#แม่อ่าน_VS_ปากกา/applicationอ่าน
คำถามยอดฮิต
ซื้อปากกาอ่านนิทาน ดีมั้ย
ซื้อ application อ่านนิทานดีมั้ย?
+++++++++++
หมอคิดว่า คำถามพวกนี้ คงทำเป็นข้อสอบ
ให้เลือกตอบเพียงข้อเดียว ก ข ค ง ไม่ได้แน่นอน
ต้องถามว่า ขณะที่ถามมันมีปัจจัยแวดล้อมอะไรบ้าง
ลูกอายุเท่าไหร่ แม่อ่านหนังสือให้ลูกฟังมากแค่ไหน
ต้องการซื้อปากกาอ่านนิทาน/application อ่านนิทาน มาเพื่ออะไร?
ใช้เวลาไหน?
ยกตัวอย่าง หมออ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังทุกวัน
แต่หมอก็ซื้อ application เพราะอยากได้นิทานบางเล่ม (ที่หาซื้อยาก)
และหมอเองก็อยากฝึกฟัง พูด ภาษาอังกฤษ ไปพร้อมๆกับลูกด้วย
หมอไม่ได้เอา application มาเทียบกับตัวเอง
หรือ เพื่อนของหมอ เค้าเห็นว่า ปากกาอ่านนิทาน ก็เป็น #ของเล่น ที่ดี
ถ้าเทียบกับ ของเล่นอื่น หรือ ถ้าเทียบว่า ลูกจะไปดูจอ
เป็นต้น
+++++
ดังนั้น หมอคิดว่า เราไปถามใคร
ก็คงได้คำตอบไม่เหมือนกัน
และก็คงไม่ตรงใจเรา เพราะแต่ละบ้านก็ไม่เหมือนกัน
เพราะฉะนั้น
ถ้าซื้อ เพราะ เอา application หรือ ปากกา
มาให้ลูกใช้ #เล่นในบางเวลา
โดยเราก็ยังอ่านหนังสือให้ลูกฟัง
หมอก็ไม่คิดว่ามันมีปัญหาตรงไหน😊
แต่ ถ้าเราคิดว่า ซื้อปากกาอ่านนิทาน หรือ application อ่านนิทาน เพื่อมาแทนที่เรา
หมอคิดว่า
#มันเอามาเทียบกันไม่ได้แต่แรกอยู่แล้วนะคะ
.
หมอลองทำตาราง เล่นๆ (ความเห็นส่วนตัว)
เพื่อตอบคำถาม
คุณแม่ที่เคยถามคำถามนี้กับหมอก็แล้วกันนะคะ
.
ถามตัวเองก่อนว่า อ่านหนังสือกับลูก
เราให้อะไรกับลูกบ้าง
1.ให้เวลาคุณภาพกับลูก เวลาที่เราจะละจากงาน จากหน้าที่อื่น จาก social media
มาทำเพียงหน้าที่เดียว คือ
เป็นแม่ที่ใช้เวลาแห่งความสุขกับเค้า
(คงไม่มีใครอ่านหนังสือกับลูก แต่อีกมือดูมือถือได้หรอกใช่มั้ยคะ....เอ๊ะ หรือมีคนทำได้😅)
2.ได้ฟังเสียงของเรา แม้จะพูดภาษาเดียวกัน แต่เราต่างมีสำเนียงเป็นของเราเอง ลูกชอบฟังโทนเสียง และสำเนียงของเรา
3.ได้ฟังคำ ออกเสียงคำได้ถูกต้อง
4.ได้เห็นภาพ ที่มาคู่กับกับ ทำให้ได้คลังศัพท์
5. ได้ภาษาที่ 2,3 (ในกรณีที่อ่านเป็นภาษาอื่น)
6.ให้ลูกได้ใช้เวลากับสิ่งที่เราคิดว่า #ดีต่อลูก
และยังมีอีกมากมาย เราต้องถามก่อนว่า สิ่งที่เราจะซื้อ มาช่วยเติมเต็มข้อไหนให้เราได้
ไม่มีอะไรดีที่สุด และไม่มีอะไรแทนอะไรได้
ถ้าเราไม่ติดเรื่องการเงินแล้วล่ะก็
เราเพียงแต่ต้องตอบให้ได้เท่านั้นว่า
ซื้ออะไร มาเพื่ออะไร แค่นั้นเองค่ะ
.
หมอแพม
แต่ยังไงๆ แม่ก็ สนุก ที่ 1 ในใจลูกเสมอนะคะ
「ยกตัวอย่าง ภาษาอังกฤษ」的推薦目錄:
ยกตัวอย่าง ภาษาอังกฤษ 在 พ่อบ้านเยอรมัน Facebook 的最佳貼文
มหาอำนาจและภาษา?
พ่อบ้านมาลองนั่ง คิดๆดูแล้ว ว่าตั้งแต่เกิดมา จะได้ยินมาโดยตลอดว่าภาษาอังกฤษ เป็นภาษาสำคัญที่ควรจะปลูกฝังตั้งแต่เด็ก และจะได้ยินเสมอว่า
ภาษาอังกฤษคือภาษาสากล?
และ อะไร คือเหตุผลที่ทำให้คิดเช่นนั้น?
ทำไม? ทำไมน๊าาาา? แล้วทำไมไม่เป็นภาษาไทยบ้าง?
แต่ก่อน พ่อบ้านเคยเชื่อว่า ภาษาอังกฤษ เป็นภาษากลางที่ใช้สื่อสารทั่วโลก แต่จากการได้เดินทาง พบปะผู้คน ไปในที่ต่างๆ แล้วพ่อบ้าน พบว่า
จริงๆ โลกของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น หากถ้าคุณต้องการทำธุรกิจใน ญี่ปุ่น เยอรมัน เกาหลี จีน ฝรั่งเศส คุณคิดว่า คุณได้
"ภาษาอังกฤษอย่างเดียวจะรอดหรือไม่?"
และนอกจากนี้ ประเทศเหล่านี้ มีความต้องการแพร่ขยายภาษาของประเทศตัวเอง ให้กับประเทศอื่นๆ ใช้ อีกด้วย ยกตัวอย่าง ถ้าเราเดินทางไป เยอรมัน จีน เกาหลี เราจะเห็นได้ว่า เค้าแทบไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลยทั้งๆ ที่ภาษาบางคนนี่ ภาษาดีเทียบเท่า Native เลยนะ เรียกได้ว่า ถาม อังกฤษไป ตูเว่าจีน เว่าเยอรมันกลับอ่ะ โอเคป่ะ!!! เรียกว่า แทบจะไม่พูดภาษาของชาติอื่นเลย มีความเป็นชาตินิยมสุดๆ
เอ้าลองมาคิดกันดูเล่นๆ ว่า ทำไมเค้าไม่ใช้ภาษาอังกฤษแต่หลายประเทศจัดว่าเป็นประเทศมหาอำนาจได้หล่ะ?
1. เยอรมัน : หนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่มีงบประมาณประเทศเกินดุล(ได้กำไรมากที่สุดในโลก) ด้วยความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ทางวิศวกรรมและทางการแพทย์ จึงไม่แปลกที่จะดึงดูดให้คนจากประเทศอื่นๆ ที่ต้องการได้รับความรู้นั้นแห่กันเรียนภาษาเยอรมันกันยกใหญ่
ที่สำคัญคือประเทศนี้เพิ่งได้รับการจัดอันดับทางภาษาไปว่า เป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
แต่!!! จากประสบการณ์ที่พ่อบ้านเจอคือ
ตูไม่ใช้อ่ะ จะทำไม?
ซึ่งถ้าเกิดมาที่เยอรมัน คุณจะสังเกตุได้ว่าป้ายบอกทาง สถานที่ต่างๆ หรือหนังสือภาษาอังกฤษจะหาได้ยากมากนะ รวมไปถึงกับการทำงาน ถ้าคุณได้ภาษาอังกฤษอย่างเดียว ยังถือว่าไม่ผ่านๆ Guten Morgen
2. จีน : ปัจจุบันเรียกได้ว่า แทบจะเป็น ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งในแง่ของการผลิต การค้าขาย ลองคิดเล่นๆว่า ถ้าคุณขายของขอแค่กำไร คนละบาทจากคนจีน วันๆนึง คุณจะได้เงิน มหาศาลแค่ไหน?
ยังไม่นับกับปัจจุบันคนจีนสมัยใหม่กำลังจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ซึ่งมาเต็มกับการเปิดรับเทคโนโลยี เพราะในอนาคตไม่อยากจะผลิตของ Copy เท่าไหร่ อยากผลิตของ Luxury มากขึ้น
พร้อมกับได้รับการสนับสนุนทางเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน จากรัฐบาลขนานใหญ่ นี่แค่สาเหตุเบื้องต้นที่ทำไมทำให้คนแห่ไปเรียนภาษาจีน ไม่เว้นแม้แต่คนเยอรมันหรืออเมริกา
"เลยนะจะบอกให้"
ทำให้พ่อบ้านไม่ต้องให้บรรยายมาก เพราะขนาดคนไทยยังแห่ส่งลูกหลานไปเรียนจีนเลยจะบอกให้
3. ญี่ปุ่น : นี่ตัวดีเลยประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านของชาตินิยมและความรักในวัฒนธรรมของตัวเองสูงมาก แต่ในทางกลับกัน ก็มีความเปิดกว้างในระดับนึง โดยดูได้จาก โอลิมปิกที่ใช้การ์ตูนเป็นสัญลักษณ์ และเรื่องของอื่นๆ อีก โดยบอกได้ว่าประเทศนี้มีดีค่อนข้างมาก เพราะถือว่าเป็นคู่แข่งด้านเทคโนโลยีหลักๆ อีกประเทศนึงของเยอรมัน มีนวัตกรรม ที่เป็นของประเทศตัวเองมากมาย จนทำให้ประเทศที่ถ้ามองในแผนที่ ก็อาจจะมองว่าเป็นเกาะเล็กๆแต่ว่าดึงดูด
ให้คนจากทั่วโลกไปเที่ยว ไปทำงาน และต้องการทำธุรกิจร่วมด้วย แล้วก็ก็อีกเช่นกัน ป้าย และสัญลักษณ์ต่างๆ ในประเทศ แทบจะมีแต่ภาษาญี่ปุ่น (ก็ไม่เปลี่ยนอ่ะจะทำไม?)
เป็นประเทศที่ประชาชนพูดอังกฤษได้ปานกลางแถมสำเนียงฟังค่อนข้างยากอีกต่างหาก แต่อย่าลืมว่า ด้วยอำนาจต่างๆ ที่บอกไป ไม่ว่าจะเป็น Dragonball Doraemon Toyota Honda AV เอ้ย!!! เอาเป็นว่าอยากค้าขายกับเค้า จะให้ดีเราก็ไปหัดพูดญี่ปุ่นมาจะดีกว่านะจ๊ะ คอนนิจิวะ
4. เกาหลีใต้ : ตัวดีเลยยย ตัวแสบมากกก โตไวมากกกก เป็นชาติน้องใหม่ ที่บาดเจ็บอย่างมากจากสงคราม นอกจากจะทำให้ประเทศของตัวเองแตกเป็น 2 ชัดเจน ซึ่งถ้าให้พูด เมื่อก่อนนี่เป็นประเทศที่ถือว่าค่อนข้างจนเลยนะ ไม่ค่อยมีวัฒนธรรมอะไรชัดเจน แถมไม่ค่อยมีอำนาจต่อรองอะไรมากมาย แต่ในช่วง 30-40ปี มานี้
"เฮ้ย!!! เค้าพลิกประเทศได้"
ไม่ว่าจะเป็นความสามารถทางเทคโนโลยี ที่แซงล้ำหน้าประเทศยักษ์ใหญ่ในหลายๆประเทศ สามารถสร้างและฟื้นฟูวัฒนธรรมของตัวเองและแถมส่งออกไปได้ทั่วโลกผ่านทางธุรกิจบันเทิง ทำให้คนติดงอมแงมทั่วโลก พ่อบ้านยังดู Series และยังฟังเพลงเกาหลีเลย 555 และแน่นอน เรื่องภาษาอังกฤษนางก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นะ แถมป้ายต่างๆในประเทศก็ไม่มีหรอกภาษาอังกฤษ
เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่ด้วยความที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มาพร้อมด้วยกับ พี่ Samsung Hyundai Series เกาหลีต่างๆ ทำให้เกาหลีสามารถสร้างอำนาจต่อรองและให้คนที่ต้องการติดต่อค้าขาย หรือชื่นชอบหลงใหลในวัฒนธรรมของประเทศตัวเองได้ จ้าาา อัน นยอง ฮา เซ โย
สำหรับไทยนั้นพ่อบ้านมองว่า เรื่องของภาษาอังกฤษเราก็ไม่ได้เทพอะไรมากมายเลย ลองให้ฝรั่งมาเดินถามทางหรือคุยกับคนในกรุงเทพซิจะรู้ แถมผลการวัดระดับภาษาในระดับสากลของเราก็ถือว่าค่อนข้างต่ำหรือบางครั้งก็ปานกลาง
ดังนั้นเลย นอกจากการศึกษาเรื่องภาษาอังกฤษแล้วพ่อบ้านคิดว่ามีอีกแนวทางนึงคือ เราต้องหาจุดแข็งของเราและ สร้างอำนาจต่อรองให้ได้เหมือนกับ จีน เยอรมัน เกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องพลิกมุมคิดนิดนึงว่าไม่ใช่เรารักภาษาเราจนไม่ยอมเรียนภาษาอื่นเลย แต่ถ้าอ่านบทความพ่อบ้านจะเห็นว่าไอ้ ประเทศอื่นมันพูดอังกฤษได้และพูดได้ดีด้วย แต่มันสร้างอำนาจต่อรองและยกระดับภาษาของตัวเองให้เป็นสากลมากขึ้น!!!! นี่ซิสำคัญไม่แพ้กัน
#ถ้าชอบก็แชร์วนไปได้เลยครับ 😁👌
#พ่อบ้านเยอรมัน #มหาอำนาจและภาษา #เยอรมัน #เยอรมนี #Germany #German #Language #power
ยกตัวอย่าง ภาษาอังกฤษ 在 ฝึกแต่งประโยคในชีวิตประจำวัน 40 ประโยค | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ 的推薦與評價
... <看更多>
ยกตัวอย่าง ภาษาอังกฤษ 在 คำว... - English for working people - ภาษาอังกฤษสำหรับวัยทำงาน 的推薦與評價
คำว่า “ยกตัวอย่าง” ในภาษาอังกฤษไม่ได้มีแค่ “For example” . โพสนี้มีแจก E-Book รวมมิตรประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้สื่อสารกับชาวต่างชาติฟรี... ... <看更多>