยจะดีกว่า ตั้งแต่ราวเดือนกันยายนถึงเดือนเมษายน อากาศยังเย็นสบาย สามารถเดินเที่ยวได้อย่างไม่เสียอารมณ์ ไม่ต้องคอยหลบแดดเป็นพัก ๆ
ภาษา โมร็อคคัน อารบิค
หน่วยเงิน Moroccan dirham (MAD)
เวลา ช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง
วีซ่า โมรอคโค
ภาษา คน ใน 在 Mr.Halogogo Youtube 的最佳貼文
สนับสนุนโดเนทเพื่อเป็นกำลังใจในการทำคลิปให้ผมได้นะครับ
*-- บริจากผ่าน paypal : https://twitch.streamlabs.com/halogogo --*
*-- บริจากผ่าน truemoney : https://www.tmtopup.com/topup/?uid=140895 --*
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
https://www.facebook.com/Mr.Halogogo/
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ช่วยกด subscribers เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมหน่อยนะครับ
http://www.youtube.com/channel/UCE5jveSfiagnMWhHdHtjLQQ?sub_confirmation=1
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
5 ประเภทของซอมบี้ : http://yt3.piee.pw/FQEEV
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/zUwEe8bUVTk/hqdefault.jpg)