วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 เวลา ตี 2 คนไทยต้องพบกับฝันร้าย โดยไม่นึกมาก่อนว่า สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่คนไทยได้แต่ติดตามข่าวทางวิทยุ จะมาถึงประเทศไทย!
.
คืนวันนั้น เรือรบญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกที่จังหวัดสงขลา ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร และบางปู มีการปะทะสู้รบกันอย่างรุนแรง สูญเสียทั้งสองฝ่าย
.
7.30 น. นายกรัฐมนตรี จอมพล ป.พิบูลสงคราม สั่งให้หยุดยิง ยอมให้ญี่ปุ่นผ่านประเทศไทยไปพม่าได้
.
ญี่ปุ่น ขนเชลยศึกพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ ออสเตรเลีย ฮอลันดา อเมริกัน นิวซีแลนด์ 61,700 คน รวมกับกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู อินเดีย พม่า รวมกันแล้วก็นับแสนคน มาก่อสร้างทางรถไฟไปพม่า เพื่อโจมตีพม่า และอินเดียต่อไป
.
กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่โลกไม่อาจลืม เมื่อเชลยศึกถูกทารุณ ให้เร่งสร้างทางรถไฟและ "สะพานข้ามแม่น้ำแคว" อย่างโหดร้าย ท่ามกลางแสงแดดแรงกล้าในเมืองกาญจน์ การขาดแคลนอาหาร เป็นไข้ป่ากลางป่าเขาดงดิบเมื่อเกือบ 80 ปีก่อน
.
กว่าสะพานจะเสร็จเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2486 (วันนี้เมื่อ 77 ปีก่อน) มีคนตายหลายหมื่นคนที่กาญจนบุรี !!!
.
LINE กนก ภูมิใจเสนอ สารคดีที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด " ตามรอยเส้นทางรถไฟสายมรณะ กาญจนบุรี " ออกอากาศ 2 ตอนติดต่อกัน เวลา 20.10 น. เริ่มอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม นี้
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過164萬的網紅จดอ - JUSTดูIT.,也在其Youtube影片中提到,"สละชีพเพื่อชาติ คือ เกียรติยศ" ห้ามพลาด! หนังสงครามฟอร์มยักษ์แห่งปีที่(เกือบ)ไม่ได้ฉายในจีน! ร่วมสดุดีวีรกรรมความกล้าหาญของเหล่านักรบแห่ง "ยุทธการเ...
「สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่น」的推薦目錄:
- 關於สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่น 在 Kanok Ratwongsakul Fan Page Facebook 的最讚貼文
- 關於สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่น 在 KIM Property Live Facebook 的最讚貼文
- 關於สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่น 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่น 在 จดอ - JUSTดูIT. Youtube 的最佳貼文
- 關於สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่น 在 คอเป็นหนัง Youtube 的最佳解答
สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่น 在 KIM Property Live Facebook 的最讚貼文
วัฏจักรรอบใหญ่ของสหรัฐ ตอนที่ 1 : 1929 - 1945
ในบทที่ 5 ตอนที่ 1 ของซีรีย์ THE CHANGING WORLD ORDER เขียนโดยเรย์ ดาลิโอ ที่เป็นภาคต่อของบทที่แล้วที่เล่าถึงประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลก 500 ปี ซึ่งหยุดไว้ที่ช่วงปลายยุคจักรวรรดิของสหราชอาณาจักร มาถึงบทนี้ที่ชื่อตอนว่า The Big Cycles of the United States and the Dollar Part 1 จะกล่าวถึงช่วง 1929 – 1945 ที่อยู่ในหน้าสำคัญของประวัติศาสตร์โลก เพราะมี 2 หายนะครั้งใหญ่เกิดขึ้นคือ
1. The Great Depression ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (1929-1933)
2. World War II สงครามโลกครั้งที่ 2 (1939-1945)
เรย์ได้เกริ่นก่อนว่าเขาไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ แต่เขาเป็นนักลงทุน เพราะฉะนั้นงานวิจัยของเขาไม่ได้ทำเพื่อเสาะแสวงหารายละเอียดต่าง ๆ แต่มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตอย่างมีเหตุมีผล เพื่อให้รู้ว่าปัจจุบันคุณยืนอยู่จุดไหนและจะเตรียมการรับมือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างไร
สิ่งที่เรย์ต้องการสื่อในบทนี้คือ
1. การเมืองกับเศรษฐกิจเป็นเรื่องเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและสงครามโลกที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการสั่งสมของปัจจัยต่าง ๆ ในอดีต
2. เรย์มองว่าสถานการณ์โลกที่เศรษฐกิจตกต่ำและมีความตึงเครียดทางการเมืองของหลายประเทศ (รวมถึงไทย) ในปัจจุบัน มีความคล้ายคลึงกันกับยุคนั้น ทำให้เรย์เขียนบทนี้ขึ้นเพื่อเอาไว้เปรียบเทียบกับความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐที่เกิดขึ้นในบทต่อไป
สาเหตุของ The Great Depression นั้นต้องย้อนไปช่วงหลังจบสงครามโลกครั้งที่ 1 คือประมาณปี 1920 ที่ประเทศใหญ่ ๆ มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างร้อนแรงผ่านกลไกของระบบทุนนิยมและธนาคารหรือเรียกง่าย ๆ ว่ากู้หนี้ นั่นทำให้วัฏจักรหนี้สินทำงานทันที แล้วฟองสบู่ก็แตกในปี 1929
ในตอนนั้นนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าวิธีการแก้วิกฤตที่ดีที่สุดคือการ “อยู่เฉย ๆ” ไม่ต้องทำอะไร รัฐไม่ต้องอัดฉีด ธนาคารกลางไม่ต้องพิมพ์เงิน ให้กลไกเสรีมันทำงานของมันเอง แต่ปัญหาคือกลไกเหล่านั้นมันทำงานช้าปีแล้วปีเล่าก็ไม่ฟื้นสักที จึงทำให้วิกฤตครั้งนั้นเกิดความขาดแคลน แร้นแค้น ยากลำบาก และมีผู้คนอดตายเป็นจำนวนมาก รวมถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วโลก เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในประเทศและระหว่างประเทศ มีการประท้วง ปฏิวัติ หรือเปลี่ยนแปลงขั้วของผู้นำกันทั่วทุกมุมโลก โดยหลายคนอาจจะโฟกัสแค่ประเทศใหญ่ ๆ อย่างอังกฤษ อเมริกา เยอรมัน ญี่ปุ่น โซเวียต และจีนเท่านั้น แต่ไม่เลย สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นกันทุกประเทศ แม้แต่ไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะถ้าคุณบวกลบคูณหารดูดี ๆ ก็จะพบว่าการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 นั้นตรงกับปี 1932 ที่อยู่ในช่วงเวลานี้นี่เอง
ผู้นำคนใหม่ของแต่ละประเทศมีแนวโน้มที่จะมีแนวคิดสั่งการจากบนลงล่าง (เผด็จการ) มากขึ้นกว่าคนก่อน อยู่ที่ว่าจะเป็นเผด็จการแบบฝั่งขวา (ฟาสซิสต์) หรือเผด็จการแบบฝั่งซ้าย (คอมมิวนิสต์) เพื่อที่จะสามารถ
1. ควบคุมสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศ
2. มีอำนาจในการแทรกแซงกลไกตลาด
3. ก่อสงครามเพื่อยึดทรัพยากรจากประเทศอื่นได้
แฟรงคลิน ดี รูสเวลท์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ประกาศลดค่าเงินดอลลาร์ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด จึงทำให้เศรษฐกิจอเมริกาฟื้นกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่พึ่งรับตำแหน่งนายกของเยอรมันในปี 1933 ก็ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนัก ทั้งการสร้างทางด่วนออโต้บาห์น การผลิตรถยนต์ Volkswagen การสร้างเขื่อน และการพัฒนาอาวุธ ที่ขัดกับทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ในยุคนั้นว่ารัฐไม่ควรแทรกแซงกลไกตลาด แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็ทำให้เศรษฐกิจของเยอรมันเติบโตอย่างมากและอัตราการว่างงานก็ลดจาก 25% เหลือ 0%!!! ใน 5 ปีเท่านั้น
แต่นอกจากการใช้นโยบายการเงินและการคลังแล้ว ยังมีอีกวิธีที่แก้ปัญหาความอดอยากได้รวดเร็วกว่านั้น คือ “บุกยึดทรัพยากรของประเทศอื่น” คือกว่าจะผลิตกว่าจะขาย มันช้าไม่ทันกาล ประชาชนอดตายก่อนพอดี ปล้นเอาเลยง่ายกว่า
นั่นทำให้หลาย ๆ ประเทศทุ่มงบประมาณไปกับการพัฒนาอาวุธเพื่อใช้ก่อสงคราม เช่น ญี่ปุ่นที่ใช้จังหวะนี้ที่ยุโรปกำลังอ่อนแอในการรุกรานประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย
สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงก่อกำเนิดขึ้น ซึ่งเรย์ได้อธิบายว่าในเกือบทุกสงครามจะใช้เทคนิคด้านเศรษฐกิจคือ
1. ปิดกั้นการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์
2. ปิดกั้นการเข้าถึงเงินทุน
3. ปิดกั้นทางการค้า
มันก็คือคำว่า "Deglobalization" ดี ๆ นี่เอง ทำให้แต่ละประเทศต้องพึ่งพาตัวเองและประเทศพันธมิตรในสงคราม เพราะฉะนั้นถ้าไม่แข็งแกร่งจริง ๆ คุณจะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
หากมองในมุมของการเมืองจะเห็นการต่อสู้กันระหว่างอุดมการณ์ชาตินิยมสองขั้ว แต่ถ้ามองในมุมเศรษฐกิจมันคือการแย่งชิงแหล่งทรัพยากรระหว่าง 2 กลุ่มอำนาจที่มีความสามารถในการรบพอ ๆ กัน
แต่ประเทศสหรัฐค่อนข้างได้เปรียบด้านเศรษฐกิจ เพราะมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เสรีกว่าประเทศอื่น (เป็นประเทศเดียวที่ตลาดหุ้นไม่ปิดระหว่างสงคราม)
สุดท้ายสงครามจึงจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรและเป็นจุดเริ่มต้นของการเรืองอำนาจของสหรัฐอเมริกา เพราะในขณะที่ทุกประเทศเจ็บหนักจากสงคราม แต่สหรัฐได้รับประโยชน์จากสงครามครั้งนั้นอย่างมาก เนื่องจากมีรายได้มหาศาลจากการค้าอาวุธและการเน้นก่อสงครามนอกประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายในประเทศน้อยมาก
กลับมาที่สถานการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน ที่เศรษฐกิจโลกกำลังย่ำแย่และมีความขัดแย้งเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก โดยเรย์บอกว่าถ้าลองไล่ไทม์ไลน์ของเรื่องราวต่าง ๆ แล้วมันมีหลายจุดที่คล้ายกัน ซึ่งเขาจะมาเจาะรายละเอียดกันในตอนถัดไป รอติดตามกันนะครับ
.
แอดปุง
สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่น 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
ทำไม ฝรั่งเศส จึงเป็นประเทศแห่ง แบรนด์หรู? ตอนที่ 2 /โดย ลงทุนแมน
ปลายศตวรรษที่ 19 ความสำเร็จจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม
ทำให้เหล่ามหาอำนาจในยุโรปต่างแข่งขันกันล่าอาณานิคมเพื่อตอบสนองความต้องการวัตถุดิบ
ฝรั่งเศสเติบโตจนกลายเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้อังกฤษ
อาณานิคมของฝรั่งเศสแผ่ขยายจากแอฟริกาตะวันตก ไล่ไปจนถึงคาบสมุทรอินโดจีน
กรุงปารีสที่งามสง่า ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo ในปี ค.ศ. 1889
โดยมีสัญลักษณ์ของงาน ซึ่งต่อมากลายเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศส ก็คือ “หอไอเฟล”
ฝรั่งเศสซึ่งเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของยุโรปมานานตั้งแต่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
ในเวลานี้ วัฒนธรรมฝรั่งเศสกำลังแผ่ขยายไปทั่วโลก
เช่นเดียวกับวงการแฟชั่นฝรั่งเศส..
ชายคนหนึ่งจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงวิธีการนำเสนอเครื่องแต่งกาย
และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เรียกว่า “การเดินแฟชั่นโชว์”
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ. 2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม ฝรั่งเศส จึงเป็นประเทศแห่ง แบรนด์หรู? ตอนที่ 2
Charles Frederick Worth นักออกแบบชาวอังกฤษ
ผู้ข้ามมาเปิดห้องเสื้อ House of Worth ที่ปารีสตั้งแต่ปี ค.ศ. 1858
เสื้อผ้าของ Worth ล้วนตัดเย็บด้วยมือ ใช้เนื้อผ้าราคาแพง และวัสดุตกแต่งที่หรูหรา
ถึงแม้จะมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดโรงงานสิ่งทอ
แต่ลูกค้ากลุ่มที่มีฐานะ กลับต้องการเสื้อผ้าที่ตัดเย็บด้วยมือ เพื่อแสดงเอกลักษณ์เฉพาะตัว และไม่อยากซ้ำกับใคร เสื้อผ้าของ Worth จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าเหล่านี้
Worth ยังเป็นผู้เปลี่ยนวิธีการนำเสนอเสื้อผ้าให้กับลูกค้า
จากเดิมที่ลูกค้าจะเป็นคนแนะนำแบบของเสื้อผ้าให้กับช่างตัดเสื้อ
คราวนี้ช่างตัดเสื้อจะเป็นผู้คิดและแสดงแบบให้แก่ลูกค้าเอง โดยไม่โชว์บนหุ่นอีกต่อไป
แต่โชว์บนร่างคนจริงๆ
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการจัดแสดงแฟชั่นโชว์เป็นครั้งแรกของโลก
การแสดงแฟชั่นโชว์ ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ฤดูกาลแฟชั่น” ที่จะมีการเปลี่ยนแบบเสื้อผ้ากันปีละ 2 ถึง 4 ครั้ง ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการแฟชั่น จากชุดที่สามารถสวมใส่ได้ตลอด
ก็อาจกลายเป็นชุดที่ล้าสมัยได้เมื่อเวลาผ่านไป..
ต่อมาลูกชายของ Charles ชื่อว่า Gaston Lucien Worth
เป็นผู้ผลักดันให้มีการก่อตั้งสมาคมช่างเสื้อชั้นสูง
“La Chambre Syndicale de la Haute Couture”
ซึ่งเป็นการยกระดับการตัดเย็บเสื้อผ้า จากช่างฝีมือให้กลายเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง
คำว่า Haute Couture หรือ “โอตกูตูร์” มีความหมายถึงศิลปะการตัดเย็บชั้นสูง
ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1908
ตามมาด้วยการจัดตั้งวิทยาลัยเสื้อผ้าชั้นสูง École de la Chambre Syndicale de la Couture Parisienne (ECSCP) ในปี ค.ศ. 1927
เพื่อให้เป็นสถาบันเพื่อสร้างนักออกแบบเสื้อโอตกูตูร์โดยเฉพาะ
การจะเป็นห้องเสื้อโอตกูตูร์นั้น ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ จะต้องได้รับการรับรองจากสมาคมโอตกูตูร์ ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีข้อจำกัดดังต่อไปนี้
1. ต้องเป็นงานออกแบบด้วยมือทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีการใช้เครื่องจักรใดๆ
2. ต้องเป็นการดีไซน์แบบ Made-to-order สำหรับลูกค้าเฉพาะรายเท่านั้น
3. ต้องมี Atelier หรือสตูดิโออยู่ในกรุงปารีสเท่านั้น และใน Atelier ต้องมีพนักงานแบบทำงานเต็มเวลาอย่างน้อย 15 คน
4. ในทุกฤดูกาล จะต้องมีการโชว์ Collection อย่างน้อย 35 ดีไซน์ ทั้งชุดกลางวันและชุดราตรีสู่สาธารณชน
แบรนด์ฝรั่งเศสมี Story ของความหรูหราที่ดึงดูดลูกค้าทั่วโลกมาเป็นเวลาหลายร้อยปี
แต่การมีทั้งสมาคมรับรอง และมีโรงเรียนสอนการตัดเย็บเสื้อผ้าโอตกูตูร์
ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่กำหนดความหรูหรา ให้มี “มาตรฐาน”
และสร้างแบรนด์เสื้อผ้าฝรั่งเศสให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราอย่างเป็นทางการ
แล้วแบรนด์ฝรั่งเศส แบรนด์ไหนบ้างที่อยู่ในโอตกูตูร์?
ส่วนใหญ่แล้ว ล้วนเป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกคุ้นเคยกันดี
ทั้ง Chanel, Dior และ Jean Paul Gaultier
นอกจากความหรูหราแล้ว แต่ละแบรนด์ล้วนทรงอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นของโลกตลอดช่วงเวลาต่างๆ
ทศวรรษ 1920s-1930s
สงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1918 ทศวรรษนี้จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ ในขณะที่เหล่าบรรดาเศรษฐียังคงใช้ชีวิตกันตามปกติ
Gabrielle Chanel เริ่มต้นเส้นทางสายแฟชั่นจากการเปิดร้านขายหมวกให้กับเหล่าบรรดาเศรษฐี ก่อนจะพัฒนามาเปิดร้านขายเสื้อผ้าในปี ค.ศ. 1913
ชื่อเสียงของ Chanel โด่งดังด้วยการนำเสนอชุดผู้หญิงที่สลัดกระโปรงยาวรุ่มร่ามในยุคก่อน
ออกไปจนหมด เปลี่ยนเป็นชุดเรียบง่าย เก๋ไก๋ และนำความเป็นผู้ชายมาประยุกต์ให้เข้ากับชุดของผู้หญิง เกิดเป็นชุดสูทของ Chanel ที่เป็นเอกลักษณ์มาจนถึงปัจจุบัน
ทศวรรษ 1940s-1950s
สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1945 โดยที่กรุงปารีสไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย เนื่องจากในตอนนั้นกองทัพนาซีเยอรมันยึดครองกรุงปารีสได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้มีการต่อสู้กันหนักในกรุงปารีส
อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่ผ่านความหดหู่และสูญเสีย ต่างคิดถึงวิถีชีวิตหรูหราช่วงก่อนสงคราม
ส่งผลให้วงการแฟชั่นฝรั่งเศสหวนกลับไปหาสไตล์ออกแบบเดิมอีกครั้ง คือ การใช้ผ้าฟุ่มเฟือย
Christian Dior ปฏิวัติวงการด้วยการนำเสนอแฟชั่น “New Look” ในปี ค.ศ. 1947
ด้วยชุดเข้ารูป เข้าเอว อวดทรวดทรง และกระโปรงสุ่มบาน
การเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงหลังสงคราม ทำให้วงการแฟชั่นเติบโตขึ้น
มีการตั้งนิตยสารแฟชั่นชื่อดังของฝรั่งเศสชื่อ ELLE ในปี ค.ศ. 1945
การมีพร้อมทั้งนักออกแบบ และสื่อแฟชั่น ยิ่งตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางแฟชั่นของกรุงปารีสในช่วงทศวรรษที่ 1950
แต่สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็คือ Christian Dior จากไปในปี ค.ศ. 1957 ด้วยวัยเพียง 52 ปี
โดยมีการวางตัวผู้สืบทอดคือ Yves Saint Laurent
ทศวรรษ 1960s-1970s
ท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และวิถีชีวิตที่เร่งรีบของชาวอเมริกันได้แพร่หลายไปทั่วโลก ทำให้แฟชั่นหรูหราราคาแพงอย่าง โอตกูตูร์ เริ่มไม่ตอบโจทย์กับชีวิตจริง
Yves Saint Laurent ได้ปฏิวัติวงการแฟชั่นด้วยการบุกเบิกเสื้อผ้าสำเร็จรูป Ready to Wear
หรือภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า “Prêt-à-Porter” (เพร-อา-ปอร์เต)
Prêt-à-Porter มีความสวยงาม สะดวก ราคาถูกลง แต่ยังคงความโก้เก๋ เพื่อยังครอบครองตลาดแฟชั่นส่วนใหญ่ได้
แบรนด์เนมต่างๆ จึงหันมาให้ความสำคัญกับฐานลูกค้ากลุ่มนี้ มีการนำกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมมาใช้ในการผลิตเสื้อผ้า ทำให้สามารถขยายฐานการผลิตได้มากขึ้น
และในช่วงนี้เอง โอตกูตูร์ที่มีฐานลูกค้าที่จำกัด จึงค่อยๆ หมดความสำคัญลงในแง่ของการตลาด
ทศวรรษ 1980s
การสื่อสารที่สะดวกสบายมากขึ้น ทำให้มีการนำสื่อมวลชน และดาราระดับโลกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ รูปลักษณ์และการสร้างแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญมากขึ้น
Jean Paul Gaultier มีการนำเสนอความยั่วยวนผ่านรูปแบบแฟชั่นที่หวือหวา เช่น การนำชุดชั้นในมาไว้ด้านนอก ผ่านดาราฮอลลีวูดชื่อดัง Madonna เป็นผู้นำเสนอแบบเสื้อผ้า
ในช่วงทศวรรษนี้ แฟชั่นฝรั่งเศสเผชิญความท้าทายมากมาย
ทั้งการแข่งขันกับเมืองอื่นๆ ในการเป็นศูนย์กลางแฟชั่นของโลกทั้งมิลาน นิวยอร์ก และกรุงลอนดอน
รวมถึงแบรนด์แฟชั่นเริ่มถูกนำทางด้วยธุรกิจ ผลกำไร แทนความคิดสร้างสรรค์ที่เคยมีอย่างอิสระ ทำให้บทบาทของโอตกูตูร์ลดความสำคัญลงมามาก แบรนด์ต่างๆ เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ โดยเฉพาะเสื้อผ้าสำเร็จรูปมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม การสั่งสม Story มาอย่างยาวนาน
ความพร้อมทั้งการมีสมาคมและภาคอุตสาหกรรมที่เข้มแข็ง
มีสถาบันการศึกษา มีนักออกแบบ มีสื่อแฟชั่นและนักวิจารณ์
ทำให้แฟชั่นฝรั่งเศสยังคงสามารถกำหนดเทรนด์แฟชั่นของโลกได้ และดึงดูดลูกค้ากระเป๋าหนักจากทั่วโลกให้มาจับจ่ายใช้สอย
เพราะในสายตาของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นคนอเมริกัน ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือคนไทย
เสื้อผ้าแบรนด์ฝรั่งเศสยังคงมีความหรูหรา ดูดี และมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์อยู่เสมอ
แต่รู้หรือไม่ว่า สำหรับคนฝรั่งเศสผู้มีความเป็นตัวของตัวเองสูง กลับนิยมชมชอบร้านแฟชั่นท้องถิ่นมากกว่าแบรนด์เนมชื่อดัง โดยเฉพาะร้านขายเสื้อผ้าวินเทจ ไปจนถึงเสื้อผ้ามือสอง
ครัวเรือนชาวฝรั่งเศสใช้จ่ายเงินไปกับเสื้อผ้าคิดเป็นสัดส่วนเพียง 3.8%
ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปเกือบ 2 เท่า
แต่สิ่งที่ชาวฝรั่งเศสให้ความสำคัญมาก จนใช้จ่ายเกินค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรปก็คือ
“ค่าใช้จ่ายด้านอาหาร”
เพราะสำหรับคนฝรั่งเศสแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การมีชีวิตอยู่ ก็คืออาหารการกิน
และสาเหตุนี้เองจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพที่เราเรียกกันว่า “Chef”..
เตรียมพบกับซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ทำไมฝรั่งเศส จึงเป็นประเทศแห่ง Chef ทำอาหาร? ได้ในสัปดาห์หน้า..
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ. 2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.harpersbazaar.com/uk/fashion/fashion-news/news/a31123/the-history-of-haute-couture/
-https://ec.europa.eu/eurostat/web/products-eurostat-news/-/DDN-20180103-1?inheritRedirect=true
-https://ec.europa.eu/eurostat/de/web/products-eurostat-news/product/-/asset_publisher/VWJkHuaYvLIN/content/DDN-20181204-1/pop_up?_101_INSTANCE_VWJkHuaYvLIN_viewMode=print&_101_INSTANCE_VWJkHuaYvLIN_languageId=de_DE
-ประวัติศาสตร์แฟชั่น, ศาสตราจารย์ ดร.พรสนอง วงศ์สิงห์ทอง
สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่น 在 จดอ - JUSTดูIT. Youtube 的最佳貼文
"สละชีพเพื่อชาติ คือ เกียรติยศ"
ห้ามพลาด! หนังสงครามฟอร์มยักษ์แห่งปีที่(เกือบ)ไม่ได้ฉายในจีน! ร่วมสดุดีวีรกรรมความกล้าหาญของเหล่านักรบแห่ง "ยุทธการเซี่ยงไฮ้" สมรภูมิรบสงครามเดือดระหว่าง จีน และ ญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อลังการด้วยทุนสร้างกว่า 80 ล้านเหรียญ ฯ
หลายเสียงยกให้เป็น "SAVING PRIVATE RYAN ฉบับเอเชีย"
THE EIGHT HUNDRED นักรบ 800
8 ตุลาคม ในโรงภาพยนตร์
#นักรบ800 #TheEightHundred
#GoldenAEntertainment#จดอ #JUSTดูIT
ติดตามเพจของเรา https://facebook.com/JustDooItTH
สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่น 在 คอเป็นหนัง Youtube 的最佳解答
***โดเนทเป็นกำลังใจในการทำคลิปให้ผมได้นะครับขอบคุณมากคับ
*True Wallet (ขึ้นชื่อ) - 0881558463
*พร้อมเพย์ (แจ้งทางเพจด้วย) - 0826694927
*True Money (แจ้งทางเพจด้วย) - http://bit.ly/2mVhm5z
--------------------------------------------------------------------------------------
พร้อมเพย์,ทรูมันนี่จะชื่อไม่ขึ้นชื่อต้องแจ้งทางเพจคอเป็นหนังด้วยน้า
--------------------------------------------------------------------------------------
เป็นการรีวิวสไตล์บ้านๆของคนชอบดูหนังคนนึงนะครับ ถ้ามีข้อมูลผิดพลาดหรือพูดอะไรไม่ถูกต้องไม่ถูกใจต้องขออภัยด้วยกันไวด้วยนะจ๊ะ. . ....
ติดต่องานรีแอ็คชั่น+โฆษณษณาอื่นๆต่อติดต่อได้ทางเพจ https://www.facebook.com/KorPenNang/
#คอเป็นหนัง #คอเป็นหนังรีวิว