ส่งออก “ข้าวไทย” ร่วงอันดับ 3 ขณะที่ “เวียดนาม” เติบโตแซงหน้า ขึ้นแท่นอันดับ 2 ของโลก!
.
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยสถานการณ์การส่งออกข้าวของไทยในช่วงครึ่งปี 2563 (ม.ค.-มิ.ย.) ทำได้เพียง 3.14 ล้านตัน ลดลง 32% เป็นมูลค่ากว่า 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 6.8 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ไทยตกมาอยู่อันดับที่ 3 ของโลกในการส่งออกข้าว รองจากอินเดีย และเวียดนาม
.
ต่อมา จึงได้มีการปรับคาดการณ์ปริมาณส่งออกข้าวในปี 2563 อีกครั้ง โดยลดจาก 7.5 ล้านตัน เหลือ 6.5 ล้านตัน นับว่าเป็นเป้าหมายที่ต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี ตั้งแต่ ปี 2543 ที่มีการส่งออกข้าวปริมาณ 6.148 ล้านตัน
.
โดยสาเหตุที่การส่งออกของข้าวไทยลดลงนั้น เกิดจากปัญหาภัยแล้งทำให้ผลผลิตข้าวลดลง สถานการณ์ของ COVID-19 ได้กระทบต่อกำลังซื้อ และค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่ง ส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงพันธุ์ข้าวไทยก็ไม่เป็นที่นิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ผู้ซื้อรายสำคัญของไทยอย่าง ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย จึงเบนเข็มหันไปซื้อพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มของเวียดนาม ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างล้นหลาม กลายเป็นว่าตอนนี้เวียดนามได้เติบโตแซงหน้าไทยขึ้นแท่น ผู้ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลกไปแล้ว
.
ทั้งนี้ นอกจากเวียดนามที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญของไทย อีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามองและกำลังจะกลายมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญในการช่วงชิงตำแหน่ง 1 ใน 3 ผู้ส่งออกข้าวของโลกแทนที่ไทย คือ “จีน” นอกจากจะสามารถพัฒนาพันธุ์ข้าวได้หลากหลาย ยังส่งออกข้าวได้ปริมาณที่เพิ่มขึ้นทุกปี จนสามารถแย่งตลาดข้าวไทยในตลาดแอฟริกาใต้ไปได้ ซึ่งหากไทยไม่แก้ไข หรือเร่งพัฒนาอาจทำให้การส่งออกข้าวของไทย ไม่ติด 1 ใน 3 ของประเทศผู้ส่งออกข้าวของโลกได้
เพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกที่นับวันจะลดน้อยลง กระทรวงพาณิชย์เห็นชอบจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย 5 ปี (พ.ศ.2563-2567) ส่งข้าว 7 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย ข้าวพื้นนุ่ม ข้าวพื้นแข็ง ข้าวนึ่ง ข้าวเหนียว และข้าวคุณภาพพิเศษ ป้อนสู่ตลาด 3 กลุ่ม คือ ตลาดพรีเมี่ยม ตลาดทั่วไป และตลาดเฉพาะ เพื่อให้ไทยเป็นผู้นำการผลิต และส่งออกข้าว หรือผลิตภัณฑ์ข้าวที่มีคุณภาพสู่ระดับสากล
.
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญเรื่องของการวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวใหม่ ต้นทุนการเพาะปลูก แหล่งน้ำ คุณภาพข้าว และการรับรองพันธุ์ข้าว ซึ่งสำหรับพื้นที่ที่ใช้เพาะปลูก อาจต้องหารืออย่างรอบคอบเพื่อกำหนดทิศทาง และตรงตามความต้องการชองการตลาด รวมถึงต้องทำให้ภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาข้าวไทยมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเกษตรกรชาวนาเอง ก็ต้องตื่นตัว และเร่งพัฒนา ใส่ใจ ดูแล ให้ข้าวของไทยมีคุณภาพมากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน
ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-482403
https://mgronline.com/business/detail/9630000075243
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#ส่งออกข้าวไทย #ข้าวไทย #เวียดนาม
「สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย」的推薦目錄:
- 關於สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
- 關於สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳貼文
- 關於สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย 在 สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย - Facebook 的評價
- 關於สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย 在 "สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย" เผยเฉพาะปี 65 "ประเทศไทย ... - YouTube 的評價
- 關於สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย 在 คาดยอดส่งออกข้าวไทยทั้งปี 65 เกิน 7.5 ล้านตัน - YouTube 的評價
- 關於สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย 在 สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ยอมรับราคาส่งออกข้าว ตกต่ำกว่าปีที่แล้ว ... 的評價
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳貼文
"เร่งระบายข้าวจ่ายเงินชาวนา ระวัง′บูมเมอแรง′ รัฐเข้าเนื้อบาน ซื้อแพงขายถูก"
โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ มติชน วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 22:23:03 น.Tweet
พอจะหายใจหายคอโล่งขึ้นมาอีกหน่อย สำหรับรัฐบาลรักษาการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ในที่สุดสามารถหาเงินมาให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.นำมาชำระค่าข้าวจากโครงการรับจำนำของรัฐ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีผลิต 2556/57 ที่ยังติดค้างชาวนาได้ โดยเริ่มทยอยจ่ายให้ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้
โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีผลิต 2556/57 ตามข้อมูลกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พบว่า มีชาวนานำข้าวเปลือกมาเข้าโครงการแล้วเกือบ 11 ล้านตัน มีการออกใบประทวนรับฝากข้าวให้ชาวนากว่า 1.9 ล้านราย ซึ่งรัฐประเมินไว้แล้วว่าจะต้องเตรียมเงินชำระค่าข้าวในส่วนนี้ประมาณ 1.2-1.3 แสนล้านบาท
แต่จากตัวเลขล่าสุดของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแจ้งว่า ได้ทยอยจำนำใบประทวนและจ่ายเงินค่าข้าวให้ชาวนากว่า 5 หมื่นล้านบาท ฉะนั้น รัฐยังต้องหาเงินอย่างต่ำๆ อีก 6-7 หมื่นล้านบาท !!!
ก่อนหน้าที่รัฐบาลรักษาการจะสามารถหาเงินให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ เรียกได้ว่าอยู่ในช่วง "เลือดตาแทบกระเด็น" เพราะหันหน้าไปทางไหนก็ติดขัดไปหมด จะให้โรงสีรับใบประทวนจ่ายค่าข้าวให้ชาวนาก่อนก็ไม่ได้ จะให้ธนาคารพาณิชย์รับใบประทวนหรือปล่อยกู้ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อนำเงินไปจ่ายให้ชาวนาก่อนก็ไม่ได้ ทางออกทางเดียวที่เหลืออยู่ ณ ขณะนั้น คือต้องนำข้าวที่รัฐบาลรับจำนำไว้บานเบอะในโกดัง ระบายออกมาเพื่อนำเงินไปจ่ายให้ชาวนา แม้จะจ่ายไม่ได้เต็มจำนวนและครบทุกคน แต่ก็พอช่วยประทังให้ชาวนาได้รับเงินบ้าง
กระทรวงพาณิชย์จึงเร่งรัดให้มีการระบายข้าวที่ค้างสต๊อก ไม่ต่ำกว่า 17 ล้านตันให้เร็วที่สุด!!
ทันทีที่เกิดปัญหาว่ารัฐไม่อาจจะกู้เงินเพิ่มเพื่อมาจ่ายเงินค่าข้าวจำนำได้ และกระทรวงพาณิชย์ต้องเร่งระบายข้าวในสต๊อก ได้ส่งผลทางจิตวิทยาต่อตลาดค้าข้าวในประเทศและต่างประเทศตามมา
เป็นเรื่องปกติ เมื่อตลาดนอกรับรู้ว่ารัฐบาลไทยกำลังเทขายข้าวสต๊อกรัฐ ยอมกระทบต่อราคาข้าว แม้ราคาไม่ได้ลดลงรวดเร็ว แต่เกิดภาวะราคาผันผวนไม่น้อย
จากการบอกกล่าวของผู้ส่งออกในสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยระบุว่าหลังจากการกระทรวงพาณิชย์ประกาศจะทยอยนำข้าวสต๊อกรัฐออกระบายต่อเนื่องอย่างน้อย 3-5 แสนตัน เดือนละ 2-3 ครั้งต่อเดือน ก็ได้มีการติดต่อสอบถามจากผู้นำเข้าข้าวไทยในต่างประเทศที่เป็นลูกค้าประจำว่าราคาข้าวไทยจะปรับลดลงอีกมากหรือ
ผู้ส่งออกรายหนึ่ง ระบุว่า "ผู้ซื้อในยุโรปได้โทร.มาถามว่าข้าวหอมมะลิไทยราคาขายจะต่ำกว่าตันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ แล้วหรือ ในฐานะผู้ขายก็ต้องบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะต้นทุนข้าวไทยสูง แม้จะมีเรื่องค่าบาทอ่อนแต่ก็ลดลงไม่ได้มากนัก แต่ในความจริงก็รู้ว่ากำลังมีบริษัทบางรายที่สามารถหาข้าวราคาถูกหรือประมูลข้าวรัฐในราคาต่ำกว่าเพื่อน สามารถขายราคาต่ำกว่าที่ราคากลางที่สมาคมประกาศอ้างอิงได้ สาเหตุที่ทำให้บางรายขายต่ำได้ เพราะได้เปรียบจากราคาประมูลแค่ได้ราคาถูกกว่า 2 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ตันหนึ่งก็ 2,000 บาท คิดเป็นราคาส่งออกก็ได้เปรียบแล้ว 70 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าผลกระทบจากค่าบาทอีก ซึ่งค่าบาทเปลี่ยนแปลงทุก 1 บาท จะมีผลต่อราคาส่งออกข้าวไทยตันละ 30 ดอลลาร์สหรัฐ และยังเห็นว่าราคาข้าวยังเป็นขาลง ปัจจัยจากสต๊อกข้าวยังมาก ยังขายได้เกิน 10 ล้านตัน ข้าวล็อตใหม่ของประเทศผู้ปลูกโดยเฉพาะเวียดนาม กัมพูชา ก็กำลังออกสู่ตลาด ตอนนี้ก็เริ่มเร่เสนอราคาขายแล้ว"
สอดคล้องกับกระแสข่าวก่อนหน้าที่จากผู้ส่งออกข้าวไทยรายหนึ่งระบุว่า ผู้ซื้อในต่างประเทศได้ระบุว่ามีผู้ส่งออกไทยบางรายเสนอขายข้าวหอมมะลิในราคาตันละ 1,000 เหรียญสหัฐ ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี
ขณะที่ได้รับการบอกเล่าจากผู้ส่งออกอีกราย ออกมายืนยันถึงราคาขายข้าวไทยต่ำว่า "ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทสยามอินดิก้า (ที่ถูกระบุมาตลอดว่ามีความใกล้ชิดทางการเมือง) ได้ชนะการประมูลขายข้าวขาว 100% กว่า 2 หมื่นตันในญี่ปุ่น ราคาตันละ 385 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นราคาขายที่ต่ำกว่าราคาอ้างอิงโลกถึง 40-50 ดอลลาร์สหรัฐ"
จากข้อมูลราคาส่งออกข้าวไทย จากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2557 ยังเคลื่อนไหวขึ้นลงในช่วงแคบๆ ดังนี้ ข้าวหอมมะลิ (55/56) อยู่ช่วง 1,146-1,155 ดอลลาร์สหรัฐ ข้าวหอมมะลิ (56/57) ช่วง 1,006-1,014 ดอลลาร์สหรัฐ หอมปทุมธานี 711-716 ดอลลาร์สหรัฐ ข้าวสารขาว 100% 460-467 ดอลลาร์สหรัฐ ข้าวขาว 5% 453-460 ดอลลาร์สหรัฐ ปลายข้าว เอ วันเลิศ 309-311 ดอลลาร์สหรัฐ ข้าวนึ่ง 463-467 ดอลลาร์สหรัฐ
โดยราคาอ้างอิงล่าสุด ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ราคาส่งออกข้าวทุกชนิดทำสถิติสูงสุดในรอบปีนี้ และเมื่อเปรียบเทียบกับราคาส่งออกประเทศคู่แข่งสำคัญ อย่าง เวียดนาม อินเดีย ปากีสถาน ในชนิดข้าวเดียวกัน ข้าวไทยราคาสูงเฉลี่ยตันละ 20-40 ดอลลาร์สหรัฐ และดูย้อนหลังราคาส่งออกข้าวไทยที่เคลื่อนไหวในขณะนี้ ก็ยังอ่อนตัวในรอบปีเศษ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทยราคาส่งออกจะไม่ต่ำกว่า 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ยอมรับว่า "การระบายข้าวในปริมาณที่มากเกินไป ที่มีอยู่เทขายต่อเนื่องคงต้องใช้เวลา 2-3 ปี ย่อมส่งผลต่อจิตวิทยาราคาข้าว แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวนา และลดปัญหาความแปรปรวนของตลาดข้าวไทยที่กังวลต่อสต๊อกข้าวที่สูงเกินไป ก็ควรระบายออกมา และเอกชนมองว่าหากรัฐไม่ดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวอีกต่อไป และมีการระบายข้าวที่ตลาดต้องการ ส่งออกเดือนละ 1 ล้านตันก็ทำได้ แต่ที่เอกชนห่วงคือการระบายข้าวแบบไม่โปร่งใส และได้รับสิทธิไม่เสมอกัน โดยเฉพาะราคาที่รัฐขายแตกต่างกันมาก ทางออกระยะยาวคือปลอดการแทรกแซงทางการเมือง"
ทั้งนี้ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดการณ์ว่า ปี 2557 จะมีปริมาณส่งออก 7.5 ล้านตัน สูงขึ้นจากปี 2556 ที่ส่งออกได้ 6.61 ล้านตัน ลดลง 1.8% และมีมูลค่า 1.33 แสนล้านบาท ลดลง 6.4% ขณะที่ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า ปี 2556 ไทยส่งออกข้าวได้ 6.97 ล้านตัน สูงขึ้น 0.2% มูลค่า 1.37 แสนล้านบาท ลดลง 4.4% ค่าเฉลี่ยส่งออก 654 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 4.5% และคาดการณ์ปี 2557 ส่งออกได้ 8-8.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกันกับองค์กรด้านอาหารของสหรัฐ ที่ออกมาระบุว่าไทยจะส่งออกได้เพิ่มขึ้น หรือ 8.5 ล้านตัน เพิ่มจากปีที่ผ่านมา 26% โดยเป็นรองแค่อินเดีย ที่ยังเป็นผู้นำส่งออกข้าวโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
ขณะที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กลับให้ความมั่นใจถึงแผนการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ว่ากำลังคืบหน้า แม้จะติดปัญหาในเรื่องข้อกฎหมายและการอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนเรื่องการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่กล่าวหาว่าไม่ได้มีการขายจริง เป็นจีทูจีลวงสังคม โดยนายนิวัฒน์ธำรงมีการเปิดเผยล่าสุดว่า "ต้นสัปดาห์นี้ กรมการค้าต่างประเทศ จะมีการประกาศผลระบายข้าวให้เอกชนที่เสนอซื้อแบบเปิดประมูลทั่วไป และการยื่นซื้อจากผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศอีก 2 ราย ล็อตนี้ระบายได้รวมกันก็ 6 แสนตัน คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 7 พันล้านบาท ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้จะเปิดระบายอีก เฉพาะเดือนกุมภาพันธ์นี้เราน่าจะระบายข้าวได้ 1 ล้านตัน เดือนมกราคมก็ระบายได้เกือบ 1 ล้านตัน เฉลี่ยจะส่งเงินคืนให้คลังไปจ่ายชาวนาอย่างต่ำเดือนละ 1-1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ช่วงที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์คืนเงินจากขายข้าวแล้ว 3.5 หมื่นล้านบาท รวมเงินสะสมที่ได้คืนไปแล้วตั้งแต่รัฐบาลนี้ปี 2554 ถึงตอนนี้ก็กว่า 2 แสนล้านบาทแล้ว เรายังเดินหน้าเปิดระบายข้าวในทุกวิธีการที่ได้รับมอบว่าทำได้ 4-5 วิธีการ ต่อเดือนก็น่าจะได้ 5 แสนถึง 1 ล้านตัน และเร็วๆ นี้ จะได้ข้อสรุปการขายข้าวแบบรัฐ ซึ่งในจำนวนนี้อยู่ระหว่างเจรจาขายข้าวกับจีน"
"ตอนนี้ต่างชาติสนใจซื้อข้าวไทย เราเชื่อว่าอย่างต่ำส่งออกข้าวปีนี้เกิน 8 ล้านตัน อาจได้ถึง 10 ล้านตัน โดยที่ราคาไม่ตกต่ำหรือขาดทุนอย่างที่หลายฝ่ายกำลังจับตา เรายึดการขายราคาตลาด และให้สิทธิกับผู้รับมอบและส่งออกได้ทันทีเพื่อจะได้รับเงินไวๆ ที่เรามั่นใจ เพราะปีนี้ผลผลิตข้าวใหม่น่าจะน้อยกว่าภัยแล้ง ไม่ใช่แค่ไทย ทั่วโลกก็เจอปัญหา ยังอากาศแปรปรวน ทั้งร้อน หนาว น้ำมาก เราไม่ได้เร่ขายจนทำให้ราคาข้าวตกแน่นอน" นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวอย่างมั่นใจ
สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของนายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว กล่าวว่า "ในเดือนมีนาคมนี้ จะเห็นความชัดเจนต่อราคาข้าว ซึ่งแนวโน้มจะเป็นขาขึ้นมากกว่าขาลง โดยเฉพาะข้าวใหม่ เพราะผลผลิตใหม่จะออกมาน้อย ภัยแล้งน่าจะสร้างความเสียหายมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา เห็นได้จากการเสนอซื้อขายในสต๊อก ตอนนี้มีผู้ส่งออกผู้ค้าข้าวในและนอกเสนอซื้อเข้ามาแล้ว"
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย 在 "สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย" เผยเฉพาะปี 65 "ประเทศไทย ... - YouTube 的推薦與評價
" สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย " เผย "ประเทศไทย" ส่งออกข้าวสูงถึง 7.69 ล้านตัน ในปี 65 พบ "อิรัก" นำเข้าข้าวไทยมากที่สุดถึง 23046 ล้านบาท ... ... <看更多>
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย 在 คาดยอดส่งออกข้าวไทยทั้งปี 65 เกิน 7.5 ล้านตัน - YouTube 的推薦與評價
" สมาคมผู้ส่งออกข้าว " เผยยอด ส่งออกข้าว รวม 11 เดือน ปี2565 ส่งออก ได้ 6.91 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 26.8% ไทย รั้งอันดับ 2ของโลก ขณะที่อันดับ1 ... ... <看更多>
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย 在 สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย - Facebook 的推薦與評價
สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ร่วมกับ กรมการข้าว และสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว ขอเชิญนักวิจัย/ปรับปรุงพันธุ์ข้าวไทย ส่งผลงานข้าวพันธุ์ใหม่เข้าร่วม ... ... <看更多>