#ได้เวลาลงทุนหุ้นสหรัฐฯ
หลังจากโควิด-19 เริ่มควบคุมได้ ตอนนี้วัฏจักรเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงขยายตัว (Expansion) ซึ่งจากสถิติสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเป็นลำดับต้น ๆ ในเศรษฐกิจช่วงนี้คือ “หุ้นสหรัฐฯ”
ด้วยการเป็นประเทศผู้ผลิตวัคซีน จึงทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจรวดเร็วกว่าอีกหลายประเทศ และปัจจัยสนับสนุนหลายข้อที่ทำให้การลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ในเวลานี้น่าสนใจ
หากสนใจลงทุนใน “หุ้นสหรัฐฯ” ที่จัดเป็น “ตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพ” กองทุนแบบดัชนีให้ผลตอบแทนสูงกว่า Active แบบมีนัยสำคัญ ตอนนี้ บลจ.พรินซิเพิล มีกองทุนแบบดัชนี เปิดใหม่กับ กองทุนเปิด พรินซิเพิล ยูเอส อิควิตี้’ หรือ Principal US Equity Fund (PRINCIPAL USEQ) โดยลงทุนในกองทุนหลัก iShares Russell 1000 ETF ที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ 1,000 ตัวแรก
รายละเอียดติดตามได้ในการ์ตูนเลย :)
#PrincipalTH #USEQ #Russell1000 #PassiveFund #ETF #iShares #พรินซิเพิล
「หุ้นสหรัฐฯ」的推薦目錄:
- 關於หุ้นสหรัฐฯ 在 Mao-Investor Facebook 的精選貼文
- 關於หุ้นสหรัฐฯ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於หุ้นสหรัฐฯ 在 Mao-Investor Facebook 的最讚貼文
- 關於หุ้นสหรัฐฯ 在 หุ้นสหรัฐฯ ยังมีโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง - YouTube 的評價
- 關於หุ้นสหรัฐฯ 在 MEGACAP vs MICROCAP ลงทุนหุ้นใหญ่ หุ้นเล็ก ในสหรัฐฯ แบบ ... 的評價
- 關於หุ้นสหรัฐฯ 在 เจาะหาหุ้นสหรัฐ คุณภาพดี การเติบโตสูง ราคาถูก ! ที่อาจมาเปลี่ยน ... 的評價
- 關於หุ้นสหรัฐฯ 在 ดัชนี Fear & Greed Model ชี้ชัด ตลาดหุ้นสหรัฐกำลังมั่นใจสุดขีด I ... 的評價
- 關於หุ้นสหรัฐฯ 在 ช้อนหุ้นสหรัฐฯ ดีไหม? หลังปรับฐาน งบออก ดอกเบี้ยคง - YouTube 的評價
- 關於หุ้นสหรัฐฯ 在 ศึกสภาพคล่อง หุ้นสหรัฐฯวิ่งต่อ ดอกเบี้ยไม่จบ - Money Chat ... 的評價
- 關於หุ้นสหรัฐฯ 在 ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ สะดวก ง่าย ได้ประสิทธิภาพ ผ่านตลาดหุ้นไทยด้วย ... 的評價
หุ้นสหรัฐฯ 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
สรุปทิศทางการลงทุน ในครึ่งปีหลัง จากกรุงศรี และ BlackRock
ลงทุนแมน x KRUNGSRI EXCLUSIVE
ปี 2021 นับเป็นอีกปีที่หนักหน่วงของเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้เราก็ผ่านเลยมาเกินครึ่งทางของปีแล้ว
แต่ด้วยหลาย ๆ ปัจจัย ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนซ่อนอยู่ ทั้งบวกและลบ ปะปนกันไป
ทำให้นักลงทุน อาจเกิดความกังวลและไม่แน่ใจว่า หลังจากนี้ตนควรมีแนวทางการลงทุนหรือจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไรดี เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี ในความเสี่ยงที่ยอมรับได้
และด้วยเหตุผลนี้ ทาง KRUNGSRI EXCLUSIVE หนึ่งในบริการในกลุ่ม Wealth Management ของธนาคารกรุงศรีที่ช่วยตอบความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในด้านไลฟ์สไตล์และการเป็นที่ปรึกษาการลงทุน
ในครั้งนี้จึงได้จัดงานสัมมนาออนไลน์ ตลอดทุกสัปดาห์ ภายใต้งาน KRUNGSRI EXCLUSIVE 2021 Mid-Year Outlook Series และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กับการนำเสนอวิเคราะห์ในหัวข้อ Global Outlook “A Powerful Restart”
โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนระดับโลก อย่างคุณ Ben Powell จาก BlackRock บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก และผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนแนวหน้าของเมืองไทย อย่างคุณวิน พรหมแพทย์ จากธนาคารกรุงศรี มาวิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง และเปิดมุมมองต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ หลังจากที่หลายประเทศทั่วโลก เริ่มได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว
โดย ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง..
หลังจากมีการฉีดวัคซีน โลกก็กำลังเดินหน้าเข้าสู่การ Restart ทางเศรษฐกิจครั้งใหม่
โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นไปได้ด้วยดี และยอดผู้ติดเชื้อเริ่มชะลอตัวลง
ทำให้ผู้คนมีความมั่นใจ กลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามปกติ และเศรษฐกิจก็ค่อย ๆ กลับมาดีขึ้นตามลำดับ
อย่างตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของโลก ก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะฟื้นตัวอย่างชัดเจน
สำหรับเศรษฐกิจไทย ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ อัตราเร่งในการฉีดวัคซีน ยิ่งฉีดได้เร็ว ยิ่งดี
ซึ่งการฉีดวัคซีนในประเทศไทย ก็เริ่มมีอัตราเร่งที่มากขึ้น ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นับเป็นสัญญาณที่ดี
และคาดว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทย จะเห็นตัวเลขที่ต่ำลง เมื่อพ้นกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
เรื่องนี้จะทำให้การเดินทาง, การจับจ่ายใช้สอย และความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ กลับมาอีกครั้ง
แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ โควิดสายพันธุ์เดลตา
หากมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้เป็นจำนวนมาก ความรุนแรงของการแพร่ระบาด
อาจทำให้ความเชื่อมั่นของผู้คน และภาคธุรกิจ หดหายไปอีกครั้ง
และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้
เพราะต้องชะลอการเปิดเมือง หรือปลดล็อกกิจกรรมบางอย่าง ออกไปนานกว่าเดิม
ซึ่งเรื่องนี้ยิ่งกระทบต่อประเทศไทย เพราะเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง เลยอาจฟื้นตัวช้า
โดย Krungsri Research คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2021 จะโตเพียง 2% เท่านั้น
อย่างไรก็ดี หนึ่งในโปรเจกต์ที่อาจเป็นความหวัง การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย ในช่วงครึ่งปีหลัง คือ Phuket Sandbox
โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 3 นี้
Phuket Sandbox จะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ 129,000 คน
และสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศกว่า 11,500 ล้านบาท
หรือเฉลี่ยแล้ว นักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายราว 89,000 บาท/คน
ซึ่งเป็นการเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับ Premium/Luxury
และถ้า Phuket Sandbox ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี
โมเดลนี้ ก็จะสามารถขยายไปใช้กับพื้นที่อื่น ๆ ได้
ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการจ้างงาน, การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของประเทศ
พอนักลงทุนต่างชาติ เห็นว่าท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัว ก็อาจกลับมาลงทุนในหุ้นไทย และผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นได้
- สำหรับมุมมองการลงทุน ของคุณ Ben Powell จาก BlackRock
ตอนนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาอีกครั้ง (Restart)
ท่ามกลางสภาวะที่ อัตราดอกเบี้ยและ Bond Yield อยู่ในระดับต่ำ
ด้วยสภาพคล่องในระบบที่ยังสูงแบบนี้ แต่อัตราดอกเบี้ยต่ำติดดิน
อย่างไรเงินทุนก็ต้องไหลไปหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น หุ้น
แม้ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นมามากแล้ว
แต่ด้วย 2 แรงส่งจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัว และอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ก็ยังมีโอกาสที่จะสามารถผลักดันตลาดหุ้น ให้ขึ้นไปต่อได้ ในช่วงครึ่งปีหลัง
ทาง BlackRock จึงเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในหุ้น
แต่ถ้ารับความเสี่ยงไม่ได้มาก ก็อาจเลือกมองหา การลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความเสี่ยง และผลตอบแทนลดลงมา แต่ยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้อยู่ เช่น อสังหาฯ, REITs, Property Fund
นอกจากนี้ คุณ Ben Powell ยังตอบถึงปัญหา ที่นักลงทุนหลายคนกังวลอยู่ในตอนนี้
คือเรื่องของการ QE Tapering หรือการที่ธนาคารกลางลดการอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านมาตรการ QE ลง
และเรื่องของการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตามเงินเฟ้อ
โดยเขามองว่า รอบนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะทำ QE Tapering แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมาก เพราะได้บทเรียนจากครั้งก่อน ๆ จึงไม่น่าทำให้ตลาดได้รับผลกระทบแบบรุนแรง
ส่วนการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มฟื้นตัวแล้ว และเงินเฟ้อได้ปรับตัวสูงขึ้น
แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยอมทนให้เงินเฟ้อมีการปรับตัวสูงขึ้นอีกหน่อย
เพราะต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ และผู้คนมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจเสียก่อน
จึงคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย ในช่วงครึ่งปีหลัง
แต่จะเริ่มปรับตอนปี 2023 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า
- สำหรับมุมมองการลงทุนของคุณวิน พรหมแพทย์ จากธนาคารกรุงศรี
จะมีคำแนะนำการลงทุน ในช่วงครึ่งปีหลัง 2 ข้อหลัก ๆ ได้แก่
1) มองว่าตลาดหุ้นในระยะยาว จะเป็นขาขึ้น
แต่ในระยะสั้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังใกล้ถึงจุดอิ่มตัวเต็มที่แล้ว ทำให้มี Upside จำกัด
และในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจเจอข่าวร้าย เช่น สงครามการค้ากับจีน, การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาที่มากระทบตลาด จึงมีโอกาสที่ตลาดหุ้น จะมีการปรับฐานลงได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเชื่อว่าในระยะยาว ตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้น
ช่วงในระยะสั้น ที่มีการปรับฐาน จึงอาจเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนเพิ่ม
2) มองหาตลาดหรือสินทรัพย์ ที่ราคายังฟื้นตัวไม่เยอะ
ควรฟื้นตัวเร็วกว่านี้ หรือฟื้นตัวช้ากว่าคนอื่น ตัวอย่างเช่น
- หุ้นยุโรป
ตอนนี้ยุโรป มีอัตราการฉีดวัคซีนที่ค่อนข้างเร็ว ซึ่งกำลังใกล้ตามสหรัฐฯ ทันแล้ว และล้ำหน้าประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย ทำให้เศรษฐกิจยุโรป น่าจะฟื้นตัวตามสหรัฐฯ
แถมอัตราการเติบโตของกำไร (Earnings Growth) ของหุ้นยุโรป ในปีนี้คาดว่าจะโตถึง 33% ซึ่งโตสูงกว่า หุ้นสหรัฐฯ
ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ยังฟื้นตัวและปรับฐานขึ้นช้ากว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นโลก
ดังนั้น ต่อไปตลาดหุ้นยุโรป จึงมีโอกาส Upside หรือปรับฐานขึ้นได้อีกมาก
*โดยทาง บลจ. กรุงศรี ก็ได้มีกองทุนมาแนะนำ สำหรับคนที่สนใจลงทุนในหุ้นยุโรป
คือกอง “KF-HEUROPE” ที่จะเน้นลงทุนในกองทุน Allianz Europe Equity Growth เป็นหลัก
โดยหุ้นที่กองทุน Allianz Europe Equity Growth ถืออยู่ ก็อย่างเช่น
1) ASML Holding บริษัทผู้ผลิตเครื่องสำหรับทำ Semiconductor (ชิป) ซึ่งมีลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำ เช่น TSMC, Samsung
2) SAP ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก
3) Adidas แบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้า
4) Zalando ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซด้านแฟชั่นยักษ์ใหญ่ในยุโรป
- REITs หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
REITs ในปีที่ผ่านมา มีราคาผันผวนและปรับตัวลงรุนแรง ไปตามวิกฤติโควิด
แต่พอกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เริ่มกลับมา ราคาของ REITs ก็ทยอยปรับตัวสูงขึ้น
โดยเฉพาะในกลุ่มโรงแรมและศูนย์การค้า ที่ปีก่อนกระทบหนักจากสถานการณ์โรคระบาด
แต่ปีนี้กลับสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุด เพราะผู้คนเริ่มออกไปจับจ่ายใช้สอย และท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี REITs ในประเทศไทย ยังฟื้นตัวไม่มาก (วัดจากดัชนี SETPREIT)
เมื่อเทียบกับตลาดโลก (Global REITs) และตลาดหุ้นไทย (SET)
เพราะสถานการณ์โควิดในบ้านเรา ยังคงรุนแรงอยู่
แต่หากต่อไปสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เริ่มมีการเปิดประเทศ และเปิดรับนักท่องเที่ยว
REITs ไทย ก็น่าจะฟื้นตาม REITs โลกเช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ย และ Bond Yield ที่เพิ่มขึ้น ตามอัตราเงินเฟ้อ
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคา REITs เพราะหลายคนเชื่อว่า นักลงทุนจะขาย REITs ไปซื้อตราสารหนี้แทน
จากสถิติย้อนหลัง 40 ปีนั้น พบว่า ในภาวะเศรษฐกิจฟื้น ที่เงินเฟ้อ และ Bond Yield ปรับตัวสูงขึ้น
REITs ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ เหมือนอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน
ซึ่ง REITs อาจได้รับประโยชน์ด้วยซ้ำ (ให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Apartments และ Office
ที่จะได้ประโยชน์ จากการปรับขึ้นค่าเช่าในสัญญา ตามอัตราเงินเฟ้อ
ปิดท้ายด้วย มุมมองต่อตลาดหุ้นจีน ของคุณ Ben Powell และคุณวิน พรหมแพทย์
ในระยะยาว ตลาดหุ้นจีน จะยังไปได้อีกไกล ตามปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจที่เติบโต
ทั้งเรื่องศักยภาพการบริโภคภายในประเทศ, เทคโนโลยีต่าง ๆ
หากตลาดหุ้นมีการปรับตัวลง ก็อาจเป็นโอกาสในการเก็บสะสม
แต่ทั้งนี้ มี 3 ประเด็นสำคัญที่ต้องตระหนักไว้ว่า
1) เศรษฐกิจจีน ได้ฟื้นตัวก่อนประเทศอื่น ๆ หลังจากนี้อัตราการเติบโต จึงอาจเริ่มชะลอตัวลง
2) เศรษฐกิจจีน ไม่มีนโยบายทางการเงิน มาอัดฉีดเงินเป็นจำนวนมาก เหมือนประเทศอื่น ๆ
ทำให้อาจไม่มีปัจจัยด้านสภาพคล่อง มาผลักดันตลาดหุ้นมากนัก
3) ความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลจากรัฐบาล
ปัจจุบันทางการของจีน กำลังสอบสวนและคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ
ในเรื่องการผูกขาดธุรกิจ, การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ฯลฯ
ซึ่งที่ผ่านมา ที่หุ้นจีนปรับตัวลงรุนแรง ส่วนสำคัญก็มาจากผลกระทบของปัจจัยนี้
แต่ถ้ามองในแง่ดี การกำกับดูแลของจีนที่เข้มงวดนี้
ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะทำให้บริษัทจีนอยู่ในกฎระเบียบ และโปร่งใสมากขึ้น
และจะส่งผลดีต่อภาพรวมของตลาดหุ้นในระยะยาว..
และยังมีสัมมนาออนไลน์วิเคราะห์ครึ่งปีหลังในประเด็นที่น่าจับตาอื่น ๆ โดยวิทยากรชั้นนำมาให้ติดตามกันอย่างเข้มข้นตลอดเดือน ก.ค. นี้ จาก KRUNGSRI EXCLUSIVE สนใจเข้าร่วมรับชมสัมมนาพิเศษ ๆ แบบนี้ ลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3h8MKqq (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
13 ก.ค.
จับทางเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง หลังจากประเทศไทยเริ่มได้รับการฉีดวัคซีน ในหัวข้อ “วัคซีนความหวังฟื้นเศรษฐกิจไทย” กับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนระดับแนวหน้าจากธนาคารกรุงศรี และ ทีดีอาร์ไอ
20 ก.ค.
แนะทิศทางการจัดพอร์ตครึ่งปีหลัง ต้อนรับการเปิดประเทศ กับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนระดับแนวหน้าจาก ธ.กรุงศรี บล. กรุงศรี และบลจ.กรุงศรี
29 ก.ค.
อัพเดทแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน Environmental, Social, Governance หรือ ESG ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ถือเป็นเทรนด์ที่ร้อนแรงและน่าจับตาในมุมมองนักลงทุนและสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลก โดยวิทยากรระดับแนวหน้าจาก ธ.กรุงศรี และ BlackRock บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก
*คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน
หุ้นสหรัฐฯ 在 Mao-Investor Facebook 的最讚貼文
ความผันผวนของ "ตลาดหุ้นสหรัฐฯ" คือโอกาสใหม่ในการลงทุน เปิดโอกาสทำกำไรทั้งขาขึ้น-ขาลงกับดัชนี
📈DOW JONES
📈S&P500
📈NASDAQ
ด้วย "Micro E-Mini Futures" จาก CME Group
#เทรดเองได้โดยตรง เริ่มต้นเพียงประมาณ 25,000 บาท
กับ MTS Gold โบรกเกอร์ไทยหนึ่งเดียวที่ได้สิทธิเป็น Broker Member จาก CME Group เทรดผ่าน MT5 แพลทฟอร์มการซื้อขายที่ดีที่สุดในเวลานี้
สนใจ Click👉: https://landing.mtsgoldfutures.co.th/
โทร 02-770-7799
#MTS #แม่ทองสุก #CME #หุ้นสหรัฐฯ
คำเตือน : การลงทุนในอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์และประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเองก่อนตัดสินใจลงทุน
หุ้นสหรัฐฯ 在 MEGACAP vs MICROCAP ลงทุนหุ้นใหญ่ หุ้นเล็ก ในสหรัฐฯ แบบ ... 的推薦與評價
คำถามยอดฮิต ลงทุนหุ้นเล็ก หุ้นใหญ่ แบบไหนดีกว่ากัน คำถามนี้ก็เป็นคำถามยอดฮิต ของการลงทุนในต่างประเทศอย่าง หุ้นสหรัฐ เช่นกัน วันนี้ ลงทุนแมน ได้ชวน 2 นักลงทุนมากประสบการณ์ ... ... <看更多>
หุ้นสหรัฐฯ 在 เจาะหาหุ้นสหรัฐ คุณภาพดี การเติบโตสูง ราคาถูก ! ที่อาจมาเปลี่ยน ... 的推薦與評價
มาร่วมพูดคุยกับ คุณปริญญา เจริญเหล่าพาณิช เจ้าของเพจ ลงทุน หุ้น อเมริกา ในรายการ Trader KP Talk วันศุกร์ ที่ 23 มิ.ย. 2566 เวลา 20.30 น. 53:15 - เปิด หุ้น TOP 5 ... ... <看更多>
หุ้นสหรัฐฯ 在 หุ้นสหรัฐฯ ยังมีโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง - YouTube 的推薦與評價
ตลาดหุ้น สหรัฐฯ ยังมีโมเมนตัมที่แข็งแกร่ง นำโดย หุ้น เทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ... ... <看更多>