โรเบิร์ต คิโยซากิ นักธุรกิจคนสำคัญระดับโลก ได้บอกว่าอาชีพในโลกนี้มีทั้งหมด 4 ประเภท! นั่นก็คือ ลูกจ้าง ธุรกิจส่วนตัว เจ้าของบริษัท และนักลงทุน ที่ทุกประเภทต่างก็มีการสร้างรายได้แตกต่างกันออกไป
.
วันนี้จะพามาทำความรู้จักงานแต่ละประเภทว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง แล้วตอนนี้คุณกำลังอยู่ในกลุ่มไหน และหากถ้าเลือกได้คุณอยากจะอยู่ในกลุ่มไหนในอนาคตกัน ?
.
E-Employee (ลูกจ้าง)
: รับราชการ รัฐวิสาหกิจ พนักงานออฟฟิศ และลูกจ้างทุกประเภท
“ไม่รวย หยุดไม่ได้”
การเป็นลูกจ้างหรือมนุษย์เงินเดือนไม่ว่าจะอยู่ในส่วนภาครัฐ หรือภาคเอกชนก็มีข้อดีเหมือนกันหมดคือการมีเงินเดือนที่สม่ำเสมอ แต่มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายก็รู้ดีว่าเงินเดือนที่ได้มานั้นใช้เดือนชนเดือนจนแทบจะไม่เหลือเก็บด้วยซ้ำ หนทางที่จะรวยจากเงินเก็บนั้นก็มองดูอีกไกลแสนไกล นอกจากจะต้องบริหารเงินให้เป็น แล้วนำเอาไปต่อยอด หาทางลงทุนกระจายความเสี่ยงเพื่อหาทางรวย หรือถ้าอยากได้เงินมากขึ้นก็ต้องทำ OT ซึ่งเป็นการเอาเวลาไปแลกนั่นเองดังนั้นอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ทำแล้วหยุดไม่ได้ เพราะตารางเวลาส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับนายจ้าง ทั้งลาป่วย ลากิจ
.
หลายคนรู้สึกถึงความมั่นคงของการทำอาชีพนี้เพราะติดกับดักรายได้ที่เข้ามาในทุกๆ เดือน แต่วันดีคืนดีอาจจะถูกให้ออกจากงานเมื่อไหร่ก็เป็นได้ ยิ่งสถานการณ์ในปัจจุบันบริษัทอาจจะมีการปิดตัวลงหรือปลดพนักงงานออกเพื่อลดต้นทุน ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่อาชีพกลุ่มนี้ไม่สามารถควบคุมได้
.
S-Self Employed (กิจการส่วนตัว)
: ร้านค้า รับเหมา การเกษตร ฟรีแลนซ์
“ถึงรวย ก็หยุดไม่ได้”
พูดง่ายๆ คือทุกอาชีพที่เป็นนายตัวเอง ทำงานเพื่อรับเงินจากลูกค้า ข้อดีของงานประเภทนี้คือ ทำมากได้มาก รายรับขึ้นอยู่กับความเก่งและความขยัน มีอิสระในการทำงาน สามารถหยุดหรือเริ่มทำสิ่งต่างๆ ได้เลยโดยไม่ต้องรอเจ้านาย แต่อิสระในการใช้ชีวิตนั้นน้อย เพราะการที่คุณเป็นนายตัวเองนั่นหมายความว่าถ้าคุณหยุด งานก็หยุด รายรับก็หยุดตามมา และสิ่งสำคัญในการทำงานประเภทนี้คือเงินทุน เพราะหากเงินทุนมีน้อยก็จะไม่สามารถสู้กับคู่แข่งที่เงินทุนสูงได้ หรือเงินทุนไม่พอกับการรายจ่าย ธุรกิจ/งาน ก็ไม่สามารถไปต่อได้เช่นกัน
.
ดังนั้นกลุ่มคนที่ทำงานในประเภทนี้ควรต้องรู้จักบริหารจัดการในส่วนต่างๆ ให้ดี ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เพราะหากโหมทำงานได้กำไรเป็นกอบเป็นกำแต่สุขภาพร่างกายเสียก็ถือว่าไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ ควรหาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองบ้าง
.
B-Business Owner (เจ้าของบริษัท)
: คิดระบบเอง ซื้อระบบ ค้าลิขสิทธิ์ ระบบการตลาดเครือข่าย
“รวยแล้ว หยุดได้”
ไม่ว่าจะเป็น เจ้าของแฟรนไชส์ เจ้าของลิขสิทธิ์ การทำการตลาดแบบเครือข่าย หรือการเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ ที่ต่อยอดมาจากกิจการส่วนตัวเมื่อธุรกิจประสบความสำเร็จก็ขยายกิจการหรือเพิ่มสาขา/สินค้า ซึ่งเจ้าของธุรกิจก็ไม่จำเป็นต้องลงแรงทำเองแล้ว แต่ต้องรู้จักจัดสรรงานให้เหมาะสมกับบุคคล วางแผนการทำงานในภาพรวมให้ดีเพียงเท่านั้น โดยงานประเภทนี้เป็นงานที่ต้องมีต้นทุนมากหรือมีแหล่งสนับสนุนที่เพียงพอ ไม่ต้องเหนื่อยกับการลงแรงแต่อาจจะต้องเหนื่อยกับการวางแผนการดำเนินธุรกิจให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคุณมาอยู่ในจุดนี้ได้งานนี้ก็ถือเป็นงานที่รวยและมีอิสระในการใช้ชีวิตอย่างมากเลยทีเดียว
.
แต่ถึงอย่างนั้นงานประเภทนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน อย่างที่กล่าวไปว่านอกจากเงินทุนแล้ว ความรู้ความสามารถในการบริหารคนรวมถึงบริษัทนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญเพราะหากจัดการงานได้ไม่ดี มอบงานให้ผิดคน ก็จะทำให้เกิดปัญหาต้องคอยมาตามแก้ไขในภายหลัง
.
I-Investor (นักลงทุน)
: หุ้น อสังหาริมทรัพย์ เงินสร้างเงิน ให้ระบบสร้างเงิน
“รวยมาก หยุดได้”
เป็นงานประเภทที่รายได้มาจากการลงทุน หรือการเอาเงินไปต่อเงินนั่นเอง เป็นรายได้แบบที่ไม่ต้องลงแรง ใช้เพียงแค่ความรู้และประสบการณ์อย่างช่ำชองเพียงเท่านั้น ดูเหมือนจะง่ายแต่ทุกการลงทุนล้วนมีความเสี่ยง ยิ่งเสี่ยงมากก็ยิ่งได้มาก แต่กับบางการลงทุนก็ได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย ถึงอย่างนั้นบางคนเริ่มต้นลงทุนจากมีเงินหลักพันขยับขึ้นเป็นหลักล้านก็มี หากสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์จนเกิดความเชี่ยวชาญในงานประเภทนี้แล้วล่ะก็จะทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระไม่ต้องกังวลทั้งเรื่องงานและเงิน และหากสนใจงานประเภทนี้ก็ควรติดตามข่าวสารหาความรู้ในการลงทุนให้มาก เพราะการลงทุนนั้นมีหลายรูปแบบ เช่น หุ้น ที่ดิน บ้าน คอนโด ซื้อธุรกิจเพื่อขายต่อ เป็นต้น
.
สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักวางแผนในการลงทุนเพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งข้อจำกัดของงานประเภทนี้จะอยู่ที่ประสบการณ์และความชำนาญในการลงทุนของแต่ละบุคคลที่มีไม่เท่ากัน ยิ่งมีความรู้และประสบการณ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งจะสามารถได้ผลตอบแทนจำนวนมากในความเสี่ยงที่น้อยที่สุดได้
.
จากงานทั้ง 4 ประเภทที่สร้างเงิน 4 ด้านนั้นต่างมีข้อดีและข้อเสียหรือข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป ไม่มีข้อกำหนดใดที่บังคังว่าคุณจะต้องทำงานในประเภทไหน หรืองานประเภทไหนดี-ไม่ดี เพราะทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเป็นส่วนร่วม เช่น บางอย่างต้องใช้เงินทุน หรือผู้สนับสนุนเงินทุน ประสบการณ์และความรู้ แต่สุดท้ายแล้วถ้าคุณมีความพยายามในการสั่งสมประสบการณ์รวมถึงเงินทุน วันนึงคุณจะสามารถกลายเป็นนักลงทุนที่ไม่ต้องลงแรงทำงานแต่ให้เงินนั้นทำงานแทนคุณได้ในสักวัน
.
ที่มา : https://www.mi-six.com/blog/%E0%B8%84%E0%B8%99-4-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99----%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-4-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97#
https://member.bansamoonprai.com/show.php?id=3
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#เงิน4ด้าน #พ่อสอนลูก #ธุรกิจ
#Business #SME
หุ้น 7 ประเภท 在 ลงทุนแมน - หุ้น 7 ประเภทของ ลงทุนแมน / โดย เพจ ... - Facebook 的推薦與評價
หุ้น 7 ประเภท ของ ลงทุนแมน / โดย เพจลงทุนแมน ที่ผ่านมาผมไม่เคยได้เขียนเรื่องหลักการคัดเลือกหุ้นเท่าไรนัก เพราะน่าจะมีคนที่อธิบายได้ดีอยู่แล้ว และ ... ... <看更多>